ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 541 ชีวิต (1)
บทที่ 541 ชีวิต (1)
‘หากพิจารณาจากโครงสร้างนี้ เราต้องใช้เวลาสร้างระบบพิเศษของตัวเราเองขึ้นมาใหม่…’ ลู่เซิ่งรู้สึกตื่นเต้น
นี่หมายถึงอะไร ไม่ต้องบอกเป็นคำพูดก็เข้าใจ
ในต้าอิน ผลจากขีดจำกัดด้านคุณสมบัติร่างกับความยากลำบากในการยกระดับ ยากจะบรรยายออกมาได้
ถึงอย่างไรร่างกายมนุษย์ก็มีโครงสร้างอยู่ ต่อให้ฝึกฝนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากเซลล์และยีนพื้นฐานได้ ต่อให้เขามีสายเลือดอาวุธเทพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
แต่ถ้าหากทำความเข้าใจความหมายของแผนผังกองนี้ได้ ก็หมายความว่าเขาสามารถสร้างร่างกายที่เหมาะกับตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบได้
เช่นนั้นจะไม่มีขีดจำกัดสูงสุดอีก
ลู่เซิ่งเก็บแผนผัง ก่อนจะพยักหน้าให้ธุลีขาวอย่างเคร่งขรึม
“ข้าเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง ข้าจะรักษามันไว้ให้ดี”
ธุลีขาวพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกัน
“ไปเถอะ ข้าสังหรณ์ได้ว่า มีศึกใหญ่ใกล้เข้ามาแล้ว”
ลู่เซิ่งฉุกใจได้ จึงหมุนตัวเดินออกจากบ้านดิน
‘ดูเหมือนเป้าหมายในโลกนี้จะเพิ่มมาอีกอย่างแล้ว รวบรวมเทวลักษณ์’ เขาสาวเท้าเดินไปยังบ้านดินที่ตนเองอยู่
เพียงแต่พอเดินถึงหน้าบ้านดินของตัวเอง เขาพลันชะงักฝีเท้า แล้วหันหน้าเดินไปยังบ้านดินอีกหลังหนึ่ง
ในหมู่บ้านเย็นเยียบ หมาป่าโตเต็มวัยทั้งหมดสิบกว่าตัวยึดครองบ้านดินยี่สิบกว่าหลังนี้ไม่ได้หมด บ้านหลังที่ลู่เซิ่งเลือกมีสภาพดีกว่าและใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ
พอเดินไปถึงหน้าประตูใหญ่ ประตูเปิดอ้าอยู่ โล่เหล็กที่มีร่างกำยำนอนกลางวันอยู่ในลาน กรนคร่อกๆ เป็นระยะ
ลู่เซิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปจิกขนยาวบนศีรษะอีกฝ่ายขึ้น แล้วจับฟาดกับขอบบ่อน้ำอย่างแรง
เปรี้ยง!
โล่เหล็กถูกฟาดจนเวียนหัวตาลาย เลือดไหลออกมาจากศีรษะ เขาร้องโหยหวนเสียงดัง หมายจะใช้กรงเล็บแทงใส่ทรวงอกของลู่เซิ่ง แต่ก็ถูกปัดออกอย่างง่ายดาย
“บ้าเอ๊ย! เจ้ากระดูกดำ! เจ้านี่เอง! ข้าไม่ได้ยินเจ้าเข้ามา! เจ้าตายแน่! ตายแน่! เจ้ารอได้เลย รอข้ามีแรงกลับมาแล้วข้าจะสังหารเจ้าซะ!” โล่เหล็กถูกจับขนบนศีรษะจับฟาดเข้ากับก้อนหินแข็งข้างบ่อน้ำอีกครั้ง
ถูกฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ทันไร เสียงด่าของโล่เหล็กก็ดึงดูดมนุษย์หมาป่าตัวเมียกับมนุษย์หมาป่าเด็กจำนวนไม่น้อยมาจากด้านนอก
“พ่อ! ไม่นะ!” มนุษย์หมาป่าเด็กตัวหนึ่งที่สูงแค่ครึ่งตัวคำรามพร้อมพุ่งเข้าใส่ลู่เซิ่ง
“อย่า!” มนุษย์หมาป่าเหลืองอีกตัวรีบกอดเขาไว้ ห้ามไม่ให้เขาเข้าใกล้
หมู่บ้านใหญ่เพียงนิดเดียว เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกคนล้วนสัมผัสได้ พากันมามุงดูลู่เซิ่งกระแทกศีรษะของโล่เหล็กอย่างต่อเนื่อง
นอกจากธุลีขาวผู้เป็นหมอผีแล้ว มนุษย์หมาป่าที่เหลือล้วนมากันครบ
ลู่เซิ่งใช้หางตากวาดมองฝูงหมาป่าฝูงนี้ แต่ละตัวมีรูปร่างประหลาดพิกลเนื่องจากขาดอาหาร ขนห้อยบนร่างอย่างอ่อนแรง ส่วนใหญ่ต่างมีกลิ่นเหม็น ไม่ทราบว่าไม่ได้อาบน้ำมานานเท่าไหร่แล้ว
เห็นได้ว่าปกติแล้วโล่เหล็กเอาแต่ระรานคนอื่น ดังนั้นตอนนี้พอถูกเขาฟาดอย่างหนักหน่วง ถึงกับไม่มีคนออกมาเกลี้ยกล่อมสักคน
อย่างค่อยเป็นค่อยไป เสียงคำรามของโล่เหล็กกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนและเสียงวิงวอน น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนจากทรงพลังเป็นยิ่งมายิ่งอ่อนแอ
เปรี้ยง!
