ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 549 ร่วมมือ (1)
บทที่ 549 ร่วมมือ (1)
“ท่านมีเงื่อนไขอะไร” ลู่เซิ่งคิดเพียงแวบเดียว จากนั้นก็กล่าวถามความต้องการของอีกฝ่าย
“ต้องการให้ท่านช่วยข้าในตอนที่ท่านต้องช่วยข้า” ราชามารร้ายไม่ขยับริมฝีปาก แต่เสียงถ่ายทอดเข้าหูของลู่เซิ่ง
“เหตุใดข้าต้องเชื่อท่าน และเหตุใดท่านต้องเชื่อข้า” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ
“แน่นอนว่าต้องมีสัญญา”
อาศัยจังหวะที่ตำนานขั้นสูงตัวอื่นๆ ด้านหน้าพากันขยับตัวเข้าหุบเขา ราชามารร้ายไม่เข้าไป หากหมุนตัวมาเบาๆ แล้วบุ้ยใบ้ให้ลู่เซิ่งตามเขาไป
ทั้งสองอยู่รั้งท้ายทัพใหญ่เล็กน้อย ไม่นานก็มาถึงบนเรือลอยฟ้าสีดำที่เชื่อมต่อกันด้านหลังสุด
ราชามารร้ายพาลู่เซิ่งขึ้นเรือลอยฟ้าที่ไม่สะดุดตาลำหนึ่งอย่างรวดเร็ว
แปะๆๆ
ราชามารร้ายปรบมือเบาๆ บนดาดฟ้าเรือพลันปรากฏค่ายกลอย่างช้าๆ บนค่ายกลมีมนุษย์สวมเกราะสองคนโผล่มา
“ฝ่าบาทราชามารร้ายที่เคารพ แม้ข้าจะลงมือช่วยเหลือท่านในเวลาสำคัญตามสัญญาของพวกเรา แต่ข้าไม่มีหน้าที่ต้องมาฟังคำสั่งของท่านตลอดเวลา”
คนหนึ่งในนี้ไม่พอใจเล็กน้อย คนผู้นี้เป็นสตรีงามที่ไว้ผมยาวเป็นลอนสีแดง และสวมกระโปรงยาวสีแดงสด
อีกคนหนึ่งไม่พูดอะไรเลย ติดตามอยู่ด้านหลังสตรี คล้ายกับเป็นเพียงผู้ติดตาม
“เขาคือใคร” ราชามารร้ายมองบุรุษด้านหลังสตรีอย่างสนอกสนใจ
“หนึ่งในศิษย์ของข้า ไม่ต้องสนใจหรอก” นางสางผมยาวพลางกล่าวอย่างไม่นำพา
คนผู้นั้นเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่สวมหมวกเกราะสีเงินทับอยู่ เผยให้เห็นสองตาที่สว่างไสวจนเจิดจ้าอยู่บ้าง
“ในเมื่อมาถึงแล้ว อย่างนั้นก็นั่งเถอะ ข้าขอแนะนำผู้ร่วมงานคนใหม่” ราชามารร้ายยิ้ม ก่อนจะเบี่ยงตัวเพื่อให้ลู่เซิ่งที่ร่างสูงใหญ่ด้านหลังเดินเข้าใกล้
ลู่เซิ่งที่มีศีรษะเก้าข้างสบตากับดวงตาของบุรุษผู้นั้นทันที
“เขาหรือ”
ม่านตาของบุรุษผู้นั้นหดตัว แสดงให้เห็นว่ารู้สึกตึงเครียด
“ใจเย็นๆ ก่อน…ความจริงข้าเป็นคนรักสงบคนหนึ่ง” ลู่เซิ่งแสดงสีหน้าเป็นมิตร
สตรีนางนั้นเลิกคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าพิจารณาร่างที่สูงถึงสิบหมี่ของลู่เซิง ยามเดินบนเรือลอยฟ้า รู้สึกได้ว่าตัวเรือสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“ท่านเป็นผู้ร่วมงานคนใหม่หรือ”
“ยังไม่ได้ตอบรับ…” ราชามารร้ายยักไหล่
“ไม่ ตอนนี้ข้าตอบรับแล้ว” ลู่เซิ่งตัดบท
