ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1196 อพยพ (2)
“ว่ากันว่าบิดาของเขา ราชามารผู้น่าสะพรึงกลัวที่สะกดทุกสิ่งผู้นั้นเคยสะท้อนใจว่า ลู่หนิงไม่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกฝนแม้แต่น้อย ดูจากตอนนี้ เกรงว่าพรสวรรค์ของเขาน่าจะถูกทุ่ม มไปที่การเจริญพันธุ์ทั้งหมด ปกติแล้วสายเลือดขนาดนี้ พันปีให้กำเนิดลูกสักคนได้ก็ยอดเยี่ยมแล้ว สุดท้ายคนคนนี้กลับ…” สตรีสะท้อนใจ
“หมายความว่า เจ้าหมอนี่ไม่เพียงไม่เลว ยังมีความสามารถเยี่ยมยอดอีกหรือ” ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา ถามเสียงทุ้ม
ทั้งสองพลันตกใจขวัญหาย พวกเขาคือสายลับที่แฝงตัวเข้ามาจากจักรวาลแห่งอื่น เกิดความแตก เกรงว่าจะถูกสังหารจนแม้แต่วิญญาณก็หนีไม่พ้นทันที
มิหนำซ้ำวิธีการสื่อสารนี้ยังเป็นการสื่อสารทางจิตที่แค่พวกเขาเชื่อมต่อกัน เป็นเส้นทางข่าวสารพิเศษที่ใช้ความสามารถพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์จักรวาลพิเศษและสละชีวิตของพวกเขาเพื่อสร้ างขึ้น
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว แม้จะเป็นผู้เข้มแข็งที่มีระดับสูงกว่าพวกวเขาหลายระดับ ก็ไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่ตอนนี้กลับ…
ทั้งสองลูกขึ้นจากที่นั่งอย่างฉับพลันเหมือนโดนไฟดูด ก่อนจะจ้องมองชายร่างกำยำคนหนึ่งที่โผล่ขึ้นข้างตัวอย่างกะทันหัน
“ใต้เท้าเป็นผู้ใด!” หนามแหลมสีเขียวเล่มหนึ่งไหลลงมาอยู่ในมือของสตรีกระโปรงเขียว นางจ้องมองผู้มาอย่างขนลุกขนพอง
คนผู้นั้นใบหน้าพร่ามัว แม้จะอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตร แต่ไม่ว่าทั้งสองจะทำอย่างไรก็เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัด
“ข้าก็เพียงแค่อยากฟังพวกเจ้าวิจารณ์ลู่หนิงเท่านั้น” ลู่เซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฟังเหมือน ช่วงนี้เขาจะทำวีรกรรมใหญ่ๆ ไม่น้อยเลยนี่
ทั้งสองสบตากัน ต่างไม่กล้าพูดอะไรอีก ในเมื่ออีกฝ่ายแอบฟังการสื่อสารทางจิตวิญญาณของพวกเขาได้ อย่างนั้นถึงจะใช้การสื่อสารนี้ต่อก็รับประกันความปลอดภัยไม่ได้อยู่ดี
“หลายๆ คนล้วนทราบสิ่งที่พวกเราพูด เหตุใดใต้เท้าจึงมาถามพวกเราเล่า” ชายร่างกำยำถามเสียงทุ้ม สีหน้าฉายแววระมัดระวัง
