ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1209 พิชิต (1)
“ได้ยินมาว่า เจ้ารับครอบครัวของลู่เซิ่งมาปกป้องในโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าว่าถ้าข้าทำลายที่นี่ทิ้ง ลู่เซิ่งจะมีความคิดอย่างไร” ซีหนิงยิ้มอย่างชั่วช้า “เข้าเดาว่ามันจะแทงข้างหลั งเจ้าทันที”
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าไร้อารมณ์ แต่สีหน้าของมารดาศิลากลับเคร่งเครียด
“ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจนิยามของพลังผิดไปหน่อยนะ…” นางยื่นมือออกมาขยี้ผมยาวพร้อมยิ้มอย่างเฉิดฉัน
“เจ้าใช่รู้สึกว่า สาเหตุที่ข้าสามารถกวาดล้างวัฏจักรเก่าก่อนได้โดยไร้ผู้ต่อกร เป็นเพราะคู่ต่อสู้โง่เง่าเกินไปหรือ”
ซีหนิงสีหน้าเปลี่ยนแปลง เกิดลางสังหรณ์ร้าย
“นอกเสียจากเจ้าคิดกำจัดครอบครัวของลู่เซิ่ง ไม่อย่างนั้น วันนี้จะเป็นวันที่พวกเราตายพร้อมกัน”
“ตายพร้อมกันหรือ? เจ้าประเมินณค่าตัวเองสูงไปหน่อยนะ”
มารดาศิลายื่นมือออกมาอย่างฉับพลัน แสงสีรุ้งสว่างไสวระเบิดออกมาจากผลึกสามเหลี่ยมด้านหลังนาง
แสงรุ้งยื่นขยายไปยังอาณาเขตทั้งหมดรอบๆ ด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ
ซู่…
เส้นสายนับไม่ถ้วนถูกตรึงไว้กับที่ในพริบตา
ทุกอย่างเหมือนกับโคลนปกคลุม เคลื่อนย้ายไม่ได้ ถึงขั้นใช้ความคิดไม่ได้
เวลานี้คลื่นทะเลที่เดิมถั่งโถมอยู่สองฟากข้างหยุดนิ่งกับที่ราวกับถูกกดปุ่มหยุด
“เจ้า…กำลัง…ทำ…อะ…ไร…” ซีหนิงสีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คล้ายฉุกนึกอะไรได้ แต่เสียงของเขาเชื่องช้าอืดอาดลงเพราะอะไรก็ไม่ทราบ
“เจ้าว่าข้ากำลังทำอะไรเล่า” มารดาศิลาหยิบผมทัดหู แล้วเดินไปด้านหน้าอย่างเกียจคร้านเล็กน้อย
พุ่บ
นางหายตัวไปปรากฏด้านหลังซีหนิงในพริบตา
สิ่งที่ประหลาดก็คือ เวลานี้ซีหนิงขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย ยังคงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม
“ตอนนี้ เจ้าสัมผัสข้าได้หรือยัง” มารดาศิลาหัวเราะเบาๆ ก่อนยื่นมือไปจับศีรษะซีหนิง
ลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้ถูกหยุดไปด้วย เพียงแต่ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
ในตอนที่เขาเพิ่งเข้าสู่วงแหวนไม่ดับสูญจำได้ว่าตัวเองเจอเหตุการณ์แบบนี้เช่นกัน ชายชราที่เจอเป็นคนแรกน่าจะเป็นผู้มาจากภายนอกที่ถูกพลังชนิดนี้ตรึงไว้ในมิติแห่งนั้น
