ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 550 ร่วมมือ (2)
บทที่ 550 ร่วมมือ (2)
ลักษณะการกินที่ชวนน่ากลัวของลู่เซิ่ง แม้แต่ราชามารร้ายก็ยังตกใจเล็กน้อย นี่คือมังกรศักดิ์สิทธิ์ มังกรศักดิ์สิทธิ์ตำแหน่งสูงเชียวนะ ไม่ใช่หมาแมวที่ไหนเสียหน่อย
สามารถเจาะเกล็ดมังกรของมังกรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงได้ง่ายดายแบบนี้ หากไปเจอการดำรงอยู่อื่น คงทำลายได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่า
กร้วม
หางของดาวสีเทาถูกขย้ำจนไม่เหลือ ศีรษะเก้าข้างขย้ำเร็วปานลมกรด เพียงแค่ครู่เดียว ก็เคี้ยวมังกรศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงที่สูงสิบกว่าหมี่ ยาวยี่สิบกว่าหมี่จนเหลือร่างกายแค่หนึ่งในสามส่วนเท่านั้น
“พอแล้วๆ!” ราชามารร้ายจิตใจเย็นเยียบเล็กน้อย รีบบอกให้ลู่เซิ่งหยุด
ลู่เซิ่งกลับไม่สนใจ หลังจากฉีกดาวสีเทาเป็นชิ้นๆ แล้วกินลงท้องเสร็จแล้ว จึงค่อยๆ หยุดลง
ตอนนี้ท้องของเขาป่องเหมือนกับลูกหนังขนาดยักษ์ แต่ขนาดของลูกหนังกลับลดลงด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
ตั้งแต่เริ่มเคี้ยวจนกินหมด ใช้เวลาไม่เกินสิบอึดใจ ความเร็วในการกินที่น่าสะพรึงนี้ ไม่เพียงแค่พวกมังกรศักดิ์สิทธิ์ที่แตกตื่นเท่านั้น แม้แต่ตัวลู่เซิ่งก็ตกใจนิดหน่อยด้วยเช่นกัน
“ไปเถอะ” ราชามารร้ายมองลู่เซิ่งอย่างล้ำลึก ก่อนจะจิ้มคทาในมือไปด้านหน้า พลันมีคลื่นสีแดงกลุ่มหนึ่งปรากฏ ประตูใหญ่สีแดงบานหนึ่งโผล่ขึ้นกลางอากาศอย่างช้าๆ
จากนั้นเขาก็พุ่งตรงเข้าไป
ลู่เซิงตามไปติดๆ
หลังทะลุประตูสีแดง ตรงหน้าก็เป็นวังน้ำแข็งอันอึมครึมสีน้ำเงินเข้ม
เสาน้ำแข็งขนาดมหึมาสีฟ้า พื้นเรียบลื่นสีขาวที่เหมือนกับผิวกระจก ไฟติดผนังสีน้ำเงินเข้มที่แขวนไว้บนผนังรอบๆ เพื่อส่องแสง
“ยินดีด้วยที่ทั้งสองท่านมาถึงอย่างปลอดภัย” ส้มยืนอยู่ข้างประตู กล่าวพลางโค้งคำนับ
“บัวแดงอาจารย์ของเจ้าเล่า” ราชามารร้ายกวาดตามองรอบๆ อย่างแปลกใจ นอกจากส้มแล้ว ในวังก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดที่สองอีก
“อาจารย์ยังติดธุระอยู่ จึงไปยังสถานที่อื่นในวังแล้ว ฝ่าบาทราชามารร้าย ด้านหน้าคือน้ำพุเหมันต์นิรันดร์ หากท่านต้องการก็ตามสบายเลยขอรับ” ส้มยื่นมือไปชี้ส่วนที่อยู่ลึกที่สุดของวัง
ตรงนั้นมีบัลลังก์หยกสีฟ้าที่สูงถึงยี่สิบกว่าหมี่ตั้งตระหง่านอยู่เงียบๆ ตัวตนที่สูงเท่าบัลลังก์ในวังขนาดมโหฬารแห่งนี้มีเพียงผู้เดียว นั่นก็คือราชามังกรศักดิ์สิทธิ์
