ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 14 ซุ่มฝึกฝีมือ (4)
บนสมุดเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า
‘วิชานี้สามารถยืดอายุขัย ทำให้ตัวเบา กระตุ้นโลหิต มีผลปรับห้าอวัยวะตันให้ลมปราณราบรื่น รักษาอาการบาดเจ็บภายใน ทักษะพลังยิ่งล้ำลึก ประสิทธิผลยิ่งเลิศล้ำ’
‘รักษาอาการบาดเจ็บภายในหรือ’
ลู่เซิ่งหวั่นไหว
“คุณชาย? สมควรกินข้าวแล้ว ถึงกลางจื่อแล้ว…’
เสียงของเสี่ยวเฉี่ยวดังมาจากนอกประตูห้อง
ลู่เซิ่งขยับแขนและไหล่ทั้งสองข้างของเขา
ผลักประตูออกไป เห็นเสี่ยวเฉี่ยวหาม้านั่งตัวหนึ่งมานั่งรออยู่นอกปะตู ไม่ทราบว่ารอตนมานานเท่าไรแล้ว
กลางจื่อก็คือยามจื่อ
ตามการคำนวณเวลาของต้าซ่ง ขุนนางเวลาแบ่งหนึ่งวันออกเป็นสิบสองชั่วยาม แต่ละชั่วยามแบ่งเป็นต้นกับกลาง เวลากลางจื่อก็คือช่วงกลางของยามจื่อ
เป็นช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง
‘ดึกขนาดนี้แล้วหรือ’ ลู่เซิ่งมองดูลานด้านนอก ลานแห่งอื่นที่เดิมทีส่งเสียงอึกทึกตอนนี้เงียบสงบแล้ว
ในสายลมรัตติกาลแว่วเสียงฆ้องที่ยามเคาะโมงยามตีตอนเดินผ่านมาทางด้านนอก
“ตอนนี้ยังมีอะไรกินอีกหรือ”
ลู่เซิ่งเดินไปยังห้องครัว
ห้องครัวของตระกูลลู่สร้างระหว่างลานหน้าและลานหลัง ต้องเดินผ่านลานหลังจึงจะไปถึง
“ข้าให้ห้องครัวเก็บกับข้าวไว้ส่วนหนึ่ง แต่ละอย่างพอเหลืออยู่บ้าง อุ่นเล็กน้อยก็ได้แล้ว” เสี่ยวเฉี่ยวกล่าวเบาๆ ตามติดลู่เซิ่ง
คนทั้งสองออกจากลานหลังตามทางระเบียง ไปยังลานเล็กของห้องครัว
ในลานของห้องครัววางโต๊ะเก้าอี้หลายตัวกระจัดกระจาย ให้เหล่าข้ารับใช้ที่เป็นพ่อครัวไว้กินอาหารโดยเฉพาะ
ทั้งสองคนเพิ่งเข้าลานเล็ก ก็เห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างโต๊ะ กำลังกินอาหารที่เก็บไว้ให้ลู่เซิ่งบนโต๊ะคำโตๆ
“พี่ใหญ่ ไฉนดึกขนาดนี้ยังไม่นอน” คนที่กินข้าวเงยหน้าขึ้น ถึงกับเป็นใบหน้าของดรุณีที่บริสุทธิ์งดงาม
“ชิงชิงหรือ” ลู่เซิ่งเห็นดังนั้นก็งุนงง “เจ้ากลับมาตอนไหน”
เขานั่งลงตรงข้าม พิจารณาดูลู่ชิงชิงที่กำลังกินอย่างออกรส
น้องสาวที่มารดารองของเขาให้กำเนิดผู้นี้ เป็นพี่น้องต่างมารดากับเขา แต่มารดารองปฏิบัติกับเขาเหมือนบุตรแท้ๆ ยังดีกับเขายิ่งกว่าบุตรีของตัวเอง
ในความทรงจำเริ่มแรกของลู่เซิ่ง ความรู้สึกที่มีต่อมารดารองกับลู่ชิงชิงสุดที่พี่น้องคนอื่นจะเทียบได้
“นี่มิใช่เพิ่งมาถึงบ้านหรอกหรือ ท้องหิวจึงมาที่นี่แล้ว พบว่าบนโต๊ะวางกับข้าวไว้โต๊ะใหญ่ นึกว่าเตรียมไว้ให้ข้าเสียอีก”
ลู่ชิงชิงสะพายกระบี่ สวมชุดรัดรูปสีน้ำเงิน รัดทรวงอกไว้ ถ้ามิใช่ใบหน้างดงามจริงๆ คงแยกแยะไม่ออกว่านางเป็นสตรี
“เจ้าไม่ควรกลับมา…” ลู่เซิ่งถอนใจ
“เพราะอะไร”
ลู่ชิงชิงวางชามข้าวลง ใบหน้าพลันเย็นชา
“พี่ใหญ่สวีตายโดยไม่ทราบสาเหตุ บ้านลุงสวีไปทำอะไรมากันแน่ ภูตผีปีศาจเป็นเรื่องไร้สาระ ข้าไม่เชื่อเรื่องพรรค์นี้!”
