ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 200 บังเอิญ (2)
บทที่ 200 บังเอิญ (2)
หลังจากลู่เซิ่งคุ้นเคย ก็รู้สึกได้ว่าตนเองจดจำท่าเท้าของวิชาแสงมายาได้ทั้งหมด ทั้งยังควบคุมวิชาเดินลมปราณได้อย่างแม่นยำ เขาจดจำอีกสองระดับที่เหลือ แล้วค่อยนั่งขัดสมาธิ
‘ดีปบลู!’
เขาเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยน
กรอบสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินปรากฏขึ้น มีกรอบของวิชาแสงมายาโผล่มาด้านล่างสุดอย่างที่คิดไว้
[วิชาแสงมายา: ยังไม่เริ่มต้น]
‘เริ่มกันเลย… ยกระดับวิชาแสงมายาถึงระดับสาม’ ลู่เซิ่งกดปุ่มเริ่มปรับเปลี่ยนบนเครื่องมือ แล้วเพ่งสมาธิทั้งหมดไว้บนกรอบวิชาแสงมายา
ขณะรวบรวมสมาธิ กรอบพลันกระเด้งจากระดับไม่เริ่มต้นเป็นเบื้องต้น ใช้ปราณหยินไปแค่หนึ่งหน่วย
‘อีกครั้ง’ ลู่เซิ่งจดจ่อสมาธิต่อ
เสียงพึ่บๆ ดังสองครั้ง วิชาแสงมายาเด้งจากระดับเบื้องต้นเป็นระดับหนึ่ง แล้วเป็นระดับสอง และระดับสาม
ลู่เซิ่งเริ่มรู้สึกได้ว่า ขา สะโพก รวมถึงเอวเกิดอาการกล้ามเนื้อชาคัน ยังมีความรู้สึกปวดตุบๆ ทว่าไม่นานก็หายไป
เขาในตอนนี้มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเกินไป ทำให้ฝึกฝนวิชาตัวเบาระดับพลังปลอดโปร่งนี้สำเร็จได้ในพริบตา สำหรับเขาแล้ว เป็นแค่ภาระทั่วไป ไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย
‘สำเร็จแล้วเหรอ’ ลู่เซิ่งผุดลุกขึ้น รู้สึกว่ามีประสบการณ์การใช้วิชาแสงมายามากมายทะลักเข้ามาในห้วงสมอง
เขาทดลองพุ่งออกไปด้านหน้าสองสามก้าว
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ลู่เซิ่งก้าวเท้าติดกันสามก้าว พริบตาเดียวก็ถึงสุดห้องลับ ตอนกำลังจะชนกำแพง เขาเคลื่อนย้ายไปทางซ้าย
เขาเลี้ยวไปทางซ้าย พุ่งออกไปอีกหลายหมี่ จากนั้นก็ถอยหลังด้วยความเร็วสูง พุ่งไปทั่วห้องลับ เปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างรวดเร็ว
‘คล่องแคล่วกว่าก่อนหน้ามากจริงๆ ก่อนหน้านี้อยากเปลี่ยนทิศทาง ต้องชะลอความเร็วก่อนถึงจะเปลี่ยนได้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องชะลอ ก็เปลี่ยนทิศได้แล้ว ถึงขั้นรุกหน้าถอยหลังได้ด้วย วิชาแสงมายานี้ใช้ได้’
ลู่เซิ่งพึงพอใจ
‘จากนี้เป็นของจริงแล้ว’ เขาหยิบวิชาตัวเบาเล่มที่สองขึ้นมา ครั้งนี้เป็นวิชาเมฆาเกาทัณฑ์
วิชาเมฆาเกาทัณฑ์เป็นวิชาตัวเบาที่เน้นเร่งความเร็วแบบเป็นเส้นตรง เพิ่มประสิทธิผลของพลังระเบิด ไม่ใช้ปราณภายใน เป็นวิชากำลังภายนอก