เขาฟาดโล่เหล็กกับก้อนหินเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็คลายมือ ปล่อยให้อีกฝ่ายไถลล้มลงกับพื้น
“ข้า กระดูกดำ!” เขายกมือขึ้น กรงเล็บปล่อยไอความเย็นสีขาวอ่อนๆ ออกมา “หมาป่าเพียงตัวเดียวในเผ่าไพรแดงที่บรรลุพลังเกล็ดหิมะ! และจะกลายเป็นราชาของพวกเจ้า!”
ในเมื่อเวลากระชั้นชิด เขาจึงตัดความวุ่นวายต่างๆ อย่างแน่วแน่ทันที
ราชาหมาป่ารุ่นก่อนที่ยืนอยู่ในฝูงหมาป่าเป็นมนุษย์หมาป่าสูงใหญ่ที่กำยำเหมือนกับโล่เหล็ก เขาเดินออกมาอย่างเงียบๆ แล้วหยุดยืนอยู่ด้านหน้าลู่เซิ่ง
ตามธรรมเนียม ราชาหมาป่าตัวใหม่จะต้องเอาชนะราชาหมาป่าตัวเก่าก่อน
แต่สำหรับลู่เซิ่งแล้วไม่เป็นปัญหา เป็นเพราะราชาหมาป่าตัวก่อนเป็นมนุษย์หมาป่าร่างกำยำที่เขาต่อยคว่ำไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ข้าขอยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า ตามธรรมเนียม ตอนนี้เจ้าเป็นราชาหมาป่าแล้ว” ราชาหมาป่าตัวก่อนโยนของดำๆ ชิ้นหนึ่งให้ลู่เซิ่ง จากนั้นก็หมุนตัวออกจากหมู่บ้านไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย ป่าไพรแดงในตอนนี้กำลังใกล้พินาศ ความจริงการอยู่หรือไปล้วนไม่มีความแตกต่าง
มนุษย์หมาป่าตัวอื่นมองภาพทุกอย่างนี้อย่างชินชา มีแต่เจ้าทองซึ่งไม่มีหัวสมองเท่านั้นที่กำลังฉีกยิ้มหัวเราะ
ลู่เซิ่งมองดูเหตุการณ์นี้ แล้วกวาดตามองมนุษย์หมาป่าโตเต็มวัยสิบกว่าตัวที่เหลืออยู่ พอเห็นพวกเขาไม่ได้มีท่าทีต่อต้าน การส่งต่อตำแหน่งครั้งนี้จึงถือว่าจบลงแล้ว
“ตั้งแต่นี้ไป ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกคนกลับไปพักผ่อนต่อ” ลู่เซิ่งสั่งคำสั่งแรกทันที
เหล่ามนุษย์หมาป่าแยกย้ายกลับบ้านของตนเองอย่างเงียบๆ
ลู่เซิ่งจึงค่อยมีเวลาพิจารณาของดำๆ ในมือของตัวเอง
มันคือเหล็กชิ้นหนึ่ง ด้านบนสลักสัญลักษณ์วงแหวนขนาดใหญ่เอาไว้ ข้างใต้วงแหวนมีช่องว่าง ด้านในมีตัวอักษรเล็กๆ ซึ่งพร่ามัวไม่ชัดเจน
‘พลังอาวรณ์หรือ’ พอลู่เซิ่งพิจารณาดู ก็สัมผัสได้ทันทีว่าสิ่งนี้มีพลังอาวรณ์ไม่น้อย มีพลังอาวรณ์อยู่เกือบหลายร้อยหน่วย
เขาสั่งความคิด จากนั้นร่างหลักก็ดึงพลังอาวรณ์เข้าไปผ่านกายเนื้อกายนี้อย่างรวดเร็ว
ต่อมาเขาก็เก็บเหล็กไว้ แล้วหมุนตัวเข้าบ้านดินของตัวเอง ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์แผนผังปึกนั้นอยางละเอียด
‘เรียนรู้ตามทิศทางของแผนผังปึกนี้ดูก่อน โครงสร้างที่ใช้พลังเกล็ดหิมะกับเทวลักษณ์ชนิดนี้เหมือนกับสร้างขึ้นมาเพื่อเผ่าหมาป่าโดยเฉพาะ’
ลู่เซิ่งหยิบแผนผังใบที่สองต่อจากมนุษย์หมาป่าหิมะออกมา แล้วลูบลวดลายด้านบนอย่างชื่นชมเล็กน้อย
