ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 577 ลงมือ (3)
บทที่ 577 ลงมือ (3)
เซี่ยเฉิงรู้จักจัวหลินดี หากแต่ภาพที่ปรากฏในหอพักฝั่งตรงข้ามกลับสร้างความตกใจให้แก่เธอเล็กน้อย
คนหนุ่มที่พูดคุยกับซาเจี๋ยอย่างเยือกเย็นคนนั้นไม่เหมือนจัวหลินที่สงวนท่าทีและมีนิสัยเย็นชาแม้แต่น้อย
‘อาจจะแค่หน้าตาเหมือนกันก็ได้มั้ง’ เธอเดา แต่ความจริงเธอมองออกทันทีว่าคนคนนั้นคือจัวหลิน
ในตอนที่เธอคิดจะแอบมองสถานการณ์ในหอพักฝั่งตรงข้ามต่อ อยู่ๆ ซาเจี๋ยก็เหมือนพบอะไรบางอย่าง จึงเดินมาลากผ้าม่านปิดบังสายตาของพวกเธอ
…
ในโรงอาหาร
เถียถ่ากินอาหารในจานอย่างรวดเร็วและสง่างาม พลางใช้หางตากวาดมองสีหน้าของเพื่อนสนิทที่อยู่ด้านหน้า
“นายดูร้อนใจนะ ยังกังวลกับเรื่องเมื่อก่อนหน้าอยู่อีกหรือไง วางใจเถอะน่าอิสตัน ฉันคอยจับตาดูเฉวียนสือฮุยอยู่ทุกที่ทุกเวลา ไม่ให้เธอมีโอกาสก่อเรื่องหรอก”
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าสวมแว่นตรากรอบเงิน มีใบหน้ารูปแตงและสายตาคมกริบ
“ฉันก็แค่สงสัยเท่านั้น ยังยืนยันไม่ได้ว่าเฉวียนสือฮุยจะเกี่ยวข้องกับม่านเหล็ก” เขากล่าวเบาๆ อย่างจนปัญญา
“ความสงสัยก็คือการยืนยันไม่ใช่หรือไง สภาพการณ์เลวร้ายขนาดนี้ เป้าหมายที่น่าสงสัยไม่มีทางบริสุทธิ์หรอก” เถียถ่าพูดอย่างไม่พอใจ
อิสตันส่ายหน้าเล็กน้อย พ่อของเขาเป็นแพะรับบาปในคดีระเบิดเมื่อครั้งนั้น ในอดีตเคยเป็นข้าราชการระดับสูง แต่สุดท้ายกลับถูกส่งขึ้นแท่นประหาร
เขาตรวจสอบคดีเพื่อแก้แค้นเหมือนกัน เตรียมตัวมาแล้วหลายปี ตอนนี้เจอร่องรอยส่วนหนึ่งแล้ว
“ที่นี่คือโรงเรียนแพลตินัม หากไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ พวกเราก็ทำอะไรเธอไม่ได้ ได้แต่อดทนไปก่อน”
“เออๆ” เถียถ่าพยักหน้าอย่างไม่พอใจ เขารู้ว่าหากเผชิญหน้ากับม่านเหล็ก พลังของพวกเขาสองคนยังน้อยเกินไปจริงๆ
ต่อให้มีลุงของเขาคอยลอบให้การช่วยเหลือ แต่หากว่าความแตกในที่แจ้ง คนที่เสียเปรียบไม่แน่ว่าจะเป็นเฉวียนสือฮุย
“คดีฆ่าคนบนดาดฟ้า ฉันพอจะเดาออกแล้วว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร ในใจพอจะมั่นใจอยู่ เพียงแต่ต้องหาหลักฐานมากกว่านี้ก่อน” อิสตันเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“จริงเหรอ” เถียถ่าพลันฮึกเหิม
“แน่นอน เพียงแต่ยิ่งฉันตรวจสอบ ยิ่งรู้สึกว่าพวกเราอ่อนแอเกินไป คนที่เราต้องเผชิญหน้าเกรงว่าจะไม่ได้มีแค่องค์กรม่านเหล็กเท่านั้น…” อิสตันพูดอย่างจนปัญญา