สตรีเผยสีหน้าซับซ้อน
“ถึงแม้พวกเราจะตกลงกันปากเปล่า แต่ท่านก็ทำตามใจชอบเกินไปกระมัง ราชามารร้าย”
ราชามารร้ายไม่ได้ตอบ เพียงแค่ดีดนิ้วเบาๆ ด้านหลังคนสามคนค่อยๆ ปรากฏที่นั่งขึ้น
ที่นั่งด้านหลังลู่เซิ่งเล็กเกินไป เขาจึงไม่ได้ใช้ หากถือโอกาสนั่งลงขัดสมาธิบนดาดฟ้าเรือ
“พวกเราสามคนล้วนต้องการน้ำพุเหมันต์นิรันดร์ ตามที่ข้ารู้ มีแค่ห้าคนเท่านั้นที่ใช้น้ำพุเหมันต์นิรันดร์ได้ ราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ยึดครองไปแล้วหนึ่งตำแหน่ง สี่เผ่าพันธุ์อาทิตย์แผดเผาของพวกเราวางแผนไว้ว่าทุกๆ คนจะได้สิทธิ์ แต่…มีใครบางคนคิดจะฮุบน้ำพุไว้คนเดียวเพราะความโง่งั่งของตัวเอง” ราชามารร้ายอธิบาย “ดังนั้นข้าจึงขอให้ทั้งสองลงมือร่วมกัน”
“ราชาแห่งขี้เถ้ามีอาวุธกึ่งเทพ เขาจะต่อสู้กับราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ พวกเราเพียงแค่ต้องรับมือมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นก็พอ แผนเดิมง่ายมาก แต่ข้าคิดว่าราชาแห่งขี้เถ้าไม่มีทางปล่อยให้พวกเราได้น้ำพุเหมันต์นิรันดร์ไปง่ายๆ แบบนี้” สตรีผมแดงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ดังนั้นศิษย์ข้าจึงได้ใช้สถานะพิเศษของตำหนักมังกรศักดิ์สิทธิ์ เข้าออกตำหนักมังกรศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเป็นอิสระชั่วคราวตามมาตรการลับ เพื่อรอเปิดทางลัดตรงประตูข้างให้พวกเรา”
“นี่เป็นแผนที่ดี” ราชามารร้ายปรบมือ “พวกเราสามารถล้อมจุดนี้ได้ ปรึกษากันอีกรอบดีกว่า… ”
ลู่เซิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างคอยฟังราชามารร้ายกับสตรีนางนี้ปรึกษามาตรการกัน แต่สายตากลับหยุดอยู่บนร่างบุรุษผู้นั้น
ในฐานะผู้จุติเหมือนกัน เขาสงสัยใคร่รู้ว่าผลกรรมของอีกฝ่ายเป็นแบบไหน
“คุยกันไหม” อยู่ๆ จิตวิญญาณสายหนึ่งก็แอบติดต่อกับเขา โดยใช้จิตวิญญาณสื่อสารข้อมูลกันโดยตรง
“ได้” ลู่เซิ่งตอบ”
“ผลกรรมของข้าคือการสังหารราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ และปลดปล่อยมังกรโบราณนิรันดร์ในน้ำพุเหมันต์นิรันดร์” อีกฝ่ายพูดตรงๆ
ลู่เซิ่งงุนงง จากนั้นก็อมยิ้ม
“ผลกรรมของข้าคือการปกครองเทือกเขาแห่งนี้ และกลายเป็นหัวหน้า” เขาบอกตรงๆ เช่นกัน ความจริงโอกาสที่ผลกรรมในขอบเขตของเขาจะเกิดความขัดแย้งกับอีกฝ่ายมีอยู่น้อยมาก ก็เลยบอกกล่าวตามตรงได้ อย่างไรต่อให้กินอีกฝ่าย ก็ไม่ได้ประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอัน เกิดว่าบีบให้ร่างหลักของอีกฝ่ายออกมา ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้ด้วย
