ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1192 วางแผน (2)
สองสาวตกตะลึง เงียบเป็นเป่าสาก
นี่เป็นแนวคิดที่บ้าคลั่งเหลือเกิน ถึงกับต้องการร่วมมือและสื่อสารกับเผ่ามารโกลาหลอย่างเป็นทางการ
แต่ลู่เซิ่งไม่ได้สนใจความคิดของพวกเธอแล้ว ลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในราตรีโปรยฝนโปรยอันกว้างขวาง
เขาออกจากโรงแรม
สายฝนเหนือศีรษะของเขา เหมือนถูกพลังไร้รูปร่างแยกออกไปตกลงรอบตัวลู่เซิ่ง กลับไม่ได้ตกใส่เสื้อผ้าเขาให้จนเปียก
ดาบเงินเล่มหนึ่งไหลลงมาจากแผ่นหลัง เขาจับไว้ในมือ มองไม่ออกว่าก่อนหน้านี้ดาบเล่มนี้ซ่อนอยู่ตรงไหน
ลู่เซิ่งสะบัดเบาๆ ตัวดาบพลันตั้งตรงและเปล่งประกาย
ท่ามกลางค่ำคืนโปรยฝนโปรย เขาเร่งฝีเท้าเดินตัดเข้าเมืองชนบท ข้ามแม่น้ำหลายสาย ไม่นานก็หยุดลงบนสะพานหินโค้งที่ยกตัวขึ้นน้อยๆ แห่งหนึ่ง
เขาในตอนนี้ไม่ใช่ร่างกลืนกินจักรวาลที่มีพลังน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง หากเป็นอาจารย์หนุ่มที่ฝึกวิชาฟันดาบมาหลายปี
ยืนอยู่เหนือสะพานหิน ลู่เซิ่งเผยรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับช้าๆ
“ตามฉันมานานขนาดนี้ ยังไม่ออกมาอีกเหรอ”
เสียงของเขากระจายไปยังรอบๆ
ครู่ต่อมา
ชายที่สวมใส่เสื้อสายลับสีดำสนิท เพียงเผยดวงตาที่วาววับออกมาเหมือนนักฆ่าสองคน ก็เดินออกมาจากในเงามืด แล้วมองไปยังลู่เซิ่ง
“ดูเหมือนพวกเราจะไม่ได้ทายผิดจริงๆ แกคือผู้สนับสนุนสมาคมสตรีเหล็กอยู่หลังฉากอย่างที่คิดไว้ อีเซอรา” ชายคนหนึ่งเอ่ยเสียงเย็น
“ฉันก็แค่นักวิชาการที่แสวงหาความน่าอัศจรรย์และความจริงเท่านั้น” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “เด็กพวกนั้นแค่ขอความช่วยเหลือเล็กน้อยจากฉัน ความจริงทุกสิ่งพวกเธอเป็นคนอุตสาหะสร้างขึ้นอีก ก”
“เหมือนแกจะไม่กลัวเลยนี่” ชายอีกคนเอ่ยเสียงราบเรียบ “หรือควรถามว่า แกคิดว่าพวกเรามาทำอะไร”
“ทำอะไรล่ะ” ลู่เซิ่งถาม
“มาจับแก แน่นอน ถ้าแกขัดขืน พวกเราจะฆ่าทิ้งทันที” ชายคนนั้นกล่าวอย่างสงบ
“นอกจากนี้แกจะหนีก็ได้ แต่แม่ของแกที่อยู่ในเมืองวิสซีเรีย ยังมีญาติแก จะได้รับการลงทัณฑ์เพราะตัวแก”
ตอนที่ทั้งสองได้รับภารกิจ ยังนึกว่าเป็นภารกิจจับคนธรรมดาที่ง่ายดาย แต่พอเห็นเป้าหมายภารกิจ ค่อยรู้ว่าเดิมทีมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมสตรีเหล็ก
