ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 535 รุ่งเรืองเสื่อมโทรม ผู้ใดกำหนด (3)
บทที่ 535 รุ่งเรืองเสื่อมโทรม ผู้ใดกำหนด (3)
คฤหาสน์ลู่
วิญญาณร้ายจำนวนมากโผบินเข้าไปในร่างเหล่าข้ารับใช้ แล้วฉีกพวกเขาเป็นเศษเนื้อและเลือดนับไม่ถ้วนในพริบตาเดียว
เสียงกรีดร้องดังระงม ไม่นานก็เงียบสงัดลง
เฉินอวิ๋นซีถอยหลังติดต่อกันโดยมียอดฝีมือของสำนักมารกำเนิดหลายคนคุ้มครอง รักษาพื้นที่ในมุมมุมหนึ่งโดยขยับเขยื้อนไม่ได้ คนที่อยู่กับนางยังมีพวกลู่เฉวียนอันกับมารดาอวี้
วิญญาณร้ายหัวเราะเสียงแหลมพลางโผพุ่งเข้าใส่ด้วยร่างกึ่งโปร่งแสง เหล่ายอดฝีมือเหงื่อแตกเต็มศีรษะ ได้แต่ฝืนต้านทานไว้เท่านั้น
“อาเต๋อ พวกท่านพาหนิงหนิง ท่านพ่อ กับท่านแม่ไปก่อน มีคนเยอะเกินไป พวกเราไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว ข้าจะอยู่นี่เอง พี่เซิ่งต้องแก้แค้นให้ข้าแน่”
เฉินอวิ๋นซีกล่าวเสียงเร่งร้อนด้วยสีหน้าเย็นชา แม้นางจะไม่ได้มีพลังยุทธ์แข็งแกร่ง แต่กล้าตามลู่เซิ่งออกจากต้าซ่งมาถึงที่นี่ ก็มีความกล้าและความแน่วแน่ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“ไม่ได้! ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน!” ลู่เฉวียนอันประคองมารดาอวี้กับอนุอีกสองสามคนที่ขาอ่อน พลางกล่าวด้วยเสียงโมโห “ยิ่งไปกว่านั้นยังมีพวกชิงชิงด้วย ถ้าหากพวกเราไป ไม่ว่าเซิ่งเอ๋อร์จะคิดอย่างไร ข้าไม่มีทางให้อภัยตัวเองตลอดชีวิตแน่!
ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานหรอก! อีกไม่นานจะต้องมีคนมาช่วยพวกเราอย่างแน่นอน!”
ตอนนี้หยกแขวนชิ้นหนึ่งบนตัวลู่หนิงกำลังปล่อยควันสีดำออกมา ควันสีดำนี้ปกคลุมอาณาเขตสิบกว่าหมี่รอบๆ ทุกคนเอาไว้ ทำให้วิญญาณร้ายที่บินฉวัดเฉวียนอยู่เกิดความกลิ่งเกรงจนไม่กล้ารุมโจมตี
เพียงแต่สีดำบนหยกแขวนค่อยๆ หายไป กลายเป็นโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ ตามควันดำที่ปล่อยออกไป
“ท่านแม่…” ลู่หนิงจับมือเฉินอวิ๋นซีแน่นขณะมองวิญญาณร้ายทั่วท้องฟ้า ดวงตาไม่ทราบว่าสาดประกายสีเงินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“อาเหวิน ทางนี้” อยู่ๆ ก็มีเงาร่างสูงชะลูดพุ่งมาจากที่ไกล เงาสายนั้นออกกระบี่เบาๆ ก็ทำลายวิญญาณร้ายสิบกว่าสายลงได้ ก่อนจะทิ้งตัวลงยืนอยู่ด้านข้างทุกคนไม่ไกล
เงาคนสายนี้คือนักศึกษาวัยกลางคนสีหน้าซีดขาว เขากอดมู่เจวี๋ยชิ่งไว้ในอ้อมอก และถือกระบี่ยาวสีขาวที่เหมือนกับจันทร์เสี้ยวด้วยมือข้างหนึ่ง
“รีบไปเร็ว! อาเหวินมีของวิเศษที่สามารถพาคนไปได้ห้าคน!” มู่เจวี๋ยชิ่งเพิ่งทิ้งตัวลงก็ตะเบ็งเสียงทันที