“ไม่มีเหตุผลอะไร ข้าแค่ผ่านทางมา แล้วได้ยินพวกเจ้าคุณกันพอดี เลยหยุดถาม เจ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ข้าไปถามเขาเอาเองก็ได้” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นี่กลับไม่จำเป็น…แผนการและร่องรอยของนายท่านลู่หนิงถูกประกาศให้รับรู้โดยทั่วกัน…” สตรีกระโปรงเขียวนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ
“จู่ๆ เขามาที่นี่มีเป้าหมายอะไร” ลู่เซิ่งถามอย่างสนอกสนใจ
เขาเป็นคนหัวโบราณที่ให้ความสำคัญกับแนวคิดทางสายเลือด ดังนั้นจึงสนใจในตัวทายาทของตนมาก
“เอ่อ…ที่นายท่านลู่หนิงมาในครั้งนี้ ว่ากันว่าเพื่อตามเกี้ยวองค์หญิงใหญ่ของระบบดาวประกายงามที่อยู่ใกล้ๆ ฝ่าบาทเฮรา”
“ฝ่าบาทเฮราหรือ? เพื่อตามเกี้ยวสตรีคนเดียว เหตุใดจึงดึงดูดคนมามุงดูมากมายขนาดนี้” เขาใช้จิตกวาดไป ก็เห็นว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ไม่ขาดสาย มีไม่น้อยที่ไม่ใช่แ แค่ยานค้าขาย
“เอ่อ…นั่นก็เพราะ…องค์หญิงใหญ่เฮรา เป็นเผ่ายักษาร้อยเศียรที่หายากที่สุดในจักรวาล...นางมีศีรษะเป็นหัวช้างร้อยข้าง ร่างกายใหญ่เท่าดาวเคราะห์ เป็นปัจเจกย้อนคืนสู่บรรพ พบุรุษที่พบเห็นได้ไม่บ่อย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นางกลายเป็นร่างมนุษย์ไม่ได้…” สตรีกระโปรงเขียวกล่าวด้วยสีหน้าพิลึก
“หา?” รอยยิ้มบนใบหน้าลู่เซิ่งค่อยๆ หายไป
“นี่ยังไม่เท่าไหร่ คนรักคนก่อนของฝ่าบาทลู่หนิง คือราชินีมัมมี่ของโลกพาเซียโม ราชินีคนนั้นมีแค่กระดูกกับผิวแห้งๆ ไม่มีน้ำสักส่วนเดียว สรุปคือมีแต่โครงกระดูก ร่างสูงสามหมื นเมตร ฝ่าบาทลู่หนิงให้กำเนิดสายเลือดที่แข็งแกร่งกับนางสิบสามคน” บุรุษร่างกำยำสูงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างอดเสริมไม่ได้
“ยังมีราชินีของเผ่ากระทิงสายฟ้า…”
“หุ่นไททันของจักรวรรดิโล่เหล็ก”
“เฮอโพลุส หนึ่งในสามราชินีเผ่าแมลง…”
“ยานรบจักรวาลพิสดารทาบิตี้…”
“ยังมีพายุจักรวาลมอทท์ที่เคยหายไป…”
“ว่ากันว่าวันหนึ่งยานที่ฝ่าบาทลู่หนิงโดยสารถูกพายุจักรวาลม้วนเข้าไป สุดท้ายผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ พายุก็ส่งเขาออกมา ด้านหลังเขามีพายุจักรวาลขนาดเล็กตามมาด้วยสิบกว่ากลุ่ม ต ตอนนี้ลูกของพายุเหล่านั้นยังคงกินอาหารเพื่อเสริมความแข็งแกร่งอยู่ใกล้ๆ ระบบดาวควีมันน์…”
“ยังมีครั้งหนึ่ง ฝ่าบาทลู่หนิงไปเยี่ยมเยือนระบบดาวผลึกที่ลี้ลับ และพบเจอยานโบราณที่หลงทางอยู่ด้านนอกลำหนึ่ง ตอนนั้นยานลำนั้นและฝ่าบาทเกิดรักแรกพบ ทั้งสองอยู่ร่วมกันสามว วันสามคืน รอฝ่าบาทออกมาจากยาน ก็พายานขนาดเล็กที่คล้ายๆ กันออกมาด้วยสามลำ ยานเล็กสามลำนั้นเรียกเขาว่าท่านพ่อเหมือนกัน”
