ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 1211 บทสรุป (1)
สิบห้าวันต่อมา…
มารดาศิลาประกาศรับลู่ฉินบุตรีของลู่เซิ่งเป็นลูกบุญธรรม กล่าวว่าจะมอบใบหน้าและร่างกายที่งดงาม รวมถึงคำอวยพรที่ดีที่สุดให้กับนาง
แน่นอนว่ มีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบว่า ความจริงนางแค่อยากช่วยปั้นหน้าเฉยๆ…
ลู่เซิ่งเห็นแล้วรำคาญใจ จึงให้นางกับหวังจิ้งจัดการกันเอาเอง
แม้มารดาศิลาเกือบจะกลายเป็นสหายสนิทของครอบครัวตนแล้ว ไม่มีแรงขับให้ยกระดับอีกต่อไป แต่เขาคิดว่าถ้าไม่ใช้ก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ จึงทุ่มพลังอาวรณ์ไปที่สูตรวัฏจักรอย่างต่อเนื่อง
หลังจากสหพันธ์การดำรงอยู่เข้าสวามิภักดิ์ ในที่สุดโลกวิญญาณอุดรและธารมารดาอุดรก็อยู่ใต้การปกครองของมารดาศิลา
ผู้เข้มแข็งและผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากพากันมารวมตัวที่โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ คิดจะอาศัยขุมพลังยิ่งใหญ่ของมารดาศิลาบุกไปยังอาณาเขตอื่น
น่าเสียดายที่ข้อเสนอนี้ถูกมารดาศิลาปฏิเสธ
นางรู้สึกว่าตนปกครองเขตอุดรเขตเดียวก็เหนื่อยแล้ว ถ้าไปบุกอาณาเขตอื่นอีก นั่นก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือ
ดูจากตอนนี้ เมื่อมีลู่เซิ่งอยู่ด้วย แม้จะไม่มีนางก็สะกดสถานการณ์ไว้ได้ แต่อาณาเขตอื่นๆ ไม่ได้จัดการได้ง่ายขนาดนั้น
อย่างอื่นไม่พูดถึง แค่ทางสัจจะวิญญาณก็มีพวกวิปริตมากมายแล้ว รอยตราของสัจจะวิญญาณประทับอยู่ในธารมารดา กล่าวได้ว่าทำลายร่างพวกมันได้ แต่ทำลายจิตของพวกมันไม่ได้ นอกจากนั้น นเจ้าพวกนี้สามารถใช้ตราประทับธารมารดาดึงตัววิปริตเฒ่าขโขยงหนึ่งมาสู้กับท่านได้ตลอดเวลา
ยังมีด้านพ่อมดซึ่งเป็นตัววิปริตเฒ่าที่ตายไปแล้วไม่รู้กี่ปีอีกกลุ่มหนึ่ง จนถึงตอนนี้ยังโผล่มาเล่นเกมคืนชีพและทำลายโลกตลอดเวลา นี่เป็นสงครามกองโจรและสงครามใต้ดินฉบับยกระดั บ
ความหมายของมารดาศิลาก็คือ พวกเลวกลุ่มนี้เอาแต่ป่าวประกาศว่าการสืบทอดของตัวเองสูญสิ้น อารยธรรมใกล้จะพินาศอยู่ตลอดเวลา ความจริงคือพวกมันคิดเอาเองว่าการสืบทอดของตัวเองขาดสะ ะบั้น แต่ก็ยังตีฆ้องร้องป่าวมาหลายร้อยล้านปีได้ไม่จบไม่สิ้น การสืบทอดไหนกันที่ขาดสะบั้น
คำร้องขอเคลื่อนทัพไปยังเขตอื่นจึงถูกตีตกเช่นนี้
แม้พวกที่มีความทะเยอะทยานส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับ แต่ติดที่อำนาจของมารดาศิลา จึงได้แต่ต้องยอม
ความจริงแค่เขตเหนือเขตเดียวก็มากพอให้พวกเขาใช้ชีวิตแล้ว
หลังจากมารดาศิลาไหว้วานให้ลู่เซิ่งคำนวณสถิติจักรวาล ก็กะได้คร่าวๆ ว่าจำนวนของจักรวาลในเขตเหนือตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไปน่าจะเปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างหนึ่งพันล้านถึงสองพันล้าน
