ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 585 เงายักษ์ (1)
บทที่ 585 เงายักษ์ (1)
หมับ!
มือยักษ์จักรกลจับตัวผู้อำนวยการเอาไว้ นิ้วขนาดมหึมากับข้อต่อขนาดใหญ่บีบเกราะทั่วร่างเขาจนเกิดรอยแตกไม่น้อย
เลือดเนื้อและเศษชิ้นส่วนร่วงลงมาระหว่างซอกนิ้วของมือยักษ์อย่างช้าๆ
“แก…! เป็นไป…ไม่ได้!” เพลลา เพเจต์เงยหน้ากระอักเลือด รีบดิ้นรนขัดขืน สามารถเห็นได้จากขนาดของมือยักษ์ที่จับตัวเขาไว้ว่า ชุดเกราะชุดนี้มีระดับความใหญ่อยู่เหนือจินตนาการของเขา
อวี๋ชาที่อยู่ด้านข้างทรุดล้มลงกับพื้น ใบหน้าซีดขาว สะอึกสะอื้นและพูดอะไรไม่ออก
“สาเหตุที่ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะผืนดินเป็นนิรันดร์มาโดยตลอด ความสงบนิ่ง หยินหยาง ฟ้าดิน ทุกสรรพสิ่งล้วนมีเกิดมีกดข่มกัน”
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลอยขึ้น ลวดลายประหลาดสีม่วงอมดำหลายสายปรากฏบนใบหน้าและร่างกายของเขา
โฮก!
ราชาแห่งแสงสว่างที่อยู่ด้านนอกค้นพบความผิดปกติของที่นี่แล้ว มันขู่คำรามพลางยื่นแขนยักษ์มาทางด้านนี้
มือยักษ์ที่ยาวสิบกว่าเมตรเอื้อมข้ามลานกีฬาเหมือนกับงูหลามยักษ์ กระแทกมุมหนึ่งของตึกเรียนจนถล่ม แล้วคว้าใส่ตำแหน่งที่ลู่เซิ่งอยู่อย่างรุนแรง
เสียงอากาศระเบิดและการสั่นสะเทือนของผืนดินเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว
“ตอนแรกอยากจะเล่นสนุกสักหน่อย น่าเสียดาย…ที่แกทำฉันหมดอารมณ์แล้ว” ลู่เซิ่งมองไปยังเพลลา เพเจต์
ชุดเกราะสีม่วงที่จับอวี๋ชาเอาไว้ถูกมือยักษ์โลหะที่มีขนาดเล็กกว่านิดหน่อยอีกข้างบีบจนระเบิดกลายเป็นเศษชิ้นส่วนและเลือดเนื้อ ตั้งแต่พริบตาที่มือยักษ์โผล่มาแล้ว
“จบเรื่องให้ไวดีกว่า ละครตลกครั้งนี้ควรปิดฉากได้แล้ว” ลู่เซิ่งมองราชาแห่งแสงสว่างที่แผดเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ด้านนอก
“จงสัมผัสความเจ็บปวดเถอะ…” เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นสู่ฟากฟ้า ก่อนกำมืออย่างแผ่วเบา
“สรรพสิ่งโศกศัลย์”
ตูม!
ทันใดนั้นเหนือท้องฟ้าด้านนอกก็มีฝ่ามือยักษ์ที่กว้างถึงยี่สิบกว่าเมตรข้างหนึ่งลอยขึ้นอย่างฉับพลัน แล้วจับลำตัวท่อนล่างของราชาแห่งแสงสว่างเอาไว้
กรรซ์!
ราชาแห่งแสงสว่างเงยหน้าร้องคำราม ดิ้นหลุดจากมือยักษ์ ก่อนจะกระแทกมือยักษ์ที่อยู่ใต้ดินจนกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนและพุ่งมาทางลู่เซิ่ง
ตูม!
