ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1208 กับดัก (2)
“จะไปตอนนี้เลยหรือไม่” ลู่เซิ่งลุกตาม
“รีบขนาดนั้นเชียว รอข้ากินผลไม้สีม่วงลังนี้เสร็จแล้วค่อยไปกัน” มารดาศิลากล่าวอย่างลังเลเล็กน้อย
นางที่แก้แค้นเสร็จไม่ต่างอะไรกับพวกหมกตัวอยู่ในบ้าน
พวกชอบหมกตัวระดับนี้กลับถูกบีบคั้นให้ไล่ล่าแก้แค้นไปทั่ว เห็นได้ว่าตอนนั้นนางถูกเล่นงานโหดขนาดไหน
“ท่านไม่ไปก็ได้ ข้าเองก็ไม่อยากขยับตัวเหมือนกัน ศิลาศักดิ์สิทธิ์สองสามก้อนที่ท่านให้ทนได้อย่างมากสุดสองชั่วโมง ซีหนิงหนีก็หนีไป อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้าอยู่แล้ว” ลู่เ เซิ่งเอ่ยเสียงเรียบ
“…” มารดาศิลานิ่งเงียบเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“ช่างเถอะ กลับมาค่อย…” นางยังไม่ทันพูดจบ ก็เห็นลู่เซิ่งลุกเดินมาถึงหน้าตัวเอง
หงับ!
แสงสายฟ้าสายหนึ่งสาดขึ้น มือของลู่เซิ่งคว้าลังใส่ผลไม้สีม่วงในมือปีศาจงูมายัดเข้าปาก จากนั้นก็กลืนโดยไม่ได้เขี้ยวดุจสายฟ้าฟาด
“ไม่เป็นไร ข้าช่วยท่านกินแล้ว” ลู่เซิ่งเรอ
“…” มารดาศิลาไม่ได้หน้าบึ้งอีกแล้ว หากลุกขึ้นด้วยด้วยใจแหลกสลาย
ผลไม้สีม่วงเหล่านั้นเกิดจากการที่นางรวบรวมดวงดาวที่เหมาะสมจำนวนมากไว้ด้วยกัน แล้วเอาปฐมพลังจักรวาลที่แตกต่างกันมาแปลงเป็นเตาไฟเพื่อเผาไหม้
นางเกิดเพลิงโทสะ คิดจะยกมือฆ่าคนตรงหน้า แต่พลันนึกถึงเศษผลึกสีแดงที่วางอยู่ด้านข้างกองนั้น
ถ้าฆ่าลู่เซิ่งไป ใครจะมาช่วยนางจัดการงาน
“ช่างเถอะๆ…” มารดาศิลาข่มกลั้น ผุดสีหน้าจนปัญญา “บอกสถานที่ข้ามา ข้าจะเปิดถนนทองคำข้ามมิติไป…”
ลู่เซิ่งบอกพิกัดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เกิดเสียงดังซ่า
มารดาศิลาเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง เส้นทางสีทองปรากฏขึ้นใต้เท้าแล้วเหยียดยื่นไปด้านนอกวังโดยอัตโนมัติ
เดิมทีด้านนอกคือทิวทัศน์ของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่ชัดเจน เวลานี้กลับมีหมอกเทาจำนวนมากกระจายออกมาด้วยพลังของเส้นทางทองคำ
เส้นทางทองคำยื่นเหยียดเข้าไปในหมอกราวกับไร้สิ้นสุด
มารดาศิลาจัดปกเสื้อ ก่อนจะสาวเท้าเดินนำออกไป ลู่เซิ่งตามไปติดๆ
ทั้งสองออกจากวังเข้าสู่หมอกหนาอย่างรวดเร็ว
“จักรวาลขนาดเล็กนั้นน่าสนใจมาก ด้านในเหมือนมีอุโมงค์เร้นลับที่เชื่อมไปยังมิติอื่นอยู่” ลู่เซิ่งเดินพลางอธิบายพลาง
“ความหมายของเจ้าคือ มันกำลังเตรียมของขวัญให้ข้า เพื่อหวังขอการขออภัยจากข้าหรือ” มารดาศิลาเลิกคิ้วกล่าว
“ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือ” ลู่เซิ่งหมดคำพูด คร้านจะพล่ามไร้สาระ “สถานการณ์ของจักรวาลแห่งนั้น ท่านไปถึงก็จะรู้เอง พิเศษมาก มันน่าจะมีแผนการและเป้าหมายบางอย่าง”
“ไม่ว่าอย่างไร แค่บดขยี้ก็พอ” มารดาศิลากล่าว
ในวัฏจักรก่อน นางเป็นเทพเจ้าตั้งแต่ตอนถือกำเนิด มีพลังไร้สิ้นสุดติดตัวมาด้วย เจอปัญหาอะไรแค่ใช้กำลังบดขยี้อย่างเต็มที่ก็พอ
