ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 586 เงายักษ์ (2)
บทที่ 586 เงายักษ์ (2)
ลู่เซิ่งนิ่งไป
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจอยู่ที่นี่เคียงข้างอวี๋ชาได้ สิ่งที่เขาทำได้เพียงหนึ่งเดียวคือหาที่พักพิงที่ดีกว่าเดิมให้กับอวี๋ชา และช่วยจัดการทุกสิ่งในอนาคตให้กับเธอ
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย” เขาเปลี่ยนหัวข้อ “ให้พวกเราดูหน่อยว่าคนของม่านเหล็กอยู่ไหน แล้วก็เจ้ามังกรพิษแกล แคนดี้เมื่อกี้นี้ด้วย”
เขาก้มมองลงไปจากที่สูง ไม่นานก็กวาดตาเห็นคนของทัพปีกขาวที่กำลังแตกพ่ายไปอยู่รอบๆ
ทัพปีกขาวที่ก่อนหน้านี้มีจำนวนมากมาย ตอนนี้เหลือแค่คนบาดเจ็บไม่กี่คนหลบอยู่ตรงมุมหนึ่ง ยามมองลงไปจากที่สูง เหมือนกับเม็ดทรายสีขาวที่กระจัดกระจาย
แผนการมากมายต่อโลกใบนี้ปรากฏแวบขึ้นในใจลู่เซิ่ง ทุกสิ่งต่างก็ง่ายดาย ยกเว้นก็แต่อวี๋ชา
เขาถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง พร้อมกับควบคุมให้เงายักษ์เอื้อมมือออกไป
ความจริงแกนหลักของชุดเกราะยักษ์ที่เขาตั้งชื่อให้ว่าราชาแห่งความโศกศัลย์ชุดนี้เป็นชุดเกราะพื้นฐานในตอนแรกสุดของเขานั่นเอง
ภายหลังเขาได้ใช้ชิ้นส่วนจำนวนมากในการประกอบและปรับปรุงอุปกรณ์ภายนอกสำหรับขุดแร่ที่ซากรุ๊ป
นอกจากจะใช้อุปกรณ์ส่วนนี้แล้ว ลู่เซิ่งยังได้ให้เหล่าวิศวกรของซากรุ๊ปเตรียมแร่ดิบสำหรับสร้างชุดเกราะไว้จำนวนมาก
ทักษะการสร้างชุดเกราะถูกเก็บเป็นความลับ แต่วัสดุดั้งเดิมกลับไม่ค่อยแพงนัก วัสดุมากมายต่างก็ใช้เป็นแกนหลักของชุดเกราะได้
ซากรุ๊ปเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้ ถึงแม้ว่าพ่อลูกตระกูลซาจะไม่รู้ว่าลู่เซิ่งต้องการทำอะไร แต่แร่ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ยิ่งเป็นแร่ดิบที่ไม่ผ่านการสกัด ราคาก็ไม่ถือว่าสูงเกินไปนัก
ดังนั้นแร่ดิบจำนวนมากจึงถูกติดตั้งลงบนตัวชุดเกราะราชาแห่งความโศกศัลย์เหมือนกับชิ้นส่วนติดตั้งภายนอก
แม้ว่าระบบเชื่อมต่อจะไม่สมเหตุสมผลนัก แต่ลู่เซิ่งมีพลังผสานที่ยิ่งใหญ่ไพศาล
พลังผสานเป็นสิ่งอัศจรรย์อย่างยิ่ง ต่อให้ชุดเกราะเกิดปัญหาหรือรอยแตก ขอแค่มีพลังผสานแข็งแกร่งพอ ก็สามารถใช้อำนาจจิตสู้ต่อได้
และลู่เซิ่งก็มีพลังผสานแข็งแกร่งพอดี!
