ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 599 สามขีดจำกัดใหญ่ (1)
บทที่ 599 สามขีดจำกัดใหญ่ (1)
กรอบด้านล่างสุดแสดงให้เห็นวิชารักษาที่มีแบบแผน
สิ่งที่น่าแปลกก็คือ ในกรอบวิชารักษาที่มีแบบแผนนี้ยังแบ่งออกเป็นสองกรอบย่อย อยู่ติดกันด้านบนด้านล่าง
กรอบด้านบนแสดงวิชากระตุ้นวิญญาณ
กรอบด้านล่างแสดงวิชาปลูกถ่าย
นี่เป็นทักษะสำคัญสองอย่างของวิชารักษาที่มีแบบแผน
ลู่เซิ่งมองกรอบวิชากระตุ้นวิญญาณที่อยู่ด้านบน
[วิชากระตุ้นวิญญาณ: ระดับที่หนึ่ง ด้ายกระตุ้นวิญญาณสีดำ (คุณสมบัติพิเศษ: แปลงเลือดขั้นหนึ่ง, เย็บแผลขั้นหนึ่ง, เร่งความเร็วขั้นหนึ่ง)]
‘เป็นวิชาที่ไม่มีคุณสมบัติโจมตีโดยสิ้นเชิงจริงๆ…’ ลู่เซิ่งส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะกวาดตามองพลังอาวรณ์ที่เหลืออยู่
เขาใคร่ครวญเพียงอึดใจเดียว ก็กดลงบนปุ่มปรับเปลี่ยนด้านล่างอินเตอร์เฟส
‘ลองยกระดับสักขั้นหนึ่งดูก่อน’
หลังจากที่กดปุ่มอย่างคุ้นเคยแล้ว ลู่เซิ่งก็เพ่งมองกรอบของวิชากระตุ้นวิญญาณ
ซู่…
กรอบพร่ามัวลงแล้วชัดเจนขึ้นอีกครั้งในพริบตา
[วิชากระตุ้นวิญญาณ: ระดับที่สอง (คุณสมบัติพิเศษ: แปลงเลือดขั้นสอง, เย็บแผลขั้นสอง, เร่งความเร็วขั้นสอง)]
‘เสียพลังอาวรณ์ไปหน่วยหนึ่ง หมายความว่าวิชาพื้นฐานนี้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำ…การที่ร่างกายไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย บ่งบอกได้ว่าระดับความแม่นยำในการควบคุมของตัวเราอยู่เหนือเงื่อนไขระดับนี้ไปแล้ว…’ ลู่เซิ่งนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่กรอบอีกรอบ
‘ยกระดับถึงขั้นห้าที่เป็นระดับสูงสุดก่อนดีกว่า’ เขาใช้ความคิด จากนั้นพลังอาวรณ์ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทันที
กรอบพร่ามัวแล้วชัดเจนขึ้นใหม่อยู่หลายรอบ และเริ่มกะพริบด้วยความเร็วสูง
ครู่ต่อมา
ลู่เซิ่งก็ยกมือชี้ไปที่พื้นหญ้าด้านข้าง
ซู่…
ด้วงที่ขาได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่งถูกเส้นสายที่โปร่งแสงไร้รูปร่างเส้นหนึ่งตรึงเอาไว้ในทันที
สองขาของมันที่ได้รับบาดเจ็บสมานตัวอย่างรวดเร็ว ไม่นานมันก็เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระอีกรอบ กระพือปีกบินขึ้นท้องฟ้า แล้วบินวนรอบๆ ลู่เซิ่ง
แกร๊กๆ…
บินยังไม่ทันครบรอบ ปากแผลในตอนแรกของด้วงกลับไม่หยุดการเติบโต หนามแหลมสีดำจำนวนมากงอกออกมาจากสองขาของมัน
ร่างกายของมันขยายใหญ่ด้วยความเร็วสูง ปีกบนหลังยาวขึ้นเรื่อยๆ ผิวบนท้องสีเหลืองอ่อนมีตุ่มเนื้อสีเหลืองนับไม่ถ้วนผุดออกมา
ขนาดตัวของด้วงใหญ่และกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดเท่ากับลูกหนัง เจ้าด้วงแทบจะกลายพันธุ์เป็นก้อนเนื้อที่น่ากลัวและน่าขยะแขยงไปแล้ว
โผละ!