ถึงแม้ว่าต่อมาจะเกิดปัญหาหลายครั้ง ทำให้นางลำบากลำบน แต่สุดท้ายคู่ต่อสู้ก็เอาชนะนางไม่ได้ พลังที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน กอปรกับความเป็นอมตะอาขุขัยไร้สิ้นสุดทำให้นางพัวพันค คู่ต่อสู้จนตายได้
มารดาศิลาสัมผัสลู่เซิ่งที่ติดตามอยู่ด้านหลัง ย้อนนึกถึงเวลานั้นโดยไม่รู้ตัว คนคนนั้นก็ติดตามอยู่ด้านหลังนางแบบนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความตรากตรำภยันอันตรายใดๆ ทั้งสองล้วนเ เผชิญหน้าด้วยกัน
‘น่าเสียดาย…’ เห็นภาพนึกถึงความหลัง อารมณ์ของมารดาศิลาหม่นหมองลง
ซู่…
เวลานี้หมอกเทาด้านหน้ากลับสลายไปโดยอัตโนมัติ วังวนสีดำสนิทที่พร่ามัวกลุ่มหนึ่งกางออกด้านหน้า
มารดาศิลาส่งเสียงร้องเอ๋ หยุดฝีเท้าอย่างฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้น” ลู่เซิ่งถามขึ้นด้านหลัง
“เส้นทางทองคำถูกขวางไว้หรือนี่” มารดาศิลากล่าวอย่างประหลาดใจ “ไม่ได้เชื่อมกับเป้าหมายที่อยู่ส่วนลึกสุดของจักรวาล เพียงแค่ไปถึงผนังด้านนอกจักรวาลแล้วโดนหยุดไว้ น่าสนใจ”
ลู่เซิ่งเดินเข้ามาใกล้ เห็นวังวนสีดำตรงหน้าเช่นกัน เขาขมวดคิ้วพร้อมยื่นมือไปลูบผิววังวน
เรียบเนียนเหมือนสัมผัสของหินที่แข็งตันและชื้นแฉะ
“เปิดได้หรือไม่” มารดาศิลาถาม
“ได้” ลู่เซิ่งพยักหน้า ก่อนออกแรงที่ฝ่ามือเล็กน้อย
ฟ้าว!
วังวนถูกพลังมหาศาลแทงทะลุ พลังวารีเทาจำนวนมากเริ่มสูบพลังป้องกันเร้นลับจากด้านใน
ไม่นานนัก ประตูสีดำสลัวบานหนึ่งก็ค่อยๆ เปิดอออกจากกลางวังวนสีดำ หมอกดำกระเพื่อมอยู่ด้านใน มองไม่เห็นภาพอีกฝั่ง
“เข้าไปกัน” มารดาศิลานำหน้าเข้าประตู
ลู่เซิ่งตามไป
ด้านหน้ามืดมิดอยู่ชั่วอึดใจ จากนั้นก็เปิดกว้างขึ้น
รอยแยกมิติร่องแยกสีเหลืองอ่อนที่มีหมอกกระจายตัวอยู่ผืนหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหน้าทั้งสอง
มิติผืนนี้แคบเป็นอย่างยิ่ง รอบๆ ตัวคือมหาสมุทรสีครามสองผืนที่คลื่นกำลังพลิกขึ้นลง
หมอกเหลืองกระจายกว้างไม่ถึงร้อยเมตร
ลู่เซิ่งตามมารดาศิลาเข้าไป เท้าเหยียบอากาศ จากนั้นก็โคจรพลังลอยตัวเพื่อเหาะเหินขึ้น
เขาเงยหน้ามองด้านบน หมอกเหลืองตลบอบอวล ไกลออกไปมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด มีเพียงหมอกเหลืองเหมือนกัน
มองไปด้านล่าง ด้านล่างยังคงไม่มีสิ่งใด มีเพียงหมอกเหลืองไม่ต่างกัน
“ที่นี่คือที่ไหน ด้านในจักรวาลหรือ” มารดาศิลาถามอย่างสงสัย
“เป็นด้านในจักรวาล” ลู่เซิ่งมีความรู้กว้างขวางกว่ามารดาศิลามาก เมื่อมีระบบทรัพยากรนับไม่ถ้วนที่รวบรวมมาได้บนโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ใช้พลังอาวรณ์ที่แทบไร้ขี ดจำกัดพัฒนาทักษะเหลือคณานับให้ตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
คำว่ารอบรู้ทรงพลัง อาจจะบรรยายคลังความรู้ขอกงลู่เซิ่งในเวลานี้ได้แล้ว