“น้ำพุเหมันต์นิรันดร์อยู่ใต้บัลลังก์หยกตัวนั้น” ส้มกล่าวอย่างราบเรียบ
บนที่วางแขนของบัลลังก์หยกสลักหัวมังกรสองหัวที่ทำท่าจะกลืนกิน ด้านหลังมีหินแท่งน้ำแข็งแหลมคมหลายแท่งแทงเฉียงๆ ออกมาเหมือนกับปีกน้ำแข็ง
ตรงผนังด้านบนสุดเยื้องไปทางซ้ายมีวงแหวนขนาดใหญ่ที่เปล่งแสงสีน้ำเงินเข้มฝังอยู่
ซู่…
คล้ายกับสัมผัสได้ถึงการคุกคาม ส่วนลึกของวังจึงมีหมอกหนาสีขาวแผ่ตลบอบอวลออกมาอย่างช้าๆ งูน้ำแข็งสีขาวที่หนาถึงสี่ห้าหมี่หลายตัวโผล่ส่วนหัวออกมาจากในหมอกหนา พร้อมกับส่งเสียงขู่ฟ่อๆ ไปยังคนทั้งสาม
“น้ำพุเหมันต์นิรันดร์…ช่างงดงามจริงๆ…” ราชามารร้ายสาวเท้าเดินไปยังบัลลังก์หยก
เคียวยักษ์ปรากฏในมืออีกครั้ง เขาชูมันไปทางบัลลังก์หยก
ฟิ้ว!
เคร้ง!
โล่สีเงินอมขาวใบหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าส้มอย่างฉับพลัน บนโล่สลักหัวสิงโตอ้าปากทำท่าคำรามเอาไว้ ป้องกันการฟาดฟันจากเคียวยักษ์ไว้ได้
“เห็นเจ้าผิดปกติแต่แรกแล้ว! ฆ่าอาจารย์ตัวเอง ยังกล้าปิดบังต่อหน้าข้าอีกหรือ ตาย!” ราชามารร้ายส่งเสียงร้อง เคียวยักษ์ปล่อยแสงสีแดงหลายสิบสายออกมา แล้วฟันใส่ส้มอย่างมืดฟ้ามัวดิน
“ลงมือ!” เลือดกระจายออกมาจากทั่วรางส้ม ก่อนที่เขาจะกระเด็นออกไปพร้อมเสียงร้อง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
โฮก!
ลู่เซิ่งโถมตัวออกไปทันที แต่ไม่ได้โจมตีใส่ราชามารร้าย กลับพุ่งเข้าหาน้ำพุเหมันต์นิรันดร์แทน
“ไสหัวไป!” ราชามารร้ายควงเคียวยักษ์ แสงสีแดงกลุ่มหนึ่งระเบิดขึ้นกลางคมเคียว เขาหายตัวไปในพริบตา ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่ง แล้วฟันเคียวใส่
ขณะเดียวกันของวิเศษที่เป็นน้ำแข็งบนตัวลู่เซิ่งกลับระเบิดอย่างฉับพลัน แสงสีขาวกลุ่มใหญ่ระเบิดจนร่างกายของเขาเซเอียง
“ฟาดฟันพริบตา!” เคียวของราชามารร้ายหายไปทันที
ฟิ้ว!
บนร่างลู่เซิ่งปรากฏรอยแยกขนาดใหญ่ทันที เลือดทะลักออกมาเหมือนกับน้ำพุ จากนั้นก็ถูกไอเย็นสีขาวนับไม่ถ้วนแช่แข็งไว้
เขาสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง โคจรวิชาแก่นพลัง ปากแผลบนร่างสมานตัวด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาแค่ไม่กี่อึดใจก็เหมือนกับไม่เคยโดนอะไรมาก่อน
“เป็นไปได้อย่างไร!?” ราชามารร้ายตะลึง จึงตอบโต้ช้าไปชั่วพริบตาจนถูกลู่เซิ่งขย้ำอก
แคว่ก!
