ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 512 พลังใหม่ (2)
บทที่ 512 พลังใหม่ (2)
‘ยกระดับวิชาดาบเจอเรลโล’ ลู่เซิ่งนึกในใจ ขอแค่ไม่ใช่การเรียนรู้ แค่การปรับเปลี่ยนง่ายๆ นั้น ตอนนี้เขาพบแล้วว่าสามารถใช้ความคิดควบคุมได้โดยสมบูรณ์
ดีปบลูสั่นเล็กน้อย กรอบทั้งหมดพร่ามัว ใช้เวลาสิบกว่าอึดใจ อินเตอร์เฟซจึงค่อยกลับมาชัดเหมือนเดิม
วิชาดาบเจอเรลโลอันเป็นจุดสำคัญที่ลู่เซิ่งให้ความสนใจก็บังเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
[วิชาดาบเจอเรลโล: คุ้นหัตถ์ (คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มพละกำลังหนึ่งระดับ เพิ่มคุณสมบัติร่างหนึ่งระดับ เพิ่มความเร็วหนึ่งระดับ)]
‘ใช้พลังอาวรณ์แค่นิดเดียว ระดับก็เพิ่มขึ้นแล้ว’ ลู่เซิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่าโครงสร้างกล้ามเนื้อบนแขนของตัวเองขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อย พละกำลัง พลังสมาธิ และความเร็วการตอบสนองต่างได้รับการยกระดับที่ชัดเจน
และยังเป็นการยกระดับอย่างใหญ่หลวงด้วย
‘ตอนนี้ควรจะเป็นระดับของคนธรรมดาที่กินยาและฝึกฝนเป็นเวลาหลายปีแล้ว’ ลู่เซิ่งสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของกายเนื้ออย่างตั้งใจ การยกระดับแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ยังนับว่าน่าพอใจ
ยาเม็ดที่ก่อนหน้านี้ดูดซับได้ยากและย่อยสลายไม่ดีถูกดีปบลูกระตุ้นให้ร่างกายดูดซับจนหมด
‘ร่างกายต้องปรับตัวหนึ่งวัน หลังจากคุ้นชินแล้ว พรุ่งนี้ก็จะกินได้สองขวด วันมะรืนสมควรไปถึงระดับของโรดี้’ ลู่เซิ่งค่อนข้างพอใจ เขาขยับนิ้วดู พอสัมผัสได้ว่าร่างกายได้รับการยกระดับทุกด้าน ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
ต่อจากนั้นเขาได้ฝึกฝนทักษะกระบวนท่าอันหลากหลายของสำนักวิชาดาบที่ว่าบนลานว่างรอบหนึ่ง ด้วยสายตาและระดับที่ใกล้เคียงกับปรมาจารย์ของเขา การใช้ทักษะเหล่านี้ง่ายดายเหมือนกับการใช้นักศึกษามหาวิทยาลัยมาบวกลบคูณหารตัวเลข กระบวนท่าไม่ใช่ปัญหา สิ่งที่หยุดยั้งเขาไว้ก็คือความแข็งแกร่งทางร่างกาย
หลังจากฝึกจบ ก็ใกล้เป็นเวลาเที่ยงวัน แสงอาทิตย์แสบร้อนเสียจนผู้คนปวดหัวเวียนศีรษะ
ลู่เซิ่งกลับไปอาบน้ำ กินข้าว และนอนกลางวัน พร้อมกับใช้จิตวิญญาณบำรุงร่างกายเพื่อเร่งความเร็วในการฟื้นฟู เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างสบายๆ เช่นนี้
ด้านในคฤหาสน์ไม่ได้เกิดเรื่องอะไร เป็นชีวิตที่ปกติธรรมดามากที่สุด
เช้าตรู่วันต่อมา ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายฟื้นฟูพอประมาณแล้ว สมควรปรับตัวเข้ากับปัจจัยต่างๆ ในการยกระดับได้อย่างไม่เลวแล้วเช่นกัน