ลู่เซิ่งฝึกฝนไปครั้งหนึ่ง จำวิชาเดินลมปราณกับท่าเท้า ก็เห็นกรอบโผล่ขึ้นบนเครื่องมือปรับเปลี่ยน
จากนั้นก็หยิบเล่มที่สาม ‘ก้าวอาชาโบยบิน’ ‘วิชาปราณหนักเบา’ ‘วิชาสามพบจรจาก’ ‘วิชาพายุปั่นป่วน’ หลังจากเวลาผ่านไป วิชาตัวเบาแต่ละเล่มก็ถูกเขาจดจำไว้ แล้วเข้าไปอยู่ในกรอบบนเครื่องมือปรับเปลี่ยน
หลังจากลู่เซิ่งจำวิชาตัวเบาทั้งหมดแล้ว ก็เพ่งสมาธิที่วิชาแสงมายาอีกครั้ง พอเห็นปุ่มเรียนรู้หลังวิชาตัวเบาวิชานี้ เขาก็สูดหายใจแผ่วเบา ดวงตาสงบนิ่ง
“เรียนรู้วิชาแสงมายาถึงระดับสี่” เสียงยังไม่ทันขาดลง ลู่เซิ่งกดปุ่มเรียนรู้ รู้สึกในร่างสั่นไหวเบาๆ
สองขาเกิดความรู้สึกชาดิกขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกเบาหวิวปลอดโปร่งส่งมาจากขา
เขาไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับระดับสาม ระดับสี่ของวิชาแสงมายาที่ไหลเข้าสู่สมอง ใช้ท่าเท้าทักษะของวิชาเมฆาเกาทัณฑ์เพิ่มความเร็วระเบิด วิชาในกรอบเปลี่ยนแปลงไป
[วิชาแสงมายา: ระดับสี่ ผลพิเศษ: ระเบิดขั้นหนึ่ง คล่องแคล่วขั้นสาม]
‘อีกรอบ! เรียนรู้วิชาแสงมายาถึงระดับห้า!’ ลู่เซิ่งมองเครื่องมือปรับเปลี่ยนด้านหน้าพร้อมกดปุ่มต่อ
กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนสั่นเบาๆ จากนั้นจางลง แล้วชัดขึ้นอีกครั้ง
[วิชาแสงมายา: ระดับห้า ผลพิเศษ: ระเบิดขั้นสอง คล่องแคล่วขั้นสาม]
สีหน้าของลู่เซิ่งไม่เปลี่ยนแปลง กดปุ่มสู่ระดับต่อไป
‘เรียนรู้วิชาแสงมายาถึงระดับหก’
กรอบพร่ามัวแล้วชัดขึ้นใหม่อีกรอบ
[วิชาแสงมายา: ระดับหก ผลพิเศษ: ระเบิดขั้นสาม คล่องแคล่วขั้นสาม สั่นสะเทือนขั้นหนึ่ง]
ครั้นเห็นผลพิเศษที่โผล่มาใหม่ ลู่เซิ่งก็หยีตาสัมผัสอย่างละเอียด ก่อนพบว่าการสั่นสะเทือนนี้ดูดซับทักษะสะท้อนกลับจากวิชาแข็งกร้าวในวิถีหยางโชติช่วงที่เขาฝึกฝน
‘เอาอีก! เรียนรู้วิชาแสงมายาระดับเจ็ด’
[วิชาแสงมายา: ระดับเจ็ด ผลพิเศษ: ระเบิดขั้นสี่ คล่องแคล่วขั้นสี่ สั่นสะเทือนขั้นสอง]
เพิ่มไปทีละระดับ
การใช้ปราณหยินค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตอนถึงระดับเก้า ในที่สุดปราณหยินก็ถูกใช้เพิ่มเป็นสองหน่วยต่อการยกระดับหนึ่งครั้ง
…
‘เรียนรู้วิชาแสงมายาระดับสิบ!’ ลู่เซิ่งมองกรอบด้วยความคาดหวัง