พวกเขาสองคน คนหนึ่งเป็นรองหัวหน้าอัศวินเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักร อีกคนคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งที่เป็นรองเพียงอัครมุขนายกของศาสนจักร กระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งค ครั้งรุ่นปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์สามสิบคนของศาสนจักร ตำแหน่งและพลังสุดที่คนทั่วไปจะเทียบได้
เมื่อเผชิญหน้ากับสองคนนี้ แม้จะเป็นประมุขรัฐเล็กๆ ก็ไม่กล้าประมาท
บุคคลยิ่งใหญ่สองคนนี้ร่วมมือกัน ปรากฏตัวในสถานที่เล็กๆ แบบนี้พร้อมกัน เป้าหมายกลับเป็นการจับตัวมือมืดหลังฉากของสมาคมสตรีเหล็กอย่างลู่เซิ่ง
พึงทราบว่าทั้งสองต่างไปถึงระดับจิตขั้นแปดแล้ว บวกกับพลังต่อสู้กล้าแข็งที่สู้กับระดับมารโกลาหลได้ เห็นได้ชัดมากว่า ศาสนจักรกริ่งเกรงและให้ความสำคัญต่อลู่เซิ่งอย่างยิ่ง
ผู้ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งมีชื่อว่าฮานน์ เดิมทีเขามีนามสกุลตระกูล เวลานี้กลับเสียนามสกุลตระกูลดั้งเดิมไปเพราะตำแหน่ง
ครั้งนี้ที่เขามาด้วยตัวเองก็เพราะปกติกระบี่ศักดิ์สิทธิ์มีความสามารถสัมผัสสาวกลัทธินอกรีตที่แข็งแกร่งมาก
หรือหมายความว่า ความจริงแล้วเขามาตรวจสอบว่าลู่เซิ่งมีปัญหาหรือไม่
ส่วนรองหัวหน้าอัศวินเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์คาดี้มีความเป็นมาซับซ้อนยิ่งกว่า กองอัศวินเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์เป็นกองกำลังลึกลับที่อยู่เหนือวกว่ากองอัศวินโล่ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง อัศวิน ทุกคนต่างก็แข็งแกร่งกว่ากองทัพอื่นไม่น้อย ต่างต้องผ่านการเลือกสรรจากกองอัศวินโล่ศักดิ์สิทธิ์ถึงจะเข้าเป็นอัศวินเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่คาดี้ผู้นี้ก็เป็นรองหัวหน้ากอง พ พลังย่อมน่ากลัวมากกว่า
คาดี้ล้วงธูปก้านหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วก้มหน้ากัดเบาๆ
“คิดเสร็จหรือยัง มอบทักษะที่แกเอาให้สมาคมสตรีเหล็กมาซะ แล้วศาสนจักรจะพิจารณาผ่อนหนักเป็นเบา”
“แกจะเลือกไม่ให้ก็ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น ครั้งหน้าอาจไม่ได้มีแค่พวกเราแล้ว แต่…” คาดี้พูดไม่จบ เพียงแต่ทุกคนล้วนรู้ความหมาย
ลู่เซิ่งไม่ได้ตอบทันที หากมองข้ามคนทั้งสองไปยังป่ารกร้างด้านหลังอย่างสงบ
“เป็นยังไง ตัดสินใจหรือยัง” คาดี้เอ่ยเสียงเย็น
“ตัดสินใจอะไรล่ะ” ลู่เซิ่งย้อนถาม
“ก็ต้องเป็น…” คาดี้กำลังจะอธิบาย จู่ๆ ดวงตาเขาก็สาดแสงสีเงิน
ฟิ้วๆๆ!
กลุ่มแสงสีเงินที่ต่อเนื่องพุ่งใส่ร่างคาดี้อย่างถี่ยิบเหมือนห่าฝน
เขาไม่ทันภาวนาปลดปล่อยพลัง ก็กระเด็นออกไปเพราะการปะทะของกลุ่มแสงสีเงินจำนวนมาก เหมือนโดนสายฟ้าฟาดใส่
เปรี้ยง!
