ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 540 อำพราง (2)
บทที่ 540 อำพราง (2)
‘มาเริ่มเรียนรู้พลังงานนี้กัน ดูว่าจะเกิดปฏิกิริยาแบบไหน’ ลู่เซิ่งเริ่มปรับจังหวะการหายใจและการเต้นของหัวใจ ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพสมดุล
เขามองกรอบใหม่ด้านในอินเตอร์เฟซดีปบลู
[วิธีการฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ: ยังไม่ครอบครอง]
ด้านในมีแค่คำอธิบายสั้นๆ
ลู่เซิ่งกดปุ่มเรียนรู้อย่างคุ้นเคย จากนั้นก็หันเหความสนใจไปที่ด้านหน้ากรอบ แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เขาไม่เห็นคำว่าเรียนรู้ได้ที่ด้านหลังกรอบ
‘งั้นก็ได้แต่ใช้สิ่งนี้แล้ว มาลองดูก่อนก็แล้วกัน’
ลู่เซิ่งเพ่งสายตาอยู่บนวิธีฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ
พรึ่บ
พลังอาวรณ์หน่วยหนึ่งหายไป กลายเป็นความเย็นสายหนึ่งไหลจากทรวงอกของลู่เซิ่งไปยังแขนขา
ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้ากะทันหัน จากนั้นก็ทำท่าเป็นปกติต่อ
ส่วนรากของขนทั่วร่างเขาเริ่มปรากฏสีขาวอมเทาอยางช้าๆ เป็นสีขาวชนิดพิเศษเหมือนกับธุลีขาว กลิ่นอายความเย็นหลายสายค่อยๆ แผ่กระจายออกมาจากใต้ฝ่าเท้า
เจ้าทองที่อยู่ด้านข้างตัวสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
“อยู่ๆ ก็หนาว…”
ลู่เซิ่งรีบเก็บไอความเย็น ด้วยจิตวิญญาณอริยะเจ้าของเขา เพียงชั่วพริบตาสั้นๆ ก็เข้าใจแล้วว่าจะพัฒนาพลังเกล็ดหิมะได้อย่างไร
ตอนนี้พอมองดูกรอบอีกครั้ง เนื้อหาด้านในก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงแล้ว
[วิธีกรฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ: ครอบครองแล้ว (คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มพลังความเย็น, กรงเล็บน้ำแข็ง)]
‘เพิ่มพลังความเย็นหรือ’ ลู่เซิ่งตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียด โครงสร้างเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ โครงกระดูก และอวัยวะภายในต่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงพิเศษชนิดหนึ่งอย่างช้าๆ ขณะที่พลังเกล็ดหิมะลอยเวียนวน
ส่วนหนึ่งถูกแช่แข็งจนฝ่อลีบ อีกส่วนแข็งแกร่งมากขึ้นและได้รับการกระตุ้น กายเนื้อเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เอนเอียง
‘พละกำลังแข็งแกร่งขึ้นสามเท่า ความเร็วเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า ขน ผิว และกล้ามเนื้อแข็งแกร่งขึ้นราวหนึ่งเท่า นี่คือการเพิ่มพลังความเย็นหรือ’ ลู่เซิ่งพลันยกมือขึ้นโบกดู
รู้สึกตัวเบาขึ้นมาก แถมร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นด้วย