‘ดีปบลู’
อินเตอร์เฟซสีฟ้าโผล่ออกมา สายตาของลู่เซิ่งรวมอยู่บนวิธีฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ
เป็นอย่างที่คาด ครั้งนี้ปุ่มเรียนรู้ด้านหลังปรากฏออกมาโดยอัตโนมัติ แสดงให้เห็นว่าระบบความรู้ในสมองของเขา ณ เวลานี้มีวัตถุดิบมากพอให้ดีปบลูใช้เรียนรู้ขั้นต่อไปแล้ว
‘มาเริ่มกันเลย’
‘เรียนรู้ครั้งหนึ่งดูก่อน’
ลู่เซิ่งเพ่งความสนใจไว้ที่วิธีฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะ ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ว่า พลังอาวรณ์สองหน่วยไหลผ่านร่างกาย แล้วหายไปในพริบตา
สายตาหยุดอยู่บนกรอบพักหนึ่ง
ซู่…
กรอบพลันพร่ามัว จากนั้นก็ชัดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื้อหาในกรอบใหม่เปลี่ยนไปแล้ว
[แผนผังพลังเกล็ดหิมะ: มนุษย์หมาป่าเกล็ดหิมะแข็งแกร่งขึ้นระดับสอง (ผลพิเศษ: เพิ่มความเย็นระดับสอง, กรงเล็บน้ำแข็งระดับสอง)]
‘อ้อ?’ ลู่เซิ่งงุนงง ตอนที่เห็นภาพนี้ เขาเฉลียวใจถึงอะไรบางอย่าง แต่ปรากฏในสมองเพียงแวบเดียว คว้าจับไว้ไม่ทัน
‘ช่างเถอะ ยกระดับพลังก่อนค่อยว่ากัน’
เขาสงบสติอารมณ์ โลกใบนี้เป็นแค่การข้ามฟาก การสะสางผลกรรมให้เร็วที่สุดเป็นกุญแจสำคัญ อย่างอื่นสามารถรอได้
ไม่นานหลังจากร่างกายคุ้นเคยแล้ว ลู่เซิ่งก็มองกรอบทันที
การยกระดับรอบใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง
ภายใต้การคุ้มครองของจิตวิญญาณอริยะเจ้า บวกกับเส้นทางที่เดินคือระบบพลังดั้งเดิมของโลกใบนี้ พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวัน
ด้านในบ้านดินของลู่เซิ่งเกลื่อนไปด้วยหิมะและความเย็นยะเยือก บนผนังและพื้นเต็มไปด้วยชั้นน้ำแข็งสีขาวที่จับตัวกัน
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง ร่างกายยังคงเหมือนในตอนแรก เขาเพ่งตามองอินเตอร์เฟซดีปบลูตรงหน้า ดวงตาไม่กะพริบแม้แต่น้อย ลวดลายเกล็ดน้ำแข็งจุดหนึ่งเดี๋ยวหายเดี๋ยวโผล่กลางทรวงอกของเขา
‘นี่คือพลังของราชาหมาป่าเกล็ดหิมะหรือ’ ลู่เซิ่งรู้สึกแปลกใจเป็นพิเศษ
เขาเพิ่งจะเลื่อนเป็นหมาป่าเกล็ดหิมะ ก็มีความรู้สึกแบบนี้แล้ว การเพิ่มความเย็นกับกรงเล็บน้ำแข็งอะไรนั่น เขาไม่ได้ใช้เป็น หากเป็นทักษะที่ปรากฏบนร่างเขาโดยอัตโนมัติอย่างบรรยายไม่ได้
และตอนนี้ หลังจากกลายเป็นราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ…
‘แบบนี้อีกแล้วหรือ’
เขายกมือขึ้น ทันใดนั้นหมาป่ายักษ์สีขาวหิมะที่มีขนาดร่างกายยาวถึงสามหมี่สองตัวจนเหมือนกับลูกวัวก็โผล่ขึ้นด้านหน้าเขา
