ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 480 เชื่อมต่อ (2)
บทที่ 480 เชื่อมต่อ (2)
ชุนซงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ประมุขถ้ำคงยังไม่ทราบว่าวิถีธรรมะได้ส่งจอมสัจจะทารกจิตมาโพ้นทะเลเพื่อจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองแล้ว ประมุขถ้ำสังหารพวกเตี๋ยซาจื่อไป ได้บ่มเพาะแค้นตายกับวิถีธรรมะแล้ว ไม่ว่าท่านจะปล่อยบุตรแห่งโชคชะตาหรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีทางเยียวยาได้อีก พวกเราทราบว่าประมุขถ้ำมีความสามารถน่าทึ่ง แต่หากไม่ถึงระดับทารกจิต อย่างไรก็เป็นแค่มดปลวก ความแข็งแกร่งของจอมสัจจะทารกจิตไม่ใช่สิ่งที่ปราณโอสถจะต่อกรได้”
ลู่เซิ่งปิดปากไม่พูดอะไร เพียงหยีตาจ้องมองอีกฝ่ายเพื่อดูว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรกันแน่
ชุนซงจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ดังนั้น คนที่จะช่วยชีวิตประมุขถ้ำได้ในเวลานี้จึงมีแต่ตำหนักราชาปฐพีของข้าเท่านั้น หรือควรบอกว่าใต้หล้าในเวลานี้ ขุมกำลังที่ต่อกรกับวิถีธรรมะหรือถึงขั้นกล้าสู้กับวิถีธรรมะ เหลือแต่ตำหนักราชาปฐพีของเราเท่านั้น”
ลู่เซิ่งพ่นลมหายใจ
“อย่างนั้น จอมเทวะทัพเผิงอยู่ที่ใด”
ชุนซงจื่อส่ายหน้าน้อยๆ
“ประมุขถ้ำคิดผิดแล้ว จอมเทวะไม่มีทางเผยโฉมหน้าที่แท้จริง แต่เขาจะลอบช่วยเหลือท่านในที่ลับเอง ตั้งแต่หนีจากเงื้อมมือของจอมสัจจะวิถีธรรมะ แน่นอนว่าการลงมือในครั้งนี้มีราคาที่ต้องจ่าย ท่านต้องมอบกระบี่ธารปฐพีในมือของท่านมา นอกจากนี้ เพื่อแสดงความจริงใจ ท่านจะต้องสังหารตู้กวงชื่อผู้นั้นด้วยมือตัวเอง อย่างไรวิถีธรรมะก็คิดจะกำจัดประมุขถ้ำทิ้งอยู่แล้ว ความจริงจะสังหารหรือไม่สังหารตู้กวงชื่อ ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม ประมุขถ้ำไม่ต้องคิดมาก”
“พวกเจ้าเอาอะไรมาเป็นหลักประกันว่าจะลงมืออย่างแน่นอน” ลู่เซิ่งถามอีกครั้ง
ชุนซงจื่อได้ยินดังนั้นพลันหัวเราะลั่น “เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว หรือว่าประมุขถ้ำยังมีตัวเลือกอื่นอีก ไม่ว่าจะอย่างไรวิถีธรรมะก็ไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่ จอมสัจจะทารกจิตของพวกเขากำลังเดินทางมา คิดว่าอีกครึ่งเดือนก็จะถึงโพ้นทะเลแล้ว ถึงตอนนั้น ประมุขถ้ำคิดจะตอบรับพวกเราก็ไม่ทันการณ์แล้ว”
“ครึ่งเดือนหรือ” ลู่เซิ่งไม่ได้ตอบ ก้มหน้าหลับตา ใคร่ครวญถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
ชุนซงจื่อเห็นดังนั้นก็ทราบว่าจะรีบร้อนกดดันไม่ได้
“ดูเหมือนประมุขถ้ำจะยังลังเลอยู่ เอาแบบนี้ ครั้งนี้ข้าขอหยุดไว้ก่อน อีกสองวันข้าจะมาอีกรอบ เวลานั้นจะเป็นโอกาสสุดท้ายอย่างแท้จริง ประมุขถ้ำจงไตร่ตรองให้ดีๆ เถอะ เส้นทางที่ท่านเลือกได้ในตอนนี้มีเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
ชุนซงจื่อค่อยๆ ถอยหลังไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแหลม ร่างกายกลายเป็นกึ่งโปร่งแสงอย่างช้าๆ ก่อนจะบินไปยังที่ไกล
ทุกสิ่งตกสู่ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงคลื่นทะเลกับเสียงลมดังบนผิวทะเลอยู่ชั่วขณะ
ลู่เซิ่งยืนไตร่ตรองอยู่ที่เดิมเงียบๆ
อ๊าก!