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเรายังหนุ่ม ยังมีโอกาสอยู่” เถียถ่าตบไหล่ของเขา
“แล้วเจ้าเด็กที่ถูกม่านเหล็กหมายหัวเพราะนายนั่นล่ะ นายคิดจะทำยังไง” เถียถ่านึกถึงเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่ถูกตนเข้าใจผิด จึงถามเพิ่มเติม
“ฉันส่งข้อความให้เขาแล้ว ถ้าหากเขาไม่เห็น อย่างนั้นก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว” อิสตันกล่าวอย่างจนใจ
…
“สะกดรอยเหรอ” ซาเจี๋ยปิดม่านหน้าต่าง หันหลังให้ลู่เซิ่ง น้ำเสียงแปลกพิกลมาก
“จัวหลิน ถ้านายไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ฉันสามารถแจ้งความว่านายหมิ่นประมาทสร้างเรื่องโกหกได้ตลอดเวลานะ” เขาหันมาทำหน้าจริงจัง
“หมิ่นประมาทเหรอ งั้นนายก็ไปแจ้งความซะสิ” ลู่เซิ่งนั่งนิ่งบนโซฟา “เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที บอกทุกอย่างที่นายรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของคดีระเบิดในตอนนั้นให้ฉันฟังทั้งหมดซะ”
ซาเจี๋ยขมวดคิ้ว
“จัวหลิน นายเข้าใจอะไรฉันผิดรึเปล่า”
“ฉันก็แค่อยากจะหาตัวคนร้ายตัวจริงให้เจอเร็วๆ เท่านั้น” ลู่เซิ่งกล่าวพลางส่ายหน้า “ฉันนับถึงสามนะ ถ้านายไม่พูด ก็อย่ามาโทษฉันที่ลงมือก็แล้วกัน”
ซาเจี๋ยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“อะไรทำให้นายมีความมั่นใจขนาดนี้กัน ในห้องเรียนต่อสู้ระยะประชิด ฉันอยู่ในอันดับห้าของชั้นเรียน ส่วนนายยังเบียดเข้าสิบอันดับแรกไม่ได้ด้วยซ้ำ ชุดเกราะรับรอง ประสิทธิภาพโดยรวมของฉันก็เป็นสามเท่ากว่าๆ ของเกราะโรงเรียน หรือว่านายคิดจะใช้ชุดเกราะของโรงเรียนที่เพิ่งได้มาเพื่อควบคุมตัวฉันงั้นเหรอ
ลู่เซิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย ด้วยตำแหน่งและพลังที่แท้จริงของเขา การที่พูดขนาดนี้กับไอ้หนูนี้ก็ถือว่าเมตตาแล้ว น่าเสียดายที่ไม่มีใครรับความปรารถนาดีของเขา
“เริ่มแล้วนะ หนึ่ง”
เขาเริ่มนับอย่างแน่วแน่
“จัวหลิน นายอย่ารนหาที่ตายดีกว่า” ซาเจี๋ยโมโหเล็กน้อย สายตาดุร้ายขึ้น
“สอง”
ซาเจี๋ยสีหน้าเย็นชา ห้องนอนค่อยๆ เปิดออก ชุดเกราะสูงใหญ่ที่ติดตั้งปีกสีเงินคู่หนึ่งไว้ด้านหลังเดินออกมา
“สาม”
ซาเจี๋ยรีบสวมชุดเกราะและส่งสัญญาณมือไปทางชายจากม่านเหล็กที่อยู่ในเงามืดอีกด้าน ทั้งสองกระหนาบลู่เซิ่งไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลาเดียวกัน
“ลงมือ!”