ตัวมันระเบิดออก สะเก็ดเลือดสาดกระจายทั่วพื้น
‘อือ…ทำเกินไปหน่อย…แต่ผลลัพธ์นี้…อยู่เหนือความคาดหมายแล้ว’
ลู่เซิ่งใคร่ครวญสักพัก ก่อนจะมองด้ายกระตุ้นวิญญาณของวิชารักษาที่เพิ่มระดับจนเต็มแล้ว
‘ยังไม่ต้องรีบ รอเรียนจนคล่องก่อน ค่อยทำการเรียนรู้และยกระดับแบบองค์รวมอีกรอบ’
เขาโบกมือปล่อยปราณมารออกมาจัดเก็บเศษซากกับเลือดบนพื้นจนสะอาด จากนั้นก็หมุนตัวออกจากป่าไป
‘ผลลัพธ์แบบนี้เอามาหลอมรวมเข้ากับมรรคายุทธ์ของร่างหลักได้โดยสิ้นเชิง ’เลือดลมที่โดยคุณสมบัติแล้วไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้แก่สิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิงนี้ เป็นสิ่งที่วิชาป้องกันจำนวนมากไม่อาจป้องกันได้ ถ้าหากปล่อยเลือดลมที่ไม่อันตรายเข้าไปในตัวอีกฝ่าย แล้วสร้างผลเร่งความเร็วที่แปลกประหลาดและบิดเบี้ยวแบบนี้ขึ้น…
ไม่อาจไม่บอกว่านี่เป็นแนวคิดที่ยอดเยี่ยม
ลู่เซิ่งกลับถึงลานเรือนของถูจินขณะใคร่ครวญว่าจะหลอมรวมมันเข้าไปในระบบมรรคายุทธ์ของตัวเองอย่างไร แล้วเริ่มใช้ชีวิตเป็นผู้ช่วยอีกครั้ง
ช่วงนี้ในบริเวณใกล้เคียงเกิดโรคระบาด มีผู้ป่วยมารับการรักษาหลายคน แต่ว่าโรคนี้อุบัติเร็วเกินไป แถมอัตราการรักษาหายก็ยังไม่สูง ทำให้ในลานเรือนเต็มไปด้วยคนป่วย
ลู่เซิ่งยุ่งกับการช่วยรักษา ส่วนทางถูจินไม่มีเวลามาชี้แนะพวกเขา หากปล่อยให้พวกเขาเรียนรู้ผ่านการสังเกตของตัวพวกเขาเอง
วิชารักษาที่มีแบบแผน หากว่ากันตามหลักแล้ว สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญอย่างแท้จริงคือวิชาปลูกถ่าย ความจริงวิชารักษาสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือส่วนการปลูกถ่ายเท่านั้น
หลังจากลู่เซิ่งสังเกตการปลูกถ่ายอวัยวะอยู่หลายครั้ง ก็เริ่มเกิดความเข้าใจเล็กน้อยต่อวิชารักษานี้
เขาแอบทดลองการปลูกถ่ายอวัยวะอย่างเป็นการลับ ป่าเขารอบๆ มีขนาดใหญ่มากพอ ตัวเขาได้ขุดหลุมไว้บนพื้น แล้วจับสัตว์ทุกชนิดมาเป็นตัวทดลองขนาดเล็กสำหรับวิชารักษา
ขณะเดียวกันก็รอคอยให้ถูจินได้พักหายใจหายคอและถ่ายทอดเนื้อหาการปลูกถ่ายในขั้นต่อไป
…
วสันต์ไปคิมหันต์มา พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสองเดือนกว่าๆ
นครตราชั่ง เขตที่สี่ สำนักเมฆาแดง
ชั้นเมฆสีแดงค่อยๆ ปกคลุมท้องฟ้าเหนือสำนัก กะโหลกแพะภูเขาสีดำขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางชั้นเมฆ
ระหว่างกลุ่มสิ่งก่อสร