พละกำลังปลอดโปร่งขึ้น รู้สึกว่าขนทั่วร่างอ่อนนุ่มกว่าเดิม
‘ยังมีกรงเล็บน้ำแข็งอีก…’ ลู่เซิ่งมองดูปลายอุ้งมือที่มีกรงเล็บแหลมคมงอกขึ้นมาอย่างตั้งใจ มันกำลังปล่อยไอเย็นที่หนาวเหน็บออกมาบางๆ ใช้อุ้งมือลูบๆ ดู รู้สึกว่ายังเย็นยิ่งกว่าไอเย็นบนร่างเสียอีก น่าจะเป็นส่วนที่เย็นที่สุดจากทั่วทั้งร่างแล้ว
‘เป็นการโจมตีด้วยความเย็นสินะ แต่ว่าถ้าเจอปากแผลฉีกขาดเข้า กลับมีส่วนช่วยต่อการห้ามเลือดของศัตรู ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่’ ลู่เซิ่งส่ายหน้า
พลังเกล็ดหิมะนี้ทำให้ร่างกายร่างนี้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่า สามารถเป็นจ่าฝูงในเผ่าได้แล้ว แต่หากออกไปเจอสายพันธุ์อื่น ก็ยังคงถูกเล่นงานได้อยู่ดี
‘ยังดีที่เรามีวิชาแก่นพลัง’ ลู่เซิ่งใช้ความคิด กรอบสี่เหลี่ยมกรอบใหม่พลันโผล่ขึ้นบนอินเตอร์เฟซ
[วิชาแก่นพลัง: ยังไม่ได้เรียนรู้]
‘ยกระดับวิชาแก่นพลังดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน ดูว่าจะยกระดับได้ทีเดียวถึงขั้นไหน’
…
ด้านในวังบนยอดเขาที่เย็นยะเยือก
มังกรน้ำแข็งมีปีกสีฟ้าขนาดมหึมาตัวหนึ่งลืมตาสามข้างที่เหมือนกับผลึกแก้วสีฟ้าขึ้น ดวงตาเรียวยาวเหมือนกับรอยดาบสามรอยที่คมกริบ ติดอยู่กลางศีรษะขนาดมโหฬารทรงสามเหลี่ยมของมัน
“เจ้าขี้เถ้ามาแล้ว” เสียงของมังกรน้ำแข็งแหลมและยิ่งใหญ่เหมือนกับมนุษย์เพศหญิง
“ฝูงมังกรเงาเขาเดียวเป็นแค่หน่วยลาดตระเวนของมันเท่านั้น มันยังคงไม่ยอมตัดใจจากน้ำพุเหมันต์นิรันดร์ของเรา”
มังกรน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มที่มีขนาดร่างกายเล็กกว่า สูงราวสิบกว่าหมี่อีกตัวหนึ่ง ค่อยๆ เดินออกมาจากถ้ำด้านข้างตัววัง
“สองพันปีก่อนหน้านี้ มันเคยมาครั้งหนึ่ง แต่ก็พ่ายแพ้ไป หกร้อยปีก่อนหน้านี้ มันมาเป็นครั้งที่สอง ก็ยังคงพ่ายแพ้กลับไป ร้อยปีก่อน มันมาเป็นครั้งที่สาม แต่ก็ยังคงพ่ายแพ้ท่านอยู่ดี ไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล พลังของเจ้าขี้เถ้าไปถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่ดี” มังกรน้ำแข็งสีน้ำเงินกล่าวอย่างนอบน้อม
“ไม่…สิ่งที่ข้ากังวลไม่ใช่มัน แต่เป็นสี่เผ่าอาทิตย์แผดเผาที่อยู่เบื้องหลังมันต่างหาก” มังกรน้ำแข็งสามตากล่าวอย่างช้าๆ “ข้ารู้จักเจ้าขี้เถ้าดี ข้ารู้จักมันตั้งแต่ตอนที่เรายังเป็นแค่มังกรวัยเด็กอายุไม่กี่ขวบด้วยซ้ำมันไม่ใช่มังกรที่ยินยอมล้มเหลวซ้ำๆ แน่”
