ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1203 ติดตามกัน (1)
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมชายขอบความโกลาหลจึงเป็นพียงชายขอบความโกลาหล ไม่มีชื่อ ชายขอบความว่างเปล่าก็คือชายขอบความว่างเปล่า ไม่มีชื่อเช่นกัน มีเพียงชายขอบอนุภาคนิรันดร์ที่ถูกเรียกว่า วงแหวนไม่ดับสูญ” บรรพบุรุษศิลาถามเสียงสั่น
“ไม่รู้ หวังว่าท่านจะอธิบาย” ลู่เซิ่งจ้องมองเทวรูปพร้อมถอยหลังหลายก้าว
“นั่นเป็นเพราะว่า…”
ครืน…
โบสถ์สั่นไหวช้าๆ
ขนขาวนับไม่ถ้วนลอยขึ้น แล้วกลายเป็นแสงสีขาวสลายหายไปกลางอากาศ
เสียงถอนใจที่ทุ้มต่ำดังสะท้อนกลางความว่างเปล่า หลังจากเสียงถอนใจ ชายชราที่ขนขาวงอกเต็มตัวก็หลอมละลายด้วยความเร็วสูง
ไม่ถึงสามสี่วินาที ชายชราก็กลายเป็นเทียนขาวหย่อมหนึ่ง ค่อยๆ หลอมเป็นหนึ่งเดียวกับผืนดิน
การสั่นไหวของผืนดินรุนแรงและดังก้องขึ้นเรื่อยๆ
เทวรูปลอยขึ้นช้าๆ พร้อมกับกระจายแสงสีเงินขมุกขมัวออกมา
“นั่นเป็นเพราะ วงแหวนไม่ดับสูญก่อตั้งขึ้นในตอนแรกสุดเพื่อผนึกข้า!”
พริบตานั้นคลื่นโปร่งแสงกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดออกมาจากบนผลึก
ลู่เซิ่งสีหน้าเปลี่ยนแปลง ยกมือขึ้นป้องกันใบหน้า ปฐมพลังจักรวาลและพลังวารีเทาที่มหาศาลในร่างไหลเวียนถั่งโถมอย่างรุนแรง แล้วรวมตัวเป็นโล่กลมแข็งแกร่งโปร่งแสงด้านหน้า
ตูม!
แสงสีขาวที่เจิดจรัสกลุ่มหนึ่งระเบิด ตามมาด้วยเสียงหัวเราะบ้าคลั่งหากหนักอึ้ง
ณ ใจกลางมิติมหภาค วงแหวนไม่ดับสูญที่เหมือนวงกลมสีขาวระเบิดจากด้านในสู่ด้านนอกเหมือนกับก้อนน้ำแข็งระเบิด กลายเป็นชิ้นส่วนสีขาวนับไม่ถ้วน ม้วนพัดทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ
ชิ้นส่วนสีขาวหดเล็กลง แล้วกลายเป็นกลุ่มแสงเหลือคณานับอย่างรวดเร็ว
กลุ่มแสงหดเล็กลงด้วยความเร็วสูง ก่อนกลายเป็นดวงแสงสีทองคำขาวดวงหนึ่ง
ซู่…
ดวงแสงถูกมือสีทองข้างหนึ่งจับไว้
เจ้าของมือเดินเอื่อยออกมาจากด้านหลัง พร้อมหยิบดวงแสงขึ้นกดใส่ทรวงอกเบาๆ
“ข้าเกือบจะลืม รสชาติของมิติเวลาไปแล้ว…”
บรรพบุรุษศิลาสูดลมหายใจลึกอย่างเคลิบเคลิ้ม มิติมหภาครอบๆ เกิดความแปรปรวนเล็กๆ ตามลมหายใจของมัน
ลู่เซิ่งลอยอยู่ด้านหลังไม่ไกลออกไป หยีตาจ้องมองบรรพบุรุษศิลาที่อยู่ด้านหน้า
เขากลับนึกไม่ถึงว่าบรรพบุรุษศิลาจะเป็นสตรี
แต่ว่าในเทพนิยายมากมายต่างมีการบูชาความเป็นมารดา มารดาให้กำเนิดทุกสิ่งและขยายพันธุ์ทุกอย่าง ในฐานะบรรพบุรุษ การที่ภาพลักษณ์แสดงออกในรูปแบบเพศแม่กลับเป็นเรื่องปกติ
เขาพิจารณาบรรพบุรุษศิลาตรงหน้า
