ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 542 ชีวิต (2)
บทที่ 542 ชีวิต (2)
‘แค่เลื่อนระดับถึงแผนผังที่สอง ก็เป็นระดับผู้นำของที่นี่แล้วเหรอ’ ลู่เซิ่งไตร่ตรอง
การมาของสองผู้นำ ทำให้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ตนอยู่ตรงตำแหน่งไหนในเทือกเขาแห่งนี้
‘ยังไม่พอ…หากจะรวบรวมเทวลักษณ์อย่างเต็มที่โดยไร้ความเกรงกลัว พลังแค่นี้ยังไม่พอ’ แต่เมื่อคำนวณและเลียนแบบอย่างละเอียด ลู่เซิ่งก็พบว่า พลังต่อสู้ของตนในตอนนี้ ถ้าหากระวังตัวหน่อย ก็ไม่ต่ำกว่าปฐพีกำเนิดทั่วไปในต้าอิน แต่ยังอยู่ห่างจากเป้าหมายอีกไกล
‘ยังต้องกักตนต่อไป’ เขากวาดตามองคนในเผ่ารอบๆ แล้วพลันพบว่าตอนนี้คนในเผ่าเหมือนจะผอมกว่าก่อนหน้านี้อีก บวกกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ขาดแคลนอาหารอย่างหนักอยู่แล้ว จึงดูเหมือนจะล้มตายได้ตลอดเวลา
‘ไปเตรียมอาหารให้พวกเขาก่อนดีกว่า จากนั้นค่อยกักตนจนยกระดับต่อไปไม่ได้อีก’
เขาคิดเล็กน้อย ก่อนจะเคลื่อนร่าง ใต้ฝ่าเท้าเกิดไอเย็นสายหนึ่ง แล้วพุ่งผ่านพวกธุลีขาวไปด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
“ส่งคนมาย้ายของกิน” ลู่เซิ่งทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ ก่อนจะพุ่งเข้าป่ารกชัฏทางทิศตะวันออก ที่นี่เป็นทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังบึงมังกรพิษ ตลอดทางไม่ต้องให้เขาลงมือ ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็น เพียงแค่ใช้ความคิด ไอเย็นสายหนึ่งก็จะพุ่งไปและแช่แข็งมันได้อย่างง่ายดายทันที
‘พละกำลังและความเร็วของกายเนื้อยกระดับขึ้นเกือบเท่าหนึ่ง แต่สิ่งที่มีประโยชน์มากที่สุดคือพรสวรรค์ที่ควบคุมพลังเกล็ดหิมะได้ตามใจ การควบคุมคุณสมบัติเกล็ดหิมะของกายเนื้อร่างนี้เหนือกว่าผู้ถืออาวุธจำนวนมากไปแล้ว’ ลู่เซิ่งเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่สนใจ ทิ้งก้อนน้ำแข็งสัตว์ป่าขนาดต่างๆ ไว้หลายก้อน
ตอนที่ใกล้จะบรรลุถึงบึงมังกรพิษ เขาค่อยชะงักฝีเท้า
มังกรพิษร่างกำยำหลายตัวกำลังกระพือปีกเนื้อและจับจ้องมองมาทางด้านนี้ตาเป็นมันอยู่บนฟ้าไกลออกไป
แสดงให้เห็นว่าพวกมันได้รับข่าวที่เผ่าหมาป่าเกล็ดหิมะได้ให้กำเนิดราชาหมาป่าเกล็ดหิมะแล้ว
ลู่เซิ่งมองแวบหนึ่ง แล้วหมุนตัวกลับ
เขากำลังแสดงท่าทีอยู่
เป็นอย่างที่คาด ต่อจากนั้นอีกหลายวันมีมังกรพิษตัวหนึ่งมาจากบังมังกรพิษ หลังจากที่ถามไถ่สถานการณ์ของลู่เซิ่งอย่างนอบน้อมแล้ว ก็มอบของขวัญชิ้นหนึ่งให้ นับว่าเป็นการสะสางบุญคุณความแค้นกับเผ่าหมาป่าหิมะ