“อย่างนั้นพวกเราลองดึงฝูงสัตว์ฝูงอื่นที่อยู่ในเทือกเขาเป็นพวก เพื่อลองเชิงพวกมันดูก่อนก็ได้” มังกรน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มกล่าวช้าๆ “สายพันธุ์มังกรมากมายอย่างมังกรตะวันตก มังกรเขาเดียว และมังกรพิษ ล้วนเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว”
“อือ ไปเถอะ เราจะรอข่าวจากเจ้า” มังกรน้ำแข็งสามตาหลับตาลงอย่างช้าๆ
“รับทราบ องค์ราชาที่เคารพ”
…
ลู่เซิ่งรู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิด
กล้ามเนื้อพองขยายอย่างรุนแรง โครงกระดูกกำลังสั่นไหว หัวใจเต้นวินาทีละสิบห้าครั้ง ยังดีที่มีขนหนาดำคอยอำพราง บวกกับเจ้าทองโง่ทึ่มอยู่แล้ว เลยไม่พบสภาพผิดปกติของเขาในตอนนี้
ด้านในอินเตอร์เฟซของดีปบลู
[วิชาแก่นพลัง: ขั้นหนึ่ง]
เป็นแค่ขั้นที่หนึ่งเท่านั้น จึงเสียพลังอาวรณ์ไปเพียงหน่วยเดียว แก่นพลังที่เปลี่ยนมาจากพลังอาวรณ์ทะลักไปทั่วร่างลู่เซิ่งในชั่วพริบตา
ผลลัพธ์ก็เหมือนอย่างตอนนี้ เพียงแค่พลังอาวรณ์หนึ่งหน่วย ก็ทำให้ร่างกายของเขาอยู่ในสภาพขีดจำกัดที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลาแล้ว
ดีที่จิตวิญญาณอริยะเจ้าใช้พลังอย่างต่อเนื่องเพื่อสะกดอวัยวะภายในและเนื้อเยื่อของร่างกายที่กำลังสั่นไหวเอาไว้
ภายใต้การควบคุมของดีปบลู แก่นพลังจำนวนมากได้ปรับปรุงระบบการย่อยอาหารหลักของเขาอย่างรวดเร็ว นี่เป็นวิธีการพิเศษที่ลู่เซิ่งสร้างขึ้นมาเพื่อร่างกายร่างนี้โดยเฉพาะ
สามารถใช้การกินอาหารเพื่อนำเอาแก่นพลังมาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายได้ ภายใต้การควบคุมจิตวิญญาณระดับอริยะเจ้า วิธีการนี้ขอแค่อยู่ไม่เกินขีดจำกัดการควบคุมของอริยะเจ้าเทวปัญญา ก็จะไม่มีอันตรายใดๆ
สภาพนี้คงอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดลู่เซิ่งก็รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทุเลาลง
“เกือบไป…ระบบพลังที่ไม่ใช่ของที่นี่เกือบจะทำให้กายเนื้อพังซะแล้ว…ตอนสร้างวิชาเมื่อก่อนหน้านี้ยังไม่รู้สึกถึงอันตราย คิดว่าสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ตอนนี้พอใช้จริงๆ ถึงได้พบว่ามีช่องโหว่มากมายขนาดนี้…ดีที่กายเนื้อกายนี้อ่อนแอเกินไป ก็เลยสะกดไว้ได้”
ลู่เซิ่งรู้สึกผวา ครั้งนี้ยกระดับวิชาแก่นพลังแค่ขั้นเดียวเท่านั้น แต่เกือบจะทำลายการจุติครั้งนี้ไปแล้ว
ครั้งหน้าเขาวางแผนไว้ว่า จะไม่วู่วามลงมือสร้างวิชาเองแบบนี้อีก…
‘ดีที่วิชาแก่นพลังสำเร็จแล้ว แม้จะเป็นแค่ระดับเดียวก็เถอะ แต่แค่เข้าสู่ระดับเบื้องต้นได้ก็พอ’
วิชานี้ได้แรงบันดาลใจมาจากกลืนสมุทร วิชาแก่นพลังจะนำแก่นพลังจำนวนมากออกมาจากอาหารแล้วกักเก็บไว้ในร่างกาย ในเวลาที่จำเป็นสามารถใช้แทนแรงกายและความอึดได้