เขาจึงนำขวดยาสองขวดเดินเข้าไปในที่โล่งกลางป่า ตอนนี้เส้นสายกล้ามเนื้อบนตัวเขาเด่นชัดเป็นอย่างยิ่ง ค่อยๆ เปลี่ยนจากเด็กหนุ่มมีกล้ามเนื้อธรรมดาคนหนึ่งไปสู่คนที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทรงพลังแล้ว
‘คนทั่วไปได้แต่กินยาทีละเม็ด แต่เรากลับกินได้เป็นขวดๆ มิหนำซ้ำผลการดูดซับฤทธิ์ยายังสู้เราที่มีจิตวิญญาณช่วยเหลือไม่ได้อีก พอเป็นแบบนี้ เมื่อเทียบกับโรดี้แล้ว กายเนื้อร่างนี้จึงพัฒนาศักยภาพได้ดีกว่ามาก’ ลู่เซิ่งค่อยๆ ชินกับวิธีการกินยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งนี้ทีละนิดๆ
ลมโชยพัดผ่าน เขายืนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งเพื่อบังตัวเอง จากนั้นก็วางถุงย่ามบนตัวลงบนคาคบของต้นไม้
จากนั้นก็เริ่มยืดเหยียดร่างกาย
‘ยาที่โรดี้ทิ้งไว้มีทั้งหมดเก้าขวด ดูเหมือนเยอะ แต่ความจริงมีน้อย ไม่รู้ว่าถ้ากินหมดจะไปถึงระดับไหน’
หลังจากยืดเหยียดร่างกายแล้ว ลู่เซิ่งก็นั่งขัดสมาธิลงกับพื้นโดยไม่กลัวสกปรก จากนั้นก็หยิบขวดยาสองขวดออกมา
ครั้งนี้เขาไม่ได้กินทีละเม็ดอีก หากแต่ดึงจุกไม้ออก แล้วเทยาทั้งขวดใส่ปากตัวเอง
พอกินหมดไปหนึ่งขวด ก็ตามด้วยขวดที่สอง ไม่นานยาเม็ดทั้งสองขวดก็เข้าไปอยู่ในท้องของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มยัดอาหารเพื่อเติมพลังงานอย่างบ้าคลั่ง
‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งเรียกเครื่องมือปรับเปลี่ยนออกมา ก่อนจะมองกรอบของวิชาดาบ
‘ยกระดับวิชาดาบเจอเรลโล’ เขานึกในใจ
ชิ้ง
ทันใดนั้นเครื่องมือปรับเปลี่ยนพลันพร่ามัว
พลังอาวรณ์หายไปสองหน่วย ยังเหลืออีกหนึ่งหมื่นหกพันเก้าร้อยสามสิบสองหน่วย โลกใบก่อนใช้เยอะไปหน่อย แถมยังเติมไม่ทัน ก็เลยเหลือไม่มากแล้ว
เวลาเลื่อนไหล ไม่นานก็ผ่านไปสิบกว่าอึดใจ เครื่องมือปรับเปลี่ยนกลับยังพร่ามัวอยู่ ลู่เซิ่งรู้สึกได้ว่าฤทธิ์ยาในร่างกายหายไปหมดสิ้นแล้ว
‘ฤทธิ์ยาไม่พอ…ดูเหมือนจะยกระดับขึ้นแล้วสินะ ยาที่ใช้ในระดับหัตถ์เดียวเลยเยอะกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย’ ลู่เซิ่งรีบหยิบยาอีกขวดที่เตรียมไว้ออกมาจากในถุงย่ามแล้วกินต่อ
ในที่สุด หลังผ่านไปสองสามอึดใจฤทธิ์ยาก็เพียงพอแล้ว เครื่องมือปรับเปลี่ยนจึงค่อยๆ ชัดขึ้น ในกรอบเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
[วิชาดาบเจอเรลโล: หัตถ์เดียว (คุณสมบัติพิเศษ: เชี่ยวชาญดาบสองคม เพิ่มพละกำลังสองระดับ เพิ่มคุณสมบัติร่างกายสองระดับ เพิ่มความเร็วสองระดับ]
‘ในที่สุดก็มาอยู่ในระดับเดียวกันกับพ่อแล้ว’ ลูเซิ่งถอนใจยาว สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างละเอียด ‘นี่คือระดับสูงสุดที่โรดี้ฝึกมายี่สิบปีสินะ’
เขาพลันนึกได้ว่าโรดี้เคยบอกว่าร่างกายของตนอยู่ในระดับปรมาจารย์