“เจ้าหมายความว่าอะไร”
ลู่เซิ่งจ้องมองนาง
“ข้าครั้งนี้กลับมาก่อน ก็เพื่อจะตรวจสอบสาเหตุการตายที่แท้จริงของพี่ใหญ่สวี จับฆาตกรรับโทษตามกฎหมาย!”
ลู่ชิงชิงกล่าวอย่างจริงจัง รังสีสังหารสายหนึ่งแวบขึ้นในดวงตา
ลู่เซิ่งมองน้องรองผู้นี้ แล้วก็เงียบอยู่นาน
บนใบหน้าลู่ชิงชิงปรากฏความขุ่นเคืองขึ้น
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่สวีตายแล้ว ท่านหรือว่าไม่เคยคิดตรวจสอบความจริงแม้แต่น้อย!”
“ข้าตรวจสอบแล้ว ไม่มีเงื่อนงำ…” ลู่เซิ่งส่ายหน้า “ไม่เจอเบาะแสของฆาตกรใดๆ ร่องรอยอันใดก็ไม่มี คนหลายสิบคน ทั้งบนล่างของตระกูล ตายอย่างอนาถในคืนเดียว แม้แต่ข้อมูลสักเล็กน้อยก็ไม่มี”
“ข้าไม่เชื่อ!”
ลู่ชิงชิงลุกขึ้น
“ข้ากินอิ่มแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มตรวจสอบ พี่ใหญ่ข้าไปพักผ่อนแล้ว”
นางพูดจบก็สาวเท้ายาวๆ ไปยังด้านนอกของลานเล็ก
“เสี่ยวเฉี่ยว เจ้าต้องการไปห้องข้าหรือไม่”
นางถือโอกาสทักทายเสี่ยวเฉี่ยว
เสี่ยวเฉี่ยวส่ายศีรษะด้วยสีหน้าอึมครึม เห็นได้ชัดว่าพอพูดถึงเรื่องของพี่ใหญ่สวีก็รู้สึกเศร้าสร้อย
สวีเต้าหรานที่แล้วมาดีกับพวกนางยิ่ง ทั้งอ่อนโยนมีมารยาท ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึงว่าคนดีๆ แบบนั้นอยู่ๆ ก็จากไปแล้ว
ลู่ชิงชิงจากไปแล้ว
ลู่เซิ่งนั่งลง ให้เสี่ยวเฉี่ยวอุ่นกับข้าวให้ กินของที่เหลือจนหมด
‘ชิงชิงออกไปกราบอาจารย์ร่ำเรียนวิชามาห้าปีแล้ว เถี่ยซังเต้าหยินเป็นยอดฝีมือเชิงกระบี่ที่โด่งดังใกล้ๆ เมืองเก้าโชติ แต่ตอนนี้ดูเหมือนนางก็ไม่ได้ฝึกกำลังภายในเช่นกัน’
คนที่ฝึกฝนกำลังภายใน ตามบันทึกในวิชากระเรียนหยก ต่างมีจุดเด่นที่สายตาคุกคามคน
กำลังภายในยิ่งล้ำลึก ประกายในดวงตายิ่งสว่างไสว
แต่ว่าน้องรองลู่ชิงชิง สายตามืดมัว ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา เห็นได้ชัดว่ามิใช่ผู้ฝึกกำลังภายใน
‘จะว่าไปก็ถูกอยู่ คนที่มีกำลังภายในได้ ไฉนจะมีอยู่ทุกที่เหมือนผักกาดขาว เพียงแต่แบบนี้ดูเหมือนตวนมู่หว่านนั่นไม่ธรรมดาถึงขีดสุดแล้ว…’
ลู่เซิ่งใคร่ครวญเล็กน้อย สงบจิตใจเริ่มตั้งสมาธิกินข้าวต่อ
…
เช้าตรู่ของอีกวัน
ลู่เซิ่งไปบ้านจางสวินหัวหน้ามือปราบจางกับลุงจ้าวแต่เช้า
