ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 246 เก็บกวาด (2)
บทที่ 246 เก็บกวาด (2)
‘นอกจากนั้น…นั่นมันมหามารปีศาจกระมัง ตัวตนอันน่ากลัวที่แค่อาศัยหัวใจร่วมขับขานก็ทำให้พี่ใหญ่ฟางสูญเสียความสามารถต่อสู้ได้!? ตอนนี้ถึงกับ ถึงกับต้านทานลู่เซิ่งอย่างยากเย็น มีท่าทางทุลักทุเล?!’
นี่มันพลังอะไรกัน…
จ่านหงเซิงพลันนึกถึงการเยาะเย้ยถากถางสารพัดของตนต่อลู่เซิ่ง ตอนนี้นึกทบทวนดู ในสมองพลันขาวโพลน แตกตื่นหวาดกลัวสุดขีด
ถ้าหากว่าตอนนั้นถูกลู่เซิ่งลอบเล่นงาน…นางไม่กล้าคิดต่อ
ฟู่ว
ตอนนี้ปีศาจงูตนนั้นเลือดไหลออกมาจากทั้งเจ็ดทวาร ฝืนรักษาระยะห่างจากลู่เซิ่ง ตีลังกาออกไปได้ไม่ไกล
เพียงแต่เมื่อครู่ถูกจู่โจมกลับ พลังป้องกันของเขาไม่แข็งแกร่งเท่าลู่เซิ่ง ได้แต่ฝืนรับไว้ฝ่ามือหนึ่ง
พลังฝ่ามือที่น่าสะพรึงกลัว พร้อมกับปราณมารอันมหาศาล และกลิ่นอายที่เผาผลาญดั่งเปลวเพลิงสายหนึ่ง ทะลักเข้าสู่ร่างเขา ตอนนี้กำลังทำลายอวัยวะภายในทั้งหมดในร่าง
ต่อให้เป็นความสามารถฟื้นฟูตนเองของมหามารปีศาจ ก็ยังตามไม่ทัน
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ร่างกายก็เสียหายสาหัสแล้ว;
เสียงตุบดังขึ้น เมื่อปีศาจงูคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ก้มหน้ากระอักเลือดสีแดงแกมม่วงออกมาคำโต เลือดนั้นกระเซ็นใส่พื้นหญ้า กัดกร่อนหญ้าสีเขียวจนเกิดควันดำขึ้นมาทันที ทั้งคล้ายมีอุณหูภูมิสูงยิ่ง หญ้าถูกเผาจนดำเกรียม กลายเป็นเถ้าธุลีอย่างรวดเร็ว
“อ้อ?” ลู่เซิ่งส่ายหางยักษ์ที่เหมือนเครื่องกระทุ้งประตู สองขาที่บวมพอง แข็งแกร่ง ค่อยๆ ขยับ มองปีศาจงูเหมือนกับของหายาก
“อยู่ในสภาพนี้ เมื่อครู่ข้ายังไม่ได้ยั้งแรง เจ้ากลับต้านทานข้าได้หนึ่งฝ่ามือหรือ” เขาในตอนนี้เทียบกับอีกฝ่ายแล้ว ขนาดร่างเท่ากับปีศาจงูสามตน
สองฝ่ายเทียบกันแล้ว รู้สึกว่าลู่เซิ่งเหมือนมหามารปีศาจมากกว่า
“เจ้า…เป็นตัวอะไรกันแน่!?” ปีศาจงูหอบหายใจอย่างหนัก กดเกล็ดบนแขนขวาของตัวเอง
ทันใดนั้นบนร่างของเขาปรากฏรอยเลือดที่เกิดจากอักขระสีม่วงมากมายรวมตัวกัน คล้ายกับเป็นรอยสักที่ไหลซึมออกมาจากใต้เกล็ด
หลังจากรอยสักนี้โผล่ขึ้นมา ปีศาจงูจึงค่อยฝืนกายยันร่างขึ้น สะกดอาการบาดเจ็บเมื่อครู่ไว้ได้
“ข้าหรือ” ลู่เซิ่งเหยียบพื้น กีบสองข้างที่เหมือนกับเท้าช้าง ยามย่ำเดินส่งเสียงกระแทกที่หนักอึ้งน่ากลัว ค่อยๆ เข้าไปใกล้ปีศาจงู