ทว่ามือยักษ์ข้างที่สองกลับพุ่งออกมาจับมันไว้อย่างแน่นหนา
ตามด้วยข้างที่สาม ข้างที่สี่ ข้างที่ห้า…
มือยักษ์สีดำหลายข้างเกิดจากการรวมตัวกันของแร่ดิบที่หยาบที่สุด แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับชุดเกราะอันงามประณีตของราชาแห่งแสงสว่าง
แต่ว่าจำนวนของพวกมันมีเยอะเกินไปจริงๆ
ตึกใหญ่ถล่ม พื้นดินพังทลายในเวลาแค่ครึ่งนาทีสั้นๆ มือยักษ์สีดำหลายข้างพุ่งออกจากพื้นพร้อมกับคว้าใส่ท้องฟ้า ราวกับกำลังกล่าวโทษท้องฟ้าถึงความเจ็บปวดที่ตนเองได้รับ
มือยักษ์สีดำจำนวนเหลือคณานับพุ่งออกมาจากพื้นในโรงเรียนแพลตินัมโดยใช้เวลาแค่หนึ่งนาที
มือใหญ่แต่ละข้างจับราชาแสงสว่างไว้เป็นชั้นๆ จนหนาขึ้นเรื่อยๆ
โฮก!
ราชาแห่งแสงสว่างร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ไม่นานเก็เหลือแค่ชุดเกราะส่วนเล็กๆ เท่านั้นที่โผล่ออกมาด้านนอก
เปรี้ยง!
ส่วนสุดท้ายถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งที่เพิ่งพุ่งออกมาปกคลุมไว้
ลู่เซิ่งมองดูชุดเกราะรุ่นใหม่ที่น่าสงสารตัวนี้อย่างเรียบเฉย
เงาดำขนาดมหึมาที่ใหญ่จนกินพื้นที่มากกว่าครึ่งของโรงเรียนค่อยๆ ลอยขึ้นด้านหลังเขา
ตึกท่อนบนถูกพังทลายลง เผยให้เห็นท้องฟ้ากลางคืนด้านนอก
เงายักษ์รูปร่างมนุษย์ที่น่ากลัวซึ่งสูงถึงพันเมตรยืนตระหง่านอย่างเงียบๆ อยู่ด้านหลังลู่เซิ่ง
ฟ้าว…
เงายักษ์ยื่นนิ้วชี้ออกมาวางไว้ด้านหน้าลู่เซิ่ง
“ไปด้วยกันไหม” ลู่เซิ่งมองอวี๋ชาที่ล้มอยู่บนพื้นพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน
อวี๋ชาอึ้งงันไปตั้งแต่แรกแล้ว การเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นติดต่อกันทำให้สมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนมากเกินไป ราวกับว่าเวลาสิบกว่าปีที่เธอใช้มาเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก
“มาเถอะ” ลู่เซิ่งยื่นมือออกไป
ท่ามกลางเสียงดังครืนครัน ข้างใต้ตัวอวี๋ชามีมือจักรกลสีดำข้างหนึ่งช้อนเธอขึ้นมาไว้กลางฝ่ามือ แล้วค่อยๆ ชูขึ้นสูง
เศษหินจำนวนมากที่ร่วงลงไปสร้างความตกใจให้แก่เฉวียนสือฮุยที่ตะลึงงัน
ลู่เซิ่งกับอวี๋ชาลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่มือยักษ์ยื่นพวกเขาเข้าหาเงาดำขนาดยักษ์ที่อยู่กลางท้องฟ้า
เฉวียนสือฮุยจึงค่อยได้สติกลับมา จนกระทั่งตอนนี้เธอยังชาดิกไปทั้งร่าง หัวใจที่เต้นรัวทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าเส้นเลือดทั่วร่างกำลังขยายตัว
“เป็น…พลังที่น่ากลัวจริงๆ…”
เธอมองไปยังเพลลา เพเจต์ที่ถูกมือใหญ่สีดำจับไว้เป็นครั้งสุดท้าย
เงียบงันพักหนึ่ง เธอจึงค่อยชักมีดออกมาและเดินเข้าหาเพลลา
“ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว คุณลุง…”
…
“นั่นมัน…อะไรกัน…!?”