“ฝ่ามือทำลายใจของหัวหน้ามือปราบจางแม้เป็นวิชากำลังภายนอก แต่ว่ากันว่าสามารถเทียบเคียงกับฝ่ามือทรายเหล็กในตำนานได้
“ฝึกการทะลวงพลังเป็นหลัก สามารถแยกภูเขาสู้กระทิง โจมตีอวัยวะภายในของศัตรูได้โดยตรง ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง”
ระหว่างทาง ลุงจ้าวกับลู่เซิ่งหนึ่งคนหนึ่งม้าขี่ไปยังบ้านจางสวินอย่างไม่รีบร้อน
บ้านของจางสวินอยู่ในย่านร้านตีเหล็กใกล้กำแพงเมืองเก้าประสาน
แถบนี่หลักๆ มีแต่คนยากจน ช่างฝีมือ ร้านตัดไม้ ร้านตีเหล็กอยู่
ลู่เซิ่งขณะมุ่งหน้ามา บริเวณรอบๆ ที่เห็นเป็นคนยากจนมีสีหน้าเหลืองตอบทั้งสิ้น คนเดินถนนส่วนใหญ่ใส่อาภรณ์เป็นรอยปุปะ
“ชื่อเสียงของฝ่ามือทำลายใจ ตอนเด็กบางครั้งข้าก็เคยได้ยิน เพียงแต่หัวหน้ามือปราบจางไฉนตกต่ำถึงขั้นนี้ ไม่ว่าเส้นสายหรือขีดความสามารถหรือประสบการณ์ ท่านผู้เฒ่าสามารถรับตำแหน่งขุนนางสอนวรยุทธ์ในที่ทำการได้ถมเถ”
ลู่เซิ่งถาม
ลุงจ้าวส่ายหน้า
“เพราะอะไรนะหรือ เป็นเพราะคดีสะเทือนขวัญคดีหนึ่งในอดีต เขาเพื่อแก้แค้น แม้สุดท้ายจะสังหารอีกฝ่ายด้วยตัวเองได้ ตนเองก็ตกสู่ขั้นอาการบาดเจ็บซ่อนเร้น รอเวลากำเริบ แค่ยาบำรุงแต่ละอย่างก็สิ้นเปลืองสมบัติของตระกูลแล้ว”
ขณะพูดคุยกัน คนทั้งสองก็มาถึงหน้าลานเล็กผุผังแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ลุงจ้าวลงจากม้าไปเคาะปะตู
“ผู้ใด”
ไม่ทันไรคนหนุ่มผ่ายผอมคนหนึ่งก็มาเปิดประตู
“ลุงจ้าวรึ” เขามองจ้าวต้าหู่ตรงหน้าประตูอย่างแตกตื่นยินดี “เชิญเข้ามาๆ!”
ลู่เซิ่งเข้าประตูตามไป แวบแรกก็เห็นชายชราผมขาวที่นั่งตากแดดอยู่ในลาน
“คุณชายใหญ่ลู่หรือ”
ชายชรากล่าวเสียงดัง เหมือนคนขวานผ่าซาก
“ใช่แล้ว”
ลู่เซิ่งประสานมือ
“แท่งเงินที่ก่อนหน้าท่านส่งมาให้ ข้าผู้เฒ่าได้รับแล้ว วิธีการฝึกฝ่ามือทำลายใจ ข้าสามารถถ่ายทอดให้ท่านา เพียงแต่ข้าผู้เฒ่ามีคำขอร้องที่ไร้เหตุผลข้อหนึ่ง”
หัวหน้ามือปราบจางสวินเป็นชายชราที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่
“อาจารย์จางโปรดบอก”
ลู่เซิ่งสีหน้าเรียบเฉย
“ข้าผู้เฒ่า หวังว่าคุณชายใหญ่ลู่ จะหาคนสักหลายคนรับถ่ายทอดความสามารถนี้ ไม่ให้สิ่งที่ข้าพยายามสร้างขึ้นมาชั่วชีวิตเสียเปล่า” เสียงของจางสวินเต็มไปด้วยพลัง ยังคงมีสภาวะที่ยิ่งใหญ่
“อาจารย์จางวางใจ! ผู้เยาว์รับปาก!”
