ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 469 ผนึกรวม (1)
บทที่ 469 ผนึกรวม (1)
ทั้งสองต่างมีความคิดของตัวเอง
หลังจากบอกลาผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านอย่างยากเย็น ตู้กวงชื่อกับเหยาเหลียนกลับไม่ได้วกกลับตามทางเดิมในตอนที่มา แต่เดินไปยังส่วนลึกของป่าอีกทางหนึ่ง
ตู้กวงชื่อเดินไปพลาง นำจานโลหะทรงสามเหลี่ยมสีน้ำเงินชิ้นหนึ่งออกมาดูแสงจางๆ ด้านบนไปพลาง
“หากไล่ตามกลิ่นอายของสิ่งสกปรกนั้น สมควรเป็นที่นี่”
เหยาเหลียนพยักหน้า “แม้จานไล่ตามแสงพันลี้ที่อาจารย์มอบให้ไม่อาจตรวจสอบได้ถึงพันลี้จริงๆ แต่ก็ทำได้ถึงหนึ่งร้อยลี้ เกาะน้อยแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่ เป้าหมายที่ไล่ตามสมควรไม่มีปัญหา”
“แต่ก็ต้องระวังผู้บำเพ็ญนอกรีตที่อาจจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ด้วย ว่ากันว่าโลกบำเพ็ญเซียนโพ้นทะเลมีผู้บำเพ็ญนอกรีตและนักพรตมารที่มาจากจงหยวนอยู่ไม่น้อย วิถีธรรมะของพวกเรายิ่งใหญ่รุ่งเรือง มีคู่แค้นเป็นจำนวนมาก ขออย่าได้เจอคู่แค้นเก่าๆ เลย ไม่งั้นคงลำบากแย่” ตู้กวงชื่อกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ใช่แล้ว” เหยาเหลียนเห็นด้วย
ทั้งสองหยิบเสื้อคลุมสีเทาอ่อนสองชิ้นออกมาจากในถุงย่าม แล้วห่อคลุมร่างไว้มากกว่าครึ่งพร้อมกับปกปิดใบหน้าโดยสิ้นเชิง
จากนั้นจึงค่อยเดินลัดเลาะป่าไปยังกลางเกาะ
บนเกาะเขียวชอุ่ม ต้นมะพร้าวกับต้นเฟิงสีแดงที่มีใบเหมือนกับทรงสามเหลี่ยมขึ้นอยู่เต็มไปหมด ใบไม้สีเขียว สีแดง และสีเหลืองประกอบกันเป็นทิวทัศน์งดงามตระการตา น่าหลงไหลเป็นพิเศษ
ใต้หน้าผาทรงตะขอกลับด้าน ทั้งสองใช้กระบี่สั้นค่อยๆ ขุดจุดปีนป่ายไต่ขึ้นไปทีละน้อยๆ เหมือนกับมดตัวน้อย แล้วใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนชะง่อนเขา
จากนั้นก็ยืนอยู่บนชะง่อนผาพร้อมกับมองลงไปเบื้องล่าง
เมฆดำกระจายเต็มท้องฟ้า มีเสียงฟ้าร้องดังครืนครัน ฝนใกล้จะตกลงมาแล้ว
ตู้กวงชื่อที่กำลังยืนรับลมตรวจสอบจานไล่ตามแสงพันลี้ในมืออย่างละเอียด หลังเจอทิศทางแล้ว ก็มองไปยังทางนั้น
เป็นอย่างที่คาด เห็นรังขนาดใหญ่ที่ใช้กิ่งไม้ ใบไม้ และหินสีขาวก่อขึ้นอยู่ในป่าทางด้านนั้น
รังนั้นเป็นทรงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบกว่าหมี่ ใช้ใบไม้ที่เหมือนกับใบตองขนาดใหญ่จำนวนมากซ้อนกันเป็นร่มทางธรรมชาติเพื่อป้องกันลมฝนจากภายนอก
