ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 574 รับรอง (2)
บทที่ 574 รับรอง (2)
“ตอนนี้ ควรไปตามล่าเพื่อนสองคนของลูกที่อยู่ที่นี่แล้ว…” ไป๋ซือลุกขึ้น เดินไปยังความมืดที่อยู่ไกลออกไป
จนกระทั่งชายวัยกลางคนหายลับไปในความมืด ขณะลู่เซิ่งกำลังจะออกไปเก็บกวาดร่องรอย ก็สัมผัสการดำรงอยู่ของชุดเกราะได้จากตัวของเด็กสาวที่ตายไปคนนั้น เขาเอามาสวมได้พอดี ต่อให้ใส่ไม่ได้ก็สามารถขายเพื่อหาเงินได้
แต่ว่าตอนที่เขาเตรียมจะปรากฏตัว ในเงามืดก็มีเงาคนใส่ชุดคลุมสีดำและสวมหน้ากากสีขาวสองสายเดินออกมา พวกเขาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าศพ แล้วเริ่มจัดการศพของเด็กสาวอย่างช่ำชอง
ตอนแรกลู่เซิ่งคิดจะเคลื่อนไหว ทว่าพอเห็นเหตุการณ์นี้ ก็พลันล้มเลิกความคิด
โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เห็นจากภายนอก ในโรงเรียนมีคนตายได้เหมือนกัน ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ เขาได้เห็นคดีฆาตกรรมถึงสองคดีแล้ว
ดูวิธีการจัดการของคนชุดดำพวกนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เพิ่งทำแบบนี้เป็นครั้งแรก เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ
สามารถเคลื่อนไหวในโรงเรียนได้ตามใจแบบนี้ เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่จะเป็นขุมกำลังของโรงเรียนเอง
‘ตอนนี้เรามีแค่พลังผสาน ยังไม่สามารถสู้กับชุดเกราะตรงๆ ได้ น่าเสียดายแฮะ…’ เดิมทีลู่เซิ่งคิดจะเก็บศพ นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนชุดดำของโรงเรียนตัดหน้าไปก่อน
เขาดูคนชุดดำจัดการศพตั้งแต่ต้นจนจบ คิ้วขมวดมุ่นมากกว่าเดิม
‘ต้องคิดวิธีหาเงิน การซื้อชุดเกราะกับส่วนประกอบต่างๆ นั้นใช้เงินจำนวนมหาศาล’ ลู่เซิ่งใช้ประโยชน์จากความรู้อันน้อยนิดของจัวหลินเพื่อหาเส้นทางอื่นๆ นอกจากการแย่งชิงและการเก็บศพ
ฟ้าค่อยๆ สว่าง เขายืนอยู่ในความมืดอยู่นาน แล้วเดินกลับหอพักของตัวเอง
อยู่ๆ ตอนที่ผ่านเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง เขาก็เห็นป้ายโฆษณาแผ่นหนึ่งที่ติดอยู่บนนั้น
ป้ายโฆษณาแปะไว้แอบๆ ถูกบังอยู่ใต้โปสเตอร์ของโฆษณาชุดชั้นใน
พริบตาที่เห็นป้ายประกาศนี้ ลู่เซิ่งก็ตาเป็นประกายทันที
‘มันนี่แหละ!’ เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่
…
สองชั่วโมงต่อมา
ด้านในห้องเช่าเก่าๆ นอกโรงเรียนแห่งหนึ่ง
“คุณจะกู้เท่าไหร่” ชายที่สวมแว่นกันแดด ใส่หมวกทรงกลม และสวมชุดตัวโคร่งสีดำเข้ม ใช้น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและอันตรายถามลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้า