“ยังมีองค์หญิงเล็กของเผ่าสุกรยักษ์สายฟ้าม่วง ว่ากันว่าองค์หญิงเล็กผู้นั้นมีปากสามข้าง ใบหน้าน่าเกลียดอัปลักษณ์ ศีรษะเป็นหมูตัวเป็นวัว แต่ในวันที่พบกับฝ่าบาทลู่หนิง ท ทั้งสองเกิดรักแรกพบ หลังจากอยู่ด้วยกันคืนหนึ่ง ผ่านไปครึ่งปี องค์หญิงเล็กก็ให้กำเนิดลูกหมูสิบเจ็ดตัว…”
ลู่เซิ่งหนิงฟังจนอ้าปากตาค้าง…
ลู่หนิงจากปากคนทั้งสองมีอะไรกับคนไปทั่วทั้งจักรวาล สิ่งที่อลังการที่สุดก็คือ มีวันหนึ่งเขาหลงเข้าไปในหลุมดำระหว่างดาวหลุมหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
สุดท้ายผ่านไปหลายวัน ตอนที่ทุกคนช่วยเขาออกมาจากหลุมดำก็พบว่าเขาให้กำเนิดลูกหลุมดำน้อยสองหลุม ตอนนั้นกำลังเล่นขี่ม้ากับลูกหลุมดำสองหลุมอยู่
แม้ว่าหลุมดำนั้นจะเป็นเพียงหลุมดำขนาดเล็กๆ ที่มีมี่ขนาดเท่าดาวดวงเล็กครึ่งดวง แต่หลังจากนั้น ความอันตรายของลู่หนิงก็เพิ่มขึ้นอย่างใหญ่หลวงในสายตาของขุมกำลังอื่นๆ
“ฝ่าบาทลู่หนิงในตอนนี้ไม่มีพลังอะไร แต่ลูกๆ ที่เขาให้กำเนิดมีอยู่ไม่น้อยที่เป็นตัวตนน่ากลัวและแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แม้จะเป็นขุมกำลังอื่นๆ นอกจากสำนักมารกำเนิดก็ไม่กล้ามอง งข้าม อย่างไรก็ก้ไม่มีใครรู้ว่าฝ่าบาทท่านนี้จะมีลูกชายลูกสาวโผล่มาจากที่ใดอีก และไม่มีใครรู้เช่นกันว่า เขาให้กำเนิดทายาทมากขนาดไหน”
“…” ลู่เซิ่งไร้คำพูดโต้ตอบ
เดิมทีนึกว่าบุตรชายคนนี้เป็นคนที่ไม่เอาอ่าวที่สุด ตอนนี้ดูเหมือนพรสวรรค์ของเขาจะเพิ่มผิดทางไปหน่อย
“ฝ่าบาทลู่หนิงคือหนึ่งคนหนึ่งกองทัพอย่างแท้จริง…” สุดท้ายสตรีกระโปรงเขียวกล่าวสรุป
ลู่เซิ่งส่ายหน้าพร้อมหันไปมองลู่หนิงบนที่นั่งประธาน
เขากำลังจูบสาวงามที่อยู่ในอ้อมอกอย่างเพลิดเพลินบันเทิงใจ เหล่าคุณชายและพวกพ่อค้าเศรษฐีที่อยู่รอบๆ คอยประจบไม่หยุด
ลู่เซิ่งผละจากคนทั้งสอง เดินตรงไปหาลู่หนิง
ในงานเลี้ยงรอบๆ มีเผ่าพันธุ์ที่หน้าตาต่างกันอยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์หรือไม่ก็คล้ายมนุษย์
มีมนุษย์หัวหมี มนุษย์หัวม้า ครึ่งมังกรครึ่งมนุษย์ และมีมนุษย์ที่ร่างประกอบจากพลังงานชนิดต่างๆ
ลู่เซิ่งตัดผ่านทางเดิน ปล่อยกลิ่นอายของตัวเองออกมาช้าๆ
ลู่หนิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งประธานเหมือนสัมผัสได้ เงยหน้ามองมาทางลู่เซิ่ง