ขณะบั๊คกับราชาสายฟ้าโนแลนกำลังต่อสู้กับแสงแห่งสุสานเหนือหรือผู้คุมม่านอยู่ ดาดฟ้าตึกก็สั่นไหวอย่างฉับพลัน
ตูม!
มือยักษ์สีดำข้างหนึ่งพุ่งออกมาจากพื้นด้านข้าง แล้วเอื้อมไปยังท้องฟ้า
“พวกแกทำอะไรลงไป!?” น้ำเสียงของแสงแห่งสุสานเหนือร้อนรนขึ้น รอบนอกของที่นี่ยังมีทัพม่านเหล็กจำนวนมากที่เขาวางเอาไว้ ถ้าหากถูกมือใหญ่เมื่อครู่นี้กระแทกโดนโดยไม่ทันระวัง เกรงว่าม่านเหล็กจะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
“พวกเราไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเดียว” บั๊คยักไหล่ “ทำไมแกไม่ไปถามตัวต้นเรื่องล่ะ อย่างไอ้หมูตอนผิวขาวชั่วช้าลามกตัวนั้นไง”
“หรือว่านี่จะเป็นอาวุธลับของโรงเรียน” ราชาสายฟ้าเอ่ยเสียงเย็น “แต่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดที่โรงเรียนสร้างขึ้นตัวนั้นจะตายอย่างแน่นอนแล้ว”
“ทำไมล่ะ” บั๊คไม่เข้าใจ “ต่อให้สู้ไม่ไหวก็ยังหนีได้นี่นา”
“เป็นเพราะ…ไอ้นั้นไง…” ราชาสายฟ้าชี้ไปด้านหลังบั๊ค
บั๊คเหมือนสัมผัสอะไรได้แล้วเช่นกัน จึงค่อยๆ หมุนตัวไป
“ไอ้…ไอ้ฉิบหาย…! นั่นมันตัวบ้าอะไรกันวะ!?” บั๊คตกตะลึง
เขาเคยเห็นชุดเกราะผสมขนาดใหญ่มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นชุดเกราะที่ใหญ่ถึงขนาดนี้
ชุดเกราะที่สูงมากกว่าพันเมตร! นี่กำลังฉายหนังมนุษย์ต่างดาวบุกโลกอยู่หรือไง
ร่างกายของเงายักษ์ที่ลอยขึ้นปกคลุมแสงจันทร์ เงามืดบดบังทั้งสามเอาไว้โดยสิ้นเชิง
แสงแห่งสุสานเหนือพุ่งลงตึกทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
“อย่าคิดหนี!” ราชาสายฟ้ากำลังจะไล่ตามไป
“ไม่ต้องไล่ตาม” บั๊คเรียกเขาเอาไว้ “คนที่อยู่ที่นี่หนีไม่พ้นหรอก”
ราชาสายฟ้ามองตามสายตาของบั๊ค เห็นราชาแห่งแสงสว่างถูกมือยักษ์นับไม่ถ้วนปกคลุมและโดนลากลงไปใต้ดินอย่างช้าๆ พอดี
เสียงขู่คำรามทึบหนักของราชาแห่งแสงสว่างดังมาเป็นระยะ แต่ก็ไร้ความหมาย มือยักษ์ปกคลุมและบีบอัดตัวมันมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงโลหะบิดงอดังมาจากด้านในได้อย่างเลือนราง
ราชาแห่งแสงสว่างกลายเป็นตุ่มโลหะขนาดใหญ่
“หรือว่าอาวุธลับของโรงเรียนจะสูญเสียการควบคุม” ราชาสายฟ้าอดถามเบาๆ ไม่ได้
“ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่นายดูทางนั้นสิ” บั๊คชี้ไปทางอกข้างซ้ายและไหล่ข้างขวาของเงายักษ์
ราชาสายฟ้ามองตามไป เห็นมือยักษ์ข้างหนึ่งยกลู่เซิ่งกับอวี๋ชาให้ลอยอยู่กลางอากาศเข้าพอดี
ลู่เซิ่งยืนก้มมองโรงเรียนอยู่ตรงกลางฝ่ามือ ชุดคลุมบนร่างถูกพัดจนกระพือไปด้านหลัง
“บอส…ความสามารถยิ่งใหญ่จริงๆ…” ราชาสายฟ้าตกตะลึงอย่างมิอาจควบคุม พร้อมกับพึมพำเบๆ
…
มิสซิสเบเลย์ค่อยๆ ถอนเลื่อยออกมาจากเกราะขุนพลชุดหนึ่งที่อยู่ข้างใน แล้วเช็ดเลือดบนใบหน้า พลางจ้องลู่เซิ่งกับอวี๋ชาที่กำลังก้มมองทุกสิ่งอยู่กลางอากาศ
“เซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลย…” มิสซิสเบเลย์ไม่ได้ตื่นเต้นมานานแล้ว แต่เธอกลับค่อยๆ ตื่นเต้นขึ้นมาตอนเกิดการระเบิดเมื่อครู่
ในอีกมุมหนึ่ง ฮาล์ฟเฟซค่อยๆ ชักมือออกจากหว่างคิ้วของเกราะทหารที่อยู่ด้านหน้า
“ดูเหมือนพาดหัวข่าวของสหพันธรัฐ ในวันพรุ่งนี้เช้าน่าจะเป็นความพินาศของโรงเรียนแพลตินัม เทียบกับค่าหัวของพวกเรา ค่าหัวของบอสในวันพรุ่งนี้คงพุ่งทะลุฟ้า”
“ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก…บางทีค่าหัวอาจจะออกมาตั้งแต่ตอนนี้แล้วก็ได้…” มิสซิสเบเลย์ยิ้มอย่างอ่อนโยนและสว่างไสวกว่าเดิม
“ดูเหมือนครั้งนี้พวกเราจะเลือกไม่ผิดจริงๆ”
“ยุคสมัยของพวกเรา…ช่างน่าคาดหวังจริงๆ” ฮาล์ฟเฟซแลบลิ้นเลียนิ้วมือพร้อมหัวเราะเสียงแหลม
…
ไป๋ซือแผดเสียง ชุดเกราะหัวสิงโตร่างมนุษย์เปลี่ยนทิศหลบมือใหญ่ที่พุ่งออกมาจากพื้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะพุ่งไปด้านข้าง
เขาวิ่งตะบึงและกระโดดไปมาระห่างตึกเรียน มือใหญ่จำนวนมากผุดออกมาจากด้านหน้าและด้านหลังเพื่อจับตัวเขาอย่างต่อเนื่อง
แต่เขาเร็วเกินไป
มือใหญ่หลายข้างจับเขาไว้ไม่ได้ ได้แต่บดขยี้เกราะทหารหลากหลายรูปแบบที่อยู่บนพื้นเท่านั้น
ทัพปีกขาวบาดเจ็บล้มตายอย่างสาหัส คนจำนวนหนึ่งในโรงเรียนรวมถึงทัพม่านเหล็กล้วนถูกมือสีดำนับไม่ถ้วนปกคลุม กลายเป็นเป้าหมายการโจมตีที่ไม่มีข้อแตกต่างของพวกมัน
เกราะทหารสีขาวหลายกลุ่มโอดครวญร้องหวยหวนขณะถูกบดขยี้ ถูกฟาด และถูกกดทับจนตาย
เลือด แขนขา รวมถึงชิ้นส่วนชุดเกราะโปรยปรายไปทั่วทุกที่
ฉัวะ!