คาดี้ชนใส่ป้ายถนนทำจากโลหะที่ตั้งอยู่ริมทาง พลิกกลิ้งในพุ่มหญ้าเป็นระยะทางหนึ่ง ก่อนจะชนใส่ต้นไม้ขนาดใหญ่แล้วหยุดลง
“ทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์!” กระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งฮานน์ตอบสนองทันที พลิกมือชักระบี่ยาวสีฟ้าที่สะพายแบกไว้ด้านหลังออกมา แล้วฟันใส่ลู่เซิ่งอย่างรุนแรง
กระบี่สี่ฟ้าเล่มนั้นคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งแห่งศาสนจักรในตำนาน เพิ่งฟันใส่กลางอากาศ คมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ก็เสกสายฟ้าสีขาวหลายสายออกมา
ฟ้าว!
ความเร็วในการฟาดฟันกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เห็นได้ชัดว่าเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เห็นชัดเจนในตอนแรก จนเห็นเป็นเพียงเงาสีฟ้าเป็นดวงๆ ในภายหลัง
กล้ามเนื้อสองมือของฮานน์พองขึ้น แผ่นหลังนูนสูง เส้นเลือดดันออกมาบนผิวอย่างต่อเนื่อง สองมือใช้พลังทั้งหมดฟันใส่ลู่เซิ่งอย่างหนักหน่วง
กระบี่นี้แทบจะไปถึงจุดสูงสุดของเขา
ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งอยู่ที่กระบี่แรก พริบตาที่ชักกระบี่ออกมาฟันใส่คู่ต่อสู้ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่งจะอาศัยพลังพายุ เพิ่มความเร็วให้แก่ก กระบี่ได้อย่างใหญ่หลวง
เมื่อเป็นแบบนี้ กระบี่แรกจะสร้างการคุกคามอย่างมหาศาลเพราะศัตรูคำนวณความเร็วกระบี่ผิดพลาด
เวลานี้ก็เช่นกัน ฮานน์ใช้พลังทั้งหมดฟันกระบี่นี้ออกมา
ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร ทุกๆ ครั้งที่เขาใช้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ล้วนใช้กำลังทั้งหมด สาเหตุไม่ได้อยู่ที่ตัวกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ยังมีความเกี่ยวข้องกับแนวคิดด้านการต่อสู้ของ งตัวเขาเองด้วย
ครอบครองกระบี่มาหลายปี ที่ฮานน์อยู่รอดปลอดภัยมาถึงตอนนี้ หลักการข้อหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่าจะเจอคู่ต่อสู้คนไหน เขาล้วนใช้กระบี่แรกสุดกำลัง
สำหรับกระบี่ที่เร่งความเร็วได้อย่างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์พายุคลั่ง คู่ต่อสู้ของฮานน์มีน้อยคนมากที่ต้านรับการฟันกระบี่ครั้งแรกได้
สายฟ้าสีขาวเต้นระริกบนคมกระบี่สีฟ้า ฟันถึงปลายจมูกของลู่เซิ่งด้วยความเร็วน่ากลัวไม่ชัดเจน
ถ้าเป็นผู้แข็งแกร่งคนอื่นบนโลกใบนี้ อาจจะไร้วิธีโต้กลับจริงๆ
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ คนที่เขาเจอคือลู่เซิ่ง
“หลังจากฉันสำเร็จวิชาฟันดาบ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอวิชากระบี่ที่เจิดจรัสแบบนี้ น่าเสียดาย…” ลู่เซิ่งก้มหน้าทอดถอนใจ ดาบเรียวสีเงินบนมือสว่างขึ้นอย่างไร้เสียง
“ถ้าไม่ได้มาเจอฉัน แกอาจหนีรอด…น่าเสียดาย…”
เพิ่งสิ้นเสียง แสงสีเงินสว่างไสวสายหนึ่งก็สาดขึ้นกลางมือเขา
“รับกระบวนท่าฉันซะ เงาพริบตาทิ่มแทงใจ!”