‘หมายความว่าตอนนี้กายเนื้อร่างนี้อ่อนแอกว่าโรดี้เล็กน้อย ยังไปไม่ถึงระดับปรมาจารย์’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญ ‘รอพรุ่งนี้หลังจากไปถึงระดับปรมาจารย์ จะสามารถสัมผัสกระบวนการยกระดับได้พอดี ดูเหมือนการทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของระดับความแข็งแกร่งจะมีส่วนช่วยเหลือต่อการศึกษากฎพื้นฐานในโลกใบนี้ของตัวเราแฮะ’
การยกระดับร่างกายต้องปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงเสียก่อน เลยไม่สามารถยกระดับต่อได้ในเวลาอันสั้น ลู่เซิ่งฝึกวิชาดาบต่ออีกครั้ง ภายหลังจึงค่อยทดลองปรับแก่นหยาง
จนกระทั่งพลบค่ำเขาจึงค่อยกลับคฤหาสน์และอาบน้ำร้อนอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะเตรียมยกระดับเป็นวันที่สาม
…
หมอกหนาแผ่ขยาย
โรดี้แนบตัวติดกำแพงเพียงลำพัง ปากคาบบุหรี่อยู่ แสงไฟสีแดงสว่างวาบเห็นได้อย่างชัดเจนเป็นพิเศษในราตรีที่มืดมิด
ซู้ด
เขาสูดควันเข้าลึก แล้วค่อยๆ พ่นออกมา จากนั้นก็มองดูควันขาวผสมกับหมอกจนแยกแยะไม่ออก
ที่นี่เป็นเมืองเปลี่ยวร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ทางใต้ของจักรวรรดิ และเป็นสมรภูมิที่ดีที่สุดที่เขาเลือกใช้เผชิญกับสัตว์ประหลาดที่ไล่ล่า
เขาตั้งใจดูแลที่นี่มาหลายปี ที่สามารถหลบรอดการไล่ล่ามาได้หลายสิบครั้ง เป็นเพราะผลงานที่จัดการที่นี่ไว้
แก๊ง…แก๊ง…แก๊ง…
อยู่ๆ ภายในหมอกหนาก็มีเสียงลากโซ่กับพื้นดังมาไกลๆ
“มาแล้ว” โรดี้ลุกขึ้น ตอนแรกสุดเขากระวนกระวายใจเล็กน้อยเพราะมีหมอกคลุมอยู่ แต่ตอนนี้เขาเยือกเย็นลงแล้ว
โรดี้ดึงบุหรี่ออกจากปากแล้วบี้มันเข้ากับกำแพง ก่อนจะเก็บบุหรี่ที่เหลืออยู่อย่างระมัดระวัง มือหนึ่งยื่นไปยังถุงย่ามด้านหลัง แล้วล้วงหยิบยาที่เป็นน้ำมันสีเหลืองอ่อนออกมาขวดหนึ่ง
ยาบรรจุอยู่ในขวดแก้วที่ทำหยาบๆ เห็นเม็ดสีดำๆ ที่เล็กละเอียดได้เป็นจำนวนมากผ่านแสงอ่อนๆ ของตะเกียงริมถนนในหมอกมัว
เสียงโซ่เสียดสีกับพื้นเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
โรดี้ถือขวดยาไว้แน่น แล้วถอดจุกออก ประสาทสัมผัสทั้งหมดยกระดับอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งสมาธิกับทิศทางที่เสียงดังมา จากนั้นก็เดินออกมาจากตรอกเล็ก ก่อนจะหยุดยืนบนที่ว่าง
ในม่านหมอกที่อยู่ไกลออกไปมีเงาคนร่างสูงใหญ่ที่สวมเกราะสีดำเดินมาช้าๆ
คนผู้นี้สวมเกราะโลหะที่ทั้งหนาและหนักไว้ทั่วทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่ศีรษะ สิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ปกติแล้วเกราะทั่วร่างจะมีรอยแยกเพื่อให้ดวงตาเห็นสภาพภายนอก และให้จมูกหายใจได้
แต่ว่าส่วนใบหน้าของหมวกเกราะบนศีรษะคนผู้นี้กลับปิดตายโดยสิ้นเชิง มีแต่ร่องระบายอากาศตรงศีรษะเท่านั้นที่มีหมอกซึ่งเหมือนกับควันหนาระเหยออกมาจากด้านในเป็นระยะ
มองไกลๆ เหมือนกับมีไฟถูกจุดในหมวกเกราะ
“เพชฌฆาต…เจอกันอีกแล้วนะ” โรดี้ยังมีอารมณ์ยิ้มให้อีกฝ่าย
ฟ้าว!