หลังจากเจ้าแห่งอาวุธจุติ ครั้นปรับตัวเข้ากับกฎได้แล้ว แม้ร่างจุติจะตายลง ร่างหลักก็จะไม่ได้รับความเสียหายอะไร หากจะถูกปล่อยออกมาอยู่ในโลกที่จุติได้ระยะหนึ่ง
มีแต่ตอนที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกฎได้ตอนที่เพิ่งจุติเท่านั้นที่ถ้าหากโดนฆ่า ร่างหลักจะโดนบีบให้ปรากฏตัว จากนั้นก็จะพังทลายลงในพริบตาเพราะเกิดความขัดแย้งกับกฎเกณฑ์ ไม่ต้องให้ศัตรูภายนอกลงมือ ก็จะเกิดการพังทลาย จิตวิญญาณดับสูญไปเอง
ลู่เซิ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการปรับตัวเข้ากับกฎของเจ้าแห่งอาวุธทั่วไปใช้เวลาเท่าไหร่ หากให้เขาแยกแยะเอง เขาต้องใช้เวลาราวสองปีถึงจะปรับตัวเข้ากับกฎของที่นี่ได้โดยสมบูรณ์
ดูจากพลังของบุรุษผู้นี้ คงจะใช้เวลามาสองปีแล้ว
“อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน ร่วมมือกันไหม” บุรุษส่งกระแสเสียงต่อ
“ได้ แต่ท่านมีอะไรให้ข้างบ้างเล่า” ลู่เซิ่งถามกลับ
บุรุษเงียบงัน
“ร่างหลักของข้าคือราชามารสวรรค์อันดับที่ห้าแห่งโลกสรรพวิญญาณเรียกข้าว่าส้มก็ได้ วิชาลับการสืบทอดของโลกข้า มารสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ข้าสามารถใช้วิชาลับแลกกับการร่วมมือของท่านได้”
“วิชาลับหรือ” ลู่เซิ่งพลันเกิดความสนใจ
“อือ ข้าเห็นแล้วว่าท่านมีเทวลักษณ์ร่างหลัก ข้าสามารถบอกวิธีการหลอมรวมกับเทวลักษณ์ให้ท่านได้ มันจะทำให้ท่านหลอมรวมเทวลักษณ์เข้ากับวิชาที่ท่านฝึกฝนเป็นหลัก และยกระดับอานุภาพได้” ส้มกล่าวอย่างช้าๆ
“ตกลง!” ลู่เซิ่งตอบรับอย่างรวดเร็ว อย่างไรเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร การสังหารราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ไม่ขัดกับการปลดปล่อยน้ำพุเหมันต์นิรันดร์อยู่แล้ว
“ดี นี่คือโครงหลักของวิชาลับ ‘ปลดเทวลักษณ์ขั้นต้น’ ส้มกล่าวอย่างน่าเชื่อถือ จิตวิญญาณส่งวิชาลับพิเศษที่คลุมเครือแปลกประหลาด และใช้ภาษาภัยพิบัติเขียนขึ้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งรีบจดจำไว้
‘ดีปบลู’
เขานึกในใจทันที จากนั้นก็กวาดตามองกรอบ
ด้านบนปรากฏวิชาใหม่
[ปลดเทวลักษณ์ขั้นต้น: ยังไม่ได้เรียนรู้]
จากนั้นลู่เซิ่งก็เห็นทันทีว่าด้านหลังกรอบมีปุ่มเรียนรู้ได้ที่ชัดเจน สามารถใช้พลังอาวรณ์เรียนรู้และปรับปรุงได้โดยสมบูรณ์!