ทอดตามองไกล ตู้กวงชื่อเห็นหมีดำขนาดยักษ์ตัวหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่ในรังใหญ่นั้น
หมีดำตัวนี้หลับสนิท ร่างยาวสามหมี่กว่าๆ กว้างเกือบสองหมี่ แข็งแรงกำยำ หนุนศีรษะบนแขน ร่างกายสะท้อนขึ้นลงตามการหายใจ
“มันนี่เอง ปีศาจเขาดำที่ปีศาจกระต่ายตนนั้นบอกก่อนตาย เป็นอย่างที่คาด เผ่าปีศาจกระต่ายที่มีพลังปีศาจอ่อนแอจนเอาชนะมนุษย์ไม่ได้ กลับกล้าไปดูดซับสารกายของพวกคนวัยฉกรรจ์ในหมู่บ้าน ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเบื้องหลังอย่างที่คิดไว้จริงๆ” ตู้กวงชื่อกล่าวอย่างแน่ใจ
“พี่ใหญ่ตู้ พวกเราจะทำอย่างไรดี” เดิมทีเหยาเหลียนเป็นคนที่มีความคิดของตัวเอง ทว่าตอนนี้อยู่ด้านหลังตู้กวงชื่อ ต่อให้มีความคิดอย่างไรก็กลายเป็นหญิงสาวที่เพียงรู้จักพึ่งพาอีกฝ่ายเท่านั้น
“เข้าไปตรงๆ เถอะ ปีศาจตนนี้เปลี่ยนร่างไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างมากสุดคงอยู่ในระดับสร้างรากฐาน ปีศาจระดับสร้างรากฐานจะต้องดูที่ขั้นด้วย” ตู้กวงชื่อกล่าวอย่างมั่นใจ ไม่รอเหยาเหลียนตอบ เขาก็หมุนตัวเดินเลียบชะง่อนผาไปยังทิศทางนั้นอย่างมั่นอกมั่นใจทันที
เพียงแต่เขากลับไม่รู้ว่า ความจริงแล้วหมีดำตัวนั้นเป็นแม่ทัพในสังกัดของเถี่ยฉุยปีศาจหมีขาว มันรับผิดชอบเฝ้าเกาะที่สาม เพียงแต่เป็นเพราะก่อนหน้านี้มีคำสั่งลงมา ต้องการให้มันหยุดเคลื่อนไหว มันจึงไม่มีความคิดลงมือ
ส่วนเผ่าปีศาจกระต่ายอะไรนั้น มันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าบนเกาะมีกระต่ายด้วย ปีศาจกระต่ายตนนั้นโผล่มาอย่างมีเลศนัย มันกำลังให้บริวารตรวจสอบเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
…
ถ้ำยุทธพฤกษา
ลู่เซิ่งนั่งอยู่ในถ้ำสำหรับกักตนแห่งหนึ่งที่อยู่ส่วนลึกที่สุด ด้านหน้าคือกระดาษสีขาวขนาดใหญ่ที่เขียนคำว่าสงบด้วยตัวอักษรสีดำ
หมอกสีน้ำเงินหลายสายลอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างช้าๆ ไอน้ำแข็งเย็นสุดขั้วแผ่ตลบอบอวลทั่วถ้ำ
ทุกที่บนพื้นและบนผนังจับตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งบางๆ
สักพักใหญ่ๆ เขาพลันพ่นลมหายใจยาว ก้อนทรงกลมสีเงินก้อนหนึ่งลอยๆ จมๆ อยู่ด้านหลัง ถูกหมอกสีน้ำเงินโอบอุ้มให้ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
‘ร่างกายเข้าที่เข้าทางแล้ว จุดเล็กๆ บางส่วนที่ก่อนหน้านี้คัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานเพิ่มความแข็งแกร่งให้ไม่ได้ ตอนนี้ก็ได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่แล้วเหมือนกัน น่าจะเริ่มเรียนรู้ขั้นต่อไปได้แล้ว’