ทันใดนั้นเกิดเสียงแหวกลมเสียดหู โซ่หยาบใหญ่เส้นหนึ่งกวาดมาในแนวขวาง ถูกฟาดเข้าใส่ส่วนเอวของเขา
โรดี้ก้มศีรษะหมอบลงกับพื้นเหมือนกับการตอบสนองตามสัญชาตญาณ จึงหลบโซ่พ้นพอดี ถัดจากนั้นเขาก็โยนยาในมือออกไป แล้วตีลังกาถอยหลังติดต่อกัน
เปรี้ยง
พื้นบนตำแหน่งเดิมที่เขายืนอยู่ระเบิดขึ้น เศษหินกระจัดกระจาย
โรดี้รีบลุกขึ้น เห็นเพชฌฆาตกระชากโซ่ที่ฟาดมาขึ้นจากพื้นพอดี
“ดูนี่!” เขาพลันพุ่งไปด้านหน้า แล้วเฉียดผ่านด้านข้างเพชฌฆาตอย่างปราดเปรียว
เกิดเสียงดังฉัวะ ไม่ทราบว่าโรดี้ชักดาบออกมาตั้งแต่ตอนไหน จากนั้นเขาก็ฟันใส่หัวเข่าข้างขวาของเพชฌฆาตสุดแรงเกิด
แต่นอกจากสะเก็ดไฟแล้ว การฟันอย่างรุนแรงของเขาที่สามารถฟันผู้ใหญ่คนหนึ่งจนตัวขาดเป็นสองท่อนได้ กลับไม่อาจฟันทะลุเกราะของเพชฌฆาตได้ เพียงแค่เกิดรอยสีขาวจางๆ เท่านั้น
‘คิดไว้ไม่มีผิด’ โรดี้ไม่เสียดาย เพียงเร่งความเร็วพุ่งอ้อมไปถึงด้านหลังของเพชฌฆาต ก่อนจะวิ่งหนีออกไปยังที่ไกลอย่างรวดเร็ว
เพชฌฆาตคิดไล่ตาม แต่ว่าพื้นที่เปื้อนน้ำยาชนิดพิเศษจนลื่นกลับทำให้มันทรงตัวไม่อยู่
ทว่าไม่นาน มันก็สะบัดโซ่ออกไปมัดต้นไม้ใหญ่ริมถนน แล้วใช้แรงกระชากโซ่เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ร่างกาย จากนั้นจึงเดินออกจากอาณาเขตเรียบลื่นที่เกิดขึ้นเพราะน้ำยาได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สาวเท้าไล่ตามโรดี้ไป
เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พื้นก็พังทลายลง
เพชฌฆาตพลันตกลงไปในหลุมกับดับที่ลึกเจ็ดแปดเมตร มันเริ่มดิ้นรน ใช้มือและเท้าเพื่อปีนออกจากหลุม แต่ก็ไร้ประโยชน์
โซ่ถูกสะบัดออกไปด้านบนอย่างต่อเนื่องเพื่อมัดสิ่งของรอบๆ ให้มันใช้ดึงตัวขึ้นไป
แต่ตรงนี้เป็นสถานที่พิเศษที่โรดี้เลือกไว้เป็นการเฉพาะ ย่อมไม่มีของที่มันจะใช้มัดได้ แม้แต่ต้นไม้ใหญ่เมื่อก่อนหน้าก็เป็นของสำหรับใช้มัดได้เพียงหนึ่งเดียวที่เขาคำนวณไว้ก่อนแล้ว
โรดี้ถอนใจอย่างหนักหน่วงอยู่ไม่ไกลออกไป
