ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 501 กลับ (1)
บทที่ 501 กลับ (1)
หลังจากย่อยสลายปราณมารในท้องอย่างตั้งใจ ลู่เซิ่งก็หดขนาดร่างลงด้วยความเร็วสูงพร้อมกับอ้าปากพ่นกายเนื้อของมู่อวิ๋นที่อยู่ในท้องออกมาเป็นก้อน
หลังจากพ่นกายเนื้อออกมา เขาก็หดร่างจนเหลือขนาดเท่าผลท้อในพริบตา ก่อนมุดเข้าไปในหัวใจของมู่อวิ๋น จากนั้นก็หายไปด้านในอย่างฉับพลัน
‘ตอนนี้สะสางผลกรรมเรียบร้อยแล้ว ควรจัดการเรื่องของตัวเองสักที’ เขาอุ้มหลิ่วเอ๋อร์ขึ้นมาพร้อมกับทะยานร่างขึ้น แล้วบินไปยังที่ไกล
ก้อนเมฆล่องลอย ประโยชน์หลังจากกลืนกินอวิ๋นเหย่จะค่อยๆ แสดงออกมาให้เห็นในเวลาไม่นาน
อวิ๋นเหย่ผู้นี้เป็นคนโชคร้าย ปราณมารที่เขาฝึกฝนนับเป็นสิ่งร้ายกาจในโลกใบนี้ แต่เมื่อเทียบกับลู่เซิ่งแล้ว กลับบริสุทธิ์สู้แดนมารในโลกต้าอินไม่ได้ บวกกับวิถีแปดมารสูงสุดกลืนกินมารในแดนมารมากมาย ถึงขั้นมารโบราณก็ถูกกลืนกินไปไม่น้อยเช่นกัน จึงพัฒนากลายเป็นโครงสร้างพิเศษที่กดข่มปราณมารได้อย่างเด็ดขาด
ถ้าหากให้ลู่เซิ่งรับมือผู้บำเพ็ญที่ไม่ใช่ฝ่ายมารในระดับเทวปัญญาเหมือนกัน อาจจะต้องเข่นฆ่ากันสักพัก แต่หากให้รับมืออวิ๋นเหย่ที่ถูกตนกดข่ม จะจัดการได้ในทันที
ปราณมารของอวิ๋นเหย่เป็นพิษ พิษที่ใช้ดับไฟและใช้สังหารสิ่งมีชีวิตได้
แต่ว่าร่างหลักของลู่เซิ่งเป็นพิษที่มีระดับความเข้มข้นสูงกว่าเขามาก การใช้พิษที่มีความเข้มข้นต่ำไปหาเรื่องพิษที่มีความเข้มข้นสูง ถ้าชนะได้สิถึงจะแปลก
พลังฝึกปรือของอวิ๋นเหย่กลายเป็นปราณมารปริมาณมหาศาลด้วยความเร็วสูง จากนั้นร่างหลักก็เปลี่ยนปราณมารนี้ให้กลายเป็นแก่นหยางเพื่อเติมเต็มพลังฝึกปรือของร่างหลัก
บินออกจากเขาประกายทองของวิถีธรรมะเพื่อกลับสำนักสี่สมุทรเป็นเวลาทั้งหมดห้าวัน ในห้าวันสั้นๆ นี้ ต้องขอบคุณอวิ๋นเหย่ อาการบาดเจ็บของลู่เซิ่งจึงฟื้นฟูจนเกือบหมด จิตวิญญาณเองก็ฟื้นกลับมาเหมือนเดิม และกำลังรบก็กลับมาอยู่ในจุดสูงสุดเช่นกัน
ความจริงครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้ความสามารถทั้งหมด อย่างน้อยก็ไม่ได้ใช้เทวลักษณ์วารีลี้ลับ อย่างไรเขาก็ไม่ได้ไปฆ่าคน หากแต่บีบคั้นให้วิถีธรรมะชดเชย ผลลัพธ์ถือว่าน่าพอใจเป็นพิเศษเช่นกัน
หลังจากกลับสำนักสี่สมุทร ลู่เซิ่งก็ตั้งใจฝึกฝน และศึกษาการเปลี่ยนแปลงมากมายของอัคคีอนธการ ผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ ประมาณครึ่งเดือน ก็มีขบวนกลุ่มใหญ่คุ้มครองส่งการชดเชยของวิถีธรรมะมาถึง
เคล็ดวิชาและคัมภีร์โอสถหนึ่งพันม้วน ที่ต่ำที่สุดล้วนเป็นระดับสร้างรากฐานขึ้นไป ที่สูงที่สุดมีเคล็ดวิชาระดับทารกจิตที่ไม่ใช่วิชาหลักของวิถีธรรมะ
วิชาหนึ่งพันม้วนนี้ไม่ใช่ของชำรุดที่ลู่เซิ่งรวบรวมจากทั่วสี่สมุทร หากเป็นวิชาบำเพ็ญชั้นยอดที่ลัทธิเต๋าอย่างวิถีธรรมะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ที่ลู่เซิ่งเสมอกับจอมมรรคาวิถีธรรมะ เป็นเพราะเสียเปรียบที่มีวิชาบำเพ็ญอ่อนแอ