จักรวาลถือกำเนิดและดับสูญตลอดเวลา ดังนั้นจำนวนจึงเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
หลังจากปกครองแล้ว กองกำลังของโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ก็มีขนาดยิ่งใหญ่ไพศาล ต้องใช้ขุมกำลังจำนวนนับไม่ถ้วนถึงจะตรวจสอบเสร็จ
เพื่อการนี้ลู่เซิ่งได้ประดิษฐ์คัมภีร์สุญตาภาพประทับพลวัติซึ่งเป็นเทคโนโลยีชนิดพิเศษขึ้น เพียงแค่ให้คัมภีร์เล่มนี้บินวนอาณาเขตทิศเหนือรอบหนึ่งก็จะคำนวณจำนวนเขตของจักรวาลไ ได้คร่าวๆ
สะดวกสบายอย่างยิ่ง
จักรวาลจำนวนมากขนาดนี้มีจักรวาลระดับพลังงานสุดยอดไม่มาก แต่ระดับพลังงานสูงและระดับกลางทั่วไปเรียกได้ว่าล้นหลาม
ทุกคนแบ่งสรรได้ตามใจ
อย่างไรผู้ยิ่งใหญ่ในโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่บรรลุถึงระดับมายาพิศวงขึ้นไปก็มีแค่ไม่กี่แสนคน คนสองสามแสนคนแบ่งจักรวาลหลายพันล้านแห่งอย่างเท่าๆ กัน จักรวาลจำนวนมากถึงขั้นรองร รับมายาพิศวงได้หลายคน
แน่นอนว่าในจักรวาลเหล่านี้มีความแตกต่างที่ความอุดมสมบูรณ์และการขาดแคลนทรัพยากร จะจัดแบ่งอย่างไร นี่จำเป็นต้องใช้พลังภายนอกที่แข็งแกร่งกว่ามาดำเนินการวางแผน
หลังจากลู่เซิ่งสร้างโลกขึ้นมา วิธีการแบ่งอำนาจควบคุมจักรวาลจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่สุดของภาคส่วนนี้
ตอนแรกมีผู้ยิ่งใหญ่จำนวนไม่น้อยไม่พอใจต่อการจัดแบ่งโลก แต่หลังจากลู่เซิ่งกินพวกหัวดื้อไปกลุ่มหนึ่ง เสียงต่อต้านก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หน่วยงานจัดการภารกิจต่างๆ ถูกก่อตั้งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลู่เซิ่งก็เริ่มกระจายอำนาจออกไป เปลี่ยนตัวเองจากผู้จัดการภารกิจเป็นผู้ดูแล
ส่วนทางด้านโลกวิญญาณ หลังจากซีหนิงบาดเจ็บสาหัส ข่าวคราวก็เงียบหายมาโดยตลอด ผู้ยิ่งใหญ่ความว่างเปล่าที่แข็งแกร่งอยู่บ้างจำนวนหนึ่งถูกโลกศิลาศักดิ์สิทธิ์ติดประกาศไล่ล่า ไม่นานก็ ถูกฆ่าจนเหี้ยน
ส่วนทางเหล่ามารโกลาหล นอกจากหัวสะพานไม่กี่จุดในตอนแรกแล้ว ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีก ไม่ทราบว่าพวกมันคิดทำอะไร
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนกว่าๆ
ในที่สุดลู่เซิ่งที่แบ่งภารกิจในภาคส่วนต่างๆ เสร็จก็รอถึจนลูกสาวอายุครบหนึ่งปี แม้ว่าลูกสาวคนนี้จะยังอยู่ในท้องไม่ยอมออกมาก็ตาม
ครอบครัวตระกูลลู่ ยังมีครอบครัวของลู่หนิงที่ท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา และพวกหลี่ซุ่นซีที่วันๆ เอาแต่เล่นกับหลานๆ ต่างพากันมารวมตัวที่โลกศิลาศักดิ์สิทธิ์
