ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 575 ลงมือ (1)
บทที่ 575 ลงมือ (1)
“ไปหน่วยธุรการด้วยกันไหม” เซี่ยเฉิงเดินเข้ามาถามเบาๆ
ลู่เซิ่งมองเธอ แต่ใช้หางตากวาดมองเห็นซาเจี๋ยกำลังคุยอะไรบางอย่างเบาๆ กับผู้หญิงไว้ผมหางม้าสีม่วงอยู่
“ไม่ล่ะ ฉันยังไม่เปลี่ยน ไว้ว่ากันทีหลัง” เขากล่าวอย่างราบเรียบ
การปรับเปลี่ยนที่เขาต้องการแตกต่างจากคนอื่นๆ ดังนั้นจึงพยายามไม่ให้คนอื่นๆ สังเกตเห็น
“ตกลง มีเวลาไปพายเรือด้วยกันไหม ช่วงนี้ทางแม่น้ำที่เขาตูลันมีเรือปั่นอยู่ด้วย น่าสนุกดีนะ” เซี่ยเฉิงชวนอย่างเปิดเผย “ถึงตอนนั้นจะมีคนไปด้วยสี่ห้าคน”
ลู่เซิ่งรู้ว่าเซี่ยเฉิงกำลังช่วยเขาอยู่ ตัวจัวหลินโดดเดี่ยวเกินไป แต่ว่าในสหพันธรัฐอัลเลน ต่อให้เขามาจากโรงเรียนที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่มีเครือข่ายเส้นสายมากพอ อย่างไรวันหน้าก็มีแต่จะเสียเปรียบ ไม่ได้รับการดูแลเมื่อเข้ากองทัพหรือไปแนวหน้า
เซี่ยเฉิงกำลังรวบรวมเส้นสายในแวดวงเล็กๆ ของตัวเองอย่างกระตือรือร้น การที่ตอนนี้มาชวนเขาด้วยตัวเอง เพราะคิดดึงเขาเข้ากลุ่มของตัวเองเพื่อช่วยเหลือนั่นเอง
แต่ว่า แม้ความปรารถนาดีของเซี่ยเฉิงจะไม่เลว ทว่าลู่เซิ่งก็ต้องทำให้เธอผิดหวังแล้ว
เส้นทางในอนาคตของจัวหลินหลังจากลู่เซิ่งจุติจะถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องแตกต่างกับคนอื่นๆ
“น่าเสียดาย…ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก มีธุระเยอะ พวกเธอไปเที่ยวเถอะ ระวังอากาศด้วยล่ะ เกิดฝนตกคงเซ็งแย่” ลู่เซิ่งตอบปฏิเสธตามมารยาท
เซี่ยเฉิงเลิกคิ้ว “ก็ได้ งานสำคัญกว่าอยู่แล้ว แต่ว่าเปลี่ยนความคิดก่อนวันพฤหัสฯ หน้ายังทันนะ อย่าลืมบอกฉันล่ะ”
“ได้” ลู่เซิ่งมองเซี่ยเฉิงหมุนตัวจากไป พวกเพื่อนสนิทของเซี่ยเฉิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเช่นกัน จึงทำสีหน้าไม่พอใจใส่ลู่เซิ่ง
แสดงให้เห็นว่าหงุดหงิดเพราะเขาไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี
ต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนอยากให้กลุ่มของตัวเองมีผู้ชายธรรมดาๆ ที่ไม่รู้จักพลิกแพลง และไม่รู้จักสื่อสารเพิ่มมา คนแบบนี้มีแต่จะทำลายบรรยากาศในกลุ่มเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์อะไร
การที่เซี่ยเฉิงชวนลู่เซิ่ง มีความเสี่ยงที่จะสร้างความไม่พอใจให้แก่นักเรียนในกลุ่มด้วย
เธออธิบายให้เพื่อนๆ ฟัง ทั้งยังยิ้มอย่างรู้สึกผิด ไม่นานทุกคนก็ให้อภัย
ลู่เซิ่งไม่แสดงสีหน้า แต่ในใจจดจำความปรารถนาดีของเซี่ยเฉิงเอาไว้ อีกฝ่ายดีกับจัวหลินมาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดเป็นครั้งแรก