เนื้อกลุ่มใหญ่ตรงหน้าอกของเขาถูกฉีกลงมา ก่อนจะโดนกลืนกิน
“เคียวยักษ์ของข้ามีพลังแห่งความตาย ควรสะกดความสามารถคืนชีพทั้งหมดได้สิ! เป็นไปได้อย่างไร!?” ราชามารร้ายกุมทรวงอกถอยหลังไปหลายก้าวอย่างเจ็บปวด พร้อมกับใช้สายตาที่เหลือเชื่อมองไปยังลู่เซิ่ง
“น่าสงสารจริงๆ แม้แต่ตำแหน่งของตัวเองก็มองไม่เห็น ราชามารร้าย นึกไม่ถึงสินะว่าเจ้าจะมีวันนี้เช่นกัน”
ตอนนี้ด้านหลังคนทั้งสามมีเงาร่างมหึมากลุ่มหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมา เป็นราชาแห่งขี้เถ้าที่กำลังเข่นฆ่ากับราชามังกรศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้านนอกนั่นเอง
“ก่อนที่เราจะสู้กันจริงๆ ควรจัดการไอ้หนูจอมลับๆ ล่อๆ พวกนี้ก่อน” บนบัลลังก์หยกค่อยๆ มีเสียงสตรีที่ทุ้มต่ำดังมา ร่างมหึมาของราชามังกรศักดิ์สิทธิ์สามตาโผล่ขึ้นเหนือบัลลังก์พร้อมกับก้มมองทุกคน
“พวกเจ้า!” ราชามารร้ายดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ
“เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าโดนฆ่าหมดแล้ว เหลือแค่เจ้าคนเดียว จงอย่าดิ้นรน ยอมให้จับแต่โดยดีเถอะ” ราชาแห่งขี้เถ้ามองราชามารร้ายกับลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหน้าเขาอย่างเย็นชา
ลู่เซิ่งเห็นท่าไม่ดี นัยน์ตาเปลี่ยนแปลง มองไปยังส้มที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเช่นกัน เห็นได้ว่าเขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้
เงาของมังกรศักดิ์สิทธิ์หลายสายพากันปรากฏขึ้นรอบๆ แล้วล้อมคนทั้งสามเอาไว้
“เป็นไปได้อย่างไร!?” ราชามารร้ายถอยหลังติดต่อกัน ใบหน้าฉายแววเหลือเชื่อ “พวกเจ้า! ราชาแห่งขี้เถ้า เจ้า!”
ราชาแห่งขี้เถ้าหัวเราะเสียงเย็น
“ความขัดแย้งระหว่างข้า ราชาแห่งขี้เถ้ากับราชามังกร พวกเราย่อมจัดการกันเอง นี่เป็นเรื่องภายในของเผ่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าก็แค่ตัวเติมสีสันในการต่อสู้ของพวกเราเท่านั้น”
“นอกจากนี้…” เขาเปลี่ยนเรื่อง มุมปากแสดงความเยาะเย้ย “การเริ่มทำงานของน้ำพุเหมันต์นิรันดร์จำเป็นต้องใช้ของเซ่นที่มากพอเสียด้วย…”
ราชามารร้ายม่านตาหดตัว จากนั้นก็เปลี่ยนร่างเป็นเปลวเพลิงแล้วระเบิดออก ก่อนจะหายไปจากที่เดิม
ราชามังกรศักดิ์สิทธิ์กับราชาแห่งขี้เถ้ากลับไม่กังวล หากหันไปมองพวกลู่เซิ่งกับส้ม
“ราชาหมาป่าเก้าหัว มีอะไรอยากพูดไหม! เครื่องเซ่นแค่ฆ่าราชามารร้ายก็พอแล้ว ถ้าหากเจ้ายอมสวามิภักดิ์กับข้า ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปก็ได้”
ลู่เซิ่งไม่ได้ตอบ หากมองไปยังส้ม ดูเหมือนผลกรรมนี้จะแก้ไขไม่ได้แล้ว
“ท่านทนได้นานขนาดไหน”
“สิบอึดใจ” ส้มสีหน้าเยือกเย็นลง “จากนั้นต้องหวังพึ่งท่านแล้ว”
“สั้นขนาดนี้เชียวหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง
“ข้ามีพลังแข็งแกร่งเกินไป แถมโลกใบนี้จะตอบสนองทันทีด้วย ไม่มีทางปล่อยให้ข้ารั้งอยู่นานเกินไป” ส้มกล่าวช้าๆ
“เข้าใจแล้ว หลังตายไป ผลกรรมจะถือว่าสำเร็จไหม” ลู่เซิ่งถามอย่างลังเล
“ใช้ลูกเล่นได้นิดหน่อย”
มังกรศักดิ์สิทธิ์สามตากับราชาแห่งขี้เถ้าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ลู่เซิ่งกับส้มกำลังคุยกันเองเหมือนรอบๆ ไม่มีใครอยู่ ราวกับไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาโดยสมบูรณ์
“อย่างนั้นก็…เริ่มเลย” ส้มยื่นมือจับจี้อันประณีตชิ้นหนึ่งกลางหน้าอก
“ไว้เจอกัน เทวะ…”
ตูม!
พริบตานั้นเขาร่างระเบิด ผลึกสีม่วงเหลือคณานับพรั่งพรูเบียดอัดออกมาโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง
พื้นพังทลาย เสาหินถล่ม เหล่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกฝังในพริบตาเดียว ราชาแห่งขี้เถ้าหมุนตัวคิดหลบหนี แต่กลับไม่ทันแล้ว พริบตาเดียวก็ถูกผลึกสีม่วงไร้สิ้นสุดฝังกลบ
ลู่เซิ่งเพียงรู้สึกว่ามีพลังอันมหาศาลที่อบอุ่นกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มตัวเองไว้ ด้านหน้ามีแสงสีม่วงสว่างขึ้น พริบตาเดียวเขาก็ไปอยู่บนอากาศที่ห่างจากตำหนักศักดิ์สิทธิ์มากกว่าพันหมี่
ลู่เซิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศสูงพลันได้สติ
“นี่คือ!?”
เขารีบมองไปยังตำหนักศักดิ์สิทธิ์
ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หายไปแล้ว สิ่งที่มาแทนที่คือกลุ่มผลึกอันน่าสะพรึงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางหลายพันหมี่
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวผลึกยังพองขยายและแผ่ลามจนเยอะและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
สุดท้าย ก้อนผลึกอันน่าหวั่นสะพรึงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางมหึมาถึงหกพันหมี่ก็ปรากฏกลางสนามรบ
“ขอฝากด้วย สิบอึดใจ” กลางหินผลึกค่อยๆ มีม่านตาแนวตั้งสีแดงฉานดวงหนึ่งเปิดขึ้น พร้อมกับมองลู่เซิ่ง
“วางใจเถอะ…” ลู่เซิ่งสูดหายใจลึกพร้อมกับพยักหน้าอย่างแรง ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะส้มระเบิดพลัง เขาอาจจะได้แต่ละทิ้งกายเนื้อกายนี้จริงๆ ก็ได้ การถอดร่างไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าหากสะสางผลกรรมไม่ได้ เวลาที่ยาวนานนี้ก็สูญเปล่าแล้ว
ส้มหลับตาลงอย่างช้าๆ ก้อนผลึกพลันหดตัว จากนั้นก็พองขยาย
ตูม!
ก้อนผลึกสีม่วงระเบิดออก แสงสีม่วงนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านรอบๆ ตัวลู่เซิ่งไป ฟ้ากับดินกลายเป็นสีม่วงในพริบตา
ผืนฟ้าผืนดิน ทุกสิ่งทุกอย่างถูกคลุมด้วยสีม่วง
“ครั้งนี้ข้าติดค้างท่านแล้ว” เสียงของส้มค่อยๆ มุดเข้าหูลู่เซิ่ง
ฟิ้วๆๆๆ!