สำหรับสายตาของโลกภายนอกในตอนนี้ มารดาศิลาและลู่เซิ่งกลายเป็นคนเดียวกันไปแล้ว
ดังนั้นเรื่องที่ลูกสาวของลู่เซิ่งหรือลูกบุญธรรมของมารดาศิลาอายุครบหนึ่งขวบ จึงเป็นโอกาสดีสำหรับส่งของขวัญที่พันปียากพบพานของขุมกำลังทั้งหมด
กองกำลังนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน
…
ณ ชายขอบความโกลาหล
สัตว์ประหลาดสีดำขนาดมหึมาที่เหมือนกับสเตโกซอรัสตัวหนึ่ง อาบแช่ร่างและแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางพลังความโกลาหล
หมอกเทานับไม่ถ้วนลอยวนเวียนอยู่รอบๆ
บนผืนดิน คนลึกลับที่สวมชุดสีเทาและใส่หมวกแหลมสูงคนหนึ่ง มือถือไม้เท้า เงยหน้ามองสัตว์ประหลาดยักษ์ที่แหวกว่ายอยู่อย่างช้าๆ
ที่นี่คือชายขอบความว่างเปล่า ร่างลูกของลู่เซิ่งในครั้งกระโน้นแค่เข้ามาอยู่ในนี้ครู่เดียวก็ถูกหลอมละลายร่างลูก โดนพลังความว่างเปล่าสายหนึ่งสาวร่องรอยคืบคลานไปหาร่างหลัก
แต่คนชุดเทาในเวลานี้กลับเหมือนสัมผัสพลังรอบๆ ไม่ได้
เขายืนอยู่บนผืนดินหมอกเทาที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองดูสัตว์ประหลาดยักษ์พลิกตัวแหวกว่ายอย่างเงียบๆ
นั่นคือความรู้สึกที่อัศจรรย์มากอย่างหนึ่ง
ทั้งๆ ที่อาณาเขตที่สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้นอยู่ใหญ่เพียงแค่ครึ่งท้องฟ้า
แต่สำหรับสัตว์ประหลาดยักษ์ แม้มันจะว่ายด้วยกำลังทั้งหมดและความเร็วทั้งหมด ก็ไม่อาจไปถึงขอบฟ้าได้
“ด้านนอกกำลังลือกันว่าวัตถุโบราณจากวัฏจักรเก่าปรากฏกตัว ทั้งยังปกครองอาณาเขตและโลกวิญญาณทิศอุดรของธารมารดา” คนชุดเทากล่าวด้วยน้ำเสียงที่อึมครึมและซับซ้อน
“กองกำลังฝั่งอนุภาคนิรันดร์กำลังขยายตัวอย่างใหญ่หลวง สมดุลถูกทำลายแล้ว” สัตว์ประหลาดยักษ์ที่เหมือนสเตโกซอรัสตอบเสียงทุ้ม
“ดังนั้น?” คนชุดเทาถาม
“เจ้าไม่เห็นหรือว่าความว่างเปล่ากำลังเดือดพล่าน...ความโกลาหล กำลังร้อนใจ…” ในน้ำเสียงของสัตว์ประหลาดยักษ์แสดงการรอคอยที่ปลาบปลื้ม
คนชุดเทาไม่พูดอะไรอยู่ชั่วขณะ
พวกเขากำลังจับตาดู
จับตาดูแกนกลางความโกลาหลที่พลิกตัวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้า
สามกลไกสูงสุดแยกกันอยู่บนชายขอบ เชื่อมต่อกับทางเข้าของสี่อาณาเขตใหญ่
ขณะเดียวกันบนยอดของสามกลไกใหญ่ยังมีเส้นทางพิเศษที่เชื่อมสู่ด้านนอก
นั่นเป็นอุโมงค์พิเศษที่มีแต่คนระดับสุดยอดในบรรดาผู้ดูแลไม่กี่คน รวมถึงผู้เข้มแข็งที่น่ากลัวอย่างมารดาศิลาเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้
“เริ่มแล้ว…” ทันใดนั้นคนชุดเทาก็ชะงัก แล้วกล่าวเสียงเคร่งขรึม
พลังของความว่างเปลาและพลังของความโกลาหลกำลังเกิดการรวมตัวที่น่าตกตะลึง