“ผมกู้ได้มากสุดเท่าไหร่” ลู่เซิ่งถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“อือ…คุณเป็นนักเรียนจากโรงเรียนแพลตินัม สถานะนักเรียนบวกกับบัตรประชาชน โดยทฤษฎีแล้วสามารถกู้ได้สูงสุดสองพันเทอคอยน์”
“สองพันเทอคอยน์หรือ ขออีกหน่อยได้ไหม” ลู่เซิ่งถามพลางขมวดคิ้ว “ขออัตราส่วนสูงสุดก็ได้ ไม่ต้องห่วง ผมยืมไปหมุนเฉยๆ เดือนหนึ่งก็คืนแล้ว”
“ถ้าอัตราส่วนสูงสุด…อัตราส่วนเจ็ดเท่า คุณยืมได้หนึ่งหมื่นเทอคอยน์ นี่เต็มที่แล้ว เยอะกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ นอกเสียจากคุณจะวางหลักประกันชั่วคราว” ชายสวมแว่นตอบอย่างจริงจัง
“หนึ่งหมื่นเทอคอยน์…” แรงซื้อของหนึ่งเทอคอยน์เท่ากับหนึ่งร้อยหยวนสมัยยังอยู่ในโลกเดิม ลู่เซิ่งคำนวณเทียบกับสิ่งของที่เงินหนึ่งหมื่นเทอคอยน์ซื้อได้ เทียบเท่ากับหนึ่งล้านหยวน ไม่น้อยจริงๆ
“มากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ เหรอครับ” เขาถามอีกรอบ
“มากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงอย่างไรคุณก็มีสถานะแค่นักเรียนของโรงเรียนแพลตินัม พวกเรารับประกันไม่ได้ว่าคุณจะคืนเงินทันเวลาจริงๆ” ชายสวมแว่นส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึม “ต้องแจ้งว่าห้าร้อยเทอคอยน์ทำให้ครอบครัวขนาดสามคนทั่วไปใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายได้ถึงหนึ่งปี”
“ตกลง…” ลู่เซิ่งหยิบบัตรนักเรียนกับบัตรประชาชนของตัวเองออกมาให้อีกฝ่ายลงทะเบียน
“ถ้าหากผมใช้ชุดเกราะของโรงเรียนเป็นหลักประกันล่ะ” เขาพลันถามอีก
“อือ…ชุดเกราะสำหรับนักเรียนใช้วัสดุธรรมดาๆ แต่ว่าทักษะส่วนหนึ่งในนั้นก็คุ้มค่าแก่การพิจารณา คุณอยู่ฝ่ายไหนล่ะ” ชายสวมแว่นตกใจ ความจริงแล้วชุดเกราะสำหรับนักเรียนเป็นเกราะสำหรับฝึกฝน แม้จะอ่อนแอ แต่การออกแบบกับระบบแรงขับเคลื่อนก็สุดยอดเป็นอย่างมาก ต่อให้อยู่ด้านนอกก็มีราคาไม่ต่ำ
เพียงแต่ว่าหากเกิดถูกพบว่าทำการแลกเปลี่ยนชุดเกราะสำหรับนักเรียนเป็นการส่วนตัว นักเรียนคนนั้นจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันที ภายหลังยังจะมีเจ้าหน้าที่ศาลมาหาอีก
“คุณแน่ใจเหรอ” ชายสวมแว่นกันแดดถามเสียงทุ้ม
“แน่ใจ” ลู่เซิ่งพยักหน้า
ชายสวมแว่นคำนวณอยางละเอียด ก่อนจะเอ่ยว่า “อย่างนั้นคุณจะกู้ได้สูงสุดสามหมื่นเทอคอยน์”
สามล้านหยวนหรือ ไม่เลวๆ
ลู่เซิ่งพึงพอใจ ถึงแม้ดอกเบี้ยอัตราสูงแบบนี้จะอันตราย แต่ข้อดีก็คือสามารถยืมเงินทุนได้มากพอ ส่วนเรื่องคืนเงินหรือ กำลังฝันอยู่หรือไง
เงินที่เขาลู่เซิ่งอาศัยความสามารถยืมมา ใครกล้าบอกให้เขาคืน อย่างนั้นก็หาที่ตาย!