“ข้าเป็นมนุษย์ เจ้ามองไม่ออกหรือ” เขาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก
ปีศาจงูหางตากระตุก
เจ้าเหมือนมนุษย์ตรงไหนกัน
ขาที่ใหญ่ยิ่งกว่าช้างทั้งสองข้าง หรือว่าหางยักษ์ที่เหมือนเครื่องกระทุ้งเมืองด้านหลังนั่น อีกทั้งฟันก็ยังใหญ่กว่าจระเข้เสียอีก
“พอแล้ว ผ่านนานเกินไปแล้ว บอกจุดประสงค์ที่เจ้าปลอมตัวออกมา ข้าจะทำให้เจ้าตายสบายหน่อย” ลู่เซิ่งคร้านจะพร่ำพิไร
กล่าวตามจริง คู่ต่อสู้ทั้งหมดที่พละกำลังกับความเร็วสู้เขาไม่ได้ ล้วนเป็นเศษสวะต่อหน้าเขา
ขอแค่จัดการอีกฝ่ายจนแหลก แล้วถ่ายปราณภายในแห่งความตายเข้าไปก็พอ พลังฟื้นตัวแข็งแกร่งขนาดไหนก็ทรมานจนตายได้ หากปราณภายในไม่พอ เช่นนั้นก็ทุบทำลายรอให้ฟื้นตัวไปเรื่อยๆ
“จุดประสงค์ของข้า…ดูเหมือนเทพสัญจรในตอนนั้นจะถูกเจ้าจัดการไปแล้ว” ปีศาจงูพลันกระจ่างแจ้ง
รอยสักสีม่วงบนตัวเขายิ่งมายิ่งสว่าง เหมือนกับเลือดจะหยดลงมา ส่วนขนาดร่างของเขาในตอนนี้ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“เจ้าคิดว่าจัดการข้าได้แล้วหรือ เมื่อครู่ข้าเก็บพลังของตัวเองเพื่อการปลอมแปลงเท่านั้น” ปีศาจงูหัวเราะอย่างเย็นชา พลันอ้าปากพ่นไอสีแดงออกมา
นั่นเป็นปราณภายในวิชาเก้าพิฆาตแดงฉานกับปราณมารผสมกันซึ่งลู่เซิ่งส่งเข้าไปในตัวเขา
“นอกจากนี้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งใช้พลังแค่สามส่วน ในเมื่อเจอเป้าหมายหลักแล้ว เช่นนั้นวันนี้ก็ขอจัดการเจ้าให้เด็ดขาด!”
ร่างกายของปีศาจงูพลันเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง สองขาของมนุษย์หลอมรวมกัน กลายเป็นหางอันใหญ่โตของงูหลามยักษ์สีดำสนิท
หางงูยืดออกอย่างรวดเร็ว ขดกันหลายรอบ ไม่นานปีศาจงูก็กลายเป็นงูหลามยักษ์ที่ยาวอย่างน้อยสิบกว่าหมี่
ตูม!
หางงูอันใหญ่โตพลันกระแทกใส่ลู่เซิ่ง พละกำลังและความเร็วที่เหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ ส่งเสียงหวีดหวิวอันหนักอึ้งกลางอากาศ
“โง่เง่า!” ลู่เซิ่งแยกเขี้ยวหัวเราะอย่างดุร้าย “เจ้าใช้พลังสามส่วน แต่เมื่อครู่ข้าไม่ได้ใช้พลังแม้แต่น้อย”
เขาชักแขนขวากลับ บนแขนเริ่มพองขยาย เหมือนกับด้านในมีวงกล้ามเนื้อกลุ่มหนึ่งงอกออกมา วงกล้ามเนื้อกลมส่งเสียงครืนครันราวฟ้าร้อง นั่นเป็นเสียงจากการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อและเลือด
วางกล้ามเนื้อไหลจากแขนของลู่เซิ่งไปที่ฝ่ามือ จากนั้นเขาก็ฟาดฝ่ามือขวาออกไป
ฝ่ามือกับหางงูปะทะกันโดยตรง
ตูม!