เขาให้ราชาแห่งความโศกศัลย์กลืนกินและดูดซับแร่ดิบอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ให้มันขุดดินจากใต้ทะเลสาบมาถึงโรงเรียนแพลตินัม และเชื่อมต่อกับแร่สายหนึ่งที่อยู่ใต้โรงเรียน
ในเวลาหนึ่งเดือน ราชาแห่งความโศกศัลย์ขยายร่างกายของตัวเองไปพลาง ยื่นแขนจำนวนนับไม่ถ้วนที่เหมือนรากไม้ออกมาขุดไปยังใต้ดินของโรงเรียนแพลตินัมไปพลาง
ทางเชื่อมและช่องว่างมากมายที่เตรียมไว้ก่อนจึงสำเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้
และทุกอย่างนี้ แม้แต่ซากรุ๊ปที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือก็ยังไม่รู้
คนที่รู้เรื่องมีแค่ลู่เซิ่งเพียงคนเดียว
ความยุ่งยากและช่องโหว่มากมายที่อาจจะเจอได้ในกระบวนการที่ยิ่งใหญ่นี้ถูกพลังผสานอันมหาศาลของเขาแก้ไขได้อย่างง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
ราชาแห่งความโศกศัลย์เป็นตัวตนอันน่ากลัวที่สะสมความสำเร็จจำนวนมากเอาไว้หลังจากที่พลังผสานแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่ง
มาถึงตอนนี้ความจริงร่างกายของราชาแห่งความโศกศัลย์ได้กระจายไปทั่วใต้ดินของโรงเรียนแพลตินัมแล้ว ร่างมนุษย์ขนาดมหึมาที่โผล่มาด้านนอกในตอนนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของร่างกายเท่านั้น
“ไปซะ คนของม่านเหล็กกับทัพปีกขาวต้องพินาศ” ลู่เซิ่งชี้นิ้วไปที่ทัพปีกขาวที่เข้าร่วม
ฟิ้ว!
แขนสีดำกลุ่มใหญ่ทะลักออกไปจากบนร่างของหุ่นยักษ์ แล้วคว้าใส่ทัพปีกขาวที่ไม่สมประกอบบนพื้นดิน
เกิดเสียงร้องโหยหวนที่อ่อนแรง ผู้รอดชีวิตจำนวนน้อยนิดกลุ่มสุดท้ายถูกเขากำจัดทิ้งทั้งหมด
“แล้วก็เป็นทัพม่านเหล็ก” ลู่เซิ่งมองเห็นว่าในซากปรักหักพังที่อยู่ไม่ไกลออกไปมีจุดสีดำเล็กๆ กลุ่มหนึ่งหลบอยู่ข้างซากโรงยิม โดยอาศัยเงาของโรงยิมหลบเลี่ยงการค้นหาของมือดำจำนวนมากที่อยู่ด้านนอก
‘ไป’ เขาคิดในใจ
ส่วนเอวของเงายักษ์ด้านหลังระเบิดออกอย่างฉับพลัน แขนโลหะกลุ่มใหญ่ประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างและพุ่งใส่อาณาเขตของโรงยิมเหมือนกับรากต้นไม้
เปรี้ยง!