‘ตามวงจรเวลา สามารถพักผ่อนได้ชั่วคราว’ เขาที่อยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตรมองไปยังตำแหน่งของหลุมผ่านม่านหมอก ตรงนั้นเขาได้ยินเสียงเกราะของเพชฌฆาตชนกระแทกไปมาได้เป็นระยะๆ
ผ่านไปราวสองนาที
‘ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!’ โรดี้เริ่มนับถอยหลัง จากนั้นก็หมอบลงกับพื้นทันที
ฟ้าว!
โซ่หยาบใหญ่เส้นหนึ่งพลันกวาดมาจากในม่านหมอกด้านหลังเขา แต่กลับโดนแค่ความว่างเปล่า
เพชฌฆาตถึงกับพุ่งออกมาจากในม่านหมอกด้านหลังเขา แล้วสาวเท้าเดินมายังตำแหน่งที่โรดี้อยู่
ตูม!
แสงไฟที่เจิดจ้าระเบิดขึ้นใต้เท้าเพชฌฆาต นั่นคือยาระเบิดที่โรดี้ใช้ มันทำให้เพชฌฆาตเสียสมดุล แม้จะไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย แต่ความเร็วในการไล่ตามก็ผ่อนช้าลงจริงๆ
‘ในเวลากลางคืน จำได้ว่าเจ้านี่จะโผล่มาทุกๆ สามนาที หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น’ โรดี้ทิ้งยาระเบิดไปพลาง เปลี่ยนตำแหน่งไปพลาง สมาธิรวมตัวในระดับสูง
…
‘ร่างกายปรับตัวได้พอสมควรแล้ว’ ลู่เซิ่งวางยาแต่ละขวดไว้ด้านหน้าตนเองอย่างเป็นระเบียบ มีทั้งหมดห้าขวด นี่เป็นจำนวนทั้งหมดที่เหลืออยู่
ฟ้ายังคงมืดครึ้มเล็กน้อย แสงอรุณยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า ป่ายังคงชื้นและเย็น
ลู่เซิ่งกลับยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นหญ้าโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ดาบสองคมที่ใช้ในการฝึกปักอยู่ข้างๆ ตัว
‘หากกินยาพวกนี้ น่าจะไปถึงขีดจำกัดสูงสุดของสำนักดาบได้’ ลู่เซิ่งดื่มน้ำกลั้วคอก่อน จากนั้นก็เพ่งสมาธิปรับลมหายใจ แล้วหยิบยาขวดแรกขึ้นมาเปิดจุกออก
‘เริ่มกันเลย’ เขาเล็งปากขวดไว้ที่ปาก แล้วเงยหน้าขึ้น
เม็ดยากลิ้งเข้าไปในคอเขา ก่อนจะถูกกลืนลงไปโดยไม่เคี้ยว
หลังเทยาไปจนหมด ในปากก็แห้งเล็กน้อย ลู่เซิ่งจึงดื่มน้ำตาม จากนั้นก็กินขวดที่สอง ขวดที่สาม ขวดที่สี่ และขวดที่ห้า
ยาทั้งหมดเข้าไปอยู่ในท้องของลู่เซิ่งแล้ว
เขาจึงค่อยหลับตา
‘ดีปบลู’
……………………………………….