การปะทะกันระหว่างพลังพิสดารด้วยกันเอง เสียงที่ไร้รูปร่างระเบิดออกในสภาพถาดกลม วัสดุไม้ของรถม้าที่อยู่รอบๆ พากันแตกเป็นรอยแยก ม้าที่เดิมแข็งทื่อไม่ยอมขยับเลือดไหลออกจากเจ็ดทวาร ลูกตาระเบิดเป็นละอองเลือด
ปีศาจงูยันลู่เซิ่งอยู่สองอึดใจ ผิวหนังทั่วร่างเริ่มแตก ละอองเลือดกลุ่มใหญ่ระเบิดออกมา เจ็บปวดจนร้องโหยหวน
ตั้งแต่หางไปถึงสันหลัง ถูกพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวทะลักเข้ามาหาเหมือนกระแสน้ำ พริบตาเดียวก็บีบอัดอวัยวะภายในและเลือดเนื้อในตัวเขา
พลังปีศาจสีขาวเทาระดับสามขั้นกลางปรากฏ เริ่มฟื้นฟูอาการบาดเจ็บบนร่างเขาด้วยความเร็วสูง พลังปีศาจสายนี้เหมือนกับมีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรงสุดขีด เผาไหม้ผิวบนมือของลู่เซิ่งจนส่งเสียงดังซี่ๆ
ทว่าก็ไร้ประโยชน์ ความเร็วในการเผาไหม้นี้ต้องแช่ไว้สักสามวันสามคืน ดูว่าจะเผาทะลุเกราะผิวของลู่เซิ่งได้ไหม
ครั้งนี้ไม่เหลือความสามารถใดๆ อีกแล้ว สิ่งที่มาพร้อมกับแรงอันมหาศาลน่าพรั่นพรึงก็คือการสั่นสะเทือนและการบีบอัดอย่างรุนแรง
หางงูมากกว่าครึ่งซึ่งเป็นท่อนล่างของปีศาจงูระเบิดออกอย่างรุนแรง กลายเป็นจุดเลือดเนื้อนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็นไปทั่ว
อ๊าก!
ปีศาจงูร้องโหยหวน เลื้อยหนีออกห่าง ชนกระแทกรถม้าคันหนึ่ง หยุดลงตรงอาณาเขตของด้ายเงินพอดี
ร่างกายของมันคล้ายชนใส่ด้ายเงิน แล้วถูกของแข็งบางอย่างดันกลับมา
ลู่เซิ่งก้าวฝีเท้าอันหนักอึ้งเข้าหามันอย่างช้าๆ
นี่เป็นแค่สภาพปกติของเขา สภาพหยางโชติช่วงแค่การใช้แขนเมื่อครู่ ก็กำหนดผลการต่อสู้ได้โดยสมบูรณ์แล้ว เขาพูดไม่ผิด พลังของสภาพธรรมดาก็ใช้แบบธรรมดา เหมือนกับยกมือกินข้าวตามปกติเท่านั้น
สภาพหยางโชติช่วงที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงของเขาคือหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง รวมถึงการระเบิดปราณเหลว เทียบกันแล้ว เขาในตอนนี้ไม่ได้ใช้แรงแม้แต่หนึ่งส่วนจริงๆ
“จะว่าไปพละกำลังของเจ้าก็ไม่เลว อย่างน้อยเจ้าก็เป็นคนแรกที่ใช้กายเนื้อต้านรับพละกำลังของข้าได้สองครั้ง” ลู่เซิ่งส่ายหางอย่างผ่อนคลาย เหมือนกับสิงโตที่สนุกกับการล่าสัตว์
“เจ้า…คนอย่างเจ้า…!” ปีศาจงูฝืนลุกขึ้น สองแขนประคับประคองร่างท่อนบนไว้ จ้องมองลู่เซิ่งอย่างมุ่งร้าย
“เจ้ายังไม่ยอมแพ้หรือ” ลู่เซิ่งถามกลับ