ไม่อย่างนั้นถ้าพลังอาคมของเขาได้รับการหลอมเป็นปราณโอสถชั้นยอดเหมือนกัน เวลานั้นไม่จำเป็นต้องใช้ไข่มุกกลืนสมุทร เพียงแค่กดพลังอาคมลงไป ก็บดขยี้ทุกอย่างได้แล้ว
ต่อจากเคล็ดวิชา วิถีธรรมะยังส่งทรัพยากรสำหรับฝึกฝนที่ล้ำค่าอย่างเช่นแร่ธาตุที่ได้ในเหมืองจากเขากานซาน เหล็กข้าว และศิลาทองคำมาด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องหลอมอุปกรณ์กลั่นโอสถชั่วคราว
หลังจากลู่เซิ่งเล่นงานวิถีธรรมะ สะสางผลกรรมของมู่อวิ๋นเสร็จ ก็ได้ส่งบุตรแห่งโชคชะตาที่เลี้ยงจนอ้วนพีกลับไปอย่างปลอดภัย แถมยังประคองส่งกระบี่ธารปฐพีให้ด้วย
สำนักสี่สมุทรในปัจจุบันมีเขาคุ้มครอง จึงมีสภาวะเทียมฟ้า ไม่เพียงแต่ในโลกบำเพ็ญเพียรโพ้นทะเลไม่มีใครกล้าหาเรื่องเท่านั้น แม้แต่สำนักเซียนในจงหยวน หรือพวกเต๋า พุทธ มาร ก็ล้วนไม่กล้าท้าทายง่ายๆ เช่นกัน
ชื่อเสียงของจอมสัจจะกลืนสมุทรโด่งดังขึ้นหลังจากใช้น้ำกลบท่วมเขาประกายทองในศึกกับวิถีธรรมะ
เผ่าพันธุ์ทะเลแห่งโพ้นทะเลรวมเป็นปึกแผ่น เผ่าปีศาจและผู้บำเพ็ญพเนจรที่มีคุณสมบัติโดดเด่นถูกรวมเป็นหนึ่ง มีการเลือกศิษย์ชั้นเอกในหมู่พวกเขาเพื่อกราบเข้าสำนักของจอมเทวะสามคน
พวกหลิ่วเอ๋อร์สามคนมีความรู้สึกต่อต้านอย่างรุนแรงในตอนแรกที่ถูกลู่เซิ่งควบคุม แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ก็เริ่มค่อยๆ ชิน ไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่น ถึงอย่างไรการเป็นบริวารของลู่เซิ่งยังสามารถเพลิดเพลินกับชื่อเสียงที่ไม่เคยมีมาก่อนได้
เมื่อมนุษย์เกิดมาบนโลก ล้วนทำเพื่อชื่อเสียงและผลประโยชน์ ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรในโลก นอกจากการฝึกฝนที่แห้งแล้งไร้รสชาติแล้ว ก็เป็นการหาความสุขจากสิ่งเหล่านี้นั่นเอง
ปัจจุบันสำนักสี่สมุทรมีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วใต้หล้า โพ้นทะเลไม่มีใครไม่ยอมศิโรราบ หลังจากที่เผ่าพันธุ์ทะเลแห่งทะเลลึกรวมเป็นปึกแผ่น ทรัพยากรมากมายก็ถูกเก็บเกี่ยว
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญพเนจรและสำนักเล็กๆ จำนวนมากถูกรวมเป็นหนึ่ง ผู้กลั่นโอสถและผู้หลอมอุปกรณ์ในนี้ที่โดดเด่นได้รับการเลือกสรร
ลู่เซิ่งฝึกฝนและวิจัยแก่นสารของอัคคีอนธการไปพลาง บริหารสำนักสี่สมุทรเพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่อำนาจกับขุมกำลังไปพลาง ขณะเดียวกันก็เริ่มชุบเลี้ยงลัวเฉิงที่เป็นคนรุ่นหลังของมู่อวิ๋น
ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายปี
…
โพ้นทะเล เขาตั้งสาย
เขาตั้งสายเป็นเขาเซียนลูกแรกของสี่สมุทร ตัวมันเป็นยอดเขาเกาะเล็กที่เคลื่อนที่ไปรอบๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ หลังลู่เซิ่งพบมันเข้า ก็ได้ยึดครองเอาไว้ และใช้เป็นสถานที่ฝึกฝนซึ่งตนเอาไว้ใช้เร้นกายทันที
สาขาหลักของสำนักสี่สมุทรตั้งอยู่อีกที่หนึ่ง
