ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 381 โศกนาฏกรรม (1)
บทที่ 381 โศกนาฏกรรม (1)
“ทุกคนดื่มด้วยกัน ไม่ต้องเกร็ง ครั้งนี้ที่ฉยงหวนมาก็เพื่อมอบคำอวยพรที่ล้ำค่าที่สุดให้แก่ทหารหาญทุกท่าน ฟากฟ้าอวยพร บุญวาสนาหนุนนำ แม้พิภพมารจะแข็งแกร่ง แต่ทัพมารแค่ไม่กี่ทัพไม่อาจสะกดต้าอินของเราได้” โอรสฉยงหวนยืนถือสุราพร้อมกับกล่าวเสียงกังวานท่ามกลางฝูงชน
“องค์ชายพูดถูกแล้ว พวกเราน้อมรับพระมหากรุณาธิคุณที่สะกดด่านนี้ไว้ ที่มีชีวิตเจริญรุ่งเรืองได้ เดิมทีไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ปัจจุบันทัพมารมีสภาวะมาก เป็นวันที่พวกเราจะได้ตอบแทนราชวงศ์พอดี”
“ผู้เฒ่าเฉินกล่าวมีเหตุผล สำนักซ่อนธาตุของพวกเราอย่างอื่นมีไม่มาก แต่มีคนไม่กลัวตายมากที่สุด!”
“สำนักผูกวิญญาณของข้าเตรียมเสบียงและอาวุธไว้แล้ว เพียงรอองค์ชายเอ่ยด้วยตัวเองเท่านั้น”
ชายชราที่ผมและหนวดล้วนขาวโพลนสองคนกล่าวเบาๆ แม้เสียงจะเบามาก แต่จงใจถ่ายทอดไปทั่วทั้งโถงใหญ่
ดวงตาของหยวนเจิ้งซั่งเหรินแห่งสำนักพันอาทิตย์ฉายแววไม่ยินดี ก้มหน้ากระซิบเบาๆ กับคนที่อยู่ด้านข้างสองสามประโยค ประมุขถ้ำจิ่วเวยยังมาไม่ถึง ทางสำนักซ่อนธาตุมีเจ้าตำหนักมาแค่ไม่กี่คน ในงานเลี้ยงกลางคืนมีแต่สำนักพันอาทิตย์มาเยอะที่สุด
หลังองค์ชายคุยกับผู้อาวุโสสองสามคนที่รู้จักกันเสร็จ ก็รู้สึกเงียบเหงากว่าเดิม เขาเข้าได้กับทุกฝ่าย นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายก็เข้าได้กับทุกคนเหมือนเขาเช่นกัน
เพื่อสร้างบรรยากาศ ระดับสูงของสำนักผูกวิญญาณคนหนึ่งหยอกล้อองค์ชายด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าเขาก็ตามไม่ทัน จนอีกฝ่ายเกือบหาทางลงไม่ได้
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามกว่าๆ
“ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว องค์ชายอาจพิจารณาให้…” ชายชราต่อคำพูดพร้อมกับโค้งตัวให้ฉยงหวน กำลังจะเอ่ยเป้าหมายที่แท้จริงในครั้งนี้
เพล้ง!
เสียงดังสนั่นเหมือนกับแก้วแตกดังมาจากด้านในเรือนมุกงามที่ใช้จัดงานเลี้ยงกลางคืน
พอพวกแขกที่เดิมจิตใจเหม่อลอยและไม่อยากถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับหน้าที่ในราชวงศ์ ได้ยินเสียงดังสนั่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงทันที
ฉยงหวนพูดได้ครึ่งเดียว เสียงดังสนั่นนี้พลันดังแทรกแผนการต่อไปของเขา บุรุษหนุ่มที่ก้าวเท้าอย่างเร่งรีบเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว แล้วกระซิบคำพูดข้างหูเขาอย่างใกล้ชิด
“จริงหรือ!?” ฉยงหวนกล่าวด้วยเสียงอันดังโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะหยวนเจิ้งซั่งเหรินออกไปก่อนแล้ว รอบๆ จึงเหลือแต่รองผู้นำของสามสำนัก ท่าทีแบบนี้ของฉยงหวนทำให้คนไม่น้อยตกใจได้จริงๆ
“จริงขอรับ!” บุรุษผู้นั้นกล่าวพร้อมกับพยักหน้ายืนยัน
เฉิงซิ่วหนึ่งในรองเจ้าสำนักพันอาทิตย์ ซือถูจิ่นหนึ่งในรองเจ้าสำนักผูกวิญญาณ อันเหอหนึ่งในรองเจ้าสำนักซ่อนธาตุสบตากัน ล้วนไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
ฉยงหวนถอนใจยาว หางตาบังเกิดประกายน้ำตา