เขาดีใจเงียบๆ แต่สีหน้ากลับฉายแววลังเล
“โครงหลักนี้…ดูเหมือนไม่ถูกต้อง ไม่ใช่แบบที่ข้าต้องการ เปลี่ยนได้หรือไม่”
“ได้” ส้มไม่ว่าอะไร “เปลี่ยนเป็นกฎการหลอมละลายเทวลักษณ์ความเย็นที่ท่านใช้ได้ก็แล้วกัน”
เขาถ่ายทอดโครงหลักของกฎชุดนี้ให้อีกรอบ
“ท่านดูว่านี่เข้ากับเงื่อนไขหรือไม่”
โครงหลักของวิชาลับแทบจะเป็นแนวคิดหลักของสาระสำคัญ ด้วยการสั่งสมของลู่เซิ่ง เขาเห็นปุ่มเรียนรู้โผล่ขึ้นด้านหลังกรอบของดีปบลูได้แทบจะในพริบตา
“เปลี่ยนเถอะ นี่ไม่เหมาะเท่าไหร่” เขาทำหน้าไร้อารมณ์ ในใจลอบยินดี เปลือกนอกกลับส่ายหน้าน้อยๆ
“อย่างนั้นอันนี้ น้ำแข็งแห่งอัคคีวารี วิชาลับที่อธิบายว่าจะหลอมรวมเทวลักษณ์ที่ขัดแย้งกันให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร…”
“เปลี่ยนอีก”
“นี่ ปริศนาแห่งกฎของชีวิต”
“เปลี่ยนอีก”
“หัวใจแห่งเกล็ดหิมะ…”
“เปลี่ยน!”
หลังจากเปลี่ยนทีเดียวไปสิบกว่าชุด ลูเซิ่งรู้สึกผิดอยู่บ้าง สุดท้ายจึงหยุดลง
“เอานี่ก็แล้วกัน”
ส้มเอือมระอา ในที่สุดก็บรรลุข้อตกลงแล้ว
ตอนนี้ลู่เซิ่งเจอวิธีการใช้แบบใหม่ของดีปบลูแล้วเช่นกัน คือการใช้แนวคิดโครงหลักในการเรียนรู้รายละเอียดทั้งหมดต่อจากนั้น
วิธีการควบคุม ดำเนินการ และใช้งานกฎ เดิมทีสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาศึกษาหลายสิบปีถึงอาจจะมีโอกาสเป็นจริง แต่พอมาอยู่ในดีปบลู แค่พลังอาวรณ์นิดเดียวก็สามารถแก้ไขได้แล้ว มีความคุ้มค่าไม่เลวเป็นอย่างยิ่ง
เขาใช้ดีปบลูเรียนรู้และฝึกฝนวิชาลับมากมายจนสำเร็จ วิชาลับหลากหลายรูปแบบจำนวนสิบกว่าชนิดล้วนเป็นสิ่งที่ใช้โคจรเทวลักษณ์
เทวลักษณ์เป็นหัวใจของการเคลื่อนที่เหมือนกับมอเตอร์ สามารถทำให้สิ่งของมากมายแสดงความสามารพิเศษที่ยากจินตนาการออกมาได้
ทั้งสองรออยู่สักครู่หนึ่งหลังจากบรรลุข้อตกลง ราชามารร้ายกับสตรีนางนั้นจึงค่อยปรึกษากันเสร็จ
“พวกเราควรไปได้แล้ว ราชาแห่งขี้เถ้าแจ้งข้าว่าใกล้จะปะทะกับมังกรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักมังกรศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเราควรรีบไปถึงโดยเร็วที่สุด” ราชามารร้ายลุกขึ้นพร้อมกับพูด
“อืม ทางข้าก็ต้องเตรียมตัวเช่นกัน” สตรีผมแดงพยักหน้า “ข้าขอตัว”
“ได้”
ลวดลายค่ายกลค่อยๆ สว่างขึ้น สตรีนางนั้นกับส้มหายเข้าไปในค่ายกลพร้อมกัน