เสียงตวาดดังขึ้น ไม่ทราบว่าเป็นเสียงใคร
ซาเจี๋ยกับชายจากม่านเหล็กลงมือพร้อมกัน คงหนึ่งคิดทำให้ลู่เซิ่งสลบ อีกคนร่วมมือด้วยการกระแทกด้ามมีดใส่ตำแหน่งลับบนเครื่องแบบของลู่เซิ่ง ตรงนั้นซ่อนเครื่องมือระบุตำแหน่งสำหรับแจ้งเตือนที่โรงเรียนติดตั้งขึ้นเพื่อคุ้มครองนักเรียนเอาไว้
ทั้งสองต้องการจัดการลู่เซิ่งในเวลาที่สั้นที่สุดโดยไม่ให้เกิดเสียงใดๆ
เปรี้ยง!
เรื่องประหลาดบังเกิดขึ้น มีดสั้นของซาเจี๋ยกระแทกใส่สนามพลังไร้รูปร่างอย่างหนักหน่วง
ฝ่ามือของชายจากม่านเหล็กถูกหยุดลงห่างจากลู่เซิ่งครึ่งเมตรกว่าๆ เช่นกัน
“นี่คืออะไร?! สนามพลังหรือ!?” ชายจากม่านเหล็กงุนงง จากนั้นก็เพิ่มพละกำลัง แหวนวงหนึ่งที่สวมบนนิ้วแตกออกมาดังเพล้งอย่างฉับพลัน
“สายน้ำโค้งงอ วิชาเขม่าสังหาร!” เขาฝึกฝนในม่านเหล็กอย่างหนักหน่วงจนเป็นกิจวัตร ทำให้วินาทีนี้เขาตอบสนองได้ทันที ฝ่ามือแทงใส่จุดที่เบาบางที่สุดของสนามพลังอย่างแม่นยำ
สนามพลังป้องกันที่เบาบางแบบนี้ ต่อให้ต้านทานการโจมตีครั้งแรกของเขาไว้ได้ ก็ป้องกันครั้งที่สองไม่ได้อยู่ดี
ยิ่งอย่าว่ายังมีการทิ่มแทงในเวลาอันสั้นของระบบพลังขับเคลื่อนด้วย
ระบบพลังขับเคลื่อนบนแหวนสามารถเปลี่ยนพลังผสานของเขาให้กลายเป็นการทิ่มแทงได้ในเวลาสั้นๆ ทำให้แทงทะลุสนามพลังป้องกันใดๆ ที่ต้องการทะลวงได้
“วิชาเขม่าสังหารที่ได้รับการถ่ายทอดจากนายพลม่านเหล็กหรือ เป็นทักษะที่น่ากลัวจริงๆ!” ซาเจี๋ยถอยหลังก้าวหนึ่ง ไม่คิดเข้าร่วมการกลุ้มรุม แค่จัดการจัวหลิน มีชายคนนี้คนเดียวก็เพียงพอแล้ว
“แกเป็นคนของม่านเหล็กเหรอ” ลู่เซิ่งมองสัญลักษณ์พิเศษบนร่างอีกฝ่ายออกในทันที พลันบังเกิดความสนใจ
‘วิชาเขม่าสังหารของม่านเหล็กเป็นวิชาสังหารที่แข็งแกร่งซึ่งผสานกับควันพิษได้อย่างลงตัว สามารถกำจัดศัตรูด้วยวิธีการที่ปลอดภัยและรวดเร็วที่สุดได้ในขณะที่เจาะสนามพลังป้องกัน’ ซาเจี๋ยลืมตาโตเพื่อรับชมอย่างละเอียด ดูว่าจะเรียนรู้แก่นสำคัญได้สักหน่อยหรือไม่
วิชาฆ่าคนวิชานี้ ต่อให้เป็นด้านในม่านเหล็ก คนที่ใช้เป็นก็มีไม่มาก
ชายจากม่านเหล็กดีดนิ้วชี้ออกมา ปลายนิ้วเปล่งแสงเย็นเยียบที่อธิบายไม่ได้ และมีสนามพลังชนิดพิเศษที่เหมือนกับโลหะห่อหุ้มอยู่
“กระบวนท่าที่รวดเร็วที่สุดในวิชาสังหารของฉัน ก็คือดัชนีเฉียดวารีพิฆาต”