“เจ้าสำนักทั้งสามท่านอยากจะไปดูกับข้าด้วยตัวเองหรือไม่ นี่เดิมทีเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชสำนัก นึกไม่ถึงว่าน้องชายชั่วร้ายผู้นั้นไปไหนไม่ไป กลับตามข้ามาถึงที่นี่ ตอนนี้ไม่ปิดบังร่องรอย ถูกยอดฝีมือข้างตัวเราพบเข้า ตอนแรกข้านึกว่าเขาจะเติบโตขึ้นกว่าเดิมหลังจากหลุดพ้นจากพระบิดา กลับนึกไม่ถึง…” ฉยงหวนถอนใจอย่างจริงจัง
“คำเชิญขององค์ชาย พวกเราย่อมไม่กล้าปฏิเสธ สหายซือถู สหายอัน จะไปดูด้วยกันหรือไม่” เฉิงซิ่วที่เป็นเจ้าภาพจำเป็นต้องออกหน้าเอ่ยปาก เพียงแต่ตอนนี้ในใจเขานึกถึงเรื่องไม่ดีไว้แล้ว
คนที่เหลือพากันขานรับ
คนระดับสูงของสามสำนักห้อมล้อมฉยงหวนเดินออกจากโถงใหญ่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่เสียงดังมา
ตำแหน่งของเสียงนั้นอยู่ทางซ้ายของโถงใหญ่ อยู่ด้านหน้าที่ว่างของบ่อน้ำแห่งหนึ่ง
คนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา อายุน้อยคนหนึ่ง ยืนอยู่บนที่ว่างสีขาวอมเทาด้วยสีหน้างุนงงสับสน เขามีใบหน้าคลับคล้ายฉยงหวนอยู่ห้าส่วน บวกกับเสื้อคลุมที่มีเฉพาะองค์ชายบนร่างของเขา รวมถึงตรงปกเสื้อปักเลขยี่สิบเจ็ดเอาไว้
ทุกคนย่อมรู้ว่า คนผู้นี้คือฉยงซัง โอรสลำดับที่ยี่สิบเจ็ดของราชวงศ์ต้าอิน
ฉยงซังเป็นคนที่พิเศษที่สุดในราชวงศ์ต้าอิน เขาไม่มีเบื้องหลังหรือขุมกำลังฝั่งมารดาที่ยิ่งใหญ่ และไม่มีพรสวรรค์กับคุณสมบัติที่ร้ายกาจสุดเปรียบปาน แต่กลับมีทักษะทางด้านดนตรีที่โดดเด่นถึงขีดสุด อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับน้ำใจมากที่สุด
เพียงแต่ตอนนี้เขาอยู่บนที่ว่างด้วยใบหน้างุนงง มือข้างหนึ่งถูกคนจับไว้ จะเดินก็ไม่ใช่ จะไม่เดินก็ไม่ใช่
ด้านข้างเขามีหญิงสาวสง่างามที่รูปร่างหน้าตาอ่อนละมุน หากมีส่วนคล้ายกับเขาอยู่เก้าส่วน นางสวมชุดกระโปรงแนบเนื้อสีชมพู ชายกระโปรงของนางถูกจับไว้แน่น สามารถเห็นจากชายกระโปรงได้ว่ากระโปรงถูกฉีกจากด้านข้างเป็นสองผืน ขอแค่ยืนขึ้น ขาอ่อนกับส่วนสะโพกของนางจะโผล่ออกมาด้านนอกทันที
“น้องยี่สิบเจ็ด…” พอฉยงหวนเห็นท่าแบบนี้ ใบหน้าพลันเหยเกบูดบึ้ง
“ท่านพี่! ท่านต้องช่วยน้องนะ!” พอหญิงสาวสง่างามที่ปิดกระโปรงอยู่เห็นฉยงหวนก็กรีดร้องเสียงดัง ความอ่อนละมุนเมื่อก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
“น้องอวิ๋น…เจ้า…เจ้าเป็นน้องสาวของน้องยี่สิบเจ็ดนะ…เขา…” ฉยงหวนแสดงสีหน้าตกตะลึงขณะจ้องมองหญิงสาวผู้นี้ ถึงกับพูดไม่ออกอยู่บ้าง
หญิงสาวน้ำตาคลอ ก้มหน้าร่ำไห้กับเขาอย่างหนัก เสื้อผ้าของนางในตอนนี้ บวกกับเสียงร่ำไห้อันสิ้นหวังของนาง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ต้องถามผู้คนก็รู้แล้ว
“น้อง…ไม่มีเม็ดปฐมแล้ว…” หญิงสาวร่ำไห้พลางส่งเสียงร้อง
เม็ดปฐม…พรหมจรรย์ของพระราชธิดาไม่ได้เรียกว่าพรหมจรรย์ แต่เรียกว่าเม็ดปฐม เมื่อไม่มีเม็ดปฐม ก็หมายถึงหญิงสาวนางนี้…
ทุกคนเหมือนถูกสายฟ้าผ่ากลางหัว
โดยเฉพาะรองเจ้าสำนักทั้งสามคน ครั้งนี้จึงค่อยทราบอย่างแท้จริงว่า เหตุใดเจ้าสำนักจึงไม่ออกหน้า แต่กลับหนีไปตั้งแต่แรก ที่แท้ตอนนี้…ดันมาเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวแบบนี้แล้ว
ต่อให้ต้าอินจะเปิดเผยขนาดไหน ก็ไม่อาจทนต่อเดรัจฉานที่ลงมือกับน้องสาวที่มีสายเลือดแท้ๆ ของตัวเองได้!