มองไกลๆ เหมือนกับสตรีหยาดเยิ้มที่สวมเกราะอ่อนสีทอง ผมยาวสีเลือดที่เป็นสัญลักษณ์ความล้ำลึกและการกำเนิดมวยสูง สองอกตั้งตระหง่าน เอวคอดขายาว ไม่มีตรงไหนที่ไม่สมบูรณ์แบบ
นอกจากดวงตารีเรียวสีทองเข้มคู่นั้นที่ทำให้คนตาลายแล้ว ก็มีผลึกสามเหลี่ยมสีทองขนาดยักษ์ซึ่งลอยอยู่ด้านหลังนางที่สะดุดตาที่สุด
ผลึกสามเหลี่ยมสีทองขนาดมหึมาที่ใหญ่กว่าบรรพบุรุษศิลาหลายเท่าตัวชิ้นนั้น กำลังกระจายแสงสีทองหลายกลุ่มออกมารอบๆ อย่างต่อเนื่อง
กลางผลึกสามเหลี่ยมสีทองมีทอง ผลึก เพชร และอัญมณีอันแน่นขนัดจับตัวกันเป็นรูปของสัตว์ประหลาด พืชพรรณ ดอกไม้ ยักษ์ ไฟ และเทพเจ้าที่ซับซ้อนจำนวนนับไม่ถ้วนของสัตว์ประหลาด พืชพรรณ ดอกไม้ ยักษ์ ไฟ และเทพเจ้า
บรรพบุรุษศิลากดดวงแสงสีขาวเข้าไปในอกตระหง่านของตัวเองเสร็จ ก็นั่งพิงบนกรอบสามเหลี่ยมอย่างเกียจคร้าน กรอบสามเหลี่ยมหมุนช้าๆ หันหน้ามาทางลู่เซิ่ง
“ขอทำความรู้จักใหม่ ข้าคือต้นกำเนิดของก้อนหิน เจ้าเรียกข้าว่า มารดาศิลา”
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าไร้อารมณ์ ยกมือแสดงฝ่ามือของตัวเอง เส้นสีรุ้งความโกลาหลบนฝ่ามือยังคงกะพริบแสงเลือนราง
“ข้าปล่อยท่านออกมาแล้ว แต่ของสิ่งนี้ยังย่อยสลายไม่หมด” เขาฝึกฝนตามสูตรวัฏจักรพื้นฐานที่อีกฝ่ายมอบให้จริงๆ เส้นสีรุ้งความโกลาหลอ่อนแอลงไม่น้อย แต่ไม่ว่าเขาจะกระตุ้นสูตรวั ฏจักรอย่างไร ก็ยังเหลือเส้นสีรุ้งความโกลาหลสายหนึ่งบนมือ ไม่อาจขจัดทิ้งได้
“เจ้ากำลังสงสัยข้าหรือ” มารดาศิลาถามพลางเลิกคิ้ว
“ไม่ ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ และอีกนานแค่ไหนถึงจะขจัดทิ้งได้ทั้งหมด” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงสงบ
มารดาศิลาแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อยืนอยู่ต่อหน้านาง ก็มีความรู้สึกเหมือนตอนเผชิญชายขอบความโกลาหล
แต่ลู่เซิ่งเป็นคนที่ยึดถือหลักการ อีกฝ่ายแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่เกี่ยวกับเขา อยางไรขอแค่ขจัดการคุกคามจากสามกลไกใหญ่ทิ้งได้ เขาก็จะพาภรรยาและลูกกลับไปเร้นกาย อีกฝ่ายไ ไม่ใช่ศัตรูของเขาเสียหน่อย
“ง่ายดายมาก” มารดาศิลาแสยะยิ้มมุมปาก “การขจัดพลังความโกลาหลทิ้งไม่เพียงต้องการพลังของอนุภาคนิรันดร์เท่านั้น ยังต้องการจิตสายหนึ่งจากรอยตราสูญสลายของฝ่ายความว่างเปล่าด้วย”
“ดังนั้นข้ายังต้องไปใจกลางความว่างเปล่าอีกหรือ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างหมดคำพูด
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” มารดาศิลากางสองแขน “แต่ข้าต้องการไปยังส่วนลึกของความว่างเปล่าเพื่อพบสหายเก่าพอดี เจ้าจะตามข้าไปก็ได้”
ลู่เซิ่งใคร่ครวญชั่วครู่
“ตกลง!”