‘อัญเชิญหมาป่าหิมะ เดิมทีเราใช้วิชาอัญเชิญไม่เป็นนี่นา…ไม่รู้ว่าเนื้อหาของวิชานี้จะเป็นยังไงบ้าง’ ลู่เซิ่งขมวดคิ้วนั่งบนที่นั่ง พร้อมกับจ้องมองหมาป่าหิมะสองตัวตรงหน้า ขนสีขาวหิมะของพวกมันกำลังพลิกม้วนน้อยๆ ในไอเย็น ดูอ่อนนุ่มและบริสุทธิ์
ในสองวันมานี้ หลังจากเขาเรียนรู้ระดับมนุษย์หมาป่าเกล็ดหิมะจนได้ผลเพิ่มความแข็งแกร่งระดับที่ห้ามา ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติ ตัวเขามีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ โดยขนบนร่างเริ่มกลายเป็นสีขาวอมเทา โดยที่ขนที่งอกออกมาใหม่เป็นสีขาวหิมะแล้ว
คือสภาพในตอนนี้เอง
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วมองกรอบวิธีฝึกฝนพลังเกล็ดหิมะในเวลานี้
กรอบในเวลานี้ไม่อาจนับเป็นกรอบพลังเกล็ดหิมะได้อีกแล้ว เนื่องจากคำเรียกเปลี่ยนแปลงไป
[แผนผังพลังเกล็ดหิมะ: ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ (คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มความเย็นสุดขั้วระดับหนึ่ง, อัญเชิญหมาป่าหิมะระดับหนึ่ง, น้ำแข็งคำรามระดับหนึ่ง)]
‘นอกจากนั้นดูเหมือนจำนวนการใช้วิชาของที่นี่จะเป็นสิ่งตายตัวด้วย’ ลู่เซิ่งมองหมาป่าหิมะขนาดยักษ์สองตัว
พอคิดจะปล่อยการอัญเชิญหมาป่าหิมะออกมาอีก กลับทำไม่ได้แล้ว การเชื่อมต่อที่เหมือนมีเหมือนไม่มีเวลาอัญเชิญนั้นได้ขาดสะบั้นลงแล้ว
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หมาป่าหิมะสองตัวก็หายไปเอง
‘มีเวลาจำกัดด้วยหรือ’ ลู่เซิ่งลูบคาง รู้สึกคล้ายว่าเสียพลังกายไปส่วนเล็กๆ ‘สิ่งที่ใช้เป็นความอึดกับพลังกายหรือ’
‘ดูเหมือนมีคนกำหนดให้เป็นแบบนี้เลย โลกใบนี้…ช่าง…’ ลู่เซิ่งเกิดความสนใจขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ตอนนี้ยกระดับร่างกายมากเกินไป จึงจำเป็นต้องปรับตัวและฝึกฝนก่อน เขาเลยเก็บไอความเย็นไว้ชั่วคราว แล้วลุกขึ้นจากในวงน้ำแข็ง ก่อนจะเดินไปด้านนอกบ้าน
คาดไม่ถึงว่าธุลีขาวผู้เป็นหมอผีจะนั่งขัดสมาธิรอเขาอยู่ไม่ไกลออกไป
พอเห็นเขาออกจากบ้าน พริบตาที่เห็นลู่เซิ่ง สีหน้าร้อนรนในตอนแรกของธุลีขาวก็กลายเป็นนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนถูกอะไรบางอย่างฟาดใส่ แล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เจ้าทำสำเร็จแล้ว! สวรรค์เอ๋ย! ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ! ข้าเห็นอะไรกันนี่!? ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ!
นั่นคือราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ!
ฮ่าๆๆๆ! ในที่สุดเผ่าหมาป่าเกล็ดหิมะของพวกเราก็มีความหวังอีกครั้งแล้ว!”