ลู่เซิ่งเดินออกมาจากห้องเช่า ในมือมีบัตรแม่เหล็กเพิ่มมาใบหนึ่ง มีเงินทุนสามหมื่นเทอคอยน์ถูกโอนเข้ามาในบัตรแล้ว
ระยะเวลาคืนเงินคือหนึ่งเดือน ผ่านไปหนึ่งเดือนต้องคืนดอกเบี้ยเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดเงินกู้
ถัดจากนั้นลู่เซิ่งก็หาโฆษณาเงินกู้อัตราสูงไปทั่ว แล้วยืมเงินทั้งหมดได้หนึ่งล้านเทอคอยน์จากบริษัทสี่แห่ง
เขาประทับรอยนิ้วมือและเซ็นลายเซ็นจน ‘ยืม’ ทุนสำหรับหมุนเวียนได้สำเร็จ โดยใช้เอกสารและวางชุดเกราะโรงเรียนเป็นหลักประกันสำหรับทำสัญญา
จากนั้นเขาก็กลับมาถึงโรงเรียน ตอนบ่ายมีห้องเรียนทดลองของฝ่ายยานเกราะ
วันมะรืนจะเป็นการสอบใหญ่ของปลายภาคเรียน แล้วจึงเป็นช่วงปิดภาคเรียนหนึ่งอาทิตย์ จากนั้นจะเป็นการแจกสื่อการสอน ถึงภาคเรียนตอนปลายของปีสอง
เวลาถูกจัดไว้อย่างกระชั้นชิด ทว่าแม้นักเรียนจะเลือกห้องเรียนได้ แต่การทดสอบตอนบ่ายไม่ใช่การทดสอบทั่วไป หากเป็นการเตรียมตัวสำหรับหลักสูตรชุดเกราะในปลายภาคเรียน
ตามกระดาษแจ้งเตือนของโรงเรียน เป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าจะมีการแจกชุดเกราะทหารที่ผ่านการรับรองของจริง แม้จะเป็นแค่เกราะทหารพื้นฐานก็ตาม
ตอนแรกลู่เซิ่งไม่ได้สนใจเรื่องนี้ อย่างไรเกราะทหารระดับพื้นฐานก็ไม่ได้มีองค์ประกอบเพิ่มเติม ระบบแรงขับส่วนหนึ่งยังเทียบกับเกราะฝึกฝนของนักเรียนไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ไม่มีวิธีอื่นแล้ว แม้เขาจะมีเงิน ทว่าก็ไม่มีลู่ทางในการซื้อชุดเกราะ ประเทศและกลุ่มองค์กรใหญ่เป็นผู้ครอบครองอาวุธชนิดนี้อยู่ในมือ คนธรรมดาไม่มีทางหาช่องทางซื้อเจอ
ไม่ต่างจากการควบคุมอาวุธปืนในประเทศสมัยอยู่บนโลกเดิมเท่าไหร่
หลังจากกินข้าวเที่ยงคนเดียวในโรงอาหารเสร็จ ลู่เซิ่งก็ไปถึงข้างสนามเรียนของห้องเรียนก่อนเวลา ก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งยาวข้างสนามหญ้าเพื่อรอเวลาอย่างสงบ
รออยู่ราวหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ จนใกล้จะถึงเวลาเรียน เวลาบ่ายโมงสี่สิบ ครูผู้ชายที่ภายนอกดูหนุ่มเหมือนกับนักเรียนคนหนึ่งก็เร่งฝีเท้าเข้ามาในสนาม
เพื่อนร่วมชั้นกลุ่มหนึ่งทยอยตามกันมาจากด้านหลังเพื่อเข้าสนาม
ลู่เซิ่งเห็นเซี่ยเฉิงยิ้มให้ตัวเองจากในฝูงชน เขาจึงยิ้มตอบไป
ซาเจี๋ยที่เป็นหัวหน้าห้องเข้าสนามมาเป็นคนสุดท้าย ไม่นานทุกคนก็มากันจนครบ ลู่เซิ่งลุกขึ้นไปยืนจัดแถวกับนักเรียนคนอื่นๆ ด้านหน้าคุณครู