ความจริงที่เผ่ามังกรพิษกดดันมนุษย์หมาป่า ก็ถือเป็นการปกป้องพวกเขาทางอ้อมเช่นกัน ถ้าไม่ใช่การคุกคามของพวกมัน เหยี่ยวเหล็กสี่ปีกคงกินมนุษย์หมาป่าจนเกลี้ยงป่าไปแล้ว
หลังปรับตัวอยู่หลายวัน ผู้นำหมาป่าเกล็ดหิมะตัวใหม่ก็เข้าสู่การกักตนอีกครั้ง
และข่าวที่เขาเลื่อนระดับอย่างฉับพลันก็ลอยไปถึงหูของตัวตนที่แข็งแกร่งที่อยู่ไกลกว่าด้วย
…
“สายเลือดไม่อาจถูกกระตุ้นถึงระดับนี้โดยไร้สาเหตุ”
ภายในถ้ำสีแดงเข้มแห่งหนึ่ง กิ้งก่ายักษ์ที่มีดวงตาสองข้างเป็นสีแดงฉานตัวหนึ่งใช้น้ำเสียงมั่นใจที่เชื่องช้าและทุ้มต่ำพูดภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบนเทือกเขา
“ดังนั้นมนุษย์หมาป่าน้อยตัวนั้นจะต้องมีสมบัติอะไรสักอย่างที่ทำให้เขาวิวัฒนาการและเกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณสมบัติเร็วแบบนี้อย่างแน่นอน” งูหลามที่มีตาสีเงินเพียงข้างเดียวซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของถ้ำ ใช้เสียงสตรีที่ฟังดูหม่นหมองตอบ
“จะไปไหม พวกเราร่วมมือกัน พอแย่งของได้ก็หนีทันทีขอแค่เร็วพอ โองการของมังกรศักดิ์สิทธิ์ก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก” กิ้งก่าแลบลิ้นสีแดงพลางกล่าวอย่างเย็นเยียบ
“ไปดูกัน อย่างไรก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว พวกเราติดอยู่ในช่วงลอกคราบมานานเกินไป…ไม่ได้กินเลือดเนื้อระดับผู้นำมานานพอดี” งูยักษ์แลบลิ้นพลางกล่าว
…
ฮือ…ลมเย็นเยียบลอยวนเวียนอยู่รอบๆ หมู่บ้านไพรแดง
ตอนนี้ในหมู่บ้านมีสภาพดีกว่าก่อนหน้านี้มาก เผ่าหมาป่าทุ่งหญ้าที่ใกล้สูญพันธุ์ หลังได้ทราบข่าวการถือกำเนิดของราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ ก็มุ่งหน้ามาขอสวามิภักดิ์
เผ่าหมาป่าทุ่งหญ้าเผ่านี้มีจำนวนราวสามสิบตัว แม้ส่วนใหญ่จะผอมจนกระดูกงองุ้ม แต่ว่าเหมือนเป็นการส่งถ่านกลางหิมะสำหรับหมู่บ้านไพรแดงที่ประชากรขาดแคลนพอดี
ไม่ใช่แค่นี้นั้น เผ่าหมาป่าพงไพรจำนวนไม่น้อยที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากถึงขีดสุดก็พากันมาขอพึ่งพาเช่นกัน
ลู่เซิ่งกลายเป็นผู้นำของเผ่าหมาป่าในเทือกเขาใกล้ๆ นี้อย่างน่าเกรงขาม
หมู่บ้านได้รับการจัดระเบียบจนสะอาด ธุลีขาวรับหน้าที่เป็นผู้นำใหญ่ สั่งเหล่าหมาป่าให้จัดการนู่นนี่ เหมือนกับหนุ่มขึ้นสิบกว่าปี
ด้านในบ้านดินของราชาหมาป่า
ลู่เซิ่งหมอบอยู่ตรงกลางเหมือนกับหมาป่าจริงๆ สองตาปิดแน่น ขนทั่วร่างเป็นสีขาวบริสุทธิ์