“เอ๋?” เขางุนงงเล็กน้อย รู้สึกว่าบุรุษที่เดินมาหาเขาเหมือนจะคล้ายท่านพ่ออยู่บ้าง…
‘ไม่สิ ไม่ใช่คล้าย…แต่เป็น…ตัวจริง!’ เขาลุกพรวด ผลักสหายไม่ได้ความที่อยู่รอบๆ ออกไป แล้วสาวเท้าเดินไปหาลู่เซิ่ง
“หนิงเอ๋อร์” ลู่เซิ่งพลันหยุดฝีเท้า มองลูกชายหน้าโง่ตรงหน้าด้วยสีหน้าซับซ้อน “ไม่เจอกันนาน ดูเจ้ามีชีวิตไม่เลวทีเดียว…”
“ยังดีๆ ท่านพ่อ นี่คือร่างหลักของท่านหรือว่า…” ลู่หนิงตื่นเต้นเล็กน้อย
“แค่จิตสายเดียว เจ้าเตรียมตัวเสีย พาทายาททั้งหมดของเจ้าไปด้วย พวกเราจะเตรียมอพยพ” ลู่เซิ่งกำชับ
“หา? อพยพหรือ?” ลู่หนิงงงงัน
เวลานี้แขกที่อยู่ใกล้ๆ ต่างได้ยินบทสนทนาระหว่างสองคนนี้
“นี่คือราชามารสวรรค์ผู้ปกครองจักรวาลลู่เซิ่งหรือ!
“เป็นไปไม่ได้ คนคนนั้นดูธรรมดาจัง…”
“ทำไมราชามารสวรรค์ไม่มีฉากเปิดตัวเลยเล่า”
“ว่ากันว่าราชามมารสวรรค์น่าจะคอยกินดวงอาทิตย์ดวงดวงจันทร์ อาศัยอยู่บนเนบิวลาไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมายังท่าดวงดาวเล็กๆ แห่งนี้”
แขกจำนวนไม่น้อยที่อยู่รอบๆ แตกตื่นสงสัย
“ท่านพ่อ…ทางสำนักมารกำเนิดเล่า” ลู่หนิงไม่เข้าใจว่าลู่เซิ่งหมายความว่าอะไร
“ทางนั้นก็จะไปด้วยเหมือนกัน” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “อีกเดี๋ยวเจ้าพาทายาทตามข้ากลับสำนักมารกำเนิด ทุกคนจะไปด้วยกัน”
“ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่หนิงผงกศีรษะ
เขาหมุนตัวไปโบกมือให้แขกที่อยู่รอบๆ
“รีบมาๆ! ที่ข้าวานพวกเจ้าช่วยหาลูกๆ ของข้าที่อยู่บนดาวแถวๆ นี้ พวกเจ้าหาเจอหมดหรือยัง” เขาถามเสียงดัง
“หาได้เต็มยานสองลำแล้วขอรับ คุณชายโปรดวางใจ ช้าสุดวันมะรืนหาครบแน่!” พ่อค้าเศรษฐีไว้หนวดยาวเฟื้อยคนหนึ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดี” ลู่หนิงพยักหน้า ก่อนมองลู่เซิ่ง
“ไม่ต้องเปิดเผยสถานะข้า จะได้ไม่วุ่นวายกัน” ลู่เซิ่งสั่ง
“ขอรับ” ลู่หนิงพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ จากนั้นก็กล่าวเสียงดังอีก
“ลูกสาวข้าเล่า ครั้งก่อนตอนข้าจากไป ที่นี่ยังเหลือลูกสาาวจากสองประเทศไม่ได้พาไปด้วย ครั้งนี้เวลาผ่านไปสามสิบปี ใครจะรู้บ้างว่าเพิ่มเป็นกี่คนแล้ว…พวกเจ้าระดมปัญญาและสรรพ พกำลัง ไม่อนุญาตให้พลาดสักคนเดียว ต้องพาไปด้วยทั้งหมด”
“ไม่ต้องห่วงนายน้อยลู่ มีพวกเราอยู่ ไม่มีทางปล่อยให้ลูกๆ ท่านตกหล่นสักคนแน่!”