อยู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงร้องดังมา จากนั้นเสียงร้องก็หยุดชะงักลงอย่างฉับพลัน เหมือนกับถูกกดปุ่มหยุด ตั้งแต่ดังขึ้นจนเงียบไป ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งวินาที
ลู่เซิ่งรู้สึกตัวเพราะเสียงร้อง เขาก้มหน้าลงเห็นน้ำทะเลด้านหน้าตนเองพลิกม้วน เงาร่างที่คุ้นเคยค่อยๆ โผล่ออกมา
คนผู้นี้ก็คือชุนซงจื่อที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่ บนหน้าผากและร่างกายของเขามีแต่รูเลือดที่ถูกแทงทะลุนับไม่ถ้วน จุดโอสถภายในตรงท้องน้อยถูกคว้านออกมา ไม่ใช่แค่โอสถภายในที่หายไป แม้แต่เลือดเนื้อรอบๆ ก็ถูกควักจนกลวงด้วย
“เจ้า…เจ้า…!” ชุนซงจื่อจับจ้องลู่เซิ่งเขม็งด้วยสองตาดุร้าย คล้ายอยากจะพูดอะไร
“เจ้าไม่ได้คิดเลยหรือ” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าราบเรียบ “ว่าแม้แต่คนของวิถีธรรมะข้ายังกล้าสังหาร แล้วข้ายังจะกลัวการคุกคามเล็กๆ จากตำหนักราชาปฐพีของเจ้าอีกหรืออย่างไร”
“ไกล…ตั้งขนาดนี้…เจ้า” ชุนซงจื่อไม่ยอมแพ้ ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย เขาออกห่างจากลู่เซิ่งไกลมากแล้วแท้ๆ เหตุใดถึงได้…
“ความคิดของคนอ่อนแอ” ลู่เซิ่งใช้ความคิด น้ำทะเลรอบๆ กลบกลืนชุนซงจื่อไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีคนจากไปได้อย่างปลอดภัยหลังจากข่มขู่ข้า” เขาที่มีสีหน้าสงบนิ่งทำท่าโบกมือา โอสถภายในสีดำขนาดเท่าไข่ไก่ก้อนหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากในน้ำทะเล
นี่เป็นโอสถภายในฝ่ายมารที่ชุนซงจื่อบำเพ็ญมาหลายปี
‘ต้องรีบหน่อยแล้ว ตำหนักราชาปฐพี วิถีธรรมะ…ถ้าของวิเศษที่หลอมสร้างขึ้นที่นี่รวมเป็นหนึ่งกับเรา บางทีอาจจะเอากลับไปใช้ที่ต้าอินได้’
เขาปักศีรษะลงด้านล่าง พริบตาเดียวก็หายไปในทะเล ดำดิ่งลงไปยังทะเลลึก
ขณะที่ใช้ปราณโอสถควบคุมน้ำทะเลรอบๆ ความเร็วในการดำลงไปของลู่เซิ่งเทียบเท่ากับการบิน ไม่นานก็ไปถึงระดับความลึกเกือบแปดพันหมี่ที่น่าสะพรึงกลัว
การผลาญปราณโอสถรอบตัวเขาก็ไปถึงระดับที่น่าตกตะลึงสำหรับผู้บำเพ็ญระดับสร้างโอสถด้วยเช่นกัน
ทว่าสำหรับลู่เซิ่งกลับไม่นับเป็นอย่างไร ขนหน้าแข้งไม่ร่วงสักเส้น
ระดับความลึกนี้ใกล้จะถึงก้นแล้ว รอบๆ มืดสนิทไม่มีแสงสว่าง ก้นทะเลเป็นตะปุ่มตะป่ำสูงต่ำไม่เท่ากัน
ลู่เซิ่งซึ่งกำลังสัมผัสถึงไฟใต้ดิน เจอจุดปะทุของเส้นสายไฟใต้ดินหรือก็คือปล่องภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว
ปล่องภูเขาไฟเป็นสีแดงเข้ม อุณหภูมิของน้ำรอบๆ สูงถึงสองร้อยกว่าองศาอย่างน่าตกตะลึง ปล่องทั้งปล่องเหมือนกับหลุมดาวตกไร้รูปแบบ ตรงกลางสุดมีหินหนืดไหลอยู่ช้าๆ และแผ่กระจายอยู่ในสีแดงเข้มเหมือนกับใยแมงมุม
ลู่เซิ่งค่อยๆ ว่ายไปถึงด้านบนหินหนืด กระแสน้ำความร้อนสูงกับแรงดันที่อยู่รอบๆ เขาถูกน้ำทะเลที่มีปราณโอสถความเย็นต้านทานเอาไว้
‘ตรงนี้นี่แหละ’
เขาชี้หินหนืด ฉับพลันนั้นหินหนืดสีทองก็ขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ
ลู่เซิ่งพุ่งลงด้านล่าง ทะลุเข้าไปในหินหนืด โอสถทองคำในร่างเขาทำงานอย่างหนักหน่วง พร้อมกับกลืนกินดูดซับความร้อนจำนวนมหาศาลที่พวยพุ่งออกมาจากหินหนืด
พลังของไฟใต้ดินอันยิ่งใหญ่ที่มาจากอุกกาบาตเริ่มถูกลู่เซิ่งสูบออกไปอย่างต่อเนื่อง
ทว่าเป็นเพราะไม่มีเคล็ดวิชาคอยช่วยเหลือ ความร้อนใต้ดินในเวลานี้จึงเพียงแค่ถูกปราณโอสถอันยิ่งใหญ่ในโอสถทองคำหักล้างและทำให้มีภาวะเป็นกลาง จนอยู่ในสภาพทำลายกันและกันเท่านั้น
‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยนออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
กรอบสีน้ำเงินปรากฏตรงหน้า เขาหยุดสายตาอยู่บนกรอบที่สองพร้อมกับกดปุ่มปรับเปลี่ยนโดยรวมก่อน จากนั้นค่อยมองไปยังด้านหลังกรอบ
‘ได้ผลจริงๆ ด้วย!’ เวลานี้ปุ่มเรียนรู้ที่ตอนแรกลู่เซิ่งไม่เห็นโผล่ออกมาอย่างฉับพลัน
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะประสบการณ์ด้านเคล็ดวิชาที่เขาดูดซับมีเยอะแล้ว หรือเป็นเพราะตอนนี้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีไฟใต้ดินจำนวนมากคอยรักษาอุณหภูมิไว้ ลู่เซิ่งกดลงบนปุ่มเรียนรู้ด้านหลังกรอบที่สองโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ตูม!
ชั่วขณะนั้นห้วงสมองของเขาสั่นสะเทือน เส้นทางเคล็ดวิชาซึ่งเป็นข้อมูลปริมาณมากทยอยไหลเข้าไปในจิตของเขาอย่างบ้าคลั่ง เคล็ดวิชาจากการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นโดยมีพื้นฐานมาจากคัมภีร์ประกายฟ้าครามสามผสาน และประสานกับวิชาจริงแท้วิชาอื่นๆ เวลานี้ในที่สุดก็วิวัฒนาการถึงระดับทารกจิตอย่างแท้จริงแล้ว
ขั้นตอน วิธีการ ความต้องการ และเงื่อนไขในวิธีให้กำเนิดชีวิตจำนวนมาก ถูกเรียนรู้ออกมาทีละข้อ จากนั้นก็ได้รับการปรุงปรุงให้สมบูรณ์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน
พลังอาวรณ์หายไปเป็นจำนวนมากด้วยความเร็วหนึ่งร้อยหน่วยต่อวินาที
ปราณโอสถอันมหาศาลถูกบีบอัดให้รวมตัวกันกลายเป็นสิ่งของสีน้ำเงินที่เหมือนกับของเหลว แล้วเติมเต็มจุดตันเถียนของลู่เซิ่ง
วัตถุเหล่านี้กลายเป็นคนแคระสีน้ำเงินขนาดเท่าลูกเหอเถา นั่งขัดสมาธิอยู่ในท้องน้อยของลู่เซิ่ง
คนแคระคนนี้อ้าปากกลืนกินหมอกสีน้ำเงินในขณะที่หลับตาแน่น สมจริงราวมีชีวิต กำลังมีชีวิตอันแสนมหัศจรรย์กำเนิดขึ้นมาตรงหัวใจในทรวงอก
แสดงให้เห็นว่าตอนนี้มันยังไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่หากการให้กำเนิดชีวิตจบลงเมื่อไหร่ ร่างกายนี้จะกลายเป็นร่างอันดับที่สองที่เป็นตัวแทนของกายเนื้อในไม่ช้าก็เร็ว
ตอนนี้เนื้อหาของกรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติแล้วเช่นกัน
[วิชาปริศนา: ระดับทารกจิตช่วงต้น (คุณสมบัติพิเศษ: ปราณทารกห้าพันเท่า)]
ไม่มีความสามารถแพรวพราวใดๆ และไม่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมใดๆ หลังจากสำเร็จระดับทารกจิตแล้ว สิ่งที่ลู่เซิ่งแตกต่างกับจอมสัจจะทารกจิตคนอื่นๆ มีอยู่แค่เพียงจุดเดียว นั่นก็คือปราณทารกห้าพันเท่า
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ปราณทารกของเขาเป็นห้าพันเท่าของจอมสัจจะทารกจิตคนอื่นๆ!