เขากำลังใช้จิตวิญญาณเร่งความเร็วในการปรับตัวของร่างกาย ตอนนี้ผ่านไปหลายวัน สมควรถึงเวลายกระดับอีกครั้งแล้ว
อินเตอร์เฟซดีปบลูลอยอยู่ด้านหน้าเขา
[แผนผังพลังเกล็ดหิมะ: ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะ (คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มความเย็นสุดขั้วระดับหนึ่ง, อัญเชิญหมาป่าหิมะระดับหนึ่ง, น้ำแข็งคำรามระดับหนึ่ง)]
‘เริ่มกันเลย’ ลู่เซิ่งไม่อยากอยู่ในโลกประหลาดใบนี้นาน ยิ่งอยู่นี่นานเท่าไหร่ ต้าอินก็ยิ่งเกิดวิกฤติมากเท่านั้น
พลังอาวรณ์หลั่งไหลออกจากร่างหลัก จากนั้นก็ซึมเข้าทุกส่วนของร่างกายด้วยการควบคุมของดีปบลู
ลู่เซิ่งอาบร่างอยู่ในแสงสีน้ำเงินเข้ม พลังอาวรณ์จำนวนมากกลายเป็นสนามพลังลึกลับชนิดหนึ่ง กระตุ้นให้พลังเกล็ดหิมะของร่างกายนี้เริ่มจัดวางภาพโครงสร้างเครือข่ายสามมิติแบบใหม่ที่แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
แผนผังใหม่นี้ไม่มีชื่อ ลู่เซิ่งจำได้จากลำดับกระบวนการอันซับซ้อนว่า นี่คือแผนผังที่ค่อนข้างเรียบง่ายหากแต่ไม่มีชื่อในกองแผนผังนิรนามกองนั้น
ด้วยการควบคุมของดีปบลู โครงสร้างหยาบๆ ของพลังเกล็ดหิมะก็ถูกกางออกอย่างง่ายๆ ในร่างกายของลู่เซิ่ง จากนั้นก็มีการสร้างโครงสร้างลวดลายใหม่ๆ อีกหลายใบ แล้วคลุมทับลงไปเหมือนกับวางซ้อนกัน
พลังเกล็ดหิมะเหล่านี้บ้างก็เคลื่อนที่ไปตามเส้นเลือดและเส้นชีพจร บ้างก็ทะลุผ่านเส้นเลือดและโครงกระดูกอย่างหยาบๆ กลายเป็นโครงสร้างที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับขนาดร่างกาย
ไม่นาน หลังจากจัดวางเสร็จสิ้น เทวลักษณ์ที่ชัดเจนลายหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตรงกลาง
กระบวนการที่ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะทั่วไปต้องฝึกฝนเป็นเวลาสิบกว่าปี ถูกหดให้สั้นลงจนเหลือแค่ไม่กี่อึดใจ
กรอบพร่ามัวอีกรอบ แต่แค่ไม่กี่อึดใจให้หลังก็ชัดเจนขึ้นใหม่
[แผนผังพลังเกล็ดหิมะ: ราชาหมาป่าเกล็ดหิมะแข็งแกร่งขึ้นระดับสอง (คุณสมบัติพิเศษ: เพิ่มความเย็นสุดขั้วระดับสอง, อัญเชิญหมาป่าหิมะระดับสอง, น้ำแข็งคำรามระดับสอง)]
‘เสียพลังอาวรณ์ไปสี่หน่วย ร่างกายยังอยู่ในขอบเขตที่ทนได้ ต่อเลย…’
ลู่เซิ่งค่อยๆ หลับตาลง กรอบของแผนผังพลังเกล็ดหิมะพร่ามัวและชัดเจนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยกระดับไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วและความถี่ที่สูงถึงขีดสุด
ไม่นานก็เป็นระดับสาม…
จากนั้นก็ระดับสี่…
ระดับห้า…
ระดับหก…