มือยักษ์จักรกลที่อยู่ไกลออกไปกดทับด้านบนโรงยิมอย่างรุนแรงเหมือนกับบดขยี้มด
ซากปรักหักพังถล่มลงเป็นกลุ่มใหญ่ พวกที่มีปฏิกิริยาช้าจำนวนไม่น้อยโดนกลบฝังในพริบตา
คนสวมชุดเกราะส่วนหนึ่งพุ่งออกมาเพื่อจะหนีจากบริเวณรอบๆ แต่ก็ถูกแขนจักรกลที่โบกไปโบกมารอบๆ จับเอาไว้แล้วโดนบีบจนตายอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างจบลงในเวลาแค่สิบกว่าวินาที
มีแต่พวกที่แข็งแกร่งถึงขีดสุดไม่กี่คนที่ฝืนหนีออกมาได้ ลู่เซิ่งคร้านจะสนใจ หากหมุนตัวไปหาเป้าหมายถัดไป
‘ขอดูหน่อยเถอะ ผู้คุมม่านของทัพม่านเหล็กคือแสงแห่งสุสานเหนือ รองผู้คุมม่านคือ…เฉวียนสือฮุยเหรอ’ พลังผสานอันยิ่งใหญ่ทำให้เขาสัมผัสการเคลื่อนไหวทั้งหมดในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรได้ดุจอยู่บนฝ่ามือ
บทสนทนาของเฉวียนสือฮุยกับผู้อำนวยการคนนั้น เขาเองก็ได้ยินเช่นกัน
“เพื่อสหพันธรัฐ!” จู่ๆ ก็มีเสียงขู่คำรามลอยมาจากฝั่งขวาด้านล่าง
ลู่เซิ่งมองไปตามเสียง เห็นเงาสีขาวสายหนึ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าและกำลังพุ่งตรงมาทางที่เขาอยู่
ด้านหลังเงาสีขาวเหมือนมีอุปกรณ์ไอพ่นบางชนิดที่ทำให้อีกฝ่ายหลุดออกจากแรงโน้มถ่วงได้สำเร็จ
นอกจากเงาสีขาวแล้ว อีกทิศทางหนึ่ง มังกรพิษแกล แคนดี้ก็ทะยานร่างขึ้นจากซากตึกเรียนแห่งหนึ่งและเขวี้ยงจุดแสงสีขาวจุดหนึ่งมาหาเขาเช่นกัน
จุดแสงกับเงาสีขาวพุ่งขึ้นฟ้าพร้อมกับเข้าใกล้ลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
อยู่ๆ ฝ่ามือสีดำข้างหนึ่งก็เข้ามาขวางด้านหน้าลู่เซิ่งเอาไว้ และป้องกันจุดแสงกับเงาสีขาวได้อย่างแม่นยำ
ฝ่ามือถูกทะลวงได้ในพริบตา ทว่าจุดแสงเพิ่งจะเจาะฝ่ามือแรกเสร็จ แต่สิ่งที่ตามมาติดๆ ก็คือยังมีมือจักรกลขนาดใหญ่อีกนับไม่ถ้วน
จุดแสงทะลวงฝ่ามือห้าชั้นติดต่อกันก่อนจะหมดแรง แล้วฝังตัวเข้าไปยังใจกลางฝ่ามือข้างที่หกอย่างแน่นหนา
“ดิ้นรนไปก็ไร้ความหมาย” ลู่เซิ่งมองไปยังมังกรพิษแกล แคนดี้ที่เขวี้ยงจุดแสงออกมา พร้อมกับยื่นมือจับใส่ความว่างเปล่า
ตูม!
ฝ่ามือหลายสิบข้างพุ่งเข้าหามังกรพิษจากทุกทิศทุกทาง พริบตาเดียวก็ประกบเขาไว้เป็นก้อนเหล็กก้อนหนึ่ง
“เขี้ยวมังกร!”
ฟ้าวๆๆ
ทันใดนั้นมังกรพิษก็พุ่งออกมาจากในก้อนเหล็ก บนร่างปรากฏเลื่อยแหลมมากมายเหมือนกับเม่น ฉีกมือยักษ์รอบๆ อย่างรุนแรง ก่อนจะฝ่าวงล้อมออกมา
แต่การระเบิดครั้งนี้กลับทำให้เขาได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย
การคว้าจับครั้งนี้ แค่แรงกระแทกจากการระเบิดอย่างกะทันหันก็ปาไปมากกว่าร้อยตันแล้ว กอปรกับแรงบีบอัดกับน้ำหนักอันมหาศาลของมือเหล็กจำนวนมาก ต่อให้เป็นมังกรพิษ ก็เกือบจะถูกกำจัดทิ้ง
มังกรพิษร่างอาบเลือด ผิวของชุดปรากฏปรากฏรอยแตกเล็กๆ
“ไป๋ซือ!” เขาแผดเสียง ถอดเลื่อยชิ้นหนึ่งบนชุดเกราะตัวเองออกมา แล้วเขวี้ยงใส่ลู่เซิ่งที่อยู่กลางอากาศอีกครั้ง
“ฆ่า!” หลังถูกฟาดใส่ ไป๋ซือก็พุ่งขึ้นท้องฟ้าจากด้านข้างอีกรอบ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่ลู่เซิ่งสู้กับมังกรพิษ เข้าใกล้ลู่เซิ่งในรัศมียี่สิบสามสิบเมตรได้จริงๆ
“สิงโตคำราม!”