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง ความว่างเปล่าและความโกลาหล รวมถึงพลังของอนุภาคนิรันดร์จะรวมตัวและปรับสมดุลกัน แล้วให้กำเนิดวัตถุ สิ่งมีชีวิต และจักรวาลมากมายหลายรูปแ แบบออกมา
ทว่าครั้งนี้ มีคนชุดเทาและสัตว์ประหลาดยักษ์ผลักดันในที่ลับ ยังมีการร่วมมือจากขุมกำลังฝั่งความว่างเปล่า
การรวมตัวระหว่างความว่างเปล่าและความโกลาหลในครั้งนี้จึงรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ
หมอกเทานับไม่ถ้วนและหมอกดำจำนวนมากที่ตกลงมาจากด้านบนผสมกัน สายฟ้าโปร่งใสไร้รูปร่างหลายสายปรากฏออกมาจากด้านใน
นั่นคือสายฟ้าความโกลาหล สายฟ้าน่าสะพรึงที่ทำลายจักรวาลจักรวาลหนึ่งได้ด้วยการโจมตีเดียว
แทนที่จะบอกว่าเป็นสายฟ้า ความจริงก็แค่รูปร่างของมันคล้ายกับสายฟ้า แต่คุณสมบัติไม่ใช่สายฟ้า
สัตว์ยักษ์ที่พลิกม้วนตัวหยุดการเคลื่อนไหว แล้วค่อยๆ จมลงล่าง ตกลงพื้นอย่างหนักหน่วง ก่อนเงยหน้ามองการเปลี่ยนแปลงด้านบน
“ครั้งนี้ผู้ดูแลสิบสองคนเห็นตรงกันว่าให้เปิดผนึกโลฟา ในเมื่อมารดาศิลาทำลายผนึกออกมาแล้ว คนผู้นั้นของทางฝั่งพวกเราก็น่าจะมีโอกาสทำลายผนึกเช่นกัน” คนชุดเทาเอ่ยเสียงเรียบ บ
“แน่นอน แต่กล่าวตามจริง ถ้าไม่ใช่หมดหนทาง ข้าไม่อยากให้คนผู้นั้นทำลายผนึกออกมา” สัตว์ประหลาดสเตโกซอรัสกล่าวอย่างจนปัญญา
“ไม่มีใครอยากให้มันโผล่มาอีก แต่ตอนนี้หมดปัญญา การทำลายผนึกของมารดาศิลาได้ทำลายวงแหวนไม่ดับสูญ ทำให้พลังของอนุภาคนิรันดร์ที่เก็บสะสมมาชั่วนาตาปีระเบิดออกมามากเกินไป พลังของ งสามกลไกใหญ่ส่วนหนึ่งจึงเสียสมดุลอย่างรุนแรง เจ้าเองก็รู้ว่าพลังของสามกลไกใหญ่เหมือนกับสปริงที่ค่อนข้างสมดุล ยิ่งแรงบีบมากเท่าไหร่ แรงสะท้อนก็ยิ่งแรงเท่านั้น” คนชุดเทาเ เอ่ยเสียงเรียบ
“ข้าย่อมรู้…แทนที่จะรอคนผู้นั้นทำลายผนึกออกมา มิสู้พวกเราช่วยปลดปล่อยมันออกมาก่อน แบบนี้แรงสะท้อนจะได้ลดลงหน่อย การที่พลังของความโกลาหลและความว่างเปล่าน้อยลงบางส่วนล้วน นส่งผลดีต่อทุกคน” สัตว์ประหลาดสเตโกซอรัสพยักหน้า
ไม่มีใครอยากหายไป
แต่เกิดเจ้านั่นทำลายผนึก สิ่งที่มันเป็นตัวแทนก็คือการหายสาบสูญ
ไม่ใช่การตาย ไม่ใช่การทำลายล้าง และไม่ใช่การหยุดนิ่งชั่วนิรันดร์ หากเป็นการหายสาบสูญ เหมือนกับไม่ดำรงอยู่มาแต่แรก ถูกลบบันทึกทิ้งหมด
“พูดถูกแล้ว…อย่างไร มันก็เป็น…” คนชุดเทาไม่ได้พูดต่อจนจบ หากแต่เงยหน้าขึ้นมองดูคลื่นที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหนือศีรษะด้วยท่าทางโชกโชน
หมอกสีเทาและสีดำนับไม่ถ้วนพลิกตัวผสานกันเหมือนลูกคลื่น ในนี้มีสายฟ้าความโกลาหลจำนวนมากแทรกอยู่ แสงสายฟ้าเหล่านี้สาดขึ้นเหมือนใยแมงมุม ปลดปล่อยพลังจำนวนมากออกมาในพริบตา
ถ้าพลังไม่เพียงพอ เพียงแค่จ้องมองฉากนี้ วิญญาณก็จะสูญสลาย แม้แต่โอกาสไปเกิดใหม่ก็ไม่มี
เวลาค่อยๆ เคลื่อนคล้อย
โดยไม่รู้สึกตัว คนที่สามนอกจากคนสวมชุดเทาและสัตว์ประหลาดยักษ์สเตโกซอรัสก็ปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้เช่นกัน
นั่นคือโฉมสะคราญที่ปิดผ้าคลุมหน้าสีขาว รูปร่างอ้อนแอ้น นางถือกล่องสีดำทรงหกเหลี่ยมขนาดกะทัดรัดไว้ในมือ เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างอีกหรือ”
“ยังขาดอีกเล็กน้อย…ถ้าหากไม่มีพลังจากภายนอก ครั้งนี้อาจจำเป็นต้องใช้เวลานานมาก...เจ้ามาแล้วหรือ ซีหนิงว่าอย่างไร” คนสวมชุดเทามองสตรี
“มันใกล้เป็นบ้าแล้ว ติดต่อกับราชาโลกวิญญาณอีกสามคนที่เหลือแต่ไร้ผล ตอนนี้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ตรงนี้ ถ้าทางนี้แก้แค้นไม่ได้…ข้าก็จินตนาการไม่ออกว่าจะเกิดสภาพการณ์แบบไห หน” สตรีส่ายหน้ากล่าว
“ซีหนิงเป็นเทพเจ้าก่อนกำเนิดที่ความว่างเปล่าตั้งใจฟูมฟักตั้งแต่เกิด ไม่เคยรับความทรมานมาก่อน พอพบอันตรายครั้งนี้ก็ยากจะรับได้” สเตโกซอรัสเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “แต่มันในตอนนี้ แม้แต่ร่างหลักยังยากรักษา แม้เจ้าจะพามันมาที่นี่แต่จะมีประโยชน์อะไร”
“ข้าคือองค์ประกอบของร่องแยกมิติเวลานับไม่ถ้วนที่ความว่างเปล่าสร้างขึ้น ร่างหลักของข้าอาจสู้มารดาศิลาไม่ได้ แต่ไม่มีใครเชี่ยวชาญการทำลายผนึกเท่าข้าอีกแล้ว!” เสียงของซีหนิง งดังมาจากกล่องในมือสตรี
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” คนสวมชุดเทามองกล่องอย่างตกตะลึง
“เอาเลย โยนข้าเข้าไป” ซีหนิงหัวเราะเย็นเยียบ “ตอนนี้พวกเจ้าเกือบจะทำลายผนึกได้แล้วไม่ใช่หรือ ถ้าบวกการกระตุ้นจากพลังของข้าเข้าไปด้วย กระบวนการก็จะสำเร็จ”
“เจ้านี่…เสียสติแล้วหรือ”
คนสวมชุดเทาและสเตโกซอรัสตกตะลึง เผยสีหน้างงอึ้งงัน
สภาพอย่างในตอนนี้ ต่อให้ซีหนิงในสภาพสมบูรณ์เข้าไปก็จะถูกหลอมละลายเป็นเศษซากเช่นกัน ยิ่งอย่าว่าแต่เขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนี้
เขาคิดฆ่าตัวตายหรือ
“ข้าไม่ตายหรอก” เหมือนจะมองความคิดของอีกฝ่ายออก ซีหนิงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าทิ้งจิตวิญญาณไว้ที่ชายขอบความว่างเปล่า ร่างกายนี้หายไปก็ให้มันหายไป ขอแค่แก้แค้นไอ้ชั่วสองตัวนั นได้ การเสียสละเล็กๆ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
ผู้ดูแลสองคนเงียบขรึม แสดงให้เห็นชัดมากว่าซีหนิงมีวิธีรักษาชีวิตวิธีพิเศษเป็นของตัวเอง ส่วนจะทิ้งจิตวิญญาณไว้ที่ชายขอบความว่างเปล่าจริงหรือไม่ ผู้ใดจะรู้ว่าจริงหรือปลอม แต ต่ก็เห็นการตัดสินใจที่เขาคิดเสี่ยงชีวิตเพื่อกำจัดมารดาศิลาได้แล้ว
“ถ้าเจ้ายืนกราน อย่างนั้นข้าก็ขออวยพรให้โชคดี” คนชุดเทาเงียบเล็กน้อยก่อนตอบ
“ตี้วา ถึงคราวตาเจ้าแล้ว ลงมือเถอะ” ซีหนิงเอ่ยเสียงเย็นชา
สตรีค่อยๆ ยกกล่องขึ้น แล้วโยนไปกลางอากาศเบาๆ
กล่องดำหกเหลี่ยมลอยหมุนไปยังท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็หายไปด้านในโดยสิ้นเชิง
ความจริงแล้ว ดูจากด้านพลังเพียงอย่างเดียว ตี้วาไม่ได้แข็งแกร่ง สิ่งที่นางถนัดมีเพียงพลังในการดำรงอยู่ เทียบกับผู้เข้มแข็งระดับซีหนิง นางมีพลังต่อสู้ซึ่งหน้าอ่อนแอมาก แต่ ตี้วามีความได้เปรียบโดยกำเนิดในด้านความสามารถสนับสนุนอย่างอื่น
เป็นเพราะนางคือเทพเจ้าที่เกิดจากการที่ค่ายกลก่อนกำเนิดผสานกันแล้วเกิดสติปัญญาขึ้น
“ใกล้สำเร็จแล้ว…” เวลานี้นางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่พลิกม้วนอย่างต่อเนื่อง
หลังจากกล่องหายไป เค้าโครงยักษ์ใหญ่สีเทาที่เหมือนกับโลหะก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากเมฆดำและเมฆเทา
“มาแล้ว!” คนชุดเทาผุดสีหน้าฮึกเหิม “ยังไม่ถึงเวลาของมหาวัฏจักรที่แท้จริง ดังนั้นเวลาที่มันผู้นี้จะออกมาได้จึงไม่ยาวนานนัก ขอแค่พวกเราซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง ก็น่าจะสามารถ ถ…”
เฟี้ยว!
ยังไม่ทันขาดคำ ลำเสาแสงสีเทาสายหนึ่งก็พุ่งลงมาปกคลุมตัวคนชุดเทาอย่างแม่นยำ
ร่างกายเขาชะงัก ขยับเขยื้อนไม่ได้ จากนั้นก็หลอมละลายเหมือนกับเทียนไข
สเตโกซอรัสและตี้วาสีหน้าเปลี่ยนแปลง หมุนตัวกลายเป็นเส้นแสงหลบหนี แต่น่าเสียดายที่สายไปเสียแล้ว
แสงสีทองสองสายปกคลุมลงมาตรึงร่างของทั้งสองไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
“ไม่…เป็นไปไม่ได้…” หน้างามของตี้วาฉายแววแตกตื่นหวาดกลัว “ผู้ที่พวกเราอัญเชิญมาน่าจะเป็นความโกลาหล…” นางสัมผัสได้ว่าจิตวิญญาณของตัวเอง จิตวิญญาณในร่างแปลงและร่างหลักทั้ งหมดของตน กำลังถูกสูบด้วยความเร็วสูง
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างนางก็ละลายกลายเป็นควันเทานับไม่ถ้วนระเหยหายไป
ชายขอบความโกลาหลไม่มีการดำรงอยู่และสิ่งมีชีวิตใดๆ อีก หมอกที่พลิกม้วนอยู่กลางท้องฟ้าอย่างรุนแรงค่อยๆ จมลงล่าง
ร่างสีเทาร่างหนึ่งลอยออกไปจากเมฆหมอกอย่างช้าๆ
มันมีเขาแหลมทที่โค้งขึ้นด้านบนสี่แท่ง ดวงตาสองดวงเหมือนกับวังวนหมอกเทาสองกลุ่ม
มองไปไกลๆ เหมือนกับอมนุษย์ร่างกำยำที่คลุมตัวด้วยขนปีกสีเทาหนา เพียงแต่เมื่อพิจารณาดีๆ จะพบว่า ขนปีกบนร่างมันต่างเป็นสิ่งที่งอกออกมาจากผิว
ขนปีกนับไม่ถ้วนขยับขยุกขยิกราวสิ่งมีชีวิต ให้ความรู้สึกเหมือนโลหะสลัวชนิดหนึ่ง
“ความว่างเปล่า ความโกลาหล ความนิรันดร์ เป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยจริงๆ…”
อมนุษย์แหวกขนหน้าอกของตนออกไปสองด้าน ตรงนั้นมีรอยแยกสีทองในแนวตั้งเส้นหนึ่ง แสงสีทองสว่างไสวสาดออกมาจากด้านใน