ยิ่งมีแก่นพลังมากเท่าไหร่ พลังงานก็ยิ่งเต็มเปี่ยมมากเท่านั้น แถมความอึดก็มีไม่สิ้นสุด นอกจากนั้นยังฟื้นฟูความเสียหายของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ และยกระดับภูมิคุ้มกันได้อีกต่างหาก
‘วิชาแก่นพลังระดับแรกสามารถเก็บพลังกายได้ราวครึ่งหนึ่ง ถือว่าไม่เลว’
เมื่อการลาดตระเวนจบลง ลู่เซิ่งก็พาเจ้าทองกลับหมู่บ้าน
หลังจากทั้งสองแยกย้ายกัน เขาก็ไปหาธุลีขาวผู้เป็นหมอผีทันที
“หลังจากได้พลังเกล็ดหิมะมาแล้ว ให้ทำอย่างไรต่อ”
ครั้งนี้ลู่เซิ่งคิดจะจบงานให้ไว ทางต้าอินยังรอเขากลับไปสังหารวิญญาณร้ายอยู่ ดังนั้นจะเสียเวลาที่นี่ไม่ได้
เขาเลยเลือกบอกความก้าวหน้าของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ธุลีขาวกำลังใช้ช้อนไม้สีดำใบหนึ่งตักของเหลวสีดำชนิดหนึ่งเพื่อเทลงในหม้อ ต้องตกใจเพราะลู่เซิ่งที่พุ่งเข้าประตูใหญ่มาอย่างกะทันหัน เป็นเหตุให้มือสั่น ของเหลวสีดำจึงหล่นกระจายลงบนโต๊ะ
“อือ…ใครกัน…หรือจะไม่รู้จักข้า…”
เขาหมุนตัวไป ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นกระดูกดำที่ยืนอยู่ตรงประตู สองกรงเล็บแหลมคมกำลังปล่อยไอความเย็นสีขาวออกมาอ่อนๆ
“ธุลีขาว บอกข้ามาสิว่าต่อจากนี้ต้องทำอย่างไร” ลู่เซิ่งเดินเข้าบ้านดิน มนุษย์หมาป่าสูงใหญ่ด้านหลังเหมือนเห็นความผิดปกติ
“ห้ามเสียมารยาทต่อท่านหมอผี!” มนุษย์หมาป่าตนนั้นคำรามเบาๆ ก่อนจะเข้าไปใช้กรงเล็บตะปบใส่ลู่เซิ่งโดยมองไม่เห็นไอความเย็นสีขาวจางๆ
ตูม
เขาถูกลู่เซิ่งต่อยหมัดใส่ชายโครง ร่างกายพลันแข็งทื่อ แล้วล้มลงกับพื้นด้านข้าง
“กระดูกดำ…นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะทำได้…” ธุลีขาวผุดสีหน้างุนงงอยู่บ้าง คล้ายนึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าลู่เซิ่งจะใช้พลังเกล็ดหิมะได้จริงๆ
“ข้าใช้พลังเกล็ดหิมะได้แล้ว” ลู่เซิ่งโบกกรงเล็บด้านหน้าเขา
“ข้าทราบ…ตอนนี้เจ้าเป็นมนุษย์หมาป่าเกล็ดหิมะแล้ว” ธุลีขาวพลันได้สติกลับมา “แต่ตอนนี้พวกเราไปจากที่นี่ไม่ได้ น่าเสียดาย…ถ้าหากเจ้าตื่นกว่านี้เร็วสักหน่อยล่ะก็…พวกเราอาจจะมีโอกาสก็ได้”
“ไม่มีอะไรต้องเสียดาย ต่อจากนั้นเล่า” ลู่เซิ่งซัก
ธุลีขาวเดินถึงมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ แล้วแกะช่องลับช่องหนึ่งบนกำแพงออกมา ก่อนจะหยิบของกองหนึ่งออกมาจากด้านในอย่างระมัดระวัง
“ถึงอย่างไรไพรแดงก็ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว ในเมื่อเจ้าปลุกพลังเกล็ดหิมะให้ตื่นได้ เช่นนั้นขอมอบของพวกนี้ให้แก่เจ้า” ธุลีขาวยิ้มอย่างขื่นขมขณะยื่นส่งสิ่งของให้ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งรับมาดู