ไป๋ซือกางแขนขวาออกอย่างฉับพลัน แสงสีขาวเจิดจ้าเดือดพล่านอยู่ด้านใน
ตูม!
ลำแสงในสภาพอนุภาคจำนวนมากรวมตัวกัน แล้วพุ่งใส่ข้างลำตัวลู่เซิ่ง
ระหว่างพวกเขามีระยะห่างยี่สิบสามสิบเมตร มือจักรกลจึงเข้ามาขวางไม่ทัน ลำแสงพุ่งใส่ลู่เซิ่งและโจมตีใส่ไหล่ขวาของเขาพอดี
“สำเร็จแล้ว!” ไป๋ซือกับมังกรพิษต่างก็โล่งอก
ปืนใหญ่สิงโตคำรามมีพลังสั่นสะเทือนที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด สามารถทำให้ผู้ที่โดนยิงใส่สูญเสียสติและกลยเป็นอัมพาตได้ทันที
“เป็นพลังสั่นสะเทือนที่แข็งแกร่งจริงๆ” ลำแสงจางหายไป เผยให้เห็นพวกลู่เซิ่งที่แสดงสีหน้าเรียบเฉยอยู่ด้านหลัง
“อันตรายจริงๆ เกือบจะถูกยิงโดนซะแล้ว” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเสียดาย
ตูม!
ต่อจากนั้นก็เป็นกระสุนนัดที่สองที่ระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน
ไป๋ซือยืมพลังจากอุปกรณ์ผลิตพลังงานเพื่อยิงนัดที่สามในเวลาแค่สั้นๆ
ครั้งนี้ลำแสงพุ่งใส่ลู่เซิ่งโดยไร้การอำพราง ปลายลำแสงเข้าใกล้ศีรษะลู่เซิ่งอย่างรวดเร็ว
ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดก็คือ ขณะที่เข้าใกล้ลู่เซิ่ง ความเร็วของลำแสงกลับช้าลงและติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งอยู่ห่างจากลู่เซิ่งสองสามเมตร ในที่สุดลำแสงก็มืดสลัวลง สุดท้ายก็ดับไปโดยสิ้นเชิง
“สนามพลังป้องกัน…” ไป๋ซือลืมตาโต เข้าใจในทันที
ความแข็งแกร่งของสนามพลังป้องกันบนร่างชุดเกราะยักษ์ที่ใหญ่ถึงขนาดนี้ เกรงว่าจะเป็นจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์แล้ว
สนามพลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ จะมีใครเจาะได้อีก
ไม่ใช่แค่ไป๋ซือมองออกเท่านั้น มังกรพิษที่อยู่บนพื้นดินด้านล่างก็ค้นพบความจริงอันสิ้นหวังนี้เช่นกัน
‘ถอย!’ คนทั้งสองเกิดความคิดนี้แทบจะพร้อมกัน
อีกฝ่ายเป็นตัวตนอันน่ากลัวที่สู้ไม่ได้อีกแล้ว ลำพังแค่พวกเขาสองคน แม้แต่สนามพลังป้องกันของคนคนนี้ก็ยังเจาะไม่ได้
ทั้งสองอยู่ไกลกันมาก แต่กลับถอยหลังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย คนหนึ่งถอยหลังกลางอากาศ คนหนึ่งพุ่งไปตามซากปรักหักพังเพื่อออกจากโรงเรียน
“โง่เง่า”
ลู่เซิ่งสั่งให้ราชาแห่งความโศกศัลย์ตะปบแขนขวาใส่มังกรพิษ
แขนจักรกลสีดำขนาดยักษ์ที่ยาวหลายร้อยเมตรระเบิดอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น แล้วกลายเป็นหนวดจักรกลเหลือคณานับกลางอากาศ
ฟิ้ว!
