ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 137 รักษา (1)
บทที่ 137 รักษา (1)
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไร ลู่เซิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ
ตรงหน้าเขาคือพื้นของห้องลับที่เป็นหลุมเป็นบ่อ พื้นโลหะสีดำยังมีรอยยุบที่เขาทิ้งไว้ตอนฝึกวิชาก่อนหน้านี้
“น้ำ…” เขารู้สึกกระหายโดยสัญชาตญาณ ที่ลำคอเหมือนโดนเผา
ในห้องลับเงียบสงัด น่าเสียดายมีเขาอยู่คนเดียว ไม่มีคนช่วยเหลือ
ลู่เซิ่งใช้มือยันร่าง คิดลุกขึ้น
โครม!
แขนเขาไร้เรี่ยวแรง ล้มกลับมาอีกรอบ
“น้ำ…” เขาครางเบาๆ
ไม่มีคนตอบ เขาออกแบบคุณสมบัติกั้นเสียงของห้องลับห้องนี้เอง นอกจากนี้พื้นเหล็กยังยัดสิ่งของประเภทพื้นหินและปุยฝ้าย ราคาสูงยิ่ง แต่ว่ากั้นเสียงได้ดีสุดขีด
บวกกับเขาเคยสั่งว่า ถ้าไม่มีเรื่องอะไรห้ามรบกวนการปิดด่านของเขาเด็ดขาด ไม่ว่าองครักษ์ด้านนอกจะได้ยินการเคลื่อนไหวอะไร ก็ห้ามรบกวนเขา
ดังนั้นต่อให้เขาตะโกนอยู่ด้านใน ด้านนอกก็ไม่แน่จะมีคนมา
ลู่เซิ่งดิ้นรนสักพัก ยังคงลุกไม่ขึ้น ได้แต่นอนคว่ำพักผ่อน ฟื้นฟูพลังกาย
น่อง หลัง และแขนปวดแสบปวดร้อน เขาเอียงศีรษะดูบาดแผลขนาดใหญ่บนน่อง ขนขาวชั้นหนึ่งโผล่ขึ้นบนปากแผล
‘บัดซบ! ผู้ประกอบพิธีนั่นเป็นมารปีศาจอะไรกันแน่ พิษถึงได้แรงขนาดนี้!’ ลู่เซิ่งใจเต้นรัว วิชาหยินหยางกระเรียนหยกในกายเร่งการโคจร เริ่มกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
นอนคว่ำอยู่พักหนึ่ง เขาฟื้นฟูแรงมาได้เล็กน้อยอย่างยากเย็น ค่อยๆ ยันตัวขึ้น ย้ายไปอยู่ที่ช่องวางอาหารของห้องลับ หยิบถุงน้ำมาดื่มอึกใหญ่
ช่องลับเป็นรูที่ขุดบนกำแพง ด้านในไม่เพียงวางอาหาร ยังมีผงยา ยาขี้ผึ้งทั่วไปส่วนหนึ่ง และผ้าพันแผล
ลู่เซิ่งเลือกผงยาในถุงกระดาษสีขาวชุดหนึ่งออกมาจากด้านใน คลี่ออก ก่อนกลืนยาลงไป
‘หวังว่าจะมีผล ผงแก้พิษที่ศิษย์พี่ศึกษา’ ถึงจะทราบว่าผงยาเหล่านี้แก้ได้แค่พิษธรรมดา แทบไม่มีผลต่อพิษรุนแรงเหนือกว่าระดับพันธนาการ แต่ลู่เซิ่งยังคงยัดยาแก้พิษหลายชนิดเข้าปาก แล้วดื่มน้ำตามลงไป
กินเนื้อแห้งและขนม ในที่สุดเรี่ยวแรงก็กลับมาส่วนหนึ่ง เขาข่มความเจ็บปวด เริ่มจัดการอาการบาดเจ็บบนร่างกาย
อันดับแรกเป็นน่อง
น่องถูกคว้านออกไปพร้อมกับเอ็นและเนื้อเยื่อ เลือดเนื้อมีขนาดเท่ากำปั้น บาดเจ็บสาหัสมาก แม้แต่กระดูกก็เกือบไม่รอด
ส่วนที่น่ากลัวที่สุดคือขนสีขาวที่งอกบนเลือดเนื้อตรงปากแผลนั้น
ลู่เซิ่งข่มความเจ็บปวด หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากช่องลับ แล้วเฉือนไปที่ปากแผล
อ๊าก!
เขาร้องขึ้น ร่างสั่นเทา เลือดไหลหลั่งบนน่อง ขนขาวชั้นนั้นพร้อมกับเลือดเนื้อชิ้นเล็กๆ ถูกเขาตัดออกมา
ลู่เซิ่งรีบกดฝ่ามือที่แผล กั้นหลอดเลือดหลักเอาไว้ จากนั้นล้วงหยิบผ้าปุยฝ้ายสำหรับพันแผลออกมาจากในช่องลับ เทผงยาลงไปอย่างรวดเร็ว บวกกับใช้วิชาแข็งกร้าวควบคุมกล้ามเนื้อให้เกร็งตัวเพื่อหยุดเลือด ในที่สุดก็จัดการเรียบร้อย
ลู่เซิ่งจัดการบาดแผลบนน่องเช่นนี้ แล้วพันปิดบาดแผลที่เหลือบนร่างกายอย่างง่ายๆ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาค่อยนั่งขัดสมาธิ เริ่มตรวจสอบสภาพร่างกาย
เพียงแค่หลับตาสักพัก เขาก็ลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ้มฝาดเฝื่อน
‘ครั้งนี้ร้ายแรงมาก สาหัสกว่าวิชาทมิฬพิฆาต อีกทั้งยังไม่มีความสามารถฟื้นตัวมากพอ แต่ยังดีที่กำจัดผู้ประกอบพิธีทิ้งแล้ว การคุกคามหายไปชั่วคราว ขอแค่ไม่มีหลักฐานที่ใช้ได้จริง ตระกูลซั่งหยางอยู่เบื้องหลัง เราเองก็แสดงความสามารถในการป้องกันตัวเองที่มากพอ อย่างไรก็ไม่มีทางถูกสละทิ้งง่ายๆ”
ในร่างเขาอาการร่อแร่ ลมปราณวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานหายไปหมด ตอนนี้เหลือลมปราณแค่ไม่กี่สายไหลเวียนช้าๆ ภายในกาย ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เป็นแม่น้ำ เช่นนั้นตอนนี้ก็เป็นแค่หลอดน้ำ
วิชาหยินหยางกระเรียนหยกถูกผลาญไปมหาศาล เพิ่งสร้างปราณภายใน ก็ถูกบาดแผลใช้ไปจนหมด สะกดพิษและเร่งการฟื้นตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน ก็จำเป็นต้องใช้วิชาหยินหยางกระเรียนหยกหล่อเลี้ยงในปริมาณมาก
ข่าวดีเพียงหนึ่งเดียวคือ เพราะว่าวิชาแข็งกร้าวเหี้ยมหาญสุดขีด ดังนั้นอาการบาดเจ็บไม่มีผลข้างเคียงมากนัก มีแต่อาการบาดเจ็บภายในที่สำคัญ
หลักๆ เพราะการระเบิดปราณเหลวถึงสองครั้ง สร้างความเสียหายสาหัสแก่เส้นลมปราณภายในร่าง จนความเร็วในการฟื้นฟูเชื่องช้าถึงขีดสุด ไม่ว่าจะเป็นวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานหรือวิชาหยินหยางกระเรียนหยก ความเร็วในการฟื้นฟูได้รับความเสียหายในระดับใหญ่หลวง มีไม่ถึงหนึ่งในสิบของตอนแรก
ลู่เซิ่งนั่งปรับลมหายใจในห้องลับ แล้วรับประทานโอสถฟื้นฟูลมปราณภายใน ปิดด่านครึ่งวัน ไม่ทันไรก็ออกจากห้อง
ครั้งนี้แม้กำจัดผู้ประกอบพิธีทิ้ง แต่เขาสังหารศัตรูหนึ่งพันฝ่ายตัวเองสูญเสียแปดร้อย ปิดด่านไปก็ไม่ช่วยอะไร จำเป็นต้องหาวิชาและยาสำหรับรักษาโดยเฉพาะ
ภายนอกห้องลับ อวี้เหลียนจื่อกับผู้อาวุโสอีกคนรอเขาอยู่อย่างเคารพ เห็นลู่เซิ่งออกมาจากด่าน สองคนรีบเดินเข้าไปก้าวหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงนบน้อม
“เรียนประมุขพรรค จวนเซียวส่งคนมาเชิญท่านไปเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้”
“ไม่ไป บอกว่าข้าอยู่ระหว่างปิดด่านฝึกวิชา มีเรื่องสำคัญส่งจดหมายไปก็พอ” ลู่เซิ่งย่อมไม่ไปหาคราเคราะห์ที่จวนเซียวในเวลานี้
ทูตเขตแดนสี่คน บวกกับผู้ประกอบพิธีของจวนอู๋โยวถูกเขากำจัด หากยังไปอีกแล้วความลับแตก นั่นไม่ใช่หาที่ตายหรือ
อวี้เหลียนจื่อพยักหน้า จดจำทบทวน
“นอกจากนี้ ท่านรองประมุขเฉินอิงกลับมาจากทางเมืองทวิวาโยแล้ว นำเด็กชายคนหนึ่งมาด้วย ว่ากันว่าเป็นเด็กผู้รอดชีวิตจากครอบครัวที่ประสบภัย ดูท่าทางจะรับเข้าพรรค”
“ให้คนบันทึกไว้ก็พอ ตรวจสอบรายละเอียดของเด็กคนนั้นด้วย ขอแค่ไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องสนใจ” ลู่เซิ่งไม่มีเวลาสนใจเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ “จริงด้วย ผู้จัดการภารกิจภายนอกที่ออกไปทำภารกิจเล่า ยังไม่กลับมาอีกหรือ”
“เอ่อ… กลับมาหนึ่งคนแล้ว ที่เหลือไม่มีข่าวคราว” อวี้เหลียนจื่อเอ่ยเบาๆ
หลายวันแล้วยังไม่มีข่าวคราว ลู่เซิ่งปวดหัวบ้างแล้ว ตำแหน่งผู้จัดการภารกิจภายนอกมีอัตราการตายสูงมาก ดังนั้นจึงให้ระดับสูงในพรรคสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตอนนี้ถึงรอบผู้จัดการภารกิจภายในหวังกับผู้อาวุโสโอวหยางพอดี ตอนนี้ไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นอย่างไร
น่าเสียดายตอนนี้เขารับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่พลังระดับเอกะลักษณ์ทั่วไปยังไม่แน่ว่าจะเอาชนะได้ เกิดว่ามีศัตรูบุกมาในเวลานี้…
ลู่เซิ่งเปลือกในหวั่นเกรง เปลือกนอกหนักแน่น ให้พวกอวี้เหลียนจื่อออกไป แล้วไปที่ศาลาประกาศยุทธในพรรคก่อน
เฒ่าเฝ้าศาลาฟุบหลับปุ๋ยบนโต๊ะตัวยาวในหอชั้นที่หนึ่ง ในศาลาประกาศยุทธมีแค่ชั้นหนึ่งและชั้นสองที่พอมีคน ชั้นที่เหลือว่างเปล่า
ลู่เซิ่งไปชั้นที่สี่ซึ่งเป็นที่อยู่ของวิชากำลังภายในสำหรับรักษา
ไม่ทันไรก็หยิบวิชาลมปราณระดับพลังปลอดโปร่งหลายเล่มกลับมา ยังมีคัมภีร์ลับระดับสำนึกปลอดโปร่งที่เขาให้ผู้อาวุโสนำกลับมาก่อน ก็เก็บไว้บนชั้นที่สี่ด้วยเพื่อให้ระดับสูงฝึกฝน ตอนนี้ก็นำออกมาด้วย
“เฒ่าเฝ้าศาลาทราบหรือไม่ว่าวิชากำลังภายในวิชาไหนมีผลดีต่อการรักษาอาการบาดเจ็บ” ลมปราณของลู่เซิ่งในตอนนี้ไม่มั่นคง บวกกับเสียเลือดไปมาก หน้าซีดขาว เพียงมองก็ดูออกว่ารับบาดเจ็บ
เขาจึงไม่ปกปิด ฉวยโอกาสถามเฒ่าเฝ้าศาลา
เฒ่าเฝ้าศาลาตาปรือเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะยาว มองลู่เซิ่งแวบหนึ่ง แต่พอเห็น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนแปลง
“ท่านต่อสู้กับผีดิบมาหรือ!?”
ลู่เซิ่งงุนงง
“ผีดิบหรือ?!”
“ทั้งยังไม่ใช่ผีดิบทั่วไป อย่างน้อยก็เป็นระดับแม่ทัพอสุภแดง!” เฒ่าเฝ้าศาลาสีหน้าเคร่งขึมอย่างรวดเร็ว “ประมุขพรรคท่านตอนนี้หว่างคิ้วดำ เปลือกตาสองข้างมีสีแดงอมม่วง บนคอยังมีจุดสีเทาอ่อน ท่านพูดความจริง บาดแผลมีขนสีขาวงอกขึ้นชั้นหนึ่งใช่หรือไม่!?”
ลู่เซิ่งคิดไม่ถึงว่าเฒ่าเฝ้าศาลาจะรอบรู้ขนาดนี้ มองแวบเดียวก็ดูสภาพหลังได้รับบาดเจ็บของเขาออก จึงไม่ปิดบัง พยักหน้าตรงๆ “ถูกต้อง เป็นเช่นนี้จริงๆ เฒ่าเฝ้าศาลามีวิธีอะไรแก้พิษรักษาอาการบาดเจ็บได้บ้าง”
เฒ่าเฝ้าศาลาเงียบงันไปสักพัก
“วิธีเพียงหนึ่งเดียวคือใช้เม็ดบัวจิ่วเซียงแช่น้ำปริมาณมากแล้วลงไปแช่ตัว ขณะเดียวกันก็กินยาเพื่อขับไฟวันละสี่ครั้ง! อย่างน้อยหนึ่งปี ส่วนประสิทธิผลหลักๆ ขึ้นอยู่กับการฟื้นฟูของประมุขพรรค แต่ท่านทางที่ดีเตรียมใจเอาไว้ พิษของผีดิบแดงยุ่งยากยิ่ง”
นับตั้งแต่ออกมาจากศาลาประกาศยุทธ ลู่เซิ่งจิตใจตึงเครียดอยู่บ้าง เขานึกไม่ถึงว่าพิษของผู้ประกอบพิธีจะรุนแรงและเด่นชัดขนาดนี้
เขารีบให้คนหาเม็ดบัวจิ่วเซียงมา เริ่มแช่น้ำทันที พอแช่เสร็จก็รู้สึกปลอดโปร่งไปทั่วร่าง ในกายเหมือนถูกขับพิษและสิ่งสกปรกออกไปไม่น้อย
แม้เส้นลมปราณจะไม่ฟื้นฟู แต่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความร้อนที่ปากแผลลดน้อยลงมาก
กลับมาถึงห้องลับ เขาค่อยเอาโลหะที่ได้จากผู้ประกอบพิธีมาวางไว้ด้านหน้า ตรวจสอบอย่างละเอียด
ในแสงเทียนเหลืองมัวซัว ผิวโลหะเป็นแสงสีเหลืองเข้ม ลวดลายด้านบนเหมือนกับงูหลายตัว ที่สมจริงราวมีชีวิต ด้านในมีปราณหยินจำนวนมากที่เข้มข้นถึงระดับหนึ่ง
‘อาการบาดเจ็บของเรา คิดจะฟื้นฟู ดูเหมือนได้แต่หาปราณหยินแล้ว’ ลู่เซิ่งหยีตา เพ่งมองโลหะสีเหลืองเข้มตรงหน้า
เขาลูบรอยเลือดจากปากแผลของตัวเอง แล้วป้ายบนผิวโลหะ
ซู่… ควันสีขาวกลุ่มใหญ่ลอยขึ้นจากผิวโลหะ ปราณหยินอันมหาศาลทะลักเข้าสู่ร่างเขาอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำจากทำนบที่แตก
ลมปราณเย็นฉ่ำของปราณหยินทำให้ลู่เซิ่งแทบอดครางไม่ได้ แต่ยังคงฝืนไว้
‘สิ่งที่มีผลเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือรีบยกระดับวิชารักษาเช่นวิชาหยินหยางกระเรียนหยกมาใช้รักษา! ครั้งนี้ดีที่ได้ปราณหยินมาเยอะ ไม่อย่านั้นคงขาดทุนจริงๆ’ ลู่เซิ่งทอดถอนใจ รอคอยปราณหยินไหลบ่าจนจบ
เวลาผ่านไปนาทีต่อนาที พริบตาเดียวผ่านไปยี่สิบอึดใจ ปราณหยินยังทะลักเข้ามา ลู่เซิ่งคำนวณได้ชัดเจนว่ามีปราณหยินสิบหน่วยเข้ามาในร่างแล้ว ส่วนปราณหยินบนก้อนโลหะยังทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
นี่เป็นเหตุการณ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ทันใดนั้นลู่เซิ่งนึกเชื่อมโยงถึงเศษอาวุธเทพที่จางเผิงพูด
‘หรือว่านี่จะเป็นเศษอาวุธเทพที่ว่า’ เขาตื่นเต้น
ปราณหยินยังทะลักเข้ามาต่อเนื่องไม่ขาดสาย ผ่านไปเกือบห้าสิบลมหายใจ จึงค่อยๆ อ่อนลง จากนั้นก็จางหายไป
‘อย่างน้อยก็มีห้าสิบหน่วย!’ ลู่เซิ่งตั้งใจคำนวณ จิตใจลิงโลด นี่นับว่าเป็นผลพลอยได้เหนือความคาดหมายแล้ว
‘ดีปบลู!’
เขาจะต้องรีบเรียนรู้ยกระดับวิชาหยินหยางกระเรียนหยก รักษาอาการบาดเจ็บทันที ไม่อย่างนั้นอยู่ในสภาพนี้ เกิดถูกคนพบว่าพลังไม่พอ ไม่พูดถึงอย่างอื่น สตรีกางร่มจะต้องไม่ยอมพลาดโอกาสแน่
จตุรัสแดงเดิมสู้ตระกูลขุนนางไม่ได้ ไม่สนใจตระกูลซั่งหยาง ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลซั่งหยางก็มาเพียงชื่อ ไม่อาจระดมพลยอดฝีมือสู่แดนเหนือ ที่อัจฉริยะตระกูลซั่งหยางรั้งอยู่ที่นี่ ก็แค่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย
เสียงชิ้งดังขึ้น กรอบสีน้ำเงินของเครื่องมือปรับเปลี่ยนโผล่ขึ้นข้างหน้าลู่เซิ่ง
สายตาเขาอยู่ที่วิชาหยินหยางกระเรียนหยกซึ่งอยู่ด้านใน
พอมองดู เขาค่อยพบว่า วิชาหยินหยางกระเรียนหยกของตนถึงแค่ระดับสี่ จนถึงตอนนี้ วิชาเก้าพิฆาตแดงฉานควบแน่นปราณภายในเป็นของเหลว ถึงระดับที่เก้าแล้ว แต่ว่าองค์ประกอบรวมของวิชากำลังภายในหล่อเลี้ยงชีวิตที่ตอนแรกเขาพึ่งพาอย่างหนักวิชานี้ เพิ่งถึงระดับสี่
……………………………………….