พอธุลีขาวเห็นแสงเทวลักษณ์บนตัวลู่เซิ่งที่เป็นผู้ควบคุมพลังเกล็ดหิมะเหมือนกัน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังความเย็นอันยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่าตนเองจากในร่างของอีกฝ่ายทันที
เขาร่ำไห้ โบกไม้โบกมือ มนุษย์หมาป่าชราในบริเวณรอบๆ ที่อยู่มานานเกินพอ อดตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
มนุษย์หมาป่าส่วนหนึ่งที่ยังหนุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเห็นสภาวะที่ลู่เซิ่งแสดงออกมาแตกต่างจากหมาป่าทั่วไป และบ้านดินที่จับตัวเป็นสีขาวราวเกล็ดน้ำแข็งด้านหลัง แม้จะยังไม่เข้าใจเบื้องหลัง แต่พวกเขาก็ทราบว่า ราชาหมาป่าคนใหม่แข็งแกร่งกว่าเดิมแล้ว
บรู๊ว!
อยู่ๆ หมาป่าตัวเมียตัวหนึ่งก็เงยหน้าขึ้นหอน
จากนั้นมนุษย์หมาป่าตัวอื่นๆ ก็พากันเงยหน้าหอนตามกันเหมือนได้รับผลกระทบ
มนุษย์หมาป่าเงยหน้าหอนอยู่นานสองนาน
หลังจากหายตื่นเต้นแล้ว ไม่นานก็มีกลิ่นอายความเย็นอีกสายหนึ่งมาจากที่ไกลด้วยความเร็วสูง
ด้านนอกหมู่บ้าน เงาสีดำสายหนึ่งที่โฉบลงมาจากท้องฟ้าบินเข้ามาในหมู่บ้าน แล้วลอยวนเวียนรอบๆ ตัวลู่เซิ่ง
“ขออวยพรให้ท่าน ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะคนใหม่ ในที่สุดพงไพรที่กว้างใหญ่แห่งนี้ก็มีสหายระดับผู้นำเพิ่มมาอีกตัวแล้ว ข้ารู้สึกปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น”
เสียงที่สงบเป็นมิตรดังลงมาจากที่สูง
“ราชาเหยี่ยวเหล็กสี่ปีก!” ลู่เซิ่งจดจำสถานะของอีกฝ่ายได้ทันทีจากความทรงจำของกระดูกดำ
ราชาในหมู่เหยี่ยวเหล็กสี่ปีกตัวนี้ ปกติแล้วคร้านจะสนใจเผ่าหมาป่าไพรแดง ถ้าไม่ใช่เพราะมีการคุกคามจากเผ่ามังกรพิษ เกรงว่าเผ่าเล็กๆ ของพวกเขาคงถูกคนใต้อาณัติของนางล่าจนหมดสิ้นแล้ว
“ที่นี่เป็นอาณาเขตของหมาป่าเกล็ดหิมะ ไม่ต้อนรับเจ้า ราชาเหยี่ยวเหล็ก” ลู่เซิ่งเงยหน้าเอ่ยอย่างเย็นชา
เดิมทีก็เป็นศัตรูทางธรรมชาติกันอยู่แล้ว ในเมื่อเขาต้องการสะสางผลกรรม จึงไม่อาจเห็นแก่หน้าอีกฝ่าย
ราชาเหยี่ยวเหล็กส่งเสียงร้องอย่างไพเราะพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบินออกจากหมู่บ้าน แล้วหายสาบสูญไปอย่างรวดเร็ว
การจากไปของราชาเหยี่ยวเหล็ก ทำให้หมาป่าในหมู่บ้านรวมถึงธุลีขาวโล่งอก
แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังมาแต่ไกลทันที
“เผ่าหมาป่าเกล็ดหิมะให้กำเนิดราชาหมาป่าระดับผู้นำอีกแล้วหรือ เจ้าตื่นขึ้นผิดเวลาจริงๆ…แต่ก็ขออวยพรเจ้าด้วย” แรดขนาดยักษ์ที่สูงถึงห้าหมี่กว่าๆ มองมาทางด้านนี้จากในหมอกควันสีเหลือง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังถิ่นของตัวเอง
“ราชาแรดมังกรดิน…” ธุลีขาวปากสั่น ตัวตนอันแข็งแกร่งที่ยามปกติแม้แต่ทูตมังกรพิษเจอก็ยังได้แต่ตัวสั่นเหล่านี้ ตอนนี้ถึงกับมาอวยพรราชาของตนด้วยตัวเอง
ความกังวล ความเกรงกลัว และความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่บังเกิดในใจเขาอย่างต่อเนื่อง
……………………………………….