พอหญิงสาวกล่าวคำพูดนี้ ใบหน้าขององค์ชายยี่สิบเจ็ดก็พลันซีดขาว
“ข้า…ไม่ใช่…ไม่ได้” เขากล่าวตะกุกตะกัก คิดจะแก้ตัว แต่ก็มีคนเข้ามาชี้ร่องรอยทีละร่องรอย แม้แต่สิ่งสกปรกที่อยู่รอบๆ ก็ถูกชี้ว่าอยู่ไหน
องค์ชายยี่สิบเจ็ดตกตะลึง ใบหน้าไร้สีเลือดแล้ว
“ยี่สิบเจ็ด ผู้คนรู้ว่าเจ้าเพียงขายข้อมูลทางการทหาร แต่ข้าฉยงหวนคิดว่าเจ้าเป็นคนดีมาโดยตลอด แต่ตอนนี้…ตอนนี้…” ฉยงหวนกล่าวอย่างสะเทือนใจด้วยน้ำตาคลอหน่วย
ฉยงซังเหมือนถูกสายฟ้าผ่าใส่ศีรษะ เขาเพียงแค่ได้ยินเสียงกรีดร้อง จึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น ทว่า…น้องสาวที่สนิทชิดเชื้อกับเขามาโดยตลอดกลับใช้กลิ่นยาล่อลวงเขาอยู่ตรงมุมหนึ่ง…รอจนเขาสติเลือนราง ทุกอย่างก็สายเกินการณ์แล้ว…
จิตใจเขาชาด้านและซึมเซา ย่อมรู้ว่าโดนพี่ชายที่ตัวเองเคารพรักที่สุดวางแผนเล่นงานแล้ว
องค์หญิงยี่สิบแปดเป็นน้องสาวที่มีบิดาและมารดาคนเดียวกับเขา! บัดซบ! ต่อให้เขาเป็นองค์ชาย ความผิดนี้ก็ไม่อาจได้รับการอภัยโทษ นอกจากนี้โทษจะหนักขึ้นกว่าเดิมอีกขั้นหนึ่งเพราะเขาเป็นสมาชิกราชวงศ์ด้วย
“รอประเดี๋ยว! พี่ใหญ่ฉยงซังไม่มีทางทำแน่! ไม่มีทางเป็นเขา! ต้องมีการเข้าใจผิดบางอย่างแน่!” เสียงหญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่งดังลอดฝูงชนออกมา
หญิงสาวที่หน้าตาเหมือนกับซูหนิงเฟยผู้นั้น เบียดฝูงชนออกมาพร้อมลมหายใจกระชั้นถี่ แล้วพุ่งไปถึงตรงหน้าฉยงซัง
พอนางเห็นร่องรอยทั้งหมด ขอบตาพลันแดงก่ำ จับแขนผอมแห้งของฉยงซังไว้ไม่ยอมปล่อย
“เจ้านี่เอง! ไส้ศึกจากพิภพมารผู้นั้น!?” พอองค์หญิงที่ถูกล่วงละเมิดเห็นใบหน้าของหญิงสาว พลันกรีดร้องอย่างแตกตื่นหวาดกลัวทันที
เสียงเกราะดังขึ้นรอบๆ ไม่นานกลุ่มผู้คุมกฎเรือนด้านในของสำนักพันอาทิตย์กลุ่มใหญ่ก็มาถึง แม้แต่องครักษ์ส่วนตัวของฉยงหวนก็รีบเร่งมาถึงพร้อมกัน
ตูม!
อยู่ๆ องค์หญิงผู้นั้นก็ตัวพองขึ้นด้วยความเร็วสูงเหมือนกับถูกเป่าลม ยังไม่ทันที่จะกรีดร้อง ก็ระเบิดอย่างฉับพลันเหมือนลูกโป่งในพริบตา
เลือดเนื้อและเศษกระดูกที่ส่องแสงสีม่วงกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้ทหารองครักษ์กลุ่มหนึ่งที่อยู่รอบๆ อย่างน้อยสิบกว่าคนตายคาที่
“คุ้มกันองค์ชาย!”