“ใกล้จะสอบใหญ่แล้ว ที่เรียกทุกคนมาคงจะมีคนส่วนหนึ่งรู้แล้วว่าจะทำอะไรกัน ถูกต้องแล้ว ความจริงครูประจำชั้นของพวกเธอวานให้ฉันมาแจกชุดเกราะที่ผ่านการรับรองให้กับพวกเธอ” ครูคนนี้ปรบมือกล่าวเสียงดัง ดึงดูดความสนใจของทุกคนมาไว้ที่ตัวเอง
“ไม่ว่าพวกเธอจะมีชุดเกราะสั่งทำพิเศษเป็นของตัวเองไหม แต่การสอบใหญ่จะต้องใช้ชุดเกราะที่โรงเรียนกำหนดให้เท่านั้น เรื่องนี้ไม่อนุญาตให้ฝ่าฝืน”
นักเรียนหลายคนรู้ข่าวมาแต่แรก จึงหายตื่นเต้นแล้ว นักเรียนที่ครอบครัวมีทั้งเงินทั้งอำนาจและครอบครองชุดเกราะ ย่อมไม่สนใจชุดเกราะทั่วไป
ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบสีดำขับรถบรรทุกเข้ามา แล้วย้ายเกราะทหารที่สูงกว่าคนธรรมดาเท่าหนึ่งหลายชุดออกมาจากตู้รถ
ในหมู่นักเรียนมีมากกว่าครึ่งที่มีฉากหลังเป็นคนธรรมดา ตอนนี้ต่างก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษ พยายามข่มใจไม่เข้าไปลูบคลำและสวมใส่เกราะทหาร
นักเรียนจากตระกูลอื่นๆ และนักเรียนจากตระกูลขุนนางที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แสดงให้เห็นว่ามีชุดเกราะที่ดีกว่าชุดเกราะพื้นขาวแบบนี้อยู่แล้ว
ซาเจี๋ยมีสีหน้าเรียบเฉยพลางใช้หางตากวาดมองคนธรรมดาๆ ในฐานะผู้รับช่วงต่อซากรุ๊ป เขาย่อมมีเกราะทหารของตัวเองมานานแล้ว
เกราะขุนพลต้องมีทักษะทางใจกับความสามารถที่สูงกว่านี้ ซึ่งจะได้รับสิทธิ์สวมใส่ก็ต่อเมื่อผ่านการทดสอบ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังใช้ได้แค่เกราะทหารเท่านั้น
แต่ว่าเกราะทหารที่สร้างขึ้นเพื่อเขานี้ก็เหนือกว่าชุดเกราะธรรมดาๆ ไปไกลโขแล้ว ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“ต่อจากนี้ ฉันจะอธิบายกระบวนการตรวจสอบชุดเกราะให้ฟัง” ครูเริ่มบรรยายอย่างเป็นทางการด้วยเสียงอันดัง
ลู่เซิ่งได้รับการแจกเกราะทหารพื้นฐานมาชุดหนึ่ง เกราะทหารชุดใหม่มีเขาสีขาวข้างหนึ่งติดอยู่บนศีรษะ ตรงหน้าอกมีเกราะป้องกันจุดอ่อนเพิ่มมา ส่วนที่เหลือมีลักษณะคล้ายกับชุดรัดรูป ไม่ค่อยแตกต่างจากชุดฝึกซ้อมเมื่อก่อนหน้านี้เท่าไหร่นัก
ลู่เซิ่งตั้งใจเรียน ขณะเดียวกันก็ใช้พลังผสานตรวจสอบด้านในด้านนอกเกราะทหารชุดนี้ ครั้นยืนยันได้ว่าไม่มีลูกเล่นอะไรติดไว้ เขาจึงค่อยเดินเข้าไปและกดนิ้วลงบนหน้าผากของชุดเกราะตามวิธีการตรวจสอบที่ครูสอน
ชิ้ง! ชิ้งๆ!