เขาพยักหน้า
มารดาศิลาหันกลับไปยังตำแหน่งของวงแหวนไม่ดับสูญในตอนแรก ที่นั่นมีจุดสีขาวจุดหนึ่งพองขยายด้วยความเร็วสูง อนุภาคนิรันดร์กำลังปลดปล่อยพลังนิรันดร์ออกมาตรึงทุกสิ่งที่สัมผัสได้ใ ในบริเวณรอบๆ ผ่านเส้นทางทางออกเส้นทาง
ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ที่นี่ก็ปรากฏ”วงกลมสีขาววงใหม่ขึ้น
“ไปเถอะ ข้ายังมีบัญชีเก่าที่ต้องชำระอีกมาก” มารดาศิลาหลับตา จากนั้นก็ลืมตาช้าๆ
พริบตาที่ลืมตา นางเหมือนสะบั้นบางสิ่งทิ้งไป
“พวกเราจะไปใจกลางความว่างเปล่าอย่างไร” ลู่เซิ่งถามขึ้นด้านข้าง
“ง่ายดายมาก”
มารดาศิลายกแขนขวาขึ้น
“ไม่มีสิ่งใดแข็งแกร่งกว่าข้า ไม่มีสิ่งใดเจิดจรัสกว่าข้า ไม่มีสิ่งใดงดงามกว่าข้า!”
นางกระโดดลงจากผลึกสามเหลี่ยม ความว่างเปล่าที่ปลายเท้าสะกิดใส่ปรากฏเส้นทางหินสีทองเส้นหนึ่ง
เส้นทางนั้นยืดขยายไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง ปลายทางเหยียดเข้าสู่เงามืดมิดที่ไม่อาจข้ามผ่าน
มารดาศิลากำมือเบาๆ มีแสงสีทองกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นบนฝ่ามือ
“ไปเถอะ ข้าอยากไปไหน ไม่มีใครขัดขวางได้” นางเดินไปบนเส้นทางสีทองก่อน
ลู่เซิ่งรีบตามไป
เขาเพิ่งเคยเห็นคนสร้างฉากตระการตาในมิติมหภาคแบบนี้เป็นครั้งแรก
พึงทราบว่าแม้แต่สุดยอดผู้เข้มแข็งอย่างเขากับซีหนิง หลายๆ ครั้งก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ปล่อยพลังมั่วซั่วไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกพลังแห่งความว่างเปล่าหรือไม่ก็คลื่นของ ธารมารดากลืนกินและย่อยสลายได้อย่างง่ายดาย
ไหนเลยจะเหมือนกับคนตรงหน้า ที่สร้างเส้นทางสีทองซึ่งทอดยาวจนมองไม่เห็นปลายทางออกมาได้ด้วยท่าทางสบายๆ
เดินบนเส้นทางสีทอง ลู่เซิ่งรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนสะพานหินทางกายภาพที่แข็งแกร่ง ไม่มีความรู้สึกล่องลอยแม้แต่น้อย
“ข้ามีเส้นทางทั้งหมดสามเส้น เส้นทางสีเงินทำให้ข้าไปยังโลกและจักรวาลในมิติใดก็ได้ เส้นทางทองคำ ทำให้ข้าไปที่ไหนก็ได้ในมิติมหภาค เส้นทางอัญมณีที่ยอดเยี่ยมที่สุดเชื่อมต่อไปย ยังมิติเวลาทุกมิติที่อ่อนแอกว่าข้า แน่นอนว่า ผู้เข้มแข็งที่รวบรวมตัวตนทั้งหมดในทุกมิติจนฝึกฝนสำเร็จอย่างเจ้าย่อมไม่รวมอยู่ในนี้ เจ้าเพียงดำรงอยู่ในปัจจุบัน อดีตและอนาคต ตไม่มีตัวเจ้าอย่างมากสุดก็มีเพียงรอยตราที่เจ้าทิ้งไว้เท่านั้น”
มารดาศิลาเดินพลางอธิบายพลาง