เขานึกในใจเงียบๆ กรอบสีน้ำเงินของดีปบลูพลันเด้งออกมาลอยอยู่ด้านหน้าเขา
เขามองไปยังกรอบที่สอง
[วิชาปริศนา: ระดับสร้างรากฐานช่วงต้น (คุณสมบัติพลังวิญญาณ: ความเย็นแข็งแกร่งขึ้นระดับสอง พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นระดับสาม)]
‘ถ้าหากเป็นพลังวิญญาณในขั้นสร้างรากฐานช่วงต้นของนักพรตมู่อวิ๋นเมื่อก่อนหน้านี้ เกรงว่าแค่มีผลความเย็นแข็งแกร่งขึ้นระดับหนึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว’ ลู่เซิ่งประเมินในใจ ยังนับว่าน่าพึงพอใจ
‘ก้าวต่อไปคือระดับสร้างรากฐานหกขั้น ถือเป็นเป็นกระบวนการที่พัฒนาตามขั้นตอน หากดูจากแนวคิดในคัมภีร์ มันคือการปรับปรุงกายเนื้อของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กายเนื้อปรับตัวเข้ากับปราณจริงแท้ที่ตนควบคุมอยู่ได้ดีกว่าเดิม ทั้งยังยกระดับการต้านทานต่อพลังงานความเย็น ถึงขั้นปรับปรุงให้คุณสมบัติร่างกายสมบูรณ์ได้เมื่อไปถึงช่วงหลังแล้ว ความจริงแล้วนี่เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและสมบูรณ์มากพอสำหรับการสร้างโอสถในอนาคต เทียบได้กับการสร้างเตาโอสถก่อนจะหลอมโอสถ หากเตาโอสถไม่ดีพอ รอจนถึงตอนหลอมจริงๆ ก็จะหลอมโอสถดีๆ ออกมาไม่ได้’
ลู่เซิ่งเข้าใจดีว่า สิ่งที่คัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานนี้ต้องการทำก็คือการยกระดับความเข้ากันได้ของกายเนื้อต่อพลังความเย็นและธาตุวารีขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เพื่อทำให้ร่างกายรองรับวารีฟ้าครามที่แข็งแกร่งและเย็นสุดขั้วได้ในตอนสร้างโอสถ
และเงื่อนไขของเขาก็คือการเหนือกว่ามู่อวิ๋น ดังนั้นระดับนี้ย่อมมีเงื่อนไขสูงกว่า
‘การยกระดับความต้านทาน ในสิ่งที่เราเรียนมามีวิชาจำนวนไม่น้อยที่ใช้ทางด้านนี้ได้ แถมพลังอาวรณ์ยังเลียนแบบพลังงานธาตุได้ทุกชนิด เลยทำให้พวกเงื่อนไขโหดๆ ที่ใช้ยกระดับความต้านทานของกายเนื้อสำเร็จได้โดยสมบูรณ์’ ลู่เซิ่งสงบใจพร้อมกับใช้ความคิดกดปุ่มปรับเปลี่ยน
ฉับพลันนั้นอินเตอร์เฟซของดีปบลูก็สั่นไหวแล้วกลับคืนสู่สภาพเดิมทันที
เขามองกรอบที่สองอีกรอบ ด้านหลังวิชาปริศนามีปุ่มเรียนรู้โผล่มาปุ่มหนึ่งอย่างที่คาดไว้
‘ไหนดูหน่อยซิว่าระดับสร้างรากฐานจะใช้พลังอาวรณ์เท่าไหร่’ เขาตั้งสมาธิกลั้นลมหายใจ แล้วกดปุ่มเรียนรู้อย่างแรง
ชิ๊ง!