“หนิงหนิงรีบตามศิษย์พี่ไป!” ลู่เฉวียนอันดึงตัวลู่หนิงมา แล้วชูเด็กชายขึ้น จากนั้นนักศึกษาวัยกลางคนผู้นั้นก็สะบัดมือ แถบแสงสีม่วงสายหนึ่งพลันลอยออกมาม้วนตัวลู่หนิงไว้อย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงไปถึงข้างตัวเอง
รอบตัวเขาเป็นเขตปลอดภัยเขตเล็กๆ เหมือนมีของอะไรบางอย่างขวางกั้นวิญญาณร้ายเอาไว้ สามารถรองรับคนห้าคนได้อย่างเหลือเฟือ
“อาจารย์แม่ ท่านตาเฉวียนอัน พวกท่านรีบมา!” มู่เจวี๋ยชิ่งกอดลู่หนิงด้วยแขนข้างหนึ่งพร้อมกับตะโกน
เฉินอวิ๋นซีดึงลู่เฉวียนอันไว้ พร้อมกับไขว้เท้า ใช้ท่าเท้าแล้วกระโดดขึ้นสุดแรง
ในตอนนี้เองอยู่ๆ กลางอากาศก็มีเสียงหัวเราะแหลมดังมา วิญญาณร้ายเกือบหลายสิบตัวเล็งเวลานี้เอาไว้ จึงพุ่งมาจากสองด้าน
นักศึกษาวัยกลางคนสะบัดยิงแถบแสงสีม่วงออกมากระแทกวิญญาณร้ายออกไปมากกว่าครึ่ง แต่วิญญาณร้ายตัวหนึ่งในนี้คล้ายแตกต่างจากสหายตัวอื่น ร่างกายของมันเป็นสีขาว ถึงกับดิ้นหลุดจากแถบแสงสีม่วง ทำลายพันธนาการ จนหลุด และพุ่งเข้าหาเฉินอวิ๋นซี
“ไม่นะ!”
“อวิ๋นซี!!”
ทุกคนต่างเบิกตาแทบถลน แต่ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาวัยกลางคน หรือสองยอดฝีมือของคฤหาสน์ลู่ ก็ตอบสนองไม่ทันแล้ว ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป
ม่านตาของเฉินอวิ๋นซีหดตัว สมองของนางลั่นอึงอล ได้แต่มองดูวิญญาณร้ายตัวนั้นแสยะยิ้มเผยใบหน้ามนุษย์ขณะพุ่งเข้าหาตนเองอยู่เฉยๆ เท่านั้น
“ท่านแม่!”
ตอนนี้เสียงร้องไห้ของลู่หนิงค่อยลอยเข้าหู
แต่ทุกอย่างกลับสายไปเสียแล้ว
ร่างใหญ่โตของวิญญาณร้ายชนกับทรวงอกของเฉินอวิ๋นซีอย่างแรง จากนั้น…กลับไถลออกไป
“เอ๋?!” เฉินอวิ๋นซีไม่ทันคิดมากความ เพียงรู้สึกว่าวิญญาณร้ายคล้ายชนผิด ทิศทางจึงเฉออก เพียงเฉียดโดนเสื้อผ้าตรงทรวงอกของตนเท่านั้น
ทุกคนเห็นดังนั้นก็พากันโล่งอก มีแต่ใบหน้าน้อยๆ ของลู่หนิงเท่านั้นที่ซีดขาว ประกายสีเงินในดวงตามืดหม่นลงด้วยความเร็วสูง คล้ายกับเสียพลังไปมหาศาล
เหล่าวิญญาณร้ายคล้ายสัมผัสอะไรบางอย่างได้ เลยไม่กล้าพุ่งเข้าใส่อีก ได้แต่บินวนอยู่รอบๆ
นักศึกษาวัยกลางคนถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง ยังดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้น..
“เอ๋? เหตุใดอยู่ๆ ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้าเล่า” อยู่ๆ เขาก็ผุดสีหน้างุนงงเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
“นั่นคือ!?” ม่านตาของเขาหดตัวในทันใด
“นายท่าน!”
“เจ้าเซิ่งนั่นเอง!