ลู่เซิ่งกางแขนกางขาอยู่ในหินหนืดสีทอง แสงสีน้ำเงินเจิดจ้าที่สาดขึ้นรอบๆ ตัวเขากำลังปะทะกับแสงสีทอง เขาค่อยๆ จมลงไปยังส่วนลึกของหินหนืด
รอบๆ ตัวเป็นสีทองอร่าม นอกจากลู่เซิ่งแล้ว ก็ไม่มีวัตถุของแข็งใดๆ ดำรงอยู่ได้อีก
‘สบายจริงๆ…’ ลู่เซิ่งสัมผัสปราณโอสถที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติด้วยความเร็วสูงในร่างกาย ในใจไร้ทุกข์และไร้สุข
เดิมทีเขามีจิตวิญญาณระดับอริยะเจ้าอยู่แล้ว แถมยังยืนอยู่ในระดับความสูงเดียวกันกับระดับทารกจิตเป็นอย่างน้อย ดังนั้นพอตอนนี้ร่างกายร่างนี้บำเพ็ญขอบเขตเดียวกันสำเร็จ จึงใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขา
‘ต่อจากนี้ ควรจะหลอมสร้างไข่มุกกลืนสมุทรสักที’ เขาหยิบไข่มุกกลืนสมุทรออกมาจากในแขนเสื้อแล้วโยนไปด้านหน้าเบาๆ
ครืน!
โลกหินหนืดจมลงทันที
ครั้งนี้มีอานุภาพเหนือกว่าตอนอยู่ในระดับสร้างโอสถมาก ไข่มุกกลืนสมุทรพุ่งออกจากปล่องภูเขาไฟ น้ำทะเลจำนวนมากในทะเลลึกทะลักเข้าไปด้านในเนื่องจากแรงกดดัน
เมื่อมีปราณโอสถนับไม่ถ้วนคอยสนับสนุน แค่ครึ่งนาที ความเร็วในการดูดกลืนน้ำทะเลของไข่มุกกลืนสมุทรก็เพิ่มขึ้นถึงวินาทีละมากกว่าพันตัน และยังยกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่งด้วย
กลางน้ำทะเลที่มีไข่มุกกลืนสมุทรเป็นศูนย์กลาง ด้านบนคือน้ำทะเลสีน้ำเงินที่ไหลลงด้านล่างนับไม่ถ้วน ด้านล่างคือหินหนืดสีแดงเข้มอมทองที่ทะลักพุ่งออกมา
สีน้ำเงินกับสีแดงตัดกันอย่างชัดเจน
ถึงขั้นที่ว่าก่อให้เกิดสุญญากาศเล็กๆ ระหว่างหินหนืดกับน้ำทะเลเนื่องจากว่าไข่มุกกลืนสมุทรดูดซับเร็วเกินไปด้วย
ลู่เซิ่งลอยตัวออกจากหินหนืด แล้วยืนก้มลงมองปรากฏการณ์พิเศษนี้อยู่ตรงก้นทะเลใกล้ๆ
‘ดูดซับเลย…ด้วยพลังอาคมของเราในปัจจุบัน ขอดูหน่อยเถอะว่าสุดท้ายจะดูดซับน้ำทะเลได้เท่าไหร่’ ตาของลู่เซิ่งเป็นประกายสีน้ำเงินในความมืด ส่วนตัวเขาเงียบขรึมเย็นชา น่านน้ำรอบๆ ที่เงียบสงบกับภาพอันเกรี้ยวกราดของไข่มุกกลืนสมุทรที่อยู่ไม่ไกลตัดกันอย่างชัดเจน
ครึ่กๆ…
จู่ๆ ก้นทะเลก็สั่นไหว
ภูเขาไฟเจอการกระตุ้นหลายรอบ ในที่สุดก็ใกล้จะปะทุ ร่องแยกสีแดงเข้มจำนวนมากค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนพื้นรอบๆ