ลมสารทส่งเสียงพัดซู่ซ่า รอบๆ เขามีหมอกสีน้ำเงินจางๆ วนเวียน ทอดตามองไกล ในเขาลึกมีนกวิเศษบินฉวัดเฉวียน ต้นไม้ยักษ์สูงระฟ้า ยอดเขามีตำหนักวังหยกขาวตั้งอยู่กระจัดกระจาย
ด้านในตำหนักบนยอดเขา บนดาดฟ้ากลางแจ้งแห่งหนึ่ง
ลู่เซิ่งที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่กำลังมองลัวเฉิงที่ฝึกกระบี่บนดาดฟ้ากลางแจ้งที่อยู่ด้านล่างอย่างสงบ
ทางขวาของลัวเฉิงมีลัวอิงกับชายชราหลังค่อมหัวล้านคนหนึ่งยืนอยู่
บนดาดฟ้าสีขาวหยกมีคนอยู่ทั้งหมดสี่คน
ควับๆๆ!
ลัวเฉิงใช้กระบี่ติดต่อกัน ประกายกระบี่ทะลักล้นและเริงระบำ เหมือนกับแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งกระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ ตัวเขา คมกระบี่สะท้อนแสงบนท้องฟ้าเหนือศีรษะออกมาตลอดเวลา จึงดูงดงามเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม
ไม่นานนัก การฝึกกระบี่ก็จบลง
ลัวอิงกับชายชรารีบปรบมือ เสียงปรบมือเปาะแปะดังขึ้นบนดาดฟ้า ทำให้ลัวเฉิงที่ได้ยินหน้าแดงเล็กน้อย
“อาจารย์ได้โปรดชี้แนะด้วย” เขาได้กราบลู่เซิ่งเป็นอาจารย์ และกลายเป็นเจ้าสำนักน้อยแห่งสำนักสี่สมุทรอย่างเป็นทางการแล้ว
ลู่เซิ่งดูแลเขาเป็นอย่างดี พอกราบอาจารย์เสร็จก็ถ่ายทอดพลังอาคมให้ทันที แถมยังเร่งให้โอสถวิญญาณและยาวิเศษหลากหลายชนิดอย่างไม่เสียดาย
คุณสมบัติของลัวเฉิงไม่นับว่าดีนัก แต่ลู่เซิ่งไม่ได้ต้องการให้เขาบำเพ็ญเพียรจนมีชื่อเสียงแต่อย่างใด ขอแค่ให้กำเนิดคนรุ่นหลังและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นเวลาหลายปีก็พอ
ดีที่ด้านนี้ลัวเฉิงกับลัวอิงนับว่าขยันขันแข็ง ลัวอิงตั้งครรภ์สามครั้งให้แก่ลัวเฉิงโดยแทบไม่หยุดพัก ตั้งครรภ์หลายปี ครั้งหนึ่งยังให้กำเนิดชายหญิงที่เป็นแฝดเสียด้วย
ไม่นานก็มีลูกถึงสี่คน
ลู่เซิ่งได้สติกลับมา มองดูลัวเฉิงที่กำลังมองตนด้วยสีหน้าคาดหวัง
“พอใช้ได้ สามารถฝึกฝนวิชากระบี่เมฆาครามเก้าเปลี่ยนแปลงที่เน้นความคล่องแคล่วพลิกแพลงเป็นหลักถึงขอบเขตเขาไท่ซานกดทับศีรษะได้ ถ้าหากเจ้าได้เข้าสำนักเมฆาคราม เกรงว่าบูรพาจารย์ทั้งหมดของลัทธิเต๋าคงได้โมโหเจ้าจนตายแน่”
ลัวเฉิงเพิ่งจะนึกว่าเป็นการชมตัวเอง แต่พอฟังถึงด้านหลัง สีหน้าก็พลันย่ำแย่
ลัวอิงที่อยู่ด้านข้างอดหัวเราะไม่ได้ ท้องนางใหญ่ขึ้นอีกแล้ว แสดงให้เห็นว่ากำลังตังครรภ์ นางพยายามสุดชีวิตเพราะไม่อยากให้ลัวเฉิงไปหาสตรีนางอื่น ดีที่สำนักสี่สมุทรมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ แถมทรัพยากรด้านการบำรุงก็มีมากจนนับไม่หวาดไม่ไหว จึงไม่ทำให้ร่างกายของนางอ่อนแอ
“นี่คือเคล็ดวิชาสุญญากาศม่านปราณ เจ้าเอาไปตั้งใจฝึกให้ดีล่ะ” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ พอยกมือขึ้นก็มีแสงสีขาวยิงออกไปที่มือของลัวเฉิงอย่างแม่นยำ ก่อนจะกลายเป็นแผ่นหยกขนาดเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่ง