สองขาของเขาค่อยๆ พองขยาย กล้ามเนื้อที่เหมือนกับลวดเหล็กหลายมัดผนึกรวมกันช้าๆ ปราณหยินหยางขวดสมบัติจำนวนมากเข้าไปรวมตัวกัน เร่งการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและโครงกระดูก
กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนจางลงอีกครั้ง ครั้งนี้ตอนที่มันชัดขึ้น ใช้เวลาไปเกือบสามอึดใจ ตอนที่โผล่มาใหม่ วิชาแสงมายาก็เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง
[วิชาแสงมายา: ระดับสิบ ผลพิเศษ: กระทืบพสุธาขั้นหนึ่ง คล่องแคล่วขั้นเจ็ด]
‘กระทืบพสุธา… โผล่มาได้ยังไงกัน!’ ลู่เซิ่งตกตะลึง ผลพิเศษนี้เป็นผลพิเศษอันแข็งแกร่งในเกมจอมยุทธ์มือถือที่เขาเล่นเมื่อชาติก่อน สามารถฉีกทำลายผืนดิน สร้างการสั่นสะเทือน นับเป็นการโจมตีวงกว้าง
คลื่นสั่นสะเทือนจากท่ากระทืบพสุธา คล้ายกับการงอกขึ้นของแผ่นดินที่ผู้ประกอบพิธีผีดิบขาวใช้ในตอนนั้น
‘วิชากำลังภายนอกเพียงอย่างเดียวเมื่อแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง อานุภาพจะเริ่มใกล้เคียงกับวิชาลับของมารปีศาจงั้นเหรอ’ ลู่เซิ่งหยีตา
เขาดึงขากางเกงขึ้น ผิวบนขาที่โผล่มาไม่ทราบว่ากลายเป็นสีดำตอนไหน กล้ามเนื้อหลายกลุ่มที่เหมือนเกราะฝังอยู่บนขา ระหว่างกล้ามเนื้อสีดำเป็นเส้นเลือดสีแดง กระจายบนต้นขาและขาท่อนปลายเหมือนตาข่าย ด้านในยังมีเสียงเลือดไหลเวียนอย่างรุนแรงดังซู่ๆ
ตอนนี้ขาไม่เหมือนขามนุษย์แล้ว กล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นเอ็นเมื่อแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง การกลายพันธุ์ที่เกิดขึ้นก็เหนือกว่าสภาพการรับรู้ของคนธรรมดาไปแล้ว
‘ก่อนหน้านี้ใช้ปราณหยินไปสิบกว่าหน่วย ยังไปต่อได้’ ลู่เซิ่งมองกรอบวิชาแสงมายาอย่างใจเย็น วิชาแสงมายาในตอนนี้ได้ดูดซับวิชาแข็งกร้าว วิชากำลังภายนอก วิชาตัวเบาวิชาอื่น หรือแม้แต่ของบางอย่างในวิชากำลังภายในเข้าไปแล้ว มีความรู้สึกจากนอกเข้าสู่ในก่อให้เกิดปราณภายในอย่างเลือนราง ไม่ใช่วิชาตัวเบาธรรมดาๆ อีกแล้ว
“อนุมานวิชาแสงมายาถึงระดับสิบเอ็ด” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างสงบ
ซู่…
กรอบเลือนลง แล้วแจ่มชัดอีกรอบ
[วิชาแสงมายา: ระดับสิบเอ็ด ผลพิเศษ: กระทืบพสุธาขั้นสอง คล่องแคล่วขั้นแปด] ครั้งนี้ใช้ปราณหยินสองหน่วย
ลู่เซิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง เริ่มเพิ่มระดับต่อ
ระดับที่สิบสอง ระดับที่สิบสาม ระดับที่สิบสี่ ระดับที่สิบห้า ระดับที่สิบหก ระดับที่สิบเจ็ด สิบแปด สิบเก้า ยี่สิบ!