ปราณโอสถจำนวนมากถูกพ่นออกมาจากปากของร่างหลัก ครั้งนี้กลับปล่อยปราณโอสถทั้งหมดของมู่อวิ๋นที่เขากลืนกินไปก่อนหน้านี้กลับมา แล้วปล่อยให้มันทะลักเข้าร่างกายของลู่เซิ่ง
ยังไม่รอให้ปราณโอสถเหล่านี้สร้างความเสียหายให้แก่เส้นเอ็นของลู่เซิ่ง วังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มในร่างกายของเขาก็ดึงทึ้งปราณโอสถอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับมีปากเก้าสิบเก้าปาก แต่ละปากฉีกส่วนหนึ่งมากลืนกินจนหมด
พลังฝึกปรือทั้งหมดของมู่อวิ๋นในระดับสร้างโอสถช่วงต้น ถูกลู่เซิ่งที่เพิ่งขึ้นถึงระดับสร้างรากฐานย่อยสลายจนหมดโดยสมบูรณ์
พอสัมผัสได้ว่าความปรารถนาอันแรงกล้าของวังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มในตัวยังไม่พอใจ ดีปบลูก็ปล่อยปราณจริงแท้ความเย็นอันบริสุทธิ์ที่เปลี่ยนมาจากพลังอาวรณ์จำนวนมากออกมาอย่างไม่มีหยุดชะงัก เพื่อเติมเข้าไปในวังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มเหมือนกับคลื่นทะเล
พลังอาวรณ์เริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งหน่วย สองหน่วย สามหน่วย…
พริบตาเดียวหายไปสิบหน่วย จนกระทั่งถึงยี่สิบห้าหน่วย จึงค่อยๆ หยุดลง
ตอนนี้รอบๆ กายเนื้อของลู่เซิ่งในรัศมีหลายหมี่มีน้ำแข็งแวววาวสีขาวบริสุทธิ์จับตัวกันห่อหุ้มร่างของเขาเป็นก้อนน้ำแข็งสูงหลายหมี่ ด้านในถ้ำเกิดไอความเย็นที่คุกคามคนและหนาวเหน็บเย็นยะเยือก ผนังหิน โต๊ะเก้าอี้ และป้ายอักษรบนผนังค่อยๆ กลายเป็นสีฟ้าอันแปลกประหลาด
ในที่สุดหลังจากเก้าสิบเก้าวังวนกลืนกินปราณจริงแท้ความเย็นไม่รู้จำนวนเท่าไหร่ มันก็ค่อยๆ หยุดลง
ลู่เซิ่งลืมตาขึ้น ก่อนจะเห็นว่าการแสดงผลด้านในกรอบของดีปบลูไม่เหมือนเดิมแล้ว
[วิชาปริศนา: สร้างรากฐานช่วงกลาง (คุณสมบัติพลังวิญญาณ: ความเย็นแข็งแกร่งขึ้นระดับห้า พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นระดับห้า)]
‘ยกระดับแล้วจริงๆ ด้วย ถือว่าราบรื่นดี มาต่อกันเลย’ ลู่เซิ่งรู้สึกได้ว่าร่างกายของตัวเองได้รับการดึงทึ้งและเสริมความแข็งแกร่งจากวังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มในกระบวนการเรียนรู้เมื่อครู่ เป็นเหตุให้ความแข็งแกร่งกับความต้านทานล้วนได้รับการยกระดับไม่น้อย
วังวนปราณจริงแท้ความเย็นเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อ ส่วนแก่นหยางก็กลายเป็นพลังงานพิเศษสำหรับรักษากายเนื้อในเวลาพร้อมกัน เพื่อเร่งการฟื้นฟูของร่างกาย
นี่เท่ากับว่าเขาใช้เวลาไม่กี่อึดใจเพื่อให้ได้รับผลของการสร้างรากฐานที่คนอื่นๆ ต้องฝึกฝนเป็นเวลาหลายสิบปี
เดิมทีการยกระดับอันน่าตกตะลึงที่สำเร็จได้ในครั้งเดียวนี้จะสร้างความเสียหายที่รุนแรงให้แก่กายเนื้อ ทว่าเนื่องจากปัจจุบันร่างหลักของเขามีพลังฝึกปรือสูงล้ำ แม้จะไม่อาจปรากฏตัวขึ้นได้โดยสมบูรณ์ แต่การให้แก่นหยางเลียนแบบและแบ่งตัวเป็นพลังงานบริสุทธิ์ที่ใช้รักษาร่างกาย ยังเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากอยู่ดี
การหลอมสร้าง ทำลาย และรักษาพร้อมๆ กันแบบนี้ ขอแค่พลังฟื้นฟูของร่างหลักตามความเร็วในการทำลายทัน อย่างนั้นดีปบลูจะเรียนรู้ ยกระดับ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้เรื่อยๆ
ลู่เซิ่งพักผ่อนสักพัก จึงค่อยกดปุ่มเรียนรู้ด้านหลังกรอบอีกรอบ
ชิ้ง!