“รอบๆ ตัวคือนิยามที่ผสมผสานมหาสมุทรในจักรวาลจำนวนมากไว้ด้วย เป็นความสามารถยิ่งใหญ่ทีเดียว” ลู่เซิ่งขมวดคิ้วสำรวจ “บนล่างเชื่อมไปยังมิติปริศนา จำเป็นต้องระวังตัวหน่อย ไม่อย่าง งนั้นหากบดขยี้ที่นี่จนระเบิด ถึงตอนนั้นพวกเราอาจจะหลงไปถึงช่องแคบของมิติ แล้วหาทิศทางไม่เจออีก”
“ซับซ้อนเสียจริง ใช้ระบบความรู้ของวัฏจักรเก่าก่อนอธิบายได้หรือไม่ ข้าไม่เข้าใจเลย…” มารดาศิลากล่าวอย่างหมดคำพูด
“ข้าไม่รู้จักระบบของวัฏจักรเก่าก่อนเสียหน่อย” ลู่เซิ่งโต้เสียงเรียบ
มารดาศิลาจึงโบกมือไปด้านหน้าอย่างแรงด้วยความจนใจ
พายุหอบหนึ่งพัดขึ้น
ความรกร้างของช่องแคบพลิกม้วนอย่างรุนแรง แล้วลอยไปยังที่ไกล
“หือ ไม่ใช่สิ ศิลาศักดิ์สิทธิ์ของข้าพันธนาการที่นี่เอาไว้นี่…” มารดาศิลาพลันหยุดเคลื่อนไหวพลางขมวดคิ้ว
“ก็หมายความว่า…” ลู่เซิ่งพลันฉุกนึกอะไรได้
แปะๆๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังมาจากด้านหน้า
“สมกับเป็นศัตรูเก่าของข้า ราชามารสวรรค์ลู่เซิ่ง” ร่างสีขาวที่คุ้นเคยปรากฏต่อหน้าคนทั้งสอง
ผู้มาสวมเสื้อคลุมขาว ถือกระบี่ตรงเรียวยาวที่กระจายแสงสีแดงเล่มหนึ่ง มีใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเต็มไปด้วยประกายสีเลือด ทั้งยังเห็นแสงดาวนับไม่ถ้วนกะพริบกระเพื่อมอยู่ในประกายสีเล ลือดได้อย่างเลือนราง
“ไม่เจอกันนานนะซีหนิง” ลู่เซิ่งจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ซีหนิงก็แต่งตัวแบบนี้ในตอนที่เขาเจออีกฝ่ายเป็นครั้งแรกเช่นกัน
ซีหนิงในตอนนั้นแค่มองดูก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว
แต่ตอนนี้ต่างออกไป
“เจ้ามีโทษ!” ซีหนิงยกกระบี่ขึ้นชี้ปลายไปที่ลู่เซิ่ง
“มารดาศิลามอบภัยพิบัติให้แก่สรรพสิ่งในวัฏจักรเก่าก่อน แม้แต่สามกลไกสูงสุดก็ยังทำอะไรนางไม่ได้ สุดท้ายถ้าไม่ใช่บรรพชนก่อนกำเนิดละทิ้งอายุขัยไร้สิ้นสุดของตัวเอง พานางตกตาย ยร่วมกัน เกรงว่าตอนนี้พวกเรายังคงอยู่ในการปกครองของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์อยู่” เขาผุดสีหน้าเย็นชา
“เจ้าปล่อยภัยพิบัติที่สิ้นหวังออกมา…”
“พูดจบหรือยัง” ลู่เซิ่งคร้านจะมองเขา สายตามองไปยังมารดาศิลา
มารดาศิลายิ้มอย่างให้ความร่วมมือ แล้วเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง
“อยากสวามิภักดิ์หรือไม่”
ซีหนิงแค่นเสียง
“เจ้าว่าอย่างไรเล่า”
“คือไม่อยากใช่หรือไม่” มารดาศิลายิ้ม ผลึกสามเหลี่ยมสีทองค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลัง
อีกฝ่ายถือครองจิตสายหนึ่งของตราสูญสลาย เกี่ยวพันถึงสามพลังสูงสุด แม้จะเป็นนางก็ไม่กล้าดูแคลน จำเป็นต้องรับมืออย่างจริงจัง
การกระตุ้นและใช้งานสามกลไกสูงสุดของนางเองก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
เมื่อผ่านระดับหนึ่งไป นางก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ถูกขังอยู่ที่ชายขอบอนุภาคนิรันดร์นานขนาดนั้น
“อะไรกัน อยากลงมือหรือ” ซีหนิงหัวเราะลั่น