ชุดเกราะของโรงเรียนหลายตัวพากันเปิดช่องด้านใน เหล่านักเรียนเดินเข้าไป แล้วเริ่มการตรวจสอบการสวมใส่ครั้งแรก
ลู่เซิ่งหย่อนร่างนอนลงไปเช่นกัน
หนวดเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาจากด้านในชุดเกราะด้วยการชักนำจากพลังผสาน พวกมันเพิ่งจะแตะกับพลังผสานของลู่เซิ่ง ก็เชื่อมต่อสำเร็จทันที
‘เป็นกระบวนการตรวจสอบที่ง่ายมาก’ ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่ารูปทรงของหนวดเหล่านี้กำลังค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลง และเข้าใกล้ตนมากขึ้น เหมือนกับมีชีวิต
‘ชุดเกราะนี้ ไม่เห็นเหมือนตอนที่ผลิตด้วยเครื่องจักรเลย…’ เขาเกิดความสงสัยขึ้น
ไม่นานครูระดับชั้นเรียนก็เริ่มอธิบายรายละเอียด
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกคนทำการตรวจสอบสำเร็จแล้ว อย่างนั้นฉันจะอธิบายถึงปัญหาด้านความปลอดภัยเลยก็แล้วกัน”
ครูคนนี้ชื่อเฉิงชู่อิ่น เป็นคุณครูที่รับผิดชอบห้องเรียนทดสอบชุดเกราะของฝ่ายยานเกราะ มีรูปแบบการสอนที่ละเอียดสุดๆ ชอบทบทวนรายละเอียดหลายครั้ง เอาใจใส่นักเรียนทั่วไปดี
“ตอนนี้การตรวจสอบสำเร็จแล้ว หลังจากทุกคนปลดเกราะออก จะเกิดสนามพลังป้องกันชั้นหนึ่งตามธรรมชาติขึ้นรอบๆ ตัว พวกเธอสามารถควบคุมด้วยการเก็บและปล่อยสนามพลังชั้นนี้ได้ตามใจ โดยจะมีพลังป้องกันเทียบเท่ากับหนึ่งในสิบของชุดเกราะรับรอง เป็นความสามารถคุ้มครองผู้ควบคุมเมื่อพวกเธอไม่สามารถกลับมาถึงชุดเกราะของตัวเองได้ชั่วขณะ”
‘หนึ่งในสิบ…’ ลู่เซิ่งสัมผัสชุดเกราะอีกรอบพร้อมกับเดินออกมาจากช่องด้านใน ก่อนจะสัมผัสได้ทันทีว่าสนามพลังพิเศษสายหนึ่งจากชุดเกราะได้หลอมรวมเข้ากับพลังผสานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เขาควบคุมสนามพลังนี้ได้โดยสมบูรณ์ ทั้งยังใช้งานสะดวกเป็นอย่างยิ่ง
‘ฉลาดจริงๆ’ เขาสะท้อนใจ ถ้าหากทางต้าอินมีทักษะแบบนี้ คงไม่ต้องกลัวโลกแห่งความเจ็บปวดอีกต่อไป
ชุดเกราะชนิดนี้สามารถสร้างพลังต่อสู้ได้เร็วมาก ใครก็สามารถเป็นทหารได้
ต่อจากนั้นคุณครูเฉิงชู่อิ่นก็อธิบายวิธีการใช้ เช่นวิธีการดูแลชุดเกราะและวิธีติดชิ้นส่วนเพิ่มต่อ
ลู่เซิ่งตั้งใจจำไว้ ไม่นานการบรรยายก็จบลง
“ตอนนี้ทุกคนไปเลือกชิ้นส่วนที่อยากจะติดเพิ่มได้ที่หน่วยธุรการ ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับฟรีจากที่โรงเรียนแจกให้จำนวนหนึ่ง อย่าใช้เปลืองล่ะ” เฉิงชู่อิ่นยิ้มพลางเตือนทุกคน
‘นี่แหละ’ ลู่เซิ่งไม่สามารถหาช่องทางซื้อชุดเกราะรับรองได้ แต่กลับใช้เงินทุนที่มีอยู่ในมือเปลี่ยนแปลงชุดเกราะแบบควบคุมของตัวเองได้
……………………………………….
——————————————–