“ท่านพ่อ!!”
ทุกคนเห็นสภาพผิดปกติของท้องฟ้าและเงาคนเหี้ยมหาญที่ลอยอยู่สายนั้นทันที
วู้ม…!
เวลานี้วิญญาณร้ายทั้งหมดพุ่งเข้าหาสีฟ้าอันยิ่งใหญ่ที่อยู่กลางท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับได้รับคำสั่งบางอย่าง วิญญาณร้ายจำนวนเหลือคณานับบินสู่ฟากฟ้าเหมือนกับน้ำตกที่ไหลย้อนทวน
…
สำนักมารกำเนิด
ลิ่วซานจื่อถูกคนประคองไว้ มุมปากมีเลือดไหลซึม นอกจากนั้นผู้ถืออาวุธคนอื่นๆ ต่างได้รับบาดเจ็บ ศิษย์สำนักมารกำเนิดที่เหลือบาดเจ็บล้มตายสาหัสกว่า แต่ดีที่วังมารไม่ได้โดนทำลาย
“เป็นอย่างไรบ้าง ผู้อาวุโสใหญ่ไม่เป็นไรกระมัง” ผู้เฒ่าสือพันผ้าพันแผลไว้ทั่วทั้งตัว นั่งบนเก้าอี้เข็นสลักจากหยกสีดำคันหนึ่ง ถูกคนผลักเข้ามา
“ไม่ตายหรอก” ลิ่วซานจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มหนักใจ “ตอนแรกนึกว่าสังขารนี้จะได้สู้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง แค่เจอหน้าก็โดนฟาดกระเด็นแล้ว”
“ตอนนี้จะทำอย่างไร” ราชาเงามืดสวี่เฝ่ยลาถามเสียงขรึม
ตอนนี้เจ้าสำนักไม่อยู่ อาศัยพวกเขาผู้รับผิดชอบสูงสุดสามคนรับผิดชอบบัญชาการ ลิ่วซานจื่อเป็นอาจารย์ของลู่เซิ่ง หากให้เขาออกหน้า ต่อให้เกิดข้อผิดพลาด ก็ไม่มีทางโดนลงโทษ
“จะต้องหาวิธีส่งคนไปยังนครเขตเพื่อช่วยคุณชายน้อยออกมาให้ได้!” ลิ่วซานจื่อกล่าวพลางเพ่งสมาธิมองไปยังทิศทางของนครเขต ที่นั่นเกิดไฟไหม้และมีควันลอยคละคลุ้ง คล้ายมีคนวางเพลิงเพื่อต้านทานการโจมตีจากวิญญาณร้าย
แต่ว่าเหล่าวิญญาณร้ายกลับทะลุไปทะลุมาในกองไฟโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามเหล่าชาวเมืองต่างถูกเปลวไฟกลืนกินเผาตายไปเป็นจำนวนมาก
“ภัยพิบัติชัดๆ…” ลิ่วซานจื่อถอนใจกล่าว
“น่ากลัวยิ่งกว่าภัยพิบัติมารเสียอีก อย่างน้อยมารอย่างพวกเราก็ไม่ได้หิวโหยชนิดกินทุกสิ่งทุกอย่างแบบนี้ สัตว์ประหลาดพวกนี้แม้แต่สารกายของผืนดินก็ยังไม่ละเว้น” สวีเฝ่ยลากล่าวด้วยสีหน้าเหยเก
ในความเป็นจริง มารและมนุษย์สู้กันก็เพื่อแย่งชิงทรัพยากร แต่การต่อสู้ระหว่างวิญญาณร้ายกับมนุษย์ เป็นการต่อสู้ระหว่างวิญญาณร้ายกับสิ่งมีชีวิต สิ่งที่พวกมันหมายตาไม่ใช่มนุษย์ หากเป็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมถึงเผ่ามาร
วิญญาณร้ายโหดเหี้ยมและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเผ่ามาร