อยู่ๆ ไกลออกไปก็มีเสียงแทรกที่เสียดหูดังขึ้น
ลู่เซิ่งหยีตามองไปยังทิศทางนั้น
ไกลออกไปกลางท้องฟ้าราตรี จุดแสงสีแดงฉานสิบกว่าสายกำลังลอยมาทางด้านนี้จากขอบฟ้ายามรัตติกาล
…
“หมดทางแล้วจริงๆ งั้นเหรอ”
ด้านในหน่วยป้องกันใหญ่ของสหพันธรัฐ เหล่านายพลของสหพันธรัฐ ที่มีผมหงอกขาวหลายคนพากันลุกขึ้นมองดูมังกรพิษที่กำลังถูกหนวดสีดำนับไม่ถ้วนรัดพันในจอภาพ
“ปฏิกิริยาพลังงานสูงได้ครอบคลุมโรงเรียนแพลตินัมไว้หมดแล้ว ดีที่นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปแล้วเพราะเป็นช่วงปิดเทอม”
“ผู้อำนวยการเพลลา เพเจต์ตายในการต่อสู้”
“ทัพปีกขาวเสียหายมากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์!”
“สุดท้ายส่วนประกอบของราชาแห่งแสงสว่างได้รับความเสียหายแปดสิบสี่เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้!”
“ปฏิกิริยาพลังงานสูงกำลังจะกระจายไปถึงห้องทดลองลับใต้ดินแล้ว”
นายพลในกองทัพหลายคนซึ่งเป็นโครงสร้างอำนาจสูงสุดของสหพันธรัฐอัลเลนมองดูมังกรพิษกับไป๋ซือที่อยู่กลางจอภาพอย่างเงียบๆ
นายพลเอกจมูกงุ้มที่เป็นผู้นำนิ่งเงียบเป็นเวลานานขณะมองดูมังกรพิษในจอภาพอย่างล้ำลึก
“เตรียมตัว…จบแผนการ…” เขาหลับตาลง เสียงเบาเสียจนคนแทบทุกคนสัมผัสได้ถึงความอ่อนแรง
“พวกเราสามารถส่งหัวกะทิของหน่วยพิเศษไปเจรจากับอีกฝ่ายได้…”
“ทำตามคำสั่งซะ!” พลเอกจมูกงุ้มตัดบทอีกฝ่าย
“แต่…พลตรีแกล แคนดี้ กับพลโทไป๋ซือยังอยู่นะครับ…” พลโทคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างส่งเสียงเบาๆ
“แคนดี้…เขาต้องเข้าใจแน่” พลเอกจมูกงุ้มไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่ใบหน้าฉายแววเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง
นั่นคือลูกชายเพียงคนเดียวของเขา และเป็นผู้รับช่วงเพียงคนเดียวของตระกูล
แต่ตอนนี้วินาทีนี้ ต่อให้เป็นเขา…
“ตกลง…ดำเนินการจบแผนการ…” นายพลอีกหลายคนแลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งหมดต่างก็เห็นด้วย
ทั้งห้าคนกดแหวนคริสตัลสีดำที่สวมอยู่ลงพร้อมกัน
ปลายคริสตัลบนแหวนสะท้อนลายนิ้วมือของคนทั้งห้า
“ปลดขอบเขตอำนาจสุดท้าย”
“ปลดแสงมรณะที่ขอบทวีปทางยุทธศาสตร์”
“กำหนดเป้าหมาย ล็อกเป้าหมายที่โรงเรียนแพลตินัม”
“เตรียมการยิง เริ่มนับถอยหลัง…”
“10…9…8…”
……………………………………….