‘จะจบแบบนี้หรือ’ เขาสัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อระหว่างโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์กับมิติผืนนี้ยังอยู่ เพียงแต่การเชื่อมต่อนี้ไม่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของมารดาศิลาแล้ว
อิทธิฤทธิ์ที่นางใช้ในตอนนี้เหมือนหยุดจักรวาลแห่งนี้เอาไว้
นี่เป็นการหยุดมิติเวลาสัมบูรณ์
ลู่เซิ่งเองก็มีความสามารถคล้ายกัน เพียงแต่อย่างมากสุดเขาก็ส่งผลได้แค่อาณาเขตทั่วไปเท่านั้น
การหยุดจักรวาลที่มีความซับซ้อนสูงและอันตรายมากมายกระจายตัวอยู่นี้ในพริบตา มีความยากมหาศาล
การหยุดมิติเวลา เหมือนกับการตักกระบวยในสายน้ำที่ไหลด้วยความเร็วสูง
อาณาเขตที่ถูกหยุดคือน้ำที่ถูกตัก
ความแตกต่างของมิติเวลาก็คือน้ำหนักและพื้นที่ของน้ำที่แตกต่างกัน
จักรวาลที่ซับซ้อนและอันตรายระดับนี้ มีการเชื่อมต่อและธาตุต่างๆ ที่เกาะเกี่ยวกันมากมายมหาศาล
ถ้าเปลี่ยนเป็นน้ำ ก็คือทะเลสาบผืนใหญ่
คิดจะตักน้ำมากขนาดนี้ขึ้นจากทะเลสาบ จำเป็นต้องใช้กระบวยใหญ่ขนาดไหน
ยิ่งอย่าว่าแต่ในนี้ยังมีซีหนิงอีกคน
ซีหนิงเป็นราชาโลกวิญญาณ ผลกรรมของตนเองเกี่ยวข้องกับมิติเวลามากมาย หากคิดจะหยุดเขา จะต้องหยุดข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขา นี่ยากยิ่งกว่าการหยุดจักรวาลทั้งจักรวาลเสีย อีก!
ลู่เซิ่งมองศีรษะของซีหนิงที่ถูกมารดาศิลากดไว้อย่างเสียดาย
‘ลาจากตลอดกาล ซีหนิง หวังว่าชาติหน้าเจ้าจะไม่หาที่ตายแบบนี้อีก...’
แคว่กขวาก
ศีรษะของซีหนิงถูกมารดาศิลาเด็ดลงอย่างผ่อนคลายเหมือนกับลูกหนัง ร่างไร้หัวของเขากลายเป็นแร่ เปลี่ยนแปลงเป็นรูปสลักผลึกสีเลือดด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้
“จบสักที” มารดาศิลาผุดสีหน้าเบื่อหน่าย “ยังนึกว่าจะได้เล่นสนุกสักหน่อย เสียดายเป็นไก่อ่อนที่ไม่รู้ว่าคุณสมบัติของพลังคืออะไรด้วยซ้ำ”
“มันมีร่างแปลงเก้าร่างนี่” ลู่เซิ่งว่า “ท่านจัดการหมดแล้วหรือ”
“ใช่แล้ว ข้าดึงออกมาพร้อมกัน ดิ้นแรงทีเดียว ดีที่ข้าแรงเยอะ” มารดาศิลาหัวเราะ
“ยังมีภาพฉายกับร่างลูกในโลกอีกหลายใบอีกนะ” ลู่เซิ่งถามอีก
“ร่างหลักถูกกำจัดทิ้ง พวกนั้นไม่ต้องสนใจแล้ว” มารดาศิลาส่ายหน้า
“หรือท่านจะไม่รู้ว่าซีหนิงเป็นราชาโลกวิญญาณที่มีร่างสามร่าง ร่างที่ท่านฆ่าไปเมื่อครู่…” ลู่เซิ่งพลันพลันเกิดความรู้สึกทนมองไม่ได้
ตรงหน้านี้ใช่บ่อเกิดการทำลายล้างที่ไหนกัน นี่มันคนโง่เง่าชัดๆ…
“หา? เป็นอย่างนั้นหรอกหรือ” มารดาศิลาพลันงุนงง