วิชาแสงมายาระดับที่ยี่สิบเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณสมบัติอีกครั้ง วิชาตัวเบาวิชานี้ในขณะนี้ หากเรียกว่าวิชาแสงมายาต่อ ก็ไม่อาจครอบคลุมประสิทธิผลของมันได้อีกแล้ว
[วิชาแสงมายา: ระดับยี่สิบ ผลพิเศษ: ไม่ทราบขั้นหนึ่ง] ผลพิเศษทั้งหมดหายไป มีแค่ตัวหนังสือสีแดงแถวหนึ่งแสดงผลอยู่เงียบๆ ด้านหลังกรอบผลพิเศษ
ในที่สุดลู่เซิ่งก็หยุดการเรียนรู้
เขามองสองขาของตนเอง กล้ามเนื้อและกระดูกที่ส่วนขาไม่ได้เปลี่ยนจากก่อนหน้ามากนัก สิ่งที่แตกต่างเพียงหนึ่งเดียวคือ กำลังมีอะไรงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนเข่าและฝ่าเท้า
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าร่างกายใช้ปราณหยินหยางขวดสมบัติด้วยความเร็วสูง ปราณขวดสมบัติจำนวนมากถูกใช้ซ่อมแซมร่างกายจากการเปลี่ยนแปลงและการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง
เวลาค่อยๆ ผ่านไป การเปลี่ยนแปลงที่ขาทั้งสองข้างชัดเจนยิ่งขึ้น ในที่สุดลู่เซิ่งก็เข้าใจแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ขาของตนแล้ว
ขาสองข้างของเขาต่อให้ไม่สวมกางเกง ก็เหมือนกับมีเกราะโลหะสีดำชั้นหนึ่งปกคลุม แวววาวแข็งแรง ฝ่าเท้าธรรมดาในตอนแรกมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
นิ้วเท้าแหลมขึ้น เล็บเท้าคมกริบ เคลื่อนไหวได้เหมือนฝ่ามือ ฝ่าเท้ายาวขึ้น ผลึกทรงสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนก้อนหนึ่งงอกขึ้นมาตรงกลางฝ่าเท้า เหมือนกับผลึกที่ฝังในเกราะอ่อน
รอบๆ ขาท่อนปลายยังมีกลุ่มหนามแหลมเหมือนแผ่นเกราะโผล่มา เป็นสีดำทะมึนดุร้าย ห่อหุ้มขาทั้งหมด เมื่อก้มมองดูจะเห็นว่าในร่องแยกกลางแผ่นเกราะเหล่านี้เป็นรูที่เหมือนกับลำกล้องปืนเล็กๆ นับไม่ถ้วน
ฟุ่บ
ลู่เซิ่งลุกขึ้น ท่อนล่างเหมือนสวมเกราะอ่อนสีดำที่หนาหนักน่ากลัว
‘ผลพิเศษนี้…’ เขาดูผลพิเศษปริศนาในกรอบผลพิเศษของวิชาแสงมายาอีกครั้ง ลางสังหรณ์บอกเขาว่าจะทดลองมันที่นี่ไม่ได้
‘ในเมื่อร้ายกาจกว่ากระทืบพสุธาที่สั่นสะเทือนบริเวณรอบๆ อานุภาพของผลพิเศษนี้จะต้องมีทั้งผลของวิชาตัวเบาและพลังทำลายล้างแน่นอน ต้องหาที่โล่งๆ สักแห่งทดลองดู’
ปราณหยินถูกใช้ไปพอประมาณ เหลือแค่ไม่กี่หน่วย ลู่เซิ่งไม่นำพา เขาสัมผัสผลพิเศษของวิชาแสงมายาได้แล้ว เบาหวิว ปราดเปรียว และมีพลังระเบิดที่คาดไม่ถึงอยู่เต็มเปี่ยม