“มันย่อมไม่ยอม” เสียงอีกเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลังลู่เซิ่ง เสียงเหมือนกับปีศาจงู แต่ว่าทรงพลังยิ่งกว่า
“เป็นเพราะถ้าไม่ตกสู่สภาพเลวร้ายเพราะฝ่ามือในตอนแรกนั้น มันก็แข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีก” มหามารปีศาจที่หัวเป็นงูตัวเป็นคนอีกตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหลังลู่เซิ่ง
“พี่ใหญ่ ระวังตัวด้วย! คนผู้นี้แปลกประหลาดมาก!” ปีศาจงูตนก่อนหน้ารีบเตือน
“เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ” ปีศาจงูอีกตนขยิบตาเป็นสัญญาณให้น้องชายถอยไป ครั้งนี้รู้ตัวคนร้ายตัวจริงแล้ว ขอแค่กลับไปอย่างปลอดภัย ก็จะเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่
สาเหตุที่เขาต้องออกมา ก็เพื่อปกป้องให้น้องชายล่าถอยกลับไปสำเร็จ ด้วยพลังที่อีกฝ่ายแสดงออกมาเมื่อครู่ น้องชายคิดหนีไปจากเงื้อมมืออีกฝ่ายตัวคนเดียว ยากเย็นยิ่ง
ปีศาจงูสองตนกระหนาบลู่เซิ่งไว้ตรงกลาง ทว่าทั้งสองไม่กล้าขยับ แค่กลิ่นอายที่ลู่เซิ่งปล่อยออกมาก็เหนือกว่าจินตนาการของพวกเขาแล้ว ปราณมารกับกลิ่นอายที่ไม่รู้จักพอผสมกัน ก็เกิดเป็นภัยคุกคามปริศนา
“คิดดีแล้วหรือยัง” ลู่เซิ่งพลันกล่าว
“?” ปีศาจงูทั้งสองตนงุนงง ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
“คิดหรือยังว่าจะตายอย่างไร” ลู่เซิ่งเสียงไม่ทันขาดลง ร่างกายก็วูบไหว ร่างขนาดสามหมี่กว่าๆ ถึงกับหายไปจากที่เดิมดุจสายฟ้าแลบ
ตอนที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปถึงตรงหน้าปีศาจงูตนน้องแล้ว กรงเล็บพุ่งใส่ศีรษะของมัน
“ฝันไปเถอะ!” ปีศาจงูตนพี่รีบติดตามไป อ้าปากพ่นเงาแดงสายหนึ่งแทงใส่กลางหลังลู่เซิ่ง
หมับ!
เงาแดงถูกลู่เซิ่งพลิกมือจับไว้ ก่อนจะโยนทิ้งไป
“เศียรอาทิตย์” ส่วนหัวของปีศาจงูตนพี่หลุดออกจากร่าง ลอยเข้าหาลู่เซิ่ง บนตัวเขางอกศีรษะข้างใหม่ออกมา จากนั้นก็ม้วนหางรัดน้องชายไว้คิดหนีไป
ปีศาจงูสองตนว่องไวยิ่ง ในฐานะมหามารปีศาจระดับสามขั้นกลาง ความเร็วของพวกมันย่อมสุดที่มนุษย์ทั่วไปจะเทียบได้
พริบตาเดียวก็ออกห่างไปหลายสิบหมี่ พุ่งปราดไปยังที่ไกล
ทว่าคนที่เร็วกว่าพวกมันก็คือลู่เซิ่ง
วิชาแสงมายากระทืบพสุธามอบความเร็วเป็นเส้นตรงอันน่ากลัวที่เหนือกว่าในอดีตให้แก่เขา เขาที่บีบศีรษะงูจนแหลก ใช้เวลาอึดใจเดียว ก็ขวางเส้นทางของปีศาจงูสองตนได้
หางยักษ์ฟาดลงอย่างรุนแรง
ตูม!
