ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 523 เบาะแส (1)
บทที่ 523 เบาะแส (1)
เปรี๊ยะๆ
ลู่เซิ่งเดินออกมาจากเปลวเพลิง ทิ้งรอยเท้าสีดำเกรียมไว้ทีละก้าวๆ พร้อมกับเดินไปหาเด็กผู้ชายในซากปรักหักพังที่อยู่ไกลออกไป
“การโกรธแค้นทุกอย่างเพราะความเจ็บปวด เป็นการแสดงออกของคนอ่อนแอ
ฟ้าว!
เงาสีแดงสายหนึ่งพลันตัดทะลุบ้านเรือนหลายหลัง แล้วปรากฏตัวด้านหน้าเด็กชาย
มือของลู่เซิ่งที่กำลังปล่อยความร้อนพลันจับตัวเด็กชายที่นอนกองอยู่กับพื้นอย่างฉับพลัน
อ๊าก!
เด็กชายอ้าปากกรีดร้อง แมลงสีดำสนิทที่บินได้จำนวนนับไม่ถ้วนไหลออกมาจากดวงตาสองข้าง แล้วบินเข้าหาลู่เซิ่ง
“โง่เง่า!” ลู่เซิ่งปล่อยให้แมลงชนใส่ร่างตัวเอง แมลงเหล่านี้ไม่กลัวไฟ แต่กลับกัดผิวของลู่เซิ่งไม่เข้า ถูกการสะท้อนกลับอันรุนแรงดีดออก แล้วลุกไหม้กลายเป็นเถ้าดำกลางอากาศ
เขายกเด็กชายขึ้นด้วยมือข้างเดียว
“ในใจเจ้าเหลือแต่ความโกรธแค้นกับความสิ้นหวังแล้วหรือ” ลู่เซิ่งมองไปยังรูเลือดอันเป็นเบ้าตาที่ไม่มีลูกตาของเด็กชาย
เด็กชายดิ้นรนสุดชีวิต
ในม่านหมอกรอบๆ ค่อยๆ ปรากฏเสียงโซ่ที่รวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง คล้ายกลับว่าเพชฌฆาตที่ลู่เซิ่งเพิ่งเจอไปเมื่อก่อนหน้านี้กำลังเร่งรุดมาทางด้านนี้เป็นจำนวนมาก
โรดี้ดึงเมราไว้ด้วยมือหนึ่ง พร้อมกับเอียงร่างหลบพ้นดาบฟันฟืนขนาดใหญ่สีดำที่ฟันลงมาจากด้านหน้า
“ด้านนี้!” เขาตีลังกาหลบพ้นการรัดพันเหวี่ยงฟาดของหนวดสัตว์ประหลาดสองเส้น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วตะโกนไปยังฟราน
ฟรานกำลังพัวพันกับเพชฌฆาตตัวหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป นางเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว เร็วจนน่าตกใจ ดูเหมือนกับหลบทุกๆ การโจมตีของเพชฌฆาตได้อย่างสบายๆ
แต่มีแค่ตัวนางเองเท่านั้นที่รู้ว่า หากโดนจังๆ เข้าเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะเป็นอันจบสิ้นในพริบตา
พอได้ยินเสียงเรียกของโรดี้ นางก็กระโจนหลบลูกตุ้มเหล็กที่ฟาดมาจากด้านข้าง แล้วมารวมตัวกับพวกโรดี้และเมราได้พอดี
ตอนนี้ทั้งสามคนยืนหันหลังชนกันอยู่ด้านหน้าประตูเหล็กด้านนอกตึกเล็ก พวกเขาเพิ่งจะออกจากโรงเรียน ก็เจอการลอบโจมตีจากสัตว์ประหลาดจำนวนมากทันที ยังดีที่มีตัวล่อพิเศษที่พกติดตัวคอยสร้างเสียงและแสง ล่อสัตว์ประหลาดจำนวนมากออกไป มีแต่พวกที่เคลื่อนไหวเชื่องช้าไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ยังอยู่
รอจนพวกเขาออกมา สิ่งที่ต้องเผชิญก็คือสัตว์ประหลาดห้าตัวที่เหลืออยู่
ต้นไม้หนวดที่ล่อเหยื่อด้วยศีรษะคนสี่ตัว รวมถึงคนอ้วนที่อวัยวะภายในออกมาอยู่บนผิวภายนอกคนหนึ่ง
คนอ้วนถือลูกตุ้มเหล็กและดาบฟันฟืนซึ่งเปื้อนรอยเลือด ไม่ทราบว่าฆ่าคนไปเท่าไหร่แล้ว
“โรแซงอยู่ไหน”
“ไม่รู้!” โรดี้รีบตอบ
“ออกไปก่อนค่อยว่ากัน โรแซงปลอดภัยกว่าพวกเราแน่!” เมราเอ่ยเสียงขรึม
ทั้งสามหลบการโจมตีของสัตว์ประหลาด พร้อมกับพุ่งไปยังประตูใหญ่ของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นมีเงาดำสายหนึ่งกระเด็นออกไปจากห้องห้องหนึ่งบนชั้นสามของโรงเรียน หลังจากกระแทกบ้านเรือนไปหลายหลัง มันก็ตกลงกลางซากปรักหักพังสีดำ