เขาโน้มร่างเล็กน้อย กลายเป็นท่วงท่าประหลาด เหมือนกับรวมพละกำลังทั้งร่างไว้ที่ปลายนิ้ว
“ระวังด้วย ฉันหยุดนิ้วนี้ไม่ได้ ถ้าแกรับไม่ได้ล่ะก็…ตายแน่!” จิตสังหารเดือดพล่านบนร่างเขา แม้ว่าเขาไม่คิดจะกำจัดลู่เซิ่งทิ้งที่นี่ แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ เขาจำเป็นต้องโจมตีสุดกำลังแล้ว
“ฉันเองก็มีอยู่ท่าหนึ่งเหมือนกัน แถมยังเป็นท่าดัชนีพอดีด้วย ใช้ความคล่องแคล่วเป็นหลัก เหมือนกับท่าดัชนีของแกเลย” ลู่เซิ่งลุกขึ้นก่อนจะชูนิ้วชี้และนิ้วกลางขึ้นพร้อมกัน พลังผสานหลายสายห่อหุ้มอยู่รอบๆ ทำให้นิ้วสองนิ้วแข็งแกร่งเหลือประมาณ
‘มันเตรียมตัวมาอย่างที่คิดไว้เลย’ ซาเจี๋ยจิตใจเคร่งขรึม ตอนนี้เขาสงสัยบ้างแล้วว่าลู่เซิ่งเป็นคนอื่นปลอมตัวมาหรือไม่
สองคนในห้องคุมเชิงกันอย่างตึงเครียด
“ระวังให้ดี!” ชายจากม่านเหล็กลืมตาโพลง “เฉียดวารีพิฆาต”
เขาพุ่งไปด้านหน้าดุจสายฟ้าแลบ พร้อมกับวาดนิ้วเป็นเส้นโค้งที่แปลกประหลาดและคมกริบกลางอากาศ ก่อนจะแทงใส่รอยบุ๋มใต้คางของลู่เซิ่งอย่างแม่นยำ
“คีตาหักเหมย!” ลู่เซิ่งแทงนิ้วออกอย่างฉับพลัน เหมือนกับหักกิ่งดอกเหมยอย่างอ่อนโยน
โครม!
ตู้เย็นสำหรับทดลองที่สูงสี่เมตรกว่าๆ กับผนังรอบๆ ถล่มลงอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ตู้เย็นสองส่วนที่หนักหลายตันกระเด็นออกไปชนใส่ปลายนิ้วของชายจากม่านเหล็กอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! อ๊าก!
ชายจากม่านเหล็กร้องโหยหวน เลือดสาดกระจายเต็มพื้น เขากระเด็นออกไปชนใส่กำแพงด้านหลังอย่างหนักหน่วงโดยมีตู้เย็นกดทับไว้ จากนั้นก็ล้มฟาดลงกับพื้นพร้อมกับชิ้นส่วนตู้เย็น กุมท้องที่มีแต่เลือด ใกล้ตายรอมร่อ
ซาเจี๋ยอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าจะเกิดผลลัพธ์แบบนี้ขึ้น
ตู้เย็นใบนั้นเป็นตู้เย็นแบบหนักสำหรับใช้ในการทดลองที่เขาสั่งทำพิเศษ ปรับเปลี่ยนข้อมูลความร้อนได้อย่างละเอียด เป็นแบบที่ฝังติดกับผนังในหอพัก
แต่ลู่เซิ่งกลับใช้นิ้วฟันขาด ทั้งยังฆ่าชายที่มาจากม่านเหล็กตายคาที่ด้วย
วี้ด…วี้ด…วี้ด…
เสียงเตือนภัยเสียดหูดังบนหออย่างต่อเนื่อง เห็นได้ว่าแรงกระแทกอันมหาศาลเมื่อครู่ได้ไปกระตุ้นการแจ้งเตือนฉุกเฉินเข้าแล้ว