‘ถ้าหากมีโอกาส สามารถแอบส่งเสริมผู้หญิงคนนี้ได้’
เขาสวมชุดเกราะอีกครั้งเพื่อทดลองขยับตัวและคาดคะเนตัวแปรของชุดเกราะเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ
‘พละกำลังไม่เพิ่มขึ้น พลังระเบิดไม่เพิ่มขึ้น มีระบบกันกระแทก สามารถลดการสิ้นเปลืองพลังกาย และเพิ่มความอดทนได้ ส่วนที่เหลือ…ไม่แตกต่างจากชุดเกราะที่ให้นักเรียนฝึกซ้อมเท่าไหร่’ ลู่เซิ่งสรุปค่าต่างๆ อย่างรวดเร็ว
เขาสวมชุดเกราะกลับหอพัก จากนั้นก็รออยู่ครู่หนึ่ง ปล่อยให้นักเรียนคนอื่นๆ ไปปรับเปลี่ยนชุดก่อน เขาจึงค่อยไปที่หน่วยธุรการ
หน่วยธุรการอยู่ด้านหลังสุดของโรงเรียน ติดกับสิ่งก่อสร้างที่เป็นโกดังสีขาวเงินขนาดใหญ่สามแห่งที่เหมือนกับดอกเห็ด
ยังคงมีนักเรียนจำนวนไม่น้อยเพิ่งออกจากประตูใหญ่ตอนที่ลู่เซิ่งมาถึง เขาไม่ค่อยมีตัวตนในชั้นเรียนเท่าไหร่นัก แถมไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ นอกจากเวลาเรียน ปกติก็แทบไม่เห็นเงาของเขา นี่ทำให้นักเรียนเกือบทั้งหมดในชั้นเรียนแทบจะไม่รู้จักเขา
เขาเดินสวนกระแสผู้คนเข้าประตูหน่วยธุรการ ตรงหน้าเป็นโถงใหญ่สีขาวที่โอ่โถงและสะอาดสะอ้าน โคมแชนเดอเลียสีทองอ่อนที่เหมือนในโรงแรมใหญ่สว่างไสวงดงาม ทำให้ที่นี่ดูเหมือนกับโรงแรมหรู ไม่ใช่หน่วยธุรการที่เอาไว้เก็บอุปกรณ์
ลู่เซิ่งถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ตรงจุดสอบถาม ก่อนจะหักเลี้ยวขวา เดินเข้าลิฟท์ แล้วกดไปทีชั้นห้าใต้ดิน
ขณะลิฟท์กำลังลงด้านล่าง เสียงอิเล็กทรอนิกส์ที่อ่อนหวานก็ค่อยๆ ดังขึ้น
“ยินดีต้อนรับสู่จุดปรับเปลี่ยนชุดเกราะของหน่วยธุรการค่ะ จุดปรับเปลี่ยน แบ่งเป็นทั้งหมดสามเขตใหญ่ เขตปรับเปลี่ยนชุด เขตทดสอบ และเขตพักผ่อน ที่นี่คุณสามารถหาทักษะชุดเกราะล่าสุดเกือบทั้งหมดในตลาด และชิ้นส่วนชุดเกราะทุกสายของสหพันธรัฐได้ในราคาแค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาตลาดเท่านั้น “และเพื่อความปลอดภัย การปรับเปลี่ยนชุดของที่นี่จะถูกปิดเป็นความลับ โดยมีพนักงานแนะนำกับอุปกรณ์อัตโนมัติทำการปรับเปลี่ยนอย่างละเอียด สามารถทำให้คำขอปรับเปลี่ยนชุดระดับขุนพลเกราะส่วนใหญ่เป็นไปอย่างน่าพอใจได้แน่นอนค่ะ”
เสียงผู้หญิงแนะนำความสามารถและจุดเด่นของที่นี่อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็แจ้งข้อจำกัดเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ด้วย
ไม่อนุญาตให้เอาอะไหล่ชิ้นใดออกไป การประกอบต้องทำกับเกราะของตัวเองเท่านั้น ถ้าหากอยากจะซื้อชิ้นส่วนแล้วค่อยมาครั้งหน้า แบบนั้นจะทำไม่ได้แล้ว