ดาบในมือลู่เซิ่งเปล่งแสงสีเงิน จากนั้นก็ถูกเขาพลิกเล็งไปยังด้านหน้า
เปรี้ยง!
เขายกเท้ายันใส่ทรวงอกของฮานน์อย่างรุนแรง
เกิดเสียงระเบิดดังเปรี้ยง
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์บนมือฮานน์เพียงแค่เฉียดผ่านร่างลู่เซิ่ง ไม่ได้กระทบโดนใส่ตัวอีกฝ่าย ส่วนตัวเขากระอักเลือดสดๆ ออกมา สติพร่ามัว
“แก! เขาทั้งตกใจทั้งโมโห ไหนล่ะวิชาฟันดาบ
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งพลิกตัวแถมไปอีกหนึ่งลูกถีบ ฮานน์กระเด็นออกไปตกลงด้านข้างคาดี้ที่ล้มอยู่
“ดูไม่ออกเหรอว่าฉันเชื่อมวิชาฟันดาบกับวิชาเท้า ไม่รู้จักพลิกแพลงแบบนี้ คนแข็งแกร่งของศาสนจักรรุ่นนี้อ่อนแอลงเรื่อยๆ แล้วจริงๆ…”
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าไร้อารมณ์ ชักดาบในมือกลับ
“แก…! ฮานน์อยากจะด่าระบายความแค้น แต่กลับด่าไม่ออก ชี้ลู่เซิ่งอยู่ครู่หนึ่ง พูดอะไรไม่ออก
แต่ลู่เซิ่งในเวลานี้ไม่มีเวลาสนใจพวกเขาแล้ว
ลำแสงสีเลือดสายหนึ่งพุ่งมาจากที่ไกล มุ่งหน้ามาทางลู่เซิ่ง
“ตระกูลโลหิตอาเธอร์หรือ” ลู่เซิ่งจำผู้มาได้ทันที ตระกูลโลหิต หรือก็คือผีดูเลือดที่เรียกกันทั่วไป
เพียงแต่ตระกูลโลหิตหรือผีดูดเลือดบนโลกใบนี้ไม่ใช่คำเลวร้าย พวกเขาต่างก็เป็นผู้นำสาสน์แห่งความยุติธรรม
ตระกูลโลหิตและศาสนจักร ได้รับการเรียกขานเป็นสองสถาบันอำนาจที่สูงส่งของโลก เพราะรักษาสันติภาพของโลก
แต่ศาสนจักรเป็นผู้นำในที่แจ้ง ส่วนสภาตระกูลโลหิตเป็นผู้นำในที่มืด
ตระกูลโลหิตในโลกนี้อาศัยพลังคืนชีพที่แข็งแกร่งรักษาสันติภาพโลก และจ่ายชีวิตที่เยาว์วัยนับไม่ถ้วนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ณ ชายขอบของโลกและชายขอบของจักรวาล ความจริงศัตรูหลักของสิ่งมีชีวิตจากปฏิสุญญตาที่มีเป็นจำนวนมากส่วนใหญ่แล้วเป็นสภาตระกูลโลหิต
นี่เป็นข้อมูลที่ลู่เซิ่งเพิ่งได้มาไม่นาน
และตระกูลโลหิตของโลกใบนี้ก็แตกต่างจากภาพลักษณ์ตายตัวในจักรวาลอื่นๆ ตระกูลโลหิตของที่นี่มอบภาพประทับใจให้เขาล้ำลึกกว่า
“สังหาร!”
ตระกูลโลหิตเพิ่งทิ้งตัวลงพื้น ก็กลายเป็นคนเตี้ยล่ำที่สูงหนึ่งเมตรและมีหน้าตาขี้เหร่คนหนึ่ง สองตาเป็นสีแดง ลากค้อนเหล็กขนาดยักษ์ที่สูงเท่าตัวเอง จากนั้นเขาก็ฟาดค้อนใส่ล ลู่เซิ่ง
“ตายซะเจ้าคนนอกรีต!”