“ราชาหมาป่า ข้าต้องการให้ท่านลงมือพร้อมกันกับข้า…เพื่อจัดการ…” หลังจากทั้งสองจากไป รอยยิ้มของราชามารร้ายก็ค่อยๆ สลายไป หันมาปรึกษากับลู่เซิ่งเบาๆ
ลู่เซิ่งฟังเงียบๆ แต่ดวงตาของเขาสงบนิ่งเรื่อยๆ พร้อมกับเนื้อหาที่ได้ฟัง
สิบนาทีต่อมา เขาถือคริสตัลสีขาวอันเย็นเยียบที่เต้นเหมือนกับหัวใจไว้ในมือ พร้อมกับทะยานร่างกระโดดลงจากเรือลอยฟ้า แล้วพุ่งไปยังเทือกเขาทุ่งเขียว
…
ส่วนลึกของเทือกเขา ยอดเขามังกรศักดิ์สิทธิ์
แสงสายฟ้ากะพริบในชั้นเมฆสีแดงเข้ม
มังกรยักษ์น่ากลัวขนาดมหึมาสองตัวกำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง
ราชามังกรศักดิ์สิทธิ์กับราชาแห่งขี้เถ้าเข้าปะทะกันแล้ว มังกรสามตาสองตัวหนึ่งดำหนึ่งฟ้าราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
สิ่งที่แตกต่างกันเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ราชาแห่งขี้เถ้าตัวใหญ่กว่าราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ไซส์หนึ่ง
ลวดลายคลื่นอากาศสีเทาหลายกลุ่มกระเพื่อมขึ้นกลางอากาศตามการปะทะขย้ำและตะโกนของสองมังกรอย่างต่อเนื่อง
ลมหายใจมังกรสีดำกับลมหายใจมังกรสีขาวปะทะกันเอง แค่อานุภาพหลงเหลือที่กระเด็นออกมาจากการปะทะ ก็หลอมละลายยอดเขาและก้อนหินรอบๆ ที่โดนกระทบจนไม่เหลือซากในชั่วพริบตาได้แล้ว
เบื้องล่างมังกรยักษ์สองตัว มังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นที่มีขนาดเล็กกว่ามากกำลังรุมโจมตีหัวหน้าเผ่าสามเผ่าอย่างบ้าคลั่ง
แต่การโจมตีของพวกเขาไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง หัวหน้าเผ่าสามเผ่าใช้วิชาเปลวเพลิงระเบิดทิ้งได้อย่างง่ายดาย อานุภาพมังกรอันเป็นพรสวรรค์ของเหล่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผลต่อพวกเขาแม้แต่น้อย ได้แต่พุ่งเข้าใส่อย่างเปล่าประโยชน์เท่านั้น
สองฝ่ายต่างชะงักงัน
ทุกคนกำลังรอให้ราชามังกรศักดิ์สิทธิ์กับราชาแห่งขี้เถ้าที่อยู่ด้านบนสุดตัดสินผลแพ้ชนะอยู่ นั่นจึงเป็นศึกตัดสินแพ้ชนะที่สำคัญที่สุด
ลู่เซิ่งกับราชามารร้ายเข้ามาใกล้ตำหนักมังกรศักดิ์สิทธิ์จากด้านหลังอย่างเงียบๆ
วังมังกรศักดิ์สิทธิ์สีขาวแกมฟ้าลอยอยู่กลางอากาศบนยอดเขา รอบๆ มีมังกรศักดิ์สิทธิ์ตำแหน่งสูงอย่างดาวสีเทาคอยอารักขา
พวกราชามารร้ายเพิ่งเข้ามาใกล้ มังกรศักดิ์สิทธิ์ผู้นำกลุ่มอย่างดาวสีเทาก็ค้นพบทันที
“ราชามารรร้าย! ฆ่า!” ดวงตาของดาวสีเทาเกิดความคิดต่อสู้ กระพือปีกทะยานสู่อากาศทันที จากนั้นร่างกายที่สูงสิบกว่าหมี่ก็โฉบลงใส่พวกราชามารร้ายที่อยู่ตรงสันเขา