หากใส่ไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้แต่ทิ้งไว้ ไม่มีบริการขายให้คุณก่อน รอมีโอกาสหลังออกไปคุณค่อยใส่ใหม่
ลู่เซิ่งเข้าใจได้
ติ๊ง…ประตูลิฟท์เปิดออก
นักเรียนหญิงนักเรียนชายหลายคนเดินเข้ามาในลิฟท์ ลู่เซิ่งมองเลขชั้น ชั้นสี่—จุดจำลองการต่อสู้
“เมื่อกี้ฉันดูกระดานบันทึกมา…เฉวียนสือฮุยยังเป็นที่หนึ่งอยู่ ปีนี้ที่หนึ่งคงจะเป็นหล่อนอีกแล้ว” นักเรียนชายคนหนึ่งที่ติดตราสัญลักษณ์ของปีสี่ก้มหน้ากล่าวอย่างคับข้องใจ
“ท่านประธานไคลาก็ตามไม่ทันเหรอ” นักเรียนหญิงอีกคนพูดอย่างผิดหวังเช่นกัน
“ไม่ไหว ต่างกันเกินไป เฉวียนสือฮุยผ่านด่านจำลองที่สิบเก้าแล้ว ประธานเพิ่งอยู่ด่านที่สิบสามอยู่เลย เป็นคนละระดับโดยสิ้นเชิง” นักเรียนชายใช้สองมือลูบใบหน้าอย่างคับอกคับใจ
“แข็งแกร่งจริงๆ…” นักเรียนหญิงคนนั้นกล่าวอย่างจนใจ “คงมีแต่ต้องให้พวกรุ่นพี่หัวกะทิที่จบไปแล้วกลับมา ถึงจะหยุดหล่อนได้ ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“บางทีน่ะนะ” นักเรียนชายส่ายหน้าน้อยๆ อาจเป็นเพราะว่าในลิฟท์มีลู่เซิ่งอยู่ด้วย เขาจึงอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เงียบงันเท่านั้น
ลู่เซิ่งไม่แสดงสีหน้า แต่ในใจได้จำชื่อเฉวียนสือฮุยไว้แล้ว เมื่อก่อนหน้านี้เถียถ่าก็ถามเขาถึงหล่อนเหมือนกัน
ไม่นานก็ถึงชั้นห้าใต้ดิน ประตูลิฟท์เปิดออก สิ่งที่เห็นคือระเบียงสีขาวอมเงินที่ทอดยาวไปด้านหน้า เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทางซ้ายทางขวาของระเบียงก็มีห้องประกอบสองห้องที่อยู่ตรงข้ามกัน
ลู่เซิ่งเดินออกจากลิฟท์ แล้วได้ยินเสียงดังกระหึ่มที่ดังออกมาจากในห้องประกอบอย่างเลือนราง
เขาเดินไปด้านหน้าสองสามก้าว พร้อมกับหันไปหาแผนที่โครงสร้างของชั้นบนผนัง
ไม่นานก็เจอห้องประกอบไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียน ซึ่งมีทั้งหมดสิบห้าห้อง
ลู่เซิ่งเดินตามระเบียงไปด้านใน แล้วเจอห้องประกอบไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับนักเรียนใหม่ที่ตั้งอยู่ลึกที่สุดอยางรวดเร็ว
ห้องสิบห้าห้อง จากห้องหนึ่งถึงห้องสิบห้าจัดเรียงเป็นสองแถว ให้ความรู้สึกเหมือนประจัญหน้ากัน
ลู่เซิ่งเดินทอดน่องเข้าประตูห้องประกอบ ที่สามารถดูได้จากบนประตูห้องว่าด้านในมีคนหรือไม่
ถ้าไม่มีคน ดาวหกเหลี่ยมสีขาวตรงกลางประตูจะสว่าง ถ้ามีคนจะเป็นวงแหวนสีแดง
ไม่นานเขาก็เจอห้องประกอบที่ไม่มีคน จึงผลักประตูเข้าไป
“มาลงทะเบียนบัตรนักเรียนและลงทะเบียนเวลาเริ่มต้นการประกอบ” ด้านในมีโลหะมากมายกองอยู่