“ถูกต้อง…ท่านฉวยโอกาสนี้กำจัดทิ้งให้หมดในคราวเดียวดีกว่า!” ลู่เซิ่งเร่ง
“เอ่อ…แต่ว่าข้า…ทนไม่ไหวบ้างแล้ว…” มารดาศิลาเหงื่อซึมออกจากหน้าผาก ลนลานบ้างแล้ว
ลู่เซิ่งยังคิดจะพูดอะไรอีก ทันใดนั้นก็เกิดเสียงเพล้งดังขึ้นรอบๆ
เหมือนกับกระจกนับไม่ถ้วนแตกกระจายลงพื้น ข้อมูลมหาศาลบีบอัดเข้ามาในสัมผัสทั้งหมดของเขา
มิติเวลาที่ถูกหยุดเมื่อครู่ไหลอีกรอบ ข้อมูลมิติเวลาที่ถูกตรึงไว้ก่อนหน้านี้ทะลักเข้ามาในร่างเขาเพื่อชดเชย
ทันใดนั้นเขาก็ไม่ได้ยินอะไรเลย มองไม่เห็นสิ่งใด และสัมผัสอะไรไม่ได้
กระแสข้อมูลที่สับสนนับไม่ถ้วนกระแทกกระทั้นเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
นี่เป็นประสบการณ์ที่สดใหม่อย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปสัมผัสอย่างตั้งใจ
เพราะเขาได้ยินเสียงหัวเราะร่าของซีหนิงด้วย
เวลานี้มารดาศิลามองหมอกที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างเหลือเชื่อ
หมอกตรงนั้นกำลังพลิกม้วนถั่งโถม การดำรงอยู่ประหลาดสีดำสนิทที่ประกอบขึ้นจากร่องแยกความว่างเปล่าสีดำนับไม่ถ้วนค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ร่างของสัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นรอยแตกความว่างเปล่าสีดำสนิทหลายสายเชื่อมต่อไปยังส่วนลึกที่ไม่รู้จัก รอยแตกนับไม่ถ้วนเหมือนกับลวด สานเป็นร่างกายของมังกรยักษ์ตัวหนึ่งอย่างหยาบก กระด้างแต่ก็ละเอียดอ่อน
“เจ้าบังคับข้าเองนะ…ข้าเกลียดร่างนี้ที่สุด น่าเสียดาย เจ้าบังคับให้ข้าใช้ร่างหลักนี้จนได้…” สัตว์ประหลาดส่งเสียงคำรามโกรธแค้น เป็นเสียงของซีหนิง
“มังกรสุญตา คือการดำรงอยู่แข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากการที่ร่องแยกของจักรวาลความว่างเปล่านับไม่ถ้วนแพร่พลังความว่างเปล่า เป็นการดำรงอยู่ที่ใกล้เคียงความว่างเปล่าที่สุดในสามพลังสูง งสุด ดังนั้นจึงได้รับการประทานหน้าที่ราชาโลกวิญญาณ”
เสียงสตรีที่ราบเรียบเย็นชาอีกเสียงดังมาจากในหมอกด้านข้างมารดาศิลาอย่างช้าๆ
“ตี้วา ฆ่านางซะ! ช่วยข้าฆ่านางซะ!” ซีหนิงตะโกน คล้ายเสียสติไปแล้ว
“อย่าเรียกข้าว่าตี้วา ข้าชื่อหรงฮัว โปรดเรียกชื่อข้าด้วย”
ร่างสตรีสมบูรณ์แบบที่ประกอบขึ้นจากน้ำทะเลร่างหนึ่งค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางผิวทะเลทางขวามือ ท่ามกลางสายตาของมารดาศิลาและลู่เซิ่ง