“ข้าขอเตือนให้เจ้าดูรอบๆ ก่อนลงมือจะดีกว่า เจ้ารู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน”
“แน่นอน สุสานของเจ้าไง” มารดาศิลายื่นมือซ้ายออกมา กำลังจะโคจรพลัง ทันใดนั้นนางก็ค้นพบอย่างงุนงงว่า ในหมอกเหลืองรอบๆ มีเส้นสายจำนวนมากโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
เส้นสายพวกนี้เหมือนของแข็ง แต่ความจริงเป็นเส้นแสงไร้รูปร่างที่ลอยล่อง
มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้
“เห็นเส้นใยมิติเวลารอบๆ เจ้าหรือยัง พวกมันคือหน่วยโครงสร้างระดับพื้นฐานสุดของมิติ เจ้าเดาดูสิว่าเส้นใยพวกนี้เชื่อมต่อกับสิ่งใด” ซีหนิงหัวเราะประหลาด
มารดาศิลาสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย พลันไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว
สิ่งที่คนหยาบกระด้างอย่างนางชมชอบที่สุดคือการใช้รากฐานที่เกิดจากสูตรวัฏจักรโจมตีอย่างบ้าคลั่ง กิจกรรมที่ใช้สมองอย่างละเอียดแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่นางถนัด
“เส้นพวกนี้เชื่อมต่อกับที่ใด” นางถามเสียงทุ้ม
“โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์…” ลู่เซิ่งให้คำตอบจากด้านหลัง
เขาคาดเดาอนุมานทิศทางการเชื่อมต่อของเส้นด้ายออกในเวลาสั้นๆ นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขาที่ครอบครองความรู้และทฤษฎีนับไม่ถ้วน
“หือ?” มารดาศิลาชะงักการเคลื่อนไหว หมดคำพูดโดยสิ้นเชิง
“ตอบถูกแล้ว” ซีหนิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย พร้อมกับอธิบายอย่างได้ใจ “มิติตรงนี้เปราะบางอย่างยิ่ง ถ้าตอนนี้พวกเจ้าใช้พลังเหนือขีดจำกัด อย่างนั้นช่องแคบทั้งช่องแคบจะแหลกสลายหายไป ก การแหลกสลายสูญหายของที่นี่จะทำให้โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่อีกด้านหายไปด้วย รากฐานของพวกเจ้าอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรือ” ซีหนิงแสดงสีหน้าได้ใจ “จะว่าไป นี่ต้องขอบคุณสหายเก่าคนหน นึ่งของข้า ถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากนาง ข้าคงใช้แผนการใหญ่โตแบบนี้ไม่ได้”
“จากนั้นเล่า” มารดาศิลาหันไปมองลู่เซิ่ง “มีวิธีแก้ไขไหม”
ลู่เซิ่งส่ายหน้าและขมวดคิ้ว
“ซีหนิงเตรียมตัวมานานขนาดนี้ จะต้องเก็บสำรองมากับดักที่ยุ่งยากอย่างอื่นมาหลายวัน ไม่น่าจะมีแค่นี้”
“พูดถูกแล้ว” ซีหนิงเก็บกระยี่ยาวในมือและแสงสีเลือดในดวงตา
“เพื่อต้อนรับการมาเยือนของพวกเจ้า ข้าได้จัดพิธีการยิ่งใหญ่ให้”
เขายกตัวกระบี่ขึ้นแล้วฟันแสงสีแดงไปด้านข้าง
แสงกระบี่สีแดงหมุนวนอย่างช้าๆ พลางพุ่งออกไป เจาะทะลุเข้าไปในตาข่ายไร้รูปร่างและหมอกเทาที่อยู่ใกล้ๆ
“เห็นหรือยัง เจ้ากล้าลงมือหรือไม่ ถ้าลงมือโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะจบสิ้นทันที” เขาหัวเราะ
“บอกเป้าหมายเจ้ามาซะ ใช้เวลาไปมากขนาดนี้ เจ้าต้องอยากบรรลุเป้าหมายบางอย่างแน่นอน ลองว่ามาสิ” มารดาศิลาเอ่ยอย่างราบเรียบ