“ส่งสัญญาณเตือนภัยออกไปหรือยัง ใช้ค่ายกลแจ้งข่าวระยะไกลเสีย!” ตอนนี้ตวนมู่หว่านเร่งรุดมาถึงเช่นกัน ก่อนจะถามศิษย์ที่อยู่ด้านข้างด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ส่งออกไปแล้วขอรับ! เพียงแต่เจ้าสำนักยังไม่ได้ตอบกลับ” ศิษย์คนนั้นแขนหายไปข้างหนึ่ง ตอนนี้ริมฝีปากแห้งผากเพราะเสียเลือดมากเกินไป จะเห็นได้ว่าจากการที่ทำให้ศิษย์หัวกะทิที่มีเยื่อดำเสียเลือดเป็นปริมาณมากจนไม่อาจฟื้นฟูได้ พลังทำลายล้างของวิญญาณร้ายน่ากลัวอย่างแท้จริง
“เอ๋? วิญญาณร้ายพวกนี้เป็นอะไรไป” อยู่ๆ เฒ่าสือก็ส่งเสียงร้องเอ๋ พลางชี้ไปยังวิญญาณร้ายจำนวนมากที่อยู่กลางอากาศ
ทุกคนมองตามไป เพียงเห็นวิญญาณร้ายจำนวนเหลือคณานับบินฉวัดเฉวียนเวียนวน พร้อมกับพุ่งไปทางนครเขตอย่างรวดเร็ว
“ไม่ถูกต้อง! ทางนั้นคืออะไรกัน!?” สวี่เฝ่ยลามีสายตาดีที่สุด ตอนนี้เห็นแสงสีฟ้าจุดหนึ่งเหนือท้องฟ้าบนนครเขตแล้ว
“นั่นคือ…” ลิ่วซานจื่องุนงงเช่นกัน
“กลืนสมุทร!”
เสียงตะโกนดุจอัสนีบาตดังไปทั่วนครเขตอย่างฉับพลัน
ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้าในทันที
…
นครเขต
สัตว์ประหลาดยักษ์วิญญาณร้ายขนาดมหึมากลืนกินวิญญาณร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างบ้าคลั่ง วิญญาณร้ายจำนวนมหาศาลบ้างก็มุดเข้าไปในท้องของมัน บ้างก็มุดเข้าไปในตาหูจมูกปากของมัน มันขยายร่างขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเกินสองร้อยกว่าหมี่ และกำลังไต่ทะยานสู่ความสูงระดับสามร้อยหมี่แล้ว
โฮก!
มันพลันเงยหน้าคำรามใส่ลู่เซิ่งบนท้องฟ้า คลื่นเสียงอันน่ากลัวกลายเป็นเสาพายุสีขาวอมเทาที่จับต้องได้ พัดกระพือเสื้อผ้าของลู่เซิ่งไปด้านหลังอย่างแรง
ลู่เซิ่งชูมือขึ้นสูง เทวลักษณ์วารีลี้ลับบนหลังมือกะพริบแสงสีน้ำเงิน ไข่มุกกลืนสมุทรสีฟ้าอมทองที่อยู่ด้านหลังหมุนด้วยความเร็วสูงพร้อมกับปล่อยแสงสีฟ้าอมทองออกมา
ตูม!
น้ำทะเลอันน่ากลัวที่เหมือนกับเสาน้ำถล่มลง นี่เป็นน้ำทะเลมากกว่าแสนล้านตันที่ลู่เซิ่งเก็บมาจากทะเลบูรพา ขณะเดียวกันก็ดึงเอาไอน้ำทั้งหมดในรัศมีหลายร้อยลี้รอบๆ ขึ้นมาด้วย ตอนนี้เขากระแทกมันลงไปซึ่งหน้า
เสาน้ำสีฟ้าเหมือนกับยึดครองที่ว่างทั้งหมดระหว่างฟ้าดินในพริบตา รอบๆ ลู่เซิ่งกับสัตว์ประหลาดยักษ์กลายเป็นก้นน้ำมหาสมุทร
แรงกดดันอันน่าสะพรึงกดทับสัตว์ประหลาดยักษ์กับพื้น
ตูม!