มือใหญ่สีดำข้างหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปถูกประกายเย็นเยียบสีขาวอมเงินแยกออกเป็นสองส่วน แล้วหล่นลงกระแทกใส่พื้น
“ไป๋ซือหรือ”
ผู้มาค่อยๆ ทิ้งตัวลงด้านข้างชุดเกราะหัวสิงโต เป็นมังกรพิษแกล แคนดี้ที่เพิ่งจากไป
“ไอ้พวกนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?!” ตอนนี้มังกรพิษยังไม่ได้สติ เอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
มือใหญ่จักรกลกลุ่มหนึ่งที่มุดออกมาจากพื้นโจมตีทัพปีกขาวจนแตกพ่าย
รอจนได้สติกลับมา รอบๆ ก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว
“ดูตรงนั้นเดี๋ยวก็รู้เอง”
ไป๋ซือมองไปยังเงาดำขนาดยักษ์ที่อยู่ไกลออกไป ด้านหน้าทรวงอกของเงายักษ์มีคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งคืออวี๋ชาเด็กสาวธรรมดาที่เขาเพิ่งจับตัวมาจากที่ซ่อนคนนั้น
มังกรพิษมองไปยังทิศทางนั้นเช่นกัน พริบตาที่เห็นลู่เซิ่งกับอวี๋ชา เพลิงโทสะในใจเขาพลันถูกน้ำเย็นราดดับในทันใด สิ่งที่มาแทนที่คือความตกตะลึงพรึงเพริดอย่างรุนแรง
“ดูเหมือนพวกเราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้ว…” ไป๋ซือมองดูแขนโลหะสีดำที่พุ่งออกมาจากพื้นดินรอบๆ เยอะขึ้นเรื่อยๆ อย่างสงบ
“ไม่! กองทัพของฉัน! ทัพปีกขาวของฉันยังอยู่ที่นี่!” มังกรพิษตะโกน “ฉันจะไปฆ่าไอ้หนูนั่นเพื่อจบเรื่องทุกอย่างนี้เอง!”
เขากระโจนไปยังทิศที่เงายักษ์อยู่ โดยหลบมือใหญ่หลายข้างที่พุ่งเข้ามาจับได้อย่างคล่องแคล่วถึงขีดสุดกลางอากาศ
ไป๋ซือเงียบงันเล็กน้อย ก่อนจะเหินร่างตามไป
“เพื่อสหพันธรัฐ! ชุดเกราะแบบนี้ไม่ควรอยู่ในมือคนธรรมดา!”
…
“เธอ…เป็นเทพเจ้าเหรอ” อวี๋ชาอดถามเบาๆ ไม่ได้
กลางท้องฟ้าสูง ลมเย็นพัดเสื้อผ้าของคนทั้งสองจนดังพึ่บพั่บ
ลู่เซิ่งโอบกอดอวี๋ชาเอาไว้ ใบหน้าฉายแววอ่อนโยนที่แฝงความเยือกเย็น
“ฉันคือจัวหลิน ไม่ใช่ว่ามีพลังแข็งแกร่งแล้วจะเป็นเทพเจ้าเสียหน่อย” เขาบีบแก้มของอวี๋ชา
“แต่ทำไมทุกอย่างนี้เหมือนกับกำลังฝันอยู่เลยล่ะ” อวี๋ชาเอ่ยอย่างมึนงง
“เหมือนกับ…เหมือนกับเธอพร้อมจะไปจากฉันได้ตลอดเวลา…” เธอเอื้อมมือออกไปเพื่อจะสัมผัสใบหน้าของลู่เซิ่ง แต่นิ้วกลับชะงักกลางอากาศ ไม่กล้ายื่นเข้าใกล้ต่อ
“น่าเหลือเชื่อเกินไป…” อวี๋ชาพึมพำด้วยดวงตาที่พร่ามัว
……………………………………….