“นั่นคือ…อะไร” ทั้งสามตกตะลึงเล็นน้อย จากนั้นก็เห็นสัตว์ประหลาดตรงหน้าหยุดลงพร้อมกัน ก่อนจะหมุนตัวพุ่งไปยังทิศทางของซากปรักหักพังสีดำพร้อมกับส่งเสียงคำราม
ไม่รอให้ทั้งหมดได้สติกลับมา เปลวไฟบนตึกโรงเรียนก็กระจายออกมา สะท้อนตึกทั้งตึกเป็นสีแดง
ความร้อนกดดันให้พวกเขาถอยออกห่างออกไประยะหนึ่ง
“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี” ฟรานมองโรดี้ ก่อนจะมองเมรา
“ข้าจะไปหาโรแซง” โรดี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น เขาไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเองมานานแล้ว แต่จะปล่อยให้โรแซงเกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาด ลูกชายยังหนุ่ม ยังมีหวัง ยังมีเวลามากมายรออยู่ข้างหน้า
“ไม่มีแพแล้ว ถูกทำลายไปตอนทำเสร็จได้แค่ครึ่งเดียว ไม่มีวิธีออกจากที่นี่แล้วล่ะ” เมราเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าจะไปรับเอสเซียงโลก่อน จากนั้นจะไปดูว่าทางด้านนั้นเกิดอะไรขึ้น” นางมองไปยังซากสีดำ
…
ภายในโบสถ์
อูรุสที่สวมรองเท้ากองทัพสีดำเดินไปมาบนพื้น เสียงฝีเท้าดังอย่างชัดเจน
ยังมีพวกทหารคนสนิทจำนวนสิบเอ็ดคนกระจายกันอยู่ตามมุมต่างๆ ของโบสถ์ คอยเฝ้าระวังพื้นที่รอบๆ
“เจ้าแอบตามข้ามาทำไมกัน! รู้ไหมว่าถ้าเข้ามาที่นี่แล้วจะไม่มีวันออกไปได้อีก!?” อูรุสหยุดฝีเท้าลง แล้วตวาดใส่เด็กสาวผมทองคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลอย่างดุร้ายเหมือนกับสิงโต
เด็กสาวผมยาวถึงเอว ใบหน้างดงามเหมือนกับตุ๊กตา สวมชุดยาวรัดเอวสีแดงอมดำ เมื่อรวมกับถุงน่องขาวเรียวเล็กและรองเท้าหนังใบเล็กสีแดง จึงทำให้นางมีบุคลิกบริสุทธิ์และน่ารักน่าดึงดูด
“ถ้าท่านตายข้าก็ไม่ขออยู่” ดวงตาสีฟ้าที่งดงามของเด็กสาวจ้องมองอูรุสอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าบ้าไปแล้ว! ตระกูลต้องการเจ้า! ตายที่นี่ก็ไม่มีความหมาย! ข้าถูกกำหนดให้ตายที่นี่อยู่แล้ว แต่เจ้าไม่เหมือนกัน บนตัวเจ้ามีอนาคตของตระกูลอยู่นะ!” อูรุสแผดเสียงอย่าบ้าคลั่ง แล้วนั่งลงกับพื้น พลางใช้สองมือทึ้งผมของตัวเอง
“ข้าจะต้องหาวิธีส่งเจ้าออกไปให้ได้ ต้องทำให้ได้! จะต้องมีวิธีแน่…” เขาพึมพำด้วยสองตาที่ไร้ประกาย
“ท่านพ่อ” เด็กสาวเดินมาถึงด้านหลังเขา แล้วโอบแขนเล็กที่เรียวยาวขาวผ่องกอดชายที่มีร่างกำยำเหมือนสิงโตผู้นี้ไว้เบาๆ
“ข้าไม่อยากให้ท่านตาย”
“โยย่า…” อูรุสกุมมือลูกสาวไว้ “ข้าสาบานกับแม่ของเจ้าแล้วว่าจะให้เจ้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างสงบสุข”
“ไม่เป็นไร ท่านได้พยายามแล้ว” โยย่ามองอูรุสอย่างอ่อนโยน
“ไม่! จะต้องมีความหวังอยู่แน่!” อูรุสพลันตะโกนขึ้นอีกครั้ง แล้วผลักโยย่าออกไป ก่อนจะลุกขึ้นเดินพล่านไปมาอย่างกระสับกระส่าย
“ท่านนายพล! ตรงนั้นเกิดเพลิงไหม้!” อยู่ๆ ทหารยามคนหนึ่งก็รายงานเสียงดัง ในฐานะกองทหารใกล้ชิด ทหารคนอื่นๆ ต่างเสียสติและหนีเตลิดจนถูกสัตว์ประหลาดสังหารหมดสิ้นแล้ว แต่พวกเขากลับแตกต่าง ไม่ว่าอูรุสจะทำอะไร พวกเขาจะก็จะติดตามอย่างแน่วแน่ไม่สั่นคลอน รวมถึงสู้ไปจนกว่าจะถึงเลือดหยดสุดท้าย
นี่เป็นปณิธานของพวกเขา และเป็นความหมายที่พวกเขามีชีวิตอยู่