“ขอบคุณขอรับท่านลุงใหญ่!” ลัวเฉิงยินดี เขาฝึกวิชากระบี่มานาน ในที่สุดก็ได้ฝึกวิชาลมปราณเสียที
หลังช่วยแนะนำลัวเฉิงแล้ว ลู่เซิ่งก็มองไปยังชายชราหลังค่อมหัวล้านที่อยู่ด้านข้าง
“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีธุระต้องจัดการ” เขาสั่ง
ลัวเฉิงกับลัวอิงรีบค้อมตัวคำนับ แล้วล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว
รอทั้งสองไปแล้ว ชายชราหลังค่อมหัวล้านคนนั้นค่อยเดินไปตรงหน้าลู่เซิ่ง
“ท่านเจ้าสำนัก วิถีธรรมะลงมือกับตำหนักราชาปฐพีของฝ่ายมารแล้ว พวกเขาให้ผู้บำเพ็ญสูงส่งอย่างหลิวซือเฉิงกับซือหม่าจุ่นเป็นผู้นำ แต่ความจริงยังมีผู้บำเพ็ญสูงส่งอีกสองคนคอยสนับสนุนในที่ลับ สายลับของพวกเรามีพลังฝึกปรือจำกัด จึงตรวจสอบไม่ได้ ทว่าเป็นเพราะวิถีธรรมะจงใจเปิดเผยให้เห็น ดังนั้นเลยสัมผัสได้อย่างชัดเจน”
“อ้อ” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ “วิถีธรรมะยังมีขุมกำลังหลงเหลืออยู่อย่างที่คิดไว้ แต่นี่คงจะเป็นขีดจำกัดแล้ว ตำหนักราชาปฐพีไม่ใช่พวกที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีแรงกดดันมากเกินไป วิถีธรรมะคงจะไม่ใช้ขุมกำลังใหญ่แบบนี้ในทีเดียว”
“เจ้าสำนักมีสายตาดุจคบเพลิง ยอดฝีมือของตำหนักราชาปฐพีเคยลอบตรวจสอบท่านไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้ง หลังจากที่เจ้าสำนักกักตน วิถีธรรมะยังดี แต่ทางตำหนักราชาปฐพีของฝ่ายมารกลับมาหยั่งเชิงตลอดเวลาเพื่อดูว่าเจ้าสำนักจากไปจริงๆ หรือไม่” ชายชราหัวล้านหลังค่อมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งนี้วิถีธรรมะลงมือแล้ว พวกเราจะร่วมวงด้วยหรือไม่”
“ไม่ต้อง คอยดูการเปลี่ยนแปลงดีกว่า” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบเฉย
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเขาในตอนนี้คือจะจัดวางขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่อย่างสำนักสี่สมุทรอย่างไร หากจะให้คนรุ่นหลังของมู่อวิ๋นใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไป จำเป็นต้องมีขุมกำลังมากพอคอยปกป้อง
เกิดว่าเขาจากไป สำนักสี่สมุทรจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ถึงเวลานั้นจุดจบของพวกลัวเฉิงจะเป็นอย่างไร ใครๆ ก็มองออก
“ตอนนี้ในสำนักมีจอมเทวะทั้งหมดกี่คน” ลู่เซิ่งถามอย่างกะทันหัน
“ที่ประกาศต่อภายนอกคือสามคนขอรับ แต่ความจริงมีทั้งหมดห้าคน อีกสองคนได้แก่จอมสัจจะวารีมรกตกับจอมสัจจะคลื่นวิญญาณซึ่งเป็นผู้เร้นกาย เก็บตัวอยู่บนเกาะ คนภายนอกจึงไม่รู้จัก” ชายชราตอบเบาๆ
“จอมสัจจะวารีมรกต…” ลู่เซิ่งไตร่ตรอง ความจริงคนผู้นี้เป็นเซียนพรตเจ็ดภัยพิบัติโอสถทองคำที่เขาเจอตัวเมื่อปีก่อน เป็นจอมเทวะที่เขาตั้งใจชุบเลี้ยงจนเลื่อนระดับสำเร็จ