สัตว์ประหลาดยักษ์พยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้น แต่น้ำทะเลมหาศาลที่มีไม่หมดไม่สิ้นกับถล่มลงมาเป็นระยะจนมันโงหัวไม่ขึ้น
ผิวของมันถูกน้ำหนักอันยิ่งใหญ่ฉีกทึ้งและกระแทกทำลาย วิญญาณร้ายจำนวนมากด้านในแทบจะไม่ทันตอบสนอง ก็ถูกบีบอัดเป็นเศษซากไป
“ข้า! อันตูลา ตี๋ย่าเค่อซัง วิญญาณร้ายฉลามยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่! ไม่เคยเกรงกลัว!” สัตว์ประหลาดยักษ์ดิ้นรนและคำรามอย่างบ้าคลั่ง มันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง มือสองข้างจับสิ่งก่อสร้างรอบๆ เพื่อลุกขึ้นยืน แต่แรงกดดันจากน้ำทะเลที่น่ากลัวยังคงกดทับจนเข่าของมันส่งเสียงดังกร๊อบๆ ไม่อาจยันร่างขึ้นได้โดยสิ้นเชิง
น้ำทะเลถล่มสิ่งก่อสร้างจำนวนไม่น้อยอย่างมืดฟ้ามัวดิน แต่เป็นเพราะการควบคุมพลังจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่จนน่าสะพรึงของลู่เซิ่ง จึงหลบเลี่ยงแหล่งรวมกลิ่นอายชีวิตในอาณาเขตใหญ่ได้อย่างแม่นยำ เพียงถล่มใส่อาณาเขตที่ไม่มีความสำคัญส่วนหนึ่งเท่านั้น
“เพื่อฝ่าบาท! โอ้วววว!” สัตว์ประหลาดยักษ์คำราม ปากแผลนับไม่ถ้วนปริขึ้นทั่วร่าง แต่ยังคงพยายามยืนขึ้นอย่างไม่ยอมลดละ
ในที่สุด แรงกระแทกที่รุนแรงที่สุดของกลืนสมุทรก็ผ่านไป แรงกดดันของน้ำทะเลหลายแสนล้านตันรุนแรงที่สุดในพริบตาแรก ต่อจากนั้นก็อ่อนแอลงเล็กน้อย สัตว์ประหลาดยักษ์จึงต้านได้ไหว
“ดิ้นรนไปก็ไร้ความหมาย!” เอ็นเขียวปูดโปนขึ้นรอบๆ ดวงตาของลู่เซิ่ง ลวดลายงูสีแดงเข้มสว่างขึ้นกลางหว่างคิ้ว
ปราณมารนับไม่ถ้วนรวมกันกลายเป็นดาบยาวสีดำสี่เล่มด้านหลังเขา ด้านหลังเขาพลันมีแขนสองข้างยื่นออกมาจับดาบดำเอาไว้
ปราณมารสีดำที่ยิ่งใหญ่แผ่ตลบอบอวลรอบๆ ตัวเขา วินาทีนี้เขาไม่คิดจะซ่อนพลังอีกต่อไปแล้ว รังถูกคนบุก ยังซ่อนพลังไว้อีก จะซ่อนไว้ให้สุนัขดูหรือ!?
“ไร้ขอบเขต คร่าวิญญาณ!”
ลู่เซิ่งส่งเสียงตะโกน ทั่วร่างกลายเป็นสายฟ้าสีดำในพริบตา จากนั้นก็พุ่งลงด้านล่างเบื้องหน้าสัตว์ประหลาดยักษ์
สัตว์ประหลาดยักษ์ร่างแข็งทื่อ หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“ฝ่าบาท…ทรงพระเจริญ…!” อันตูลาผุดสีหน้างงงวย
ฉัวะ!
ร่างกายมโหฬารที่ใหญ่เกือบสามร้อยหมี่ของมันค่อยๆ ปรากฏรอยสีดำในแนวตั้ง แนวขวาง และแนวทแยงซ้ายขวาขึ้นตรงกลาง
รอยดาบสีดำกระจายไปทั่วร่าง แล้วแยกร่างของมันออกเป็นแปดส่วน
ลู่เซิ่งค่อยๆ ทิ้งตัวลง ดาบดำด้านหลังหายไป แขนสี่ข้างกลับเป็นสองแขนเหมือนคนปกติ
ครืน
อันตูลาสัตว์ประหลาดยักษ์วิญญาณร้ายแตกเป็นชิ้นๆ กายเนื้อขนาดมหึมาของมันแยกออกเป็นแปดส่วนแล้วหล่นลงมา
……………………………………….