ด้านบนเป็นลวดลายเส้นสายที่คล้ายก่อนหน้าหลายแผ่น ทุกๆ ลวดลายละเอียดซับซ้อนเหมือนกับเขาวงกตขนาดใหญ่
“นี่คือสิ่งที่เจ้าใช้เมื่อก่อนหน้า แผ่นแรก ลวดลายพลังเกล็ดหิมะของมนุษย์หมาป่าเกล็ดหิมะ” ธุลีขาวใช้มือที่ผอมบางชี้ลวดลายแรก
ลู่เซิ่งมองตามไป เป็นอย่างที่คาด ลวดลายนั้นเหมือนกับลวดลายบนผ้าขี้ริ้วที่เขาได้มาเมื่อก่อนหน้านี้
“นี่คือแผ่นที่สอง ลวดลายราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ” ธุลีขาวชี้แผ่นที่สองจากในลวดลายกองนั้น “ที่เหลือคืออะไร ข้าไม่รู้แล้ว บางทีอาจจะสาบสูญไปแล้ว หรือไม่ก็เป็นทิศทางอื่น ไม่มีใครบอกได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งพวกนี้ก็เป็นตัวเลือกในอนาคตของเจ้า” เขากล่าวด้วยถ้อยคำจากใจจริง
ลู่เซิ่งก้มหน้าตรวจสอบลวดลายนั้นอย่างละเอียด
เขาพลันตกใจ ลวดลายนี้ถึงกับเหมือนสภาพโครงข่ายที่เขาเห็นตอนใช้จิตวิญญาณควบคุมการไหลเวียนพลังเกล็ดหิมะในร่างเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด!
‘หรือว่า…’
เขาพลันแบ่งลวดลาย แล้วนำมาพลิกดูทีละแผ่น ยิ่งเป็นลวดลายลำดับหลังๆ ก็ยิ่งซับซ้อน ในลวดลายทุกลวดลายจะมีลวดลายเกล็ดหิมะแทรกอยู่ด้วย ยิ่งลวดลายซับซ้อนเท่าไหร่ ลวดลายเกล็ดหิมะก็จะซับซ้อนขึ้นเท่านั้น แถมโครงสร้างก็หนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
‘นี่…นี่มันคือภาพวิวัฒนาการของแผนผังชีวิตชัดๆ!’ ลู่เซิ่งพลันเข้าใจ
“พวกเราสูญเสียสายเลือดของบรรพบุรุษไปแล้ว การปลุกพลังเกล็ดหิมะให้ตื่นขึ้นมาได้ถือเป็นขีดจำกัด ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ เจ้าดูไปก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษตกทอดมาให้…” หมอผีให้คำแนะนำอย่างจริงใจ
ลู่เซิ่งไม่พูดอะไรสักคำ เพียงพลิกกระดาษไปเรื่อยๆ
ตุบๆ
หัวใจของเขากำลังเต้นแรง แผนผังทุกแผนผังเป็นตัวแทนสภาพสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่ง
สภาพทุกชนิดตรงนี้เป็นตัวแทนการพัฒนาและการใช้พลังเกล็ดหิมะในระดับที่สูงยิ่งกว่า
‘เทวลักษณ์วารีลี้ลับใช้ในต้าอินได้เหมือนกัน อย่างนั้นก็หมายความว่า เทวลักษณ์เกล็ดหิมะก็สามารถใช้ในต้าอินได้ด้วยสินะ’ ลู่เซิ่งพลันฉุกใจนึกได้
‘รู้แล้วว่าควรทำอะไร…’
เขาเงียบงันเล็กน้อย แล้วมองดูกรอบในอินเตอร์เฟซของดีปบลู
สายตารวมอยู่บนวิธีการฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ หลังจากได้วิธีการและเส้นทางการใช้พลังเกล็ดหิมะทุกรูปแบบจากแผนผัง เขาก็สามารถสร้างแผนผังที่แข็งแกร่งเฉพาะของตัวเองหลังจากหลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกันได้แล้ว
……………………………………….