สตรีไม่มีเลือดเนื้อจับต้องได้ แต่ยังคงมองเห็นรูปร่างหุ่นสมบูรณ์ได้อย่างเลือนราง สองแขนไม่เหมือนแขนมนุษย์ ที่ที่เดิมควรเป็นฝ่ามือกลายเป็นตรีศูลงดงามที่เรียวยาวแหลมคมสองเล่ ม
ลู่เซิ่งจำได้ทันทีว่าสตรีนางนี้คือใคร ตอนนั้นเขาจำได้ว่าเคยเข้าไปในห้วงฝันของตี้วา และได้ของดีมาไม่น้อย
นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอร่างหลักที่นี่
“พวกเราเคยเจอกันมาก่อน” ตี้วามองลู่เซิ่ง “ตอนข้าหลับลึก จะมีโจรส่วนหนึ่งเข้ามาขุดหาสมบัติในห้วงฝันของข้า เจ้าคือหนึ่งในนั้นกระมัง”
“อาจจะใช่…” ลู่เซิ่งไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ
“แน่นอนว่าแม้สถานที่ที่เข้าไปจะเป็นเพียงห้วงฝันของร่างลูกข้า แต่ข้าต่างมีความทรงจำต่อการดำรงอยู่ทั้งหมดที่เข้าไป พวกมันต่างก็หยุดอยู่ในจิตใต้สำนึกของข้าทั้งสิ้น…” ตี้ วาเอ่ยเสียงเรียบ
“แม้จะเป็นเจ้าในตอนนี้ ก็เป็นเพียงร่างลูกเท่านั้น สวะที่ไม่กล้าเปิดเผยร่างจริงไม่มีสิทธิ์พูด”
มารดาศิลาโบกมืออย่างโมโหอยู่บ้าง
ผงเรืองแสงสีรุ้งนับไม่ถ้วนกลายเป็นลำเสาแสงขนาดใหญ่ ฟาดใส่ตำแหน่งที่ตี้วาอยู่อย่างรุนแรง
ตูม!
ผิวทะเลกลายเป็นแร่ด้วยความเร็วสูง ร่างลูกของตี้วาทนไม่ได้ไม่เกินหนึ่งวินาที ก็ถูกเปลี่ยนเป็นผลึก
มารดาศิลารู้สึกว่าสติปัญญาของตัวเองถูกบดขยี้อีกรอบ อารมณ์ขุ่นมัวเป็นอย่างยิ่ง
นางยืนอยู่กลางอากาศ คลื่นทำลายล้างหลายกลุ่มส่งมาจากรอบตัวไม่หยุด ผงแร่นับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมากลางอากาศ จากนั้นก็กระจายตัวแยกกจากกัน
มิติเวลาที่อยู่รอบๆ ถูกเปลี่ยนเป็นแร่อย่างต่อเนื่อง มิติเวลาของจักรวาลผืนนี้ไม่สามารถรองรับโทสะของมารดาศิลาได้
“สังหารเถอะ มังกรสุญตา ตอนนี้เป็นช่วงอ่อนแอของปฐมพลังของมารดาศิลา” เสียงของตี้วาส่งมาแต่ไกล ร่างลูกระดับนี้ถูกทำลาย สร้างความเสียหายไม่น้อยให้นาง แต่ไม่ส่งผลต่อร่างหลัก
ซีหนิงกางแขนออกกลางอากาศ ปีกยักษ์คู่หนึ่งวาดทะลวงผิวน้ำสองฟากข้าง พุ่งใส่มารดาศิลาอย่างฉับพลัน
ผลึกและน้ำทะเลมหาศาลถูกร่องแยกบนตัวเขาฮุบกลืน กลายเป็นพลังความว่างเปล่าที่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ลู่เซิ่งถอยหลังหลายก้าวอย่างแน่วแน่ หากสัมผัสโดนสิ่งนี้ก็เหมือนกับสัมผัสร่องแยกมิติ จะกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนใหญ่ในพริบตาเดียว
มารดาศิลาไม่ถอยกลับรุกเข้าใส่ ผลึกสามเหลี่ยมด้านหลังระเบิดแสงทองออกมา
ผงที่เหมือนกับสายรุ้งกลุ่มหนึ่งลอยออกมารวมตัวกันเป็นมังกรยักษ์ที่เหมือนมังกรสุญตาเหนือศีรษะนาง
โฮก!