อูรุสอาศัยการสนับสนุนของทหารใกล้ชิดกลุ่มนี้ จึงกล้าพาคนจำนวนมากมาทำลายเมือง
แต่เขาก็ล้มเหลวโดยไม่มีอะไรต้องสงสัยเลย
“เพลิงไหม้หรือ”
อูรุสวิ่งไปถึงหน้าต่าง ก่อนจะเห็นแสงสีแดงที่สะท้อนฟากฟ้าไปครึ่งหนึ่ง
‘คนที่จุดเพลิงในเมืองได้ น่าจะมีแค่พวกเหยี่ยวขาวเท่านั้น…’ อูรุสจัดระเบียบความคิดอย่างรวดเร็ว ความผิดปกติของเมืองได้สร้างความหวังสุดท้ายขึ้นในใจเขา
“ไป พวกเราไปดูกัน! บางทีอาจจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ก็ได้” โยย่าพลันเอ่ยแทรก
นางจับมือของอูรุสอย่างอ่อนโยน
“คนที่ตายในคืนนี้มีมากพอแล้ว” นางนึกถึงเหล่าทหารที่ท่านพ่อพามาตายเมื่อก่อนหน้า ในใจพลันเศร้าเสียใจ
“ได้” อูรุสคิดทำแบบนี้อยู่แล้ว ได้ยินดังนั้นก็โบกมือใหญ่ทันที
“ทุกคน เก็บอุปกรณ์ซะ พวกเราจะเข้าใกล้ทิศทางของไฟ!”
…
ฟ้าว!
เพชฌฆาตสองตัวปรากฏแวบขึ้นด้านข้างลู่เซิ่ง แล้วฟาดโซ่มาใส่จากทางซ้ายและทางขวา ยังไม่ทันโจมตีโดน ก็ถูกประกายสีเงินที่สาดขึ้นกลางอากาศแบ่งเป็นสองส่วน
ลู่เซิ่งเพิ่งจะเก็บดาบ ก็มีหนวดหลายสิบเส้นของสัตว์ประหลาดฟาดมาใส่เขาอย่างมืดฟ้ามัวดินจากในความมืดทันที
บนพื้นมีแขนสีดำหลายข้างมุดออกมาจับขาของเขาเอาไว้
เด็กชายกรีดร้อง คลื่นเสียงไร้รูปร่างกระจายออกไปรอบๆ สัตว์ประหลาดมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกลู่เซิ่งยังรับมือไหว แต่พร้อมกับที่สัตว์ประหลาดเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ถูกสัตว์ประหลาดที่มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าเพชฌฆาตทั่วไปพุ่งมากดเขาลงกับพื้นจากด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
จากนั้นสัตว์ประหลาดกลุ่มใหญ่ก็พากันพุ่งเข้ามาเหมือนกับนักแสดงต่อตัว
พริบตาเดียว ตำแหน่งที่ลู่เซิ่งอยู่ก็กลายเป็นภูเขาสีดำทะมึนลูกย่อมๆ ที่น่ากลัวและแปลกประหลาด
เด็กชายเดินเข้ามาใกล้ภูเขาทีละก้าวๆ เขาต้องการสังหารบุรุษแข็งแกร่งซึ่งมาล้อเล่นกับเขาและเหยียบย่ำเขาด้วยตัวเอง
“โรแซง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องเรียกดึงดูดความสนใจของเขาไว้
พวกโรดี้กับเมรามาถึงอย่างเร่งรีบ ยืนอยู่ไกลออกไป และเห็นฉากสุดท้ายที่ลู่เซิ่งถูกสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ทับกลบพอดี
“ไม่! โรแซง!” โรดี้ตาแดงก่ำ ทั้งยังตัวสั่นโดยไม่อาจควบคุม
เมราจ้องมองเด็กชายรวมถึงสัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ที่รวมตัวกันรอบๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมทันที
ฟรานเห็นท่าไม่ดี เริ่มถอยหลังเงียบๆ วางแผนว่าหากเกิดความผิดปกติจะหนีทันที แม้แต่โรแซงที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังถูกสัตว์ประหลาดทับจนตายทั้งเป็น ยิ่งอย่าว่าแต่คนธรรมดาอย่างพวกนาง
เด็กชายเตรียมจะออกคำสั่งสังหารพวกเขา อีกด้านหนึ่งก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาช้าๆ พอดี
“เด็กผู้ชายคนนั้น! จะต้องเป็นกุญแจสำคัญแน่! สัตว์ประหลาดทั้งหมดรวมตัวอยู่รอบๆ ตัวมัน ขอแค่ฆ่ามันได้จะต้องแก้ไขสภาพเลวร้ายของที่นี่ได้แน่” พออูรุสมาถึงก็เห็นเด็กผู้ชายที่ยืนกลางดงสัตว์ประหลาดทันที เขาพลันดีใจ
เปรี้ยงๆๆ!