ลู่เซิ่งพลันตัวสั่น ขนาดร่างกายเริ่มขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่ตาเนื้อเห็นได้
ระดับเจ็ด…
ระดับแปด…
ระดับเก้า
ขนาดร่างกายของเขาขยายจากสูงหนึ่งจุดเจ็ดแปดหมี่ในตอนแรก กลายเป็นสองหมี่กว่าๆ เกือบสามหมี่
แสงสีขาวอมเทาหลายกลุ่มขยายออกมาอย่างช้าๆ จากใต้เท้าของเขา จากนั้นก็แผ่ขยายตามเส้นทางลี้ลับที่ไม่รู้จักไปยังที่ไกล
ทั่วทั้งหมู่บ้านไพรแดงตกสู่ความหนาวที่เย็นเยือกกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว เผ่าหมาป่าเกล็ดหิมะในตอนแรกได้อพยพย้ายหมู่บ้าน หาที่อยู่บางส่วนด้านนอกเหมือนกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่แรกแล้ว เนื่องจากไม่มีผู้ใดทนรับความเย็นของที่นี่ได้ไหว
อาณาเขตทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยหมี่กลางหมู่บ้านมีแสงสีขาวอมเทาอ่อนๆ กำลังกะพริบ
…
ด้านในบึงน้ำแห่งหนึ่งนอกหมู่บ้าน
งูยักษ์ตาเดียวตัวหนึ่งม้วนพันอยู่บนต้นไม้ใหญ่ มองดูปรากฏการณ์พิเศษในหมู่บ้านอยู่ไกลๆ ม่านตาในแนวตั้งฉายแววโหดเหี้ยมและละโมบ
อีกด้านหนึ่ง กิ้งก่ายักษ์ที่สองตาเรืองแสงสีเลือดตัวหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้ ห้อยร่างมองไปยังที่ไกล
“เป็นกลิ่นอายที่เข้มข้นมาก…เพิ่งจะเลื่อนระดับได้ไม่นาน มันกลับสร้างความมั่นคงให้แก่ระดับผู้นำถึงขั้นนี้ได้แล้ว สมบัติชิ้นนี้ช่าง…” งูยักษ์อดรนทนไม่ไหวบ้างแล้ว
“จะประมาทไม่ได้ พวกเราอ้อมดูสักรอบก่อน อาจจะมีหลุมพรางหรือไม่ก็ภาพลวงก็ได้” กิ้งก่าตาแดงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ถูกต้อง…ต่อให้จะเลื่อนระดับอีก ผู้นำแค่คนเดียวก็หนีไม่รอดจากการควบคุมของพวกเราหรอก” งูยักษ์ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
…
ระดับเก้า…
ระดับสิบ…
ระดับสิบเอ็ด…
ระดับสิบสอง…
ระดับสิบสาม…
แกร๊ก!
ลู่เซิ่งพลันลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นชั้นน้ำแข็งหนาที่กระจายไปทั่วร่างกายตนเอง ผิวของชั้นน้ำแข็งเหล่านี้เต็มไปด้วยรอยแตกเล็กละเอียด
‘สำเร็จแล้วหรือ’ เขารีบมองไปยังกรอบ
[แผนผังพลังเกล็ดหิมะ: ยอดผู้นำเกล็ดน้ำแข็ง (คุณสมบัติพิเศษ: เกราะเย็นสุดขั้วระดับหนึ่ง, นรกแช่แข็งระดับหนึ่ง, ไอเย็นน่าพรั่นพรึงระดับหนึ่ง เพิ่มความเย็นสุดขั้วขั้นสูงระดับหนึ่ง)]
‘ยอดผู้นำเกล็ดน้ำแข็งหรือ เหนือกว่าผู้นำคือยอดผู้นำหรือ’ ลู่เซิ่งนึกเฉลียวใจ ‘แต่ดูเหมือนการเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายเนื้อจะไม่นับว่าดีนัก หลักๆ ไปอยู่ที่ทักษะความสามารถมากกว่า ทักษะความสามารถขึ้นอยู่กับพลังจิตวิญญาณ หรือก็คือพลังจิตเป็นหลัก นี่ไม่ส่งผลด้านลบต่อเราแม้แต่น้อย แถมร่างกายก็ยังรับได้อีก ต่อเลย ดูซิว่าจะไปถึงขีดจำกัดตอนไหน’