ค้อนยักษ์หนักอึ้งวาดเป็นเส้นโค้ง ทุบใส่ร่างซีกขวาของลู่เซิ่งเหมือนสายฟ้าฟาด
ตูม!
แสงสีเงินระเบิด การระเบิดพลังจากการด้านข้างอย่างฉับพลันปะทะใส่วิถีของค้อนที่ฟาดลงมา
ครืน!
แรงสั่นไหวที่เหมือนหมอกสีเทาขยายตัวออกมาด้วยความเร็วสูง
คนตัวเตี้ยถอยหลังก้าวหนึ่งพลางส่งเสียงตวาด จากนั้นก็ควงค้อนยักษ์ฟาดใส่ลู่เซิ่งอีกรอบ
แต่ความเร็วของเขาช้าเกินไป
แสงสีเงินสาดขึ้นอีกรอบ พุ่งผ่านใต้เท้าของเขา จากนั้นก็กลับไปยังมือของลู่เซิ่ง แล้วหายเข้าไปในฝักอย่างช้าๆ
ตูม!
คนตัวเตี้ยโซเซก่อนจะยืนนิ่ง จากนั้นร่างกายครึ่งหนึ่งก็ไถลตกลงมาด้านหน้า แล้วหมดลมหายใจไป
ในเวลาเดียวกัน คาดี้และฮานน์ที่นอนอยู่ไม่ไกลออกไปก็หลับตาอย่างไร้เรี่ยวแรง
การลอบสังหารครั้งนี้ล้มเหลวโดยสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นศาสนจักรหรือสภาตระกูลโลหิต ต่างก็นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ธรรมดาของสถาบันระดับสูงวิสซีทีเรียจะซ่อนพลังที่กล้าแข็งขนาดนี้เอาไว้
อาศัยแค่วิชาฟันดาบธรรมดาๆ กลับสังหารนักรบล่ามารที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนสามคนได้
วิชาฟันดาบในโลกคนธรรมดากลับแสดงอานุภาพที่น่ากลัวแบบนี้ออกมาได้เมื่ออยู่ในมือของลู่เซิ่ง
ตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่เซิ่งไม่ได้ใช้พลังใดๆ นอกเหนือจากวิชาฟันดาบ และเรื่องนี้ก็สร้างความตกตะลึงให้แก่พวกเขา
นี่เป็นจุดที่ลู่เซิ่งอยากให้ศาสนจักรและสภาตระกูลโลหิตได้เห็น
“ถ้าไม่อยู่เหนือความคาดหมาย เบื้องหลังศาสนจักรก็คือสหพันธ์การดำรงอยู่ ส่วนเบื้องหลังสภาตระกูลโลหิตก็น่าจะมีซีหนิงซ่อนอยู่…ครั้งนี้ฉันอยากจะเห็นว่าพวกแกจะทำยังไง” ลู่เซิ่งแส สยะยิ้มมุมปาก ก่อนหมุนตัวสาวเท้าหายไปในม่านวิกาล
เผ่าพันธุ์มารโกลาหลแสวงหาวิธีทะลวงเขตแดนสุญญตาหลักมาโดยตลอด และตอนนี้เขาก็วางโอกาสนี้ไว้ตรงหน้าพวกเขาอย่างจะแจ้ง
เขาในตอนนี้เป็นเพียงมนุษย์อัจฉริยะทั่วไปที่ใช้วิชาฟันดาบได้ ไม่สะดุดตาแม้แต่น้อย
และก่อนหน้านี้ก็ไม่มีใครเคยนึกมาก่อนว่า คนธรรมดาจะสู้กับนักรบล่ามารที่ครอบครองพลังเหนือธรรมชาติได้…