คุณลุงจมูกแดงคนหนึ่งที่สวมเครื่องแบบสีดำขอบขาว ถือสมุดสำหรับลงทะเบียนไว้ในมือ
ลู่เซิ่งลงทะเบียนเสร็จอย่างรวดเร็ว
“ถอดเกราะออกแล้วตามฉันมาด้านหลัง ฉันจะแสดงการประกอบครั้งแรกให้เธอดู ต่อจากนั้นเธอทำเอง ถ้ามีปัญหาอะไรให้ถาม” คุณลุงคนนี้กล่าว
“ครับ”
ลู่เซิ่งถอดชุดเกราะออกโดยไม่แสดงสีหน้า ก่อนจะติดตามลุงจมูกแดงมาถึงด้านหลังสุดของห้อง บนที่ว่างที่กว้างขวางแห่งหนึ่งมีเส้นสายสีดำที่เหมือนกับสายไฟแขวนระโยงระยาง ผนังรอบๆ ติดตั้งไฟสปอตไลท์ไว้มากกว่าสิบกว่าจุด
“ในฐานะนักเรียนที่จะเข้าสู่สนามรบหลังเรียนจบ แต่ละคนจะทำการปรับเปลี่ยนพิเศษโดยที่วัสดุมีมูลค่าไม่เกินหนึ่งพันเทอคอยน์ได้ครั้งหนึ่ง เธอต้องคิดแผนการประกอบของตัวเองให้ดี อย่าสะเพร่า” คุณลุงคนนี้กำชับ จากนั้นก็ส่งสมุดเล่มหนึ่งให้แก่ลู่เซิ่ง “นี่เป็นรายการชิ้นส่วนประกอบของที่นี่ และมีทักษะการประกอบอยู่ด้วย ถ้าหากเกินราคาจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม”
ลู่เซิ่งพยักหน้า รับสมุดมากวาดตาอ่าน ด้านบนสุดเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบฟรีสำหรับนักเรียนจำนวนหนึ่งพันเทอคอยน์
สำหรับตระกูลใหญ่ๆ เงินจำนวนแค่นี้ไม่ได้สำคัญอะไร แต่สำหรับนักเรียนที่มีฉากหลังธรรมดา เงินหนึ่งพันเทอคอยน์เทียบเท่ากับกำลังซื้อหนึ่งล้านหยวนในโลกใบเดิม น่าดูชมเป็นอย่างยิ่ง
ลู่เซิ่งพลิกผ่านทักษะการประกอบปรับปรุงระบบแต่ละแบบ ทักษะเหล่านี้เป็นการประกอบแบบองค์รวมตั้งแต่ระบบแรงขับเคลื่อน ระบบเกราะ และระบบเดินทางไกล ล้วนไม่เข้าเงื่อนไขของเขา จึงอ่านผ่านๆ ไปจนถึงรายการชิ้นส่วนประกอบและวัสดุท้ายสุด
ชิ้นส่วนประกอบระดับสูงกับวัตถุดิบราคาแพงต้องจ่ายมากกว่าหมื่นเทอคอยน์ มิหนำซ้ำยังเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานเท่านั้น ทั้งยังไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งของพลังผสานของลู่เซิ่งออกมาได้ เขาได้ใคร่ครวญเส้นทางของตัวเองไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
เขาอ่านไปถึงด้านล่างสุด ก่อนจะเจอส่วนชิ้นส่วนเกราะสำหรับชุดเกราะ จากนั้นก็เจอชุดเกราะประกอบกันกระสุนโลหะผสมแบบตัวต่อที่ถูกที่สุด
‘ชุดเกราะประกอบกันกระสุนโลหะผสมแบบตัวต่อ: ดูดซับน้ำหนักได้หนึ่งพันถึงหนึ่งพันห้าร้อยทาลา มีผลป้องกันการกระแทกระยะใกล้จากกระสุนปากลำกล้องเล็ก และต้านทานการเจาะทะลวงของอาวุธแหลมคมที่มีพลังระดับหนึ่งได้ จุดอ่อนคือมีพลังป้องกันต่อกระสุนเจาะเกราะหนัก กระสุนปืนใหญ่ และระเบิดต่ำมาก ราคา: หนึ่งร้อยเทอคอยน์’
“รบกวนติดเกราะประกอบกันกระสุนหนึ่งชั้นให้ชุดเกราะของผมด้วยครับ” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างเรียบๆ