ลู่เซิ่งเข้าใจความหมายของนาง ขอบเขตสุดท้ายของมารสวรรค์จำเป็นต้องหลอมรวมกับตัวเองในมิติเวลานับไม่ถ้วนเพื่อก้าวข้ามทุกสิ่ง สร้างตัวตนจริงแท้หนึ่งเดียวให้สำเร็จ
ส่วนเส้นทางอื่นๆ ความจริงไม่แตกต่างกันนัก
ผู้เข้มแข็งที่สุดตัวจริงไม่มีใครถูกสั่นคลอนผ่านมิติเวลาได้
“ใครเป็นผู้กุมอำนาจอยู่ใจกลางความว่างเปล่าในตอนนี้” มารดาศิลาถามเสียงทุ้ม
“ไม่รู้สิ ข้าเพียงแค่เคยคุยกับราชาโลกวิญญาณเท่านั้น” ลู่เซิ่งส่าสยหน้า
“ราชาโลกวิญญาณหรือ? ไม่ใช่วงศาเทพความว่างเปล่าปกครองหรือ” มารดาศิลาชะงักเล็กน้อย
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อวงศาเทพความว่างเปล่า ผู้ที่ปกครองอยู่รอบนอบความว่างเปล่าในตอนนี้คือจตุจุตรราชาโลก พวกเขามีพลังที่กระตุ้นตราสูญสลายได้” ลู่เซิ่งตอบ
“การดำรงอยู่ที่ท่านตามหา อาจจะไม่อยู่นานแล้ว” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ
อย่างไร คนที่ถูกขังอยู่นอกอนุภาคนิรันดร์ นอกจากการไร้อิสระแล้ว ผลประโยชน์ใหญ่สุดก็คือเวลาของตนเองถูกทำให้เชื่องช้าลงอย่างมหาศาล
ไม่ว่าสิ่งใดบนโลกใบนี้ต่างก็มีขีดจำกัดด้านอายุขัย ต่อให้เป็นจักรวาลหรือมิติมหภาค ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เป็นนิรันดร์
มีแต่อนุภาคนิรันดร์เท่านั้นที่มีมาตั้งแต่โบราณ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
สีหน้ามารดาศิลานิ่งขรึมลง
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ นางค่อยกล่าวว่า
“ไม่มีทาง ข้ารู้จักเจ้าพวกนั้น พวกมันผ่านมหาวัฏจักรได้อย่างง่ายดายยิ่ง ใช้ชายขอบของสามกลไกสูงสุดยกระดับอัตราการรอดชีวิตของตัวเองได้อย่างสบายๆ”
ลู่เซิ่งเงียบงัน เทียบกับการดำรงอยู่เก่าแก่เหล่านี้แล้ว วัยรุ่นอย่างเขายังไม่เคยเห็นวัฏจักรด้วยซ้ำ ไหนเลยเหมือนสตรีชราตรงหน้า ฟังน้ำเสียงเหมือนกับเจอมหาวัฏจักรมาไม่ต่ำกว่าหนึ งครั้ง จุ๊ๆ…
“ไปเถอะ ไม่ว่าอย่างไร ไปดูเดี๋ยวก็รู้เอง” มารดาศิลาไม่คิดมากอีก สาวเท้าไปด้านหน้า
ลู่เซิ่งตามไปติดๆ
…
ความว่างเปล่า มองไกลๆ เหมือนกับหมอกเทาขมุกขมัวกลุ่มหนึ่ง
สภาพประหลาดมหัศจรรย์มากมายปรากฏกลางหมอกดำ
สัตว์ความว่างเปล่าที่มีขนาดร่างใหญ่โตแหวกว่ายอยู่บนชายขอบความว่างเปล่ารอบๆ
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับปลาวาฬยักษ์ อายุขัยของพวกมันสั้นยิ่ง ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนสลายไปใช้เวลาแค่สองสามชั่วโมง ตัวที่อายุยืนสุดอยู่ได้ไม่เกินห้าชั่วโมง
พวกมันถือกำเนิดขึ้นมาตอนพลังความว่างเปล่ากระเพื่อมพลิกม้วน จากนั้นจะตายไปตอนคลื่นความว่างเปล่าลดต่ำลง เดินถึงปลายทางชีวิต