ปีศาจงูสองตนยื่นมือออกมาป้องกันพร้อมกัน ลู่เซิ่งรวดเร็วเกินไป พวกเขาหลบไม่พ้น ได้แต่ต้านรับตรงๆ
กร๊อบ
เกิดเสียงกระดูกหัก ปีศาจงูที่ใช้คุณสมบัติร่างกายเป็นหลักเจอดาวข่มโดยสมบูรณ์ วิชาลับทั้งหมดของพวกเขาใช้ยกระดับคุณสมบัติร่างกายล้วนๆ แต่พอเจอกับลู่เซิ่งที่ร่างกายแข็งแกร่งกว่า จึงสู้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ที่แล้วมาเป็นพวกเขาใช้กายเนื้อบดขยี้คนอื่นๆ ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาถูกคนอื่นบดขยี้
ปีศาจงูสองตนกลิ้งลงบนพื้นพร้อมกัน ร่างครึ่งหนึ่งถูกฟาดจมดิน ลุกไม่ขึ้นอีก
หางยักษ์ของลู่เซิ่งฟาดเป็นร่องลึกยาวถึงสี่ห้าหมี่ สองฟากข้างของร่องลึกแยกเป็นร่องขนาดใหญ่ในสภาพแตกระแหง
ปีศาจงูตนพี่กระอักเลือดออกมา สองตากลายเป็นสีแดงโลหิต มือขวากลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว ก่อนแทงใส่ลู่เซิ่งที่เดินเข้ามาใกล้
ทว่ามันพลันถูกจับมือไว้
“อ้อ? วิชาปีศาจที่มีพิษหรือ” ลู่เซิ่งมองควันดำที่ลอยอ้อยอิ่งบนกรงเล็บ
ควาก!
เขาฉีกแขนของปีศาจงูออก
“จบได้แล้ว” มืออีกข้างหนึ่งของลู่เซิ่งเล็งไปที่ปีศาจงูทั้งสองตน หมอกสองกลุ่มหนึ่งแดงหนึ่งดำวนเวียนอยู่กลางฝ่ามือ แล้วกดลงด้านล่างอย่างรุนแรง
ตูม!
หมอกควันสีแดงดำระเบิดอย่างฉับพลัน ปกคลุมปีศาจงูกับอาณาเขตสิบกว่าหมี่รอบๆ
“ไม่!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของปีศาจงูดังออกมา กระนั้นไม่นานก็ยิ่งมายิ่งอ่อนแรง ก่อนค่อยๆ หายไป
ราวๆ สิบอึดใจให้หลัง ควันดำแดงสลายไป ด้านในไม่มีสิ่งอื่นใด เพียงแต่หญ้ากลายเป็นสีดำส่วนหนึ่ง
…
ลู่เซิ่งกลับเป็นร่างเป็นคนปกติ ปีศาจงูสองตนกล่าวตามจริงมีพลังไม่เลว ทว่าน่าเสียดายที่มาเจอเขา
ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นมหามารปีศาจที่ใช้วิชาปีศาจชนิดอื่นๆ ในระดับนี้อาจใช้เวลานานขึ้นสักหน่อย แต่กลับเผชิญปีศาจงูที่ทำเป็นแค่ใช้แข็งชนแข็ง
ลู่เซิ่งใช้ข้อดีที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง กำจัดทั้งสองได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
เอ๋
ทันใดนั้นลู่เซิ่งงุนงง เห็นแหวนฝังอัญมณีสีฟ้าวงหนึ่งบนพื้นกำลังปล่อยกลิ่นอายพลังอาวรณ์ที่เข้มข้นออกมา
……………………………………….