“ตกลง ไม่มีปัญหา เกราะประกอบหนึ่งชั้นราคาหนึ่งร้อยเทอคอยน์ ต้องการอะไรอีกไหม” คุณลุงที่รับผิดชอบการประกอบถามอย่างผ่อนคลาย
เขาเดินไปที่ห้องควบคุมที่อยู่ด้านข้าง ไม่นานแขนจักรกลสองข้างก็คีบชุดเกราะของลู่เซิ่งไปยึดไว้ตรงกลางที่ว่าง จากนั้นสะเก็ดไฟก็ระเบิดวิบวับและเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ แผ่นเกราะสีดำหนาเท่าฝ่ามือหลายชิ้นถูกประกอบเข้ากับรอบๆ ชุดเกราะอย่างต่อเนื่อง
การประกอบใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที
ลู่เซิ่งมองเกราะหลังปรับเปลี่ยน นับว่าไม่เลว ตอนนี้ชุดเกราะสีขาวในตอนแรกหนาหนักขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ แม้จะยังคงดูเหมือนไม่แตกต่างจากทหารธรรมดาๆ แต่ว่าแผ่นเกราะหนาก็มอบความรู้สึกปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
“ติดเกราะประกอบกันกระสุนเพิ่มอีกครับ”
“จะเอาอีกเหรอ แต่ก็ได้แหละ” นักเรียนร่างกำยำส่วนหนึ่งจะมีคำขอแบบนี้อยู่แล้ว เกราะประกอบกันกระสุนสองชั้นมีความสามารถป้องกันที่ไม่เลว ถึงแม้จะลดความเร็วในการเคลื่อนที่ลง แต่ก็เพิ่มพลังป้องกันขึ้นทุกด้าน
คุณลุงผู้ทำหน้าที่ประกอบจุดบุหรี่สูบ แล้วเริ่มการประกอบปรับเปลี่ยนครั้งที่สองอย่างผ่อนคลาย
เกราะประกอบชั้นที่สองถูกประกอบเข้าไปแล้ว ชุดเกราะหนาขึ้น ใหญ่กว่าชุดเกราะในตอนแรกเท่าหนึ่ง
“ประกอบเกราะประกอบกันกระสุนอีกชั้นหนึ่งครับ”
ลู่เซิ่งขอเป็นครั้งที่สาม
ครั้งนี้คุณลุงผู้ทำหน้าที่ประกอบตาค้างแล้ว ก่อนจะมองลู่เซิ่งอย่างตั้งใจ
“ยังอยู่ในสิทธิ์การเบิกได้ฟรีของผมอยู่ใช่ไหมครับ” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ
“ไอ้ใช่มันก็ใช่หรอก” เคยเห็นคนกลัวตายมาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นใครที่กลัวตายขนาดนี้มาก่อน
เกราะแผ่นโลหะผสมธรรมดาๆ สามชั้นนี้ ต่อให้เป็นนักเรียนที่มีแรงเยอะที่สุด หรือมีพลังผสานลดทอนน้ำหนัก ก็ต้องใช้แรงทั้งหมดไปกับการแบกรับน้ำหนักอยู่ดี
หากจะต่อสู้กันจริงๆ อย่าว่าแต่หลบเลย ต่อให้วิ่งก็ยังวิ่งไม่ไหว ได้แต่เคลื่อนที่ช้าๆ ทีละก้าวๆ
คุณลุงขบคิดว่ารอถึงสอบใหญ่ไอ้หนูนี่ได้ร้องไห้แน่ แต่ในเมื่อเป็นคำขอของอีกฝ่าย เขาเองก็ไม่พูดเวิ่นเว้อ สูบบุหรี่พร้อมกับควบคุมแขนจักรกลเพื่อประกอบเพิ่มอีกรอบ
เกิดเสียงสะเก็ดไฟดังฉ่าๆ ไม่นานก็ติดเกราะประกอบเข้ากับชุดเกราะอีกชั้น ตอนนี้ชุดเกราะของลู่เซิ่งหนาเกือบครึ่งเมตรแล้ว ดูเหมือนบวมพองผิดปกติ ใหญ่กว่าชุดเกราะของนักเรียนทั่วไปหนึ่งเท่ากว่าๆ
……………………………………….