“ตามการคำนวณ ทายาทหนึ่งคนต่อเงินหนึ่งร้อย ขอแค่นายน้อยหนิงท่านไม่ผลัดค่าแรงเรา พวกเราจะจัดการทุกอย่างเอง!”
“เอ่อ…เรื่องนี้ ตัวข้ามีดาวเหมืองแร่แค่สองดวง..อีกเดี๋ยวจดใส่บัญชีสำนักมารกำเนิดไว้ก็ได้…” ลู่หนิงอิดออดเล็กน้อย พลันสร้างรอยยิ้มที่เป็นมิตรให้แก่คนอื่นๆ รอบๆ
“ไม่ต้องห่วงน่านายน้อยลู่ เหล่าภรรยาของท่านได้จ่ายเงินไว้ก่อนแล้ว เมื่อครู่แค่ล้อเล่นเฉยๆ”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ในโถงจัดงานเลี้ยงเต็มไปด้วยบรรยากาศมีความสุข
“…” ลู่เซิ่งมุมปากกระตุก เขารู้สึกว่าตนอาจต้องมองลู่หนิงใหม่แล้ว…
หลายวันต่อมา ลู่เซิ่งพาลู่หนิงและยานขนส่งข้ามจักรวาลขนาดยักษ์สามลำหลัง ข้ามมิติมุ่งตรงไปยังระบบดาวเพกาเซีย ศูนย์หลักใหม่ของสำนักมารกำเนิด
ระดับสูงของสำนักมารกำเนิดอย่างพวกบันไซที่ได้รับข่าวก่อนแล้วอลมารอต้อนรับพวกลู่เซิ่งเข้าศูนย์หลัก
พร้อมกับคำสั่งลับของลู่เซิ่งที่ส่งลงมา สมาคมวิจัยความประหลาดลี้ลับและสำนักมารกำเนิดขนาดใหญ่โต ทำงานอย่างรวดเร็วเหมือนกับเครื่องมือที่เร้นลับและมหึมา
ทรัพยากรจำนวนมากและคนในสำนักนับไม่ถ้วน เริ่มรวมตัวกันสร้างประตูข้ามจักรวาลอย่างเป็นระบบระเบียบ
ลู่เซิ่งใช้พลังกฎเกณฑ์ไร้สิ้นสุดของร่างหลักดึงจักรวาลขนาดเล็กที่หาเจอเมื่อก่อนหน้านี้ให้มาอยู่ติดกับผนังชั้นนอกโลกมารสวรรค์
จากนั้นก็เจาะผนังชั้นนอกของจักรวาลสองแห่งให้กลายเป็นประตูข้ามจักรวาลแบบง่ายๆ
ถัดจากนั้นยานมหึมาหลายลำก็ทะลักเข้าไปด้านในจักรวาลรกร้างอีกแห่งอย่างต่อเนื่อง
พวกที่อพยพในครั้งนี้มีเพียงระดับสูงของสำนักมารกำเนิดและสมาคมวิจัยความประหลาดลี้ลับ รวมถึงญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา
สำนักมารกำเนิดหาข้ออ้างปิดผนึกการกระจายข้อมูลของระบบดาวรอบๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเกินไปจนถูกสหพันธ์การดำรงอยู่พบ
แต่ความจริง สหพันธ์การดำรงอยู่ยังแทบเอาตัวเองไม่รอด ไม่สามารถมาสนใจทางด้านนี้ได้อีกแล้ว…