ลู่เซิ่งเว้นเล็กน้อย แล้วเพ่งมองกรอบพร้อมกับกดปุ่มเรียนรู้ต่อ
กรอบพร่ามัวและชัดขึ้นอีกครั้ง ชัดและพร่ามัวอีกครั้ง…
ยอดผู้นำระดับหนึ่ง…
ยอดผู้นำระดับสอง…
ยอดผู้นำระดับสาม…
ยอดผู้นำระดับสี่…
…
“ผีแดง เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าไอเย็นในหมู่บ้านแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย” ในป่ารกชัฏด้านนอกหมู่บ้าน งูยักษ์ตาเดียวเอ่ยอย่างกังขาเล็กน้อย
“งั้นหรือ หรือว่าด้านในจะติดตั้งกับดักที่ไม่มีใครรู้ไว้ชนิดหนึ่งเพื่อเล่นงานยอดผู้นำอย่างพวกเรา” กิ้งก่าตาแดงใคร่ครวญ
เขาเคยเจอความทรมานจากกับดักของมนุษย์มาก่อน ดังนั้นจึงระวังตัวในด้านนี้ถึงขีดสุด
“พวกเราวนอีกสักรอบเถอะ การเลื่อนระดับของมนุษย์หมาป่าน้อยนี่ต้องหยุดลงในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงเวลา จะเป็นทีของพวกเราแล้ว…”
เขาอดหัวเราะเสียงแหลมไม่ได้
งูยักษ์ก็แสดงสีหน้าโลภออกมาเช่นกัน
…
ยอดผู้นำระดับสิบเอ็ด…
ยอดผู้นำระดับสิบสอง…
ยอดผู้นำระดับสิบสาม…
ยอดผู้นำระดับสิบสี่…
เปรี้ยง
เกิดเสียงแตกดังขึ้น ก้อนน้ำแข็งในรัศมีหลายหมี่รอบๆ ตัวลู่เซิ่งระเบิดออก ทั่วทั้งร่างเขาปรากฏลักษณ์มารสีน้ำเงินเข้มหลายสายอย่างช้าๆ
พลังอาวรณ์ไหลเวียนอย่างรวดเร็วข้างใต้ผิวหนังของเขา อินเตอร์เฟซตรงหน้าชัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายอยู่นานมาก ในที่สุดจึงค่อยพร่ามัวลง
ความรู้สึกสุขสบายที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ ลู่เซิ่งขดร่างเหมือนกับทารกแรกเกิด
แต่ว่าเลือดเนื้อตรงบ่าซ้ายของเขากลับพลิกตัวอย่างรุนแรง เหมือนกับมีอะไรบางอย่างคิดจะเบียดออกมาจากในกล้ามเนื้อ
เส้นสายพลังอาวรณ์นับไม่ถ้วนแยกกันไหลออกจากรอบๆ ผิวหนังมายังที่นี่
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่
ลู่เซิ่งค่อยๆ ยืดร่างกาย ร่างอันมหึมาที่สูงถึงห้าหมี่ทำให้บ้านดินดูคับแคบเป็นพิเศษ
พรวด!
หัวหมาป่าหัวที่สองงอกออกมาจากบนบ่าซ้ายของเขา
‘เลื่อนระดับอีกแล้ว…’
ลู่เซิ่งลูบศีรษะข้างใหม่บนบ่า
‘ในที่สุดก็มาถึง…ระดับภูตแล้ว ต่อจากนี้ก็คือระดับมหาภูต…’
…
ด้านนอกหมู่บ้าน
“ดูสิ! ไอความเย็นหายไปแล้ว โอกาสดี พวกเราบุก!” กิ้งก่าตาแดงพลันตะโกน
“สมบัติเป็นของข้า!” งูยักษ์ตาเดียวหัวเราะ ก่อนจะเร่งความเร็วพุ่งเข้าหาหมู่บ้าน
……………………………………….