“ควรไปได้แล้ว” ลู่เซิ่งจับซาเจี๋ยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเร่งฝีเท้าออกจากห้อง
“นายจะพาฉันไปไหน” หลังจากเห็นพลังของจัวหลินผู้ลึกลับ ซาเจี๋ยก็ยอมแพ้ทันที และเข้าใจว่า คนที่รอดจากการไล่ล่าขององค์กรม่านเหล็กไม่อาจใช้ข้อมูลมาวัดพลังได้
“แค่ตามฉันไปก็พอ” ลู่เซิ่งเดินอยู่ด้านหน้า ตลอดทางคือนักเรียนธรรมดาที่แตกตื่นตกใจเพราะสัญญาณเตือนภัย
“บ้านนาย” ลู่เซิ่งกล่าวอย่างแน่ใจ “ได้ยินว่าบ้านนายรวยมากนี่”
“เอ่อ…ก็พอใช้ได้ แค่ปกติ…” ซาเจี๋ยมองชายจากม่านเหล็กที่ล้มอยู่บนพื้น
“ตามฉันมา” ลู่เซิ่งนำซาเจี๋ยออกจากห้อง ลงลิฟท์ แล้วมาถึงด้านนอกหอพักอย่างรวดเร็ว
ซาเจี๋ยไม่กล้าขัดขืน ได้แต่ติดตามอยู่ใกล้ๆ ทั้งสองเพิ่งออกจากเขตหอพัก ก็เห็นกลุ่มรักษาความปลอดภัยของโรงเรียนที่แต่งชุดเต็มยศมุ่งหน้าไปยังหอพักทันที
ลู่เซิ่งเดินสวนไปอย่างเชื่องช้า ทำท่าต้องการหนีห่างจากจุดที่สัญญาณเตือนภัยดังให้เร็วที่สุด
“นายเป็นใครกันแน่?!”ซาเจี๋ยรู้สึกผิดปกติ ทิศทางที่อีกฝ่ายมุ่งหน้าไปคือนอกโรงเรียน เกิดว่าออกจากโรงเรียน เขาจะไม่มีโอกาสขอความช่วยเหลืออีกแล้ว
ตอนนี้รอบๆ ตัวมีคนวิ่งไปวิ่งมา ถ้าเคลื่อนไหวเร็วอาจจะหลุดจากการควบคุมของอีกฝ่ายได้
“ฉันจัวหลินไง” ลู่เซิ่งยิ้มพร้อมกับหันไปจ้องซาเจี๋ย “เป็นอะไรไป อยู่ๆ ก็หยุด”
“ไม่…แกไม่ใช่จัวหลิน” ซาเจี๋ยค่อยๆ ถอยหลัง สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น “คุณสมบัติจิตสังหารที่แหลมคมแบบนั้น จัวหลินไม่มีทางใช้ได้เด็ดขาด!?”
“งั้นเหรอ” ลู่เซิ่งเดาออกว่าเขาต้องการอาศัยจังหวะที่รอบๆ มีคนเยอะหนีไปนั่นเอง
“ฉันว่าพวกเราไปหาคุณครูแล้วเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้หมดกันเถอะ” ซาเจี๋ยค่อยๆ กล่าวเสียงขรึม
“คุณครูหรือ” อยู่ๆ ลู่เซิ่งก็ยิ้มให้เขา
ทันใดนั้น ลมจากนิ้วที่คมกริบซึ่งมีสนามพลังหลายสายแทรกอยู่ก็ฉีกสนามพลังด้านหน้าซาเจี๋ยออก แล้วกระแทกใส่หน้าผากของเขาอย่างแม่นยำ
เปรี้ยง!
ซาเจี๋ยตาเหลือกและสลบไปทันที แต่ถูกลู่เซิ่งประคองไว้
ต่อให้จะสวมใส่ชุดเกราะ เมื่อซาเจี๋ยถูกสนามพลังที่ลู่เซิ่งเพิ่มพลังกระแทกใส่หน้าผาก ก็สลบไสลไปทันทีเช่นกัน
“คิดหนีต่อหน้าฉันงั้นหรือ”
……………………………………….