“เคียวยักษ์!” เคียวขนาดยักษ์สีแดงเข้มโผล่ขึ้นในมือของราชามารร้าย แล้วถูกฟันออกไปด้านหน้าอย่างรุนแรง
มิติแยกออก ลากร่องแยกสีเทานับไม่ถ้วนออกมาแล้วแผ่ขยายไปยังดาวสีเทา แต่อีกฝ่ายหลบได้
“วิญญาณดูดกลืน!” ราชามารร้ายแสยะยิ้ม ดวงตาพลันยิงเสาแสงสีเขียวเข้มออกมาสองสาย
เสาแสงนี้หมุนวนและพุ่งใส่ดวงตาทั้งสองข้างของดาวสีเทาอย่างแม่นยำ
“ด้วยการต้านทานมารของข้า อย่างมากสุดเวทวิญญาณดูดกลืนก็ได้แต่หยุดร่างเท่านั้น ข้าขยับไม่ได้ เจ้าก็ขยับไม่ได้เหมือนกัน ไร้ความหมายสิ้นดี! ราชามารร้าย มาเถอะ มาเข่นฆ่ากัน!” ดาวสีเทาคำรามอย่างโกรธแค้น
“ราชาหมาป่า จงช่วยเหลือตามข้อตกลงในสัญญาต้นไม้โบราณเถอะ” ราชามารร้ายขยับตัวไม่ได้เช่นกัน แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มซับซ้อน
ลู่เซิ่งกำลังสู้กับมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวอื่นอยู่ ได้ยินดังนั้นก็ถอยหลังเป็นระยะทางหนึ่ง แล้วใช้กรงเล็บกระแทกมังกรศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาให้ออกไป
“ได้!” เขาพุ่งเข้าไปอ้าปากเข้าหาดาวสีเทา จากนั้นปากทั้งเก้าก็กัดขย้ำเป็นพัลวัน
ดาวสีเทาผู้น่าสงสารที่ถูกเวทวิญญาณดูดกลืนหยุดไว้ จึงไร้ความสามารถในการป้องกันตนเอง
ปากห้าปากแยกกันขย้ำคอ ทรวงอก ปีกสองข้าง และลำตัวของเขา ก่อนจะฉีกไปทางซ้ายทางขวา
กรรซ์!
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดพลันดังขึ้น
เกล็ดมังกรสีน้ำเงินไร้ความสามารถต้านทานต่อปากใหญ่ของลู่เซิ่งโดยสิ้นเชิง ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย ทรวงอกทั้งหมดของดาวสีเทาเปิดออกกลางอากาศ
ลู่เซิ่งกลืนกินเลือดมังกรอย่างตะกละตะกลาม หมอบอยู่บนร่างของดาวสีเทาและกินเลือดเนื้อของอีกฝ่ายอย่างคลุ้มคลั่ง
“ผู้นำ! รีบช่วยเร็ว!”
พวกมังกรศักดิ์สิทธิ์เห็นท่าไม่ดี จึงพุ่งเข้าไปเพื่อจะกระแทกลู่เซิ่งให้กระเด็น แต่ก็ถูกหางใหญ่ของลู่เซิ่งสะบัดใส่จนลอยกระจัดกระจายออกไป
มังกรศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มีระดับภูตอยู่แค่ไม่กี่ตัว จึงไม่ใช่คู่มือของลู่เซิ่ง
เขาเพียงแค่แบ่งหัวหนึ่งออกมาปล่อยลมหายใจน้ำแข็งสองสามกลุ่ม ก็ป้องกันพวกเขาให้อยู่ด้านนอกได้แล้ว
แคว่ก
ขาหลังข้างหนึ่งของดาวสีเทาถูกฉีกกระชากออก แล้วโดนขย้ำกินจนเกลี้ยง
……………………………………….