มังกรผลึกรุ้งคำราม แม้แต่เสียงก็เหมือนซีหนิง
“อยากรู้หรือไม่ว่าทำไมข้าปกครองทุกสิ่งได้ เอาชนะเจ้าได้ก่อนแล้วบอกเองเถอะนะ” มารดาศิลาแค่นเสียง ขึ้นไปยืนอยู่หลังมังกรผลึกสายรุ้ง
มังกรผลึกและมังกรสุญตาประจันหน้ากัน จากนั้นก็พุ่งใส่กัน กรงเล็บปะทะกรงเล็บ สองปีกปะทะสองปีก
ฝ่ายหนึ่งคือปีกร่องแยกความว่างเปล่าที่ฮุบกลืนทุกสิ่ง ฝ่ายหนึ่งคือเชื้อผลึกน่ากลัวที่เปลี่ยนทุกสิ่งเป็นแร่
สองฝ่ายสูสีกันอยู่ชั่วขณะ
มารดาศิลาและลู่เซิ่งถอยห่างออกมาเล็กน้อย กลับดูคึกคักยิ่ง
“เป็นอย่างไร ติดตามข้ารู้สึกปลอดภัยมากใช่หรือไม่” มารดาศิลาขยิบตาให้ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งไม่ได้ตอบ หากจ้องมองมังกรผลึกสายรุ้งตัวนั้น
“ท่านกระตุ้นพลังของอนุภาคนิรันดร์ได้หรือ”
“แค่นิดหน่อย แต่จำนวนเยอะกว่าจิตสูญสลายที่ซีหนิงครอบครองมาก นี่เป็นอานุภาพของสูตรวัฏจักร อิจฉาหรือไม่” มารดาศิลาหัวเราะ
“ตอนนี้ท่านเรียนรู้สูตรวัฏจักรถึงขั้นไหนแล้ว” ทันใดนั้นลู่เซิ่งก็ถามโดยไม่หันหลังกลับ
“เจ้าเดาสิ” มารดาศิลาไม่ได้ตอบ
“…” ลู่เซิ่งมองกรอบดีปบลูที่อยู่ด้านล่างสายตาตน
ตัวเลขแสดงผลของสูตรวัฏจักรคือเลขห้า
นี่เป็นผลลัพธ์ในหลายวันมานี้ของเขา
สูตรวัฏจักรยิ่งถึงช่วงหลังยิ่งยาก ถึงจะเป็นดีปบลู แต่ก็ต้องดำเนินการเรียนรู้เป็นวันๆ
“ขอแค่เจ้าคอยติดตามข้าเป็นผู้ช่วยอย่างว่าง่าย ตำแหน่งต่อจากนี้และระดับต่อจากนี้ก็ไม่ใช่ว่าข้าถ่ายทอดให้ไม่ได้” มารดาศิลาเอ่ยอย่างถือตัว
“…ค่อยว่ากันเถอะ” ลู่เซิ่งมองกรอบดีปบลูของตนเอง พลังอาวรณ์ทะลักเข้าไป พร้อมเริ่มเรียนรู้ขั้นหก
พลังของมารดาศิลาลึกล้ำยากหยั่งคาดอยู่บ้าง แม้แต่สัตว์ประหลาดระดับซีหนิงก็ยังจัดการได้ง่ายๆ ทั้งยังดูไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อยด้วย
นี่ทำให้ลู่เซิ่งยกระดับแผนการที่กำหนดไว้แล้วอีกครั้ง
เดิมทีเขาวางแผนไว้ว่ายกระดับพอประมาณก็น่าจะได้แล้ว ดูจากตอนนี้ คุณสมบัติของมารดาศิลาที่เป็นเทพเจ้าก่อนกำเนิดแข็งแกร่งกว่าเขาเป็นทุนเดิม กอปรกับฝึกฝนมาหลายปี ไม่รู้ว่านา างจะมีไพ่ตายมากขนาดไหน
‘ดูเหมือนต้องฝึกอย่างจริงจังแล้ว…’ ลู่เซิ่งรำพึงในใจ