‘พอดีเลย ช่วยข้าชุบหลอมไข่มุกกลืนสมุทรหน่อยก็แล้วกัน’ ลู่เซิ่งยกมือขึ้นใช้เคล็ดวิชา พร้อมกับโยนกล่องหยกใบหนึ่งออกไปจากแขนเสื้อ
กล่องหยกเปิดออกเองในน้ำทะเล แสงสีม่วงลอยออกมาจากด้านใน ก่อนจะหายไปในผิวไข่มุกกลืนสมุทรที่อยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นพลันมีเปลวไฟบิดเบี้ยวสีดำสนิทกลุ่มหนึ่งลุกไหม้ขึ้นรอบตัวลู่เซิ่งโดยอัตโนมัติ ไฟชนิดนี้ไม่มีความร้อน ซ่อนเร้นมิดชิด คล้ายกับไม่คงอยู่
ทว่าพอลู่เซิ่งแตะดูกลับสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดทิ่มแทง
‘ไฟลี้ลับใต้ดินหรือ เจ็ดภัยพิบัติอุบัติแล้วหรือ หากผ่านไปได้จะเข้าสู่ระดับทารกจิตระยะต้นอย่างมั่นคง ถ้าหากผ่านไม่ได้ ก็ได้แต่ถอยกลับไปเป็นผู้บำเพ็ญเจ็ดภัยพิบัติโอสถทองคำเท่านั้น
‘ไฟลี้ลับใต้ดินที่ทำลายจิตวิญญาณโดยเฉพาะหรือ’ ลู่เซิ่งก้มมองสองขาที่เริ่มลุกไหม้ของตัวเอง ในที่สุดการหลอกลวงจากจิตวิญญาณของร่างหลักที่เป็นมารสวรรค์ก็ไม่มีผลแล้ว แสดงว่ามีค่าใช้จ่ายและเวลาจำกัด
ลู่เซิ่งหลับตานิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลืมตาอีกครั้ง ไฟสีดำรอบๆ สั่นสะเทือน ก่อนจะหายวับไป
จากนั้นเขาจึงค่อยเริ่มเดินไปด้านหน้า
แต่เพิ่งจะเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว
ตูม!
ไฟสีดำขนาดยักษ์ที่มีจำนวนมากกว่าเดิมกลับลุกไหม้รอบตัวเขาอย่างรุนแรง ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น อาณาเขตหลายร้อยหมี่รอบๆ ก็โดนลูกหลงถูกไฟสีดำครอบคลุมไปด้วย
ไฟสีดำจำนวนมากพันเกี่ยวเขาเพื่อไม่ให้เขาขยับเขยื้อน กรงเล็บโปร่งแสงนับไม่ถ้วนที่ยื่นออกมาจากไฟจับสองขาของลู่เซิ่งไว้อย่างแนบแน่น
เสียงครวญครางกับเสียงร้องโอดโอยอันบางเบาดังมาจากด้านหลังกรงเล็บ
“ไม่มีอะไรขวางข้าได้” ลู่เซิ่งยื่นมือออกมา “เจ็ดภัยพิบัติก็เช่นกัน”
เขากดฝ่ามือลง
ตูม!
ก้นทะเลรัศมีหลายร้อยหมี่รอบๆ จมลงหนึ่งหมี่พร้อมกัน ไฟสีดำทั้งหมดระเบิดและสลายไปอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแผ่กระจายออกไปรอบๆ โดยมีภูเขาไฟเป็นศูนย์กลาง
……………………………………….