ก้อนผลึกสีม่วงทะลุร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดดุจห่าฝน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตำหนักมังกรศักดิ์สิทธิ์ หรือทัพใหญ่ของราชาแห่งขี้เถ้า ขอแค่ขยับตัว ล้วนถูกก้อนผลึกสีม่วงพุ่งทะลุกลายเป็นตะแกรง
“ชื่อจริงของท่านคือ?” ลู่เซิ่งถามขึ้นอย่างฉับพลัน
“…จวงจิ้ว”
ฟู่ว!
อยู่ๆ ข้างหูก็มีเสียงแทรกดังมาเป็นชั้นๆ ด้านหน้าลู่เซิ่งพร่ามัวอีกครั้ง ผลึกม่วงทั้งหมดหายไปในพริบตา
ถ้าไม่ใช่เพราะตำหนักศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกทำลายโดยสิ้นเชิง กับพื้นดินที่มีแต่รูพรุนด้านล่าง ลู่เซิ่งคงคิดว่าตัวเองตาลายแล้วจริงๆ
‘นี่คืออานุภาพที่แท้จริงของเจ้าแห่งอาวุธหรือ’ ลู่เซิ่งหัวใจเต้นโครมคราม อานุภาพอันน่าสะพรึงในพริบตาเมื่อครู่นี้ ราชาแห่งขี้เถ้าก็ดี ราชามังกรศักดิ์สิทธิ์ก็ดี ล้วนกลายเป็นตัวประกอบ ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงในลมหายใจเดียว
ท้องฟ้าและผืนดินรอบๆ เงียบสงัด แต่จุดหนึ่งที่สร้างความสงสัยเล็กน้อยให้แก่ลู่เซิ่งก็คือ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ที่ก้อนผลึกสีม่วงมีอยู่ตั้งมากมาย ทว่าตอนนี้กลับไม่เจอร่องรอยแม้แต่นิดเดียว
เขากวาดตามองรอบๆ ไม่พบร่องรอยหลงเหลือแม้แต่น้อย ภูเขาและผืนป่ามีแต่ร่างที่ถูกผลึกม่วงฆ่าตายกับเลือดเท่านั้น
อยู่ๆ ตาคมกริบของเขาก็เห็นตำแหน่งเดิมของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ มีสีม่วงอ่อนๆ จุดหนึ่งกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งรีบพุ่งตัวไป พอเคลื่อนไหวเขาถึงค่อยรู้ตัวว่าตนเองอยู่กลางอากาศ และกายเนื้อร่างนี้ก็บินไม่ได้
ร่างกายจึงร่วงหล่นลงไป หลังจากที่กระแทกใส่เนินเขาโล่งเตียนแห่งหนึ่งจนเป็นหลุมใหญ่ เขาจึงค่อยรีบลุกขึ้น แล้วพุ่งไปยังยอดเขา
ตอนนี้ทางยอดเขาถูกหยุดเวลาเอาไว้ เหลือแค่สีม่วงเป็นจุดๆ เท่านั้น
ลู่เซิ่งพุ่งเข้าไปคว้าสีม่วงจุดนั้นไว้
แสงม่วงพลันมุดเข้าไปในร่างเขา เป็นข้อความสั้นๆ ด้านในคือค่ายกลที่เชื่อมไปยังโลกสรรพวิญญาณ
หลังจากได้รับค่ายกล ลู่เซิ่งก็มองตำแหน่งเดิมของตำหนักศักดิ์สิทธิ์อีกรอบ
ตรงนั้นเหลือแค่คลื่นความบิดเบี้ยวสีฟ้ากลุ่มหนึ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศ ในคลื่นมีกระแสน้ำสีน้ำเงินหลายสายไหลออกมาช้าๆ หลังจากกระแสน้ำนั้นหลุดออกจากความบิดเบี้ยว ยังไม่ถึงสิบกว่าหมี่ก็หายไปในอากาศโดยอัตโนมัติ
‘นี่ก็คือน้ำพุเหมันต์นิรันดร์!’ ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย
……………………………………….