“มือสังหาร! มีมือสังหาร!”
“น้องหญิง!”
แสงในโถงงานเลี้ยงพลันริบหรี่ลง ไฟตะเกียงทั้งหมดดับหมดสิ้น กลายเป็นพื้นที่ที่ยื่นมือออกไปมองไม่เห็นห้านิ้ว
ไม่รอให้ทุกคนมีปฏิกิริยา ใช้ความสามารถสร้างแสงสว่างขึ้น ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากในฝูงชนทันที
ตูม!
ตูมๆๆ!
เสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแสงไฟส่องสว่าง หากแต่กลุ่มแสงสีม่วงอ่อนระเบิดติดต่อกันแทน ระดับสูงของสามสำนักตกสู่ความชุลมุน ฉยงหวนหงายหลังล้มลง ก่อนจะถูกระเบิดใส่จนสลบไป
“ไป!”
เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูฉยงซังกับหญิงสาวอย่างฉับพลัน ทั้งสองไม่มีเวลาขบคิด โจนตัววิ่งไปทันที
ในมุมอับของตรอกแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากคนทั้งสองหลายร้อยหมี่ ประตูส่งตัวที่ส่งไปยังโลกด้านนอกที่ไกลแสนไกลกำลังเปิดออกช้าๆ
ลู่เซิ่งปะปนในฝูงชน ได้เห็นเหตุการณ์แทบจะทั้งหมด ฉยงซังผู้นั้นโดนใส่ร้ายป้ายสี น้องหญิงของเขาเสียตัวไปแล้วจริงๆ แต่ไม่ใช่กับเขา กลับไม่ทราบว่ามีอะไรกับใคร เพียงแต่ฉวยโอกาสปรักปรำเขาเท่านั้น
ถ้าเขามองไม่ผิด ไม่ทราบว่าน้องหญิงของเขามีอะไรกับบุรุษมาแล้วกี่คน ไหนเลยจะยังบริสุทธิ์อยู่
แต่ว่าเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องในราชวงศ์ต้าอิน ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาก็แค่สงสัย จึงอยากจะเห็นว่าสตรีที่หน้าตาเหมือนกับซูหนิงเฟยผู้นั้นมีเบื้องหลังอะไรกันแน่เท่านั้น
และเรื่องราวที่เกิดในคืนนี้ จัดฉากให้ผู้ใดดูกันแน่
เวลานี้พอเห็นฉยงซังหนีไปพร้อมกับสตรีนางนั้น เขาก็เกิดฉุกใจได้ จากนั้นก็แอบติดตามไปอย่างไร้เสียง
แม้ว่าจะมีคำสั่งของซูหนิงเฟย แต่เขาไม่คิดไปเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายของราชวงศ์ต้าอินในครั้งนี้ ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ว่าไม่มีความจำเป็น
การต่อสู้ระหว่างพระโอรสในราชวงศ์ย่อมไม่ไปถึงระดับเจ้าแห่งอาวุธ แต่ในนี้ก็มีข้อห้ามมากเกินไปจริงๆ
…
ฉยงซังกับสตรีนางนั้นวิ่งอย่างบ้าคลั่งตามเงามืดของเรือนด้านในสำนักพันอาทิตย์ไปด้านหน้า ไม่มีใครพบร่องรอยของพวกเขาอยู่ชั่วขณะ
น่าเสียดายตอนที่วิ่งไปถึงข้างรูปสลักดอกบัวขนาดใหญ่ เงาคนสูงใหญ่กว้างหนาสายหนึ่งก็ขวางอยู่ด้านหน้าพวกเขา และขวางเส้นทางที่เชื่อมไปยังประตูส่งตัวเพียงเส้นเดียวนั้น
“องค์ชายยี่สิบเจ็ด…องค์หญิงห้า…นาง…เป็นพี่สาวที่รักเอ็นดูท่านที่สุด…หากเป็นหญิงใจง่ายเมื่อครู่ยังพอว่า แต่ว่าปกติองค์หญิงห้ารักเอ็นดูท่านที่สุด…ไฉนท่านยังทำแบบนั้นได้ลง” เสียงของเงาคนสายนั้นเฉียบขาด ทำให้คนฟังน้ำตาไหลทำให้คนเห็นเจ็บปวดใจโดยแท้
ตอนนี้ฉยงซังวิ่งเข้าไปใกล้แล้ว ค่อยเห็นชัดว่าคนผู้นั้นคือหลิวซงปู้ขุนนางดูดาวที่พาเขาหนีออกจากวังมาหาฉยงหวนเพื่อซ่อนตัว
“พี่ห้า!? พี่ห้าเป็นอะไร?!” พอได้ยินเสียงร้องของหลิวซงปู้ ฉยงซังพลันตัวสั่นและหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตะลึงงันเหมือนกับคนสติไม่ดี
……………………………………….