ชั่วพริบตานั้น วังวนเก้าสิบเก้ากลุ่มหมุนด้วยความเร็วสูง เร็วกว่าระดับสร้างรากฐานช่วงต้นไม่ต่ำกว่าสองสามเท่า
พลังอาวรณ์กลายเป็นพลังจริงแท้ความเย็นจำนวนมาก แล้วทะลักเข้าไปในวังวนทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้สิ้นเปลืองมากกว่าเดิม ใช้พลังอาวรณ์เกือบสามสิบกว่าหน่วย ดีปบลูสั่นอยู่สิบกว่าวินาทีจึงค่อยๆ สงบลง
รอจนทุกอย่างสงบลง ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากายเนื้อของตนมีความผิดปกติเล็กน้อย
ทุกๆ การเคลื่อนไหวเชื่องช้ายากลำบากเหมือนแบกน้ำหนักถึงพันชั่ง
‘การเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อตามไม่ทันแล้วเหรอ ไม่ใช่ เป็นเพราะดูดซับปราณจริงแท้ความเย็นมากเกินไปจนทำให้เส้นประสาทกับเส้นเลือดของกายเนื้อทำงานช้าลง ปฏิกิริยาก็เลยเชื่องช้าลงตามไปด้วย’ ลู่เซิ่งไม่ร้อนใจ เหตุการณ์นี้มีการแนะนำถึงในคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสาน นี่เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ ความจริงไม่นับว่าลำบากอะไร หากเป็นแค่สภาพพิเศษชนิดหนึ่งเท่านั้น ขนาดผู้บำเพ็ญจำนวนมากต้องการยังไม่เคยได้รับ เป็นเพราะสภาพนี้จะทำให้กายเนื้อปรับตัวเข้ากับพิษของวารีฟ้าครามในอนาคตได้เร็วที่สุดนั่นเอง
วิธีการแก้ไขก็ง่ายดายมาก ขอแค่ให้กำเนิดหยางบริสุทธิ์จุดหนึ่งที่เกิดจากความเป็นหยินสุดขั้วในวังวนความเย็นของตัวเองก็เพียงพอแล้ว
สาเหตุที่คัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานได้แต่สร้างโอสถขั้นหนึ่ง เป็นเพราะว่าการให้กำเนิดหยางบริสุทธิ์ไม่สมบูรณ์ เลยเป็นเหตุให้คุณสมบัติของโอสถภายในที่สร้างขึ้นมาไม่บริสุทธิ์ตามไปด้วย สามารถทำให้รวมตัวกันได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
‘วิธีการผนึกรวมหยางบริสุทธิ์ในคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสานนั้นใช้ไม่ได้ ดูเหมือนจะซับซ้อนล้ำลึก แต่ความจริงสรุปได้อย่างง่ายๆ ก็คือใช้วังวนสร้างแรงกดดัน จากนั้นก็กดอัดปราณจริงแท้ความเย็นไปถึงขีดสูงสุดของความหนาแน่น แล้วชักนำวารีฟ้าครามเข้ามาเป็นตัวเหนี่ยวนำเพื่อทำให้ปราณจริงแท้ในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติ จนกลายเป็นแก่นจริงแท้ที่มีคุณสมบัติสูงกว่าอีกระดับในเวลาสั้นๆ ภายหลังค่อยใช้แก่นจริงแท้กระตุ้นจุดสำคัญแต่ละจุดบนกายเนื้อตามลำดับขั้นตอนที่พิเศษและซับซ้อน เพื่อทำให้ร่างกายและจิตวิญญาณเกิดปฏิกิริยาเชื่อมต่อ และสร้างพลังหยางบริสุทธิ์ของกายเนื้อในกระบวนการต้านทานแก่นจริงแท้และปรับตัวเข้ากับแก่นจริงแท้’
ลู่เซิ่งใคร่ครวญดู ปัจจุบันเขามีความรู้เรื่องวรยุทธ์ วิธีบำเพ็ญ และวิชาจริงแท้มากมาย จึงพอจะรู้แบบแผนกับวิธีคร่าวๆ
‘หมายความว่าขอแค่กายเนื้อแข็งแกร่งพอ มีวิชาลับที่กระตุ้นกายเนื้อที่ดีพอ หยางบริสุทธิ์ที่เกิดออกมาในตอนท้ายก็จะยิ่งดี ตอนนี้อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมาก เรียนรู้ถึงขั้นสร้างรากฐานช่วงท้ายก่อน หลังฝ่าภัยพิบัติโอสถช่วงเติมเต็มเสร็จแล้วค่อยว่ากัน’
ลู่เซิ่งตั้งสมาธิกลั้นลมหายใจ ก่อนจะกดลงบนปุ่มเรียนรู้เป็นครั้งที่สาม
……………………………………….