‘ใช้ได้แล้ว…’ ลู่เซิ่งปล่อยขากางเกงลงปิดขา พลังยุทธ์ของสภาพหยินโชติช่วงโคจรด้วยความเร็วสูง หนามแหลมเหมือนแผ่นเกราะสีดำที่เดิมงอกออกมา แนบชิดติดผิวหนังอย่างรวดเร็ว บนผิวมีเยื่อบางๆ คล้ายสีผิวตามปกติ ชั้นหนึ่งโผล่มา ปกคลุมสองขาเอาไว้
ไม่นาน ผลการซุกซ่อนอันแข็งแกร่งของสภาพหยินโชติช่วงก็ทำงานอย่างเต็มที่
ขาที่เหมือนสวมเกราะอ่อนของลู่เซิ่งกลับเป็นขาของคนปกติอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ไม่อาจปลอมแปลงได้ก็คือเกราะปลายนิ้วเท้าอันคมกริบกับฝ่าเท้าที่เรียวยาวคล่องแคล่ว
เขาลุกเดินไปที่หน้าประตู ยกดาลประตูขึ้น ในเสียงครืนครัน ประตูหินค่อยๆ ขยับเปิด
“ข้าจะออกไปด้านนอก” ลู่เซิ่งสั่ง
“ทราบแล้ว! ข้าน้อยจะเตรียมรถม้าทันที!” องครักษ์ใกล้ชิดรีบตอบ
“ไม่ต้อง ข้าไปผ่อนคลายจิตใจคนเดียว ไม่ต้องตามมา” ลู่เซิ่งกล่าวราบเรียบ
…
แดนเหนือ ยอดเขาวิหควิญญาณ
หิมะลอยเวียนว่อน รอบๆ ยอดเขาเป็นสีเงิน ขาวโพลนทั้งแถบ
ลู่เซิ่งเดินเอื่อยๆ ในพื้นหิมะ รอยเท้าด้านหลังที่เพิ่งเหยียบลงไป ถูกหิมะกลบอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว!
เงาสีขาวสายหนึ่งพุ่งผ่านท้องฟ้า ส่งเสียงกู่ร้อง
ลู่เซิ่งเงยหน้าหยีตามองนกตัวใหญ่สีขาวที่บินผ่าน ขณะกำลังปลดปล่อยการปลอมแปลงเพื่อทดลองอานุภาพของวิชาแสงมายา อยู่ๆ เงาดำทะมืนผืนใหญ่ก็เคลื่อนไหวเข้ามาบนศีรษะของเขา พริบตาเดียวก็บังเขาไว้
‘นั่นคือ…’ ม่านตาลู่เซิ่งหดตัวลงในพริบตา
สิ่งที่พุ่งผ่านศีรษะเขาไปเป็นหมาป่าสีขาวขนาดมโหฬาร
ร่างกายของหมาป่าตัวนั้นใหญ่ราวภูเขาลูกย่อมๆ ปะปนกับลมหิมะ แทบแยกไม่ออก แต่ลู่เซิ่งยังคงเห็นชัดด้วยสายตาที่ยอดเยี่ยม
หมาป่าสีขาวรวดเร็วฉับไว พุ่งผ่านลู่เซิ่งไปยังที่ไกลแทบจะในพริบตา เหมือนกับเมฆขาวก้อนใหญ่
มันเพียงผ่านมาที่นี่ ร่างกายยาวหลายสิบหมี่คล้ายกับสัตว์ยักษ์ในยุคบรรพกาล ความรู้สึกกดดันอันรุนแรงน่าพรั่นพรึงพุ่งไปที่ไกล
หมาป่ายักษ์เพียงกะพริบตาก็หายไปในพายุหิมะที่อยู่ไกลออกไป
ลู่เซิ่งมองส่งอีกฝ่ายจากไป ครุ่นคิดสักพัก
เขาพลันยกเท้าเบาๆ
ตูม!
พื้นหิมะแตกเป็นร่องแยกหลายสาย หิมะผืนใหญ่ระเบิดกระจายสู่ฟากฟ้า
รอยแตกคล้ายใยแมงมุมแผ่ออกไปสิบกว่าหมี่โดยมีลู่เซิ่งเป็นศูนย์กลาง แรงสะท้อนกลับอันยิ่งใหญ่พาเขาพุ่งสู่ท้องฟ้า ไล่ตามหมาป่าขาวตัวนั้นไปติดๆ
……………………………………….