เขายิงปืนใส่เด็กชายเป็นคนแรกโดยแทบไม่ต้องคิด
กระสุนระเบิดเป็นรูหลายรูบนศีรษะของเด็กชายในชั่วพริบตา แต่ว่ารูกระสุนก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยอัตโนมัติ หลังจากละลายไปเหมือนกับเทียนไข ปากแผลก็เคลื่อนไหวและฟื้นฟูเอง
พออูรุสเปิดฉากยิง เหล่าองครักษ์ด้านหลังเขาก็กราดยิงใส่พวกสัตว์ประหลาดสุดกำลัง
สัตว์ประหลาดส่วนหนึ่งที่อ่อนแอหน่อยถูกยิงตัดหนวดกลายเป็นน้ำดำ แต่มีสัตว์ประหลาดจำนวนมากกว่าพุ่งเข้าไป หมายจะเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง
ปากกระบอกปืนมีสีส้ม เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวดับกลางหมอกดำ พอกระสุนโลหะยิงโดนสัตว์ประหลาดสีดำที่มากมายเหมือนห้วงทะเล ก็เพียงมีละอองน้ำกระเพื่อมขึ้นจางๆ เท่านั้น ก่อนจะหายไปในทันที
อ๊าก
มีทหารคนแรกถูกโจมตี พวกเขาเป็นองครักษ์ใกล้ชิด ขณะเดียวกันก็เป็นนักรบที่เก่งกาจที่สุดในสังกัดของอูรุสด้วย หลังจากที่คุ้นชินกับร่างสัตว์ประหลาดของศัตรูแล้ว พวกเขาก็ไม่เกรงกลัวอีก แถมยังจุดระเบิดบนตัวก่อนตายด้วย
ตูม!
ดวงเพลิงหลายกลุ่มระเบิดติดต่อกัน
อูรุสกัดฟันตะโกนพลางแผดเสียงพลาง ขณะมององครักษ์ใกล้ชิดหลายคนที่บังอยู่ด้านหน้าตัวเองถูกสัตว์ประหลาดฉีกทึ้งอย่างต่อเนื่อง เขาก็ตัวสั่น เหล่านี้คือความพยายามและการสั่งสมในหลายปีมานี้ของเขา
โยย่ายืนอยู่ด้านหลังเขา หน้างามซีดเผือด แต่กลับไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว
ครืน
สาดฟ้าวาดผ่าน สัตว์ประหลาดจำนวนมากเริ่มรวมตัวกันด้วยความเร็วสูง พวกมันกองทับกันในขณะที่ก้อนเนื้อบิดไปมา ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์ที่มีเขาเป็นแพะและมีขนาดเท่าตึกสองชั้นตัวหนึ่ง
โฮก!
มันก้มหน้าลงคำรามใส่พวกอูรุส
“พระเจ้าช่วย…” เวลานี้อูรุสตกตะลึงเพราะเสียงคำราม สีหน้าอึ้งงัน เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ตนต้องเผชิญจะเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ระดับนี้
ทางเมราก็ตกใจเช่นกัน กลิ่นอายเย็นเยียบที่ต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงแผ่ตลบไปรอบๆ อาณาเขตหลายร้อยเมตรในพริบตาเหมือนกับวงแหวน
กลิ่นอายนี้แช่แข็งสองขาของคนทุกคน ทำให้พวกเขาขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้
……………………………………….