ลู่เซิ่งกล่าวอย่างแน่วแน่
“ดี! ใช้ดาบ ใช้ฝ่ามือ ต้องมีสภาวะพกดาบเดียวไปตามนัด ไม่มีสิ่งใดต้านทาน! หากไม่มีจิตวิญญาณ เช่นนี้ดาบที่ใช้ออกมาแกร่งอย่างไรก็เป็นแค่โครงเปราะบาง!”
จางสวินเสียงพลันขึงขัง
“ฝ่ามือทำลายใจกับวิชาดาบของข้ามีจุดร่วมกัน ออกฝ่ามือ ออกดาบจะต้องทุบหม้อทำลายเรือ จินตนาการว่าตัวเองอยู่ในสภาพจนตรอก แบบนี้จึงจะระเบิดพลังกับความเร็วที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาได้!
“ใจมีความลังเล! พลังไม่อาจบรรลุ!”
ลู่เซิ่งจิตใจสั่นไหว พลันคล้ายเข้าใจอันใด
“พลังกาย ปราณ จิต ล้วนประสานกัน รวมอยู่ที่จุดหนึ่ง นี่เป็นเคล็ดลับวิชาดาบกับฝ่ามือทำลายใจของข้า!”
จางสวินเอ่ยเสียงจริงจัง
ลู่เซิ่งหลับตายืนตรง คล้ายเข้าใจอันใด มือกำดาบยาวที่หว่างเอว
เขาเพิ่งมาถึงลาน ก็ถูกอดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองเก้าประสานผู้นี้สั่งสอนทันที
‘ใจมีความลังเล พลังไม่บรรลุ’
ประโยคนี้เหมือนสายฟ้าฟาด สะท้อนในใจเขาไม่หยุด
ตลอดมาเขามิใช่เพราะคิดมากเกินไปหรอกหรือ ดังนั้นวิชาดาบจึงรู้สึกติดชะงักเล็กน้อย
ตอนนี้คิดดูแล้ว สมควรขาดสภาวะจิตใจเล็กน้อยนั้น!
ขอบเขตของเขายังแข็งแกร่งกว่าลุงจ้าว แต่พอต่อสู้ในความเป็นจริง ก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะลุงจ้าวได้ เดิมนึกว่าตัวเองขาดประสบการณ์
ตอนนี้ดูแล้วขาดจิตใจเช่นนี้เอง
สักพักหนึ่ง
ลู่เซิ่งประสานมือคำนับจางสวิน
“ขอบคุณอาจารย์จาง!”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้คนอื่นๆ ล้วนออกไป ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดลับฝ่ามือทำลายใจให้แก่ท่าน!”
จางสวินพูดเสียงดังกังวาน
ลุงจ้าวกับคนหนุ่มผู้นั้นยิ้มหนักใจเล็กน้อย ต่างล่าถอยออกจากลาน
ตลอดทั้งวัน
ลู่เซิ่งอยู่กับจางสวิน จดจำเคล็ดลับและกระบวนท่าของฝ่ามือทำลายใจ
วิชาฝึกจิตกระบวนท่าผสานรวม จางสวินถ่ายทอดประสบการณ์สู้กับศัตรูในอดีตของตัวเองทีละอย่างๆ โดยไม่ปกปิดแม้แต่น้อย
กำลังภายในของลู่เซิ่งอยู่ในระดับเบื้องต้น พลังสมาธิคึกคัก ทั้งวันพักผ่อนสองครั้ง ระหว่างนี้ร่ำเรียนฝึกฝนตลอด
พอพลบคล่ำ เขาก็จดจำเคล็ดลับของฝ่ามือทำลายใจได้ทั้งหมด จากนั้นค่อยบอกลาจากไป
กลับมาถึงบ้าน เขากลับห้องตัวเองทันที นั่งขัดสมาธิลง
‘ดีปบลู!’