เนื่องจากว่ากระบวนการเลื่อนระดับของเขามีแก่นหยางปราณมารของลู่เซิ่งแทรกอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงผ่านภัยพิบัติได้อย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่สำเร็จเป็นจอมสัจจะ แม้แต่ภัยพิบัติสุดท้ายในขั้นเจ็ดภัยพิบัติก็ยังไม่อาจผ่านได้
ลู่เซิ่งได้วางความสามารถลับที่มีความล้ำลึกกว่าไว้บนตัวอีกฝ่ายเช่นกัน
คนพวกนี้เป็นสมบัติที่แท้จริงของสำนักสี่สมุทร และเป็นเสาค้ำหรือแผนสำรองที่ลู่เซิ่งเตรียมไว้ในภายภาคหน้า
หลายปีมานี้เขาศึกษาวิจัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสร้างเคล็ดวิชาควบคุมจิตวิญญาณที่เกือบสมบูรณ์แบบได้วิชาหนึ่ง เคล็ดวิชานี้รวมความสามารถของเคล็ดวิชาทั้งหมดที่เขาเก็บได้เอาไว้แทบทั้งหมด สุดท้ายค่อยเรียนรู้วิชาควบคุมที่ร้ายกาจซึ่งสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ออกมาได้
เขาได้วางเมล็ดพันธุ์ไว้บนร่างจอมเทวะทั้งห้าคนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว รอคอยเพียงการทดสอบเท่านั้น
ตอนนี้หลังจากสังเกตมาระยะหนึ่ง คล้ายไม่มีผลร้ายอะไร ขอแค่ยืนยันได้ว่าไม่มีปัญหา เขาก็เตรียมตัวจะกลับต้าอินก่อนกำหนด
“แท่นเซ่นสรวงเทพวารีลี้ลับเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง” ลู่เซิ่งถามอย่างกะทันหัน
“เตรียมเสร็จแล้วขอรับ แท่นเซ่นสรวงสุดท้ายสร้างเสร็จแล้ว หากว่าเปิดการทำงานจะควบคุมทะเลอุดรได้ทั้งหมด” ชายชราตอบ
“อย่างนั้นก็ตามนี้” ลู่เซิ่งเงียบงันครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนใจ “เอากุญแจให้ข้า”
ชายชราได้ยินดังนั้นก็หยิบกุญแจอันประณีตดอกหนึ่งที่เป็นสีเขียวเหมือนสร้างจากหยกมรกตออกมา แล้วประคองสองมือส่งให้ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งรับกุญแจมาพิจารณาลวดลายของมันเล็กน้อย
เป็นกุญแจขนาดเท่านิ้วมือที่ให้สุดยอดผู้สร้างอุปกรณ์มากกว่าพันคนร่วมมือกันสร้างและสลักลวดลายค่ายกลหลายหมื่นชุดไว้ด้านบน
นี่เป็นไพ่ตายพิเศษที่ลู่เซิ่งสร้างขึ้นเพื่อให้ลัวเฉิงได้รับผลประโยชน์ไปตลอดกาลในภายภาคหน้า
“ข้าเตรียมจะกักตัวระยะยาว ตอนที่ข้าไม่อยู่ ต้องให้จอมเทวะห้าคนกับเจ้าช่วยกันดูแลสำนักสี่สมุทร จงหลอมรวมกุญแจดอกนี้เข้ากับเลือดของจอมเทวะทั้งห้าคน และวิญญาณของเผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่ทั้งเก้า วันหน้าค่อยให้ลัวเฉิงเก็บเอาไว้ ในอนาคตสำนักสี่สมุทรจะมอบทรัพยากรให้แก่เขาตามจำนวนที่กำหนดไว้ ลัวเฉิงกับลูกหลานของเขาจะไม่ได้รับอำนาจ ได้แต่ความมั่งคั่งเท่านั้น”
ลู่เซิ่งเว้นเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “กุญแจดอกนี้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกับตระกูลลัว จอมเทวะทั้งห้าคนกับคนของเผ่าพันธุ์ทะเลใหญ่ทั้งเก้าไม่สามารถเล่นงานคนรุ่นหลังของตระกูลลัวได้ นี่เป็นคำสั่ง ไม่อย่างนั้นกุญแจดอกนี้จะมอบผลร้ายให้แทนตัวข้าเอง”
“ข้าน้อยขอน้อมรับคำบัญชา” ชายชรารีบพยักหน้า
……………………………………….