สัตว์ความว่างเปล่าเกิดตามกระแสพลังแห่งความว่างเปล่า พวกมันแหวกว่ายอยู่ในบริเวณชายขอบความว่างเปล่า ด้านนอกคืออาณาเขตที่เหมือนกับเมฆสายฟ้าที่มีสายฟ้าสีดำอมอม่วงกระจายตัว
ในนี้มีสัตว์มารความว่างเปล่าที่มีสภาพไม่แน่นอนดำรงอยู่เป็นจำนวนมาก สัตว์มารความว่างเปล่าของที่นี่ส่วนใหญ่เกิดตามธรรมชาติ ไร้สติปัญญา
แต่พลังกลับแข็งแกร่งที่สุด
โลกภายนอกเรียกที่นี่ว่าโลกวิญญาณภายใน จตุรราชาโลกวิญญาณก็ถือกำเนิดจากที่นี่
ตอนนี้บนผืนดินที่จับกลุ่มกันเหมือนชั้นเมฆกลางโลกวิญญาณภายใน มีสิ่งมีชีวิตทำลายล้างที่รูปลักษณ์ดุร้ายฆ่าฟันและไล่ล่ากัน
สายฟ้าสีดำอมม่วงกลุ่มใหญ่พลิกม้วนบนท้องฟ้า หมอกดำนับไม่ถ้วนปกคลุมศีรษะสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนกับเมฆดำกดทับ
แหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ก็คือกลุ่มแสงสีม่วงที่ว่ายเวียนอย่างช้าๆ อยู่กลางอากาศ
เวลานี้มีบันไดสีทองค่อยๆ ทะลวงหมอกดำออกมาจากมุมหนึ่งของโลกวิญญาณภายใน
มีร่างแข็งกล้าที่รอบตัวมีคลื่นมหึมาไร้รูปร่างกระเพื่อมอยู่สองร่าง เดินตามบันไดทองเข้ามาทีละก้าวๆ
“ที่นี่ยังไม่เปลี่ยนไป…”
มารดาศิลายื่นมือออกมาจับแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งที่ลอยอยู่เบาๆ
นั่นคือสิ่งที่เหมือนกับเกล็ดหิมะ เพิ่งสัมผัสกับมือนางก็หลอมละลายหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“นี่คืออะไร” ลู่เซิ่งเดินถึงด้านข้างของนาง เว้นระยะห่างก้าวหนึ่ง
“นี่คือหิมะ” ดวงตาของมารดาศิลาฉายแววรำลึกความหลัง “เจ้าจินตนาการออกไหมว่าในตอนที่โลกวิญญาณมีแต่หิมะตก จะเป็นช่วงเวลาเดียวที่สิ่งมีชีวิตมากมายมีแสงสว่างและสีสัน”
“น่าอัศจรรย์ยิ่ง” ลู่เซิ่งถอนใจชมเชย
“ถูกต้อง…นี่คือการสรรสร้าง มิติมหภาค พวกเราเคยเรียกมันว่าปฐมมิติ ที่นี่คือบ่อเกิดที่ให้กำเนิดทุกสิ่ง แต่เจ้าอาจจะรู้ว่า ความจริงปฐมมิติไม่ใช่ทุกสิ่ง” มารดาศิลาเอ่ยเสียงเ เรียบ
“ด้านนอกปฐมมิติคือสิ่งใด” ลู่เซิ่งถามอย่างสงสัย คาดว่ามีแต่ผู้เข้มแข็งระดับมารดาศิลาเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์พูดหัวข้อนี้ ซีหนิงและสหพันธ์การดำรงอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกจำก กัดไว้ในมิติมหภาค ยังไม่มีใครมีสิทธิ์สัมผัสสถานที่ที่อยู่ด้านนอก
“ด้านนอก...คือความโกลาหลที่ใหญ่กว่า ที่นั่น พวกเราเรียกมันว่ามหาสมุทรต้นชีวิต” มารดาศิลาตอบอย่างสงบ