ใช้ความคิดในใจ อินเตอร์เฟซของเครื่องมือปรับเปลี่ยนโผล่ออกมาอีกครั้ง
หลังจากกดปุ่มปรับเปลี่ยน เครื่องมือปรับเปลี่ยนทั้งหมดก็กะพริบอย่างรุนแรง
ลู่เซิ่งเพ่งความสนใจไปที่วิชากระเรียนหยกเมื่อก่อนหน้า
‘ครั้งนี้สมควรไม่มีปัญหาแล้ว’
การปรับเปลี่ยนวรยุทธ์ชนิดหนึ่ง แบ่งเป็นการพัฒนาหลายครั้ง แบบนี้ไม่รุนแรงเกินไป ร่างกายรับภาระน้อยเช่นกัน
‘เพิ่มหนึ่งระดับ!’
ลู่เซิ่งมองวิชากระเรียนหยกเขม็ง
ไม่ทันไร ขอบเขตสถานะของวิชากระเรียนหยกก็เด้งจากเบื้องต้นไปสู่ระดับหนึ่ง
ลู่เซิ่งพลันรู้สึกว่าอวัยวะภายในล้วนเหมือนติดไฟ ปากคอแห้งผาก ใบหน้าแดงขึ้น
เขาอ่านคัมภีร์ลับมา ทราบว่านี่เป็นอาการปราณภายในมากเกินไป โน้มนำให้อัคคีใจโชติช่วงเกินควร
ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว หยิบชาสือหูกระถางหยกที่เตรียมไว้ดีแล้ว เริ่มจิบคำเล็กๆ
ชาสือหูถูกเรียกว่าเป็นหญ้าเซียนบำรุงหยิน ความสามารถในการบำรุงยอดเยี่ยม ในโลกปัจจุบันมีชาสือหูผิวเหล็กเป็นสุดยอดของชา แต่ที่นี่มีชาสือหูกระถางหยกเป็นสุดยอดของชา
เป็นของบำรุงล้ำค่าที่นำเข้ามาจากจงหยวน
ห้องยาในบ้านเก็บไว้ส่วนหนึ่ง พอดีเขาได้ใช้
ดื่มชาสือหูเข้มสามถ้วยติดกัน ลู่เซิ่งค่อยรู้สึกว่าทรวงอกเริ่มคลายร้อนรุ่ม
‘ถ้ายึดตามการบันทึกบนคัมภีร์ลับ วิชากระเรียนหยกนี้มีทั้งหมดสองระดับ ความรู้สึกถึงลมปราณหนึ่งวันก็เกิดได้
‘ส่วนระดับเบื้องต้นกลับใช้เวลาหนึ่งร้อยวัน ต้องเป็นคนมีคุณสมบัติถึงจะทำได้
‘ฝึกฝนระดับหนึ่งเสร็จ จำเป็นต้องใช้เวลาสองถึงสามปี ระดับที่สองนี้จำเป็นต้องใช้เวลาห้าถึงสิบปี”
เขาวางถ้วยชาลง เทชาสือหูจากในกาชาออกมาโยนเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลงไป
‘เราใช้เวลาพริบตาเดียว เท่ากับการฝึกฝนอย่างหนักของคนอื่นเป็นเวลาสองถึงสามปี กลับไม่เลว’
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าลมปราณที่ทรวงอกของตัวเอง มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้าไม่น้อย
หากก่อนหน้าเป็นแค่เส้นผม เช่นนั้นตอนนี้ก็มีขนาดเท่าตะเกียบแล้ว
ลู่เซิ่งมองไปที่วิชาอีกวิชา ฝ่ามือทำลายใจ
วิชานี้แสดงผลว่ายังไม่เริ่มต้น กำลังภายนอกกับกำลังภายในไม่เหมือนกัน ขอแค่จำกระบวนท่าวิชาฝึกจิต ก็จะแสดงผลบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนได้
ส่วนกำลังภายในจำเป็นต้องเกิดความรู้สึกถึงลมปราณถึงจะปรับเปลี่ยนได้
ลู่เซิ่งคิดจะเร่งเพิ่มระดับวิชากระเรียนหยก ยกระดับของพลังกาย ปราณ และจิตก่อน ค่อยปรับเปลี่ยนวิชาอื่นๆ เมื่อเป็นแบบนี้ ร่างกายจะรับภาระได้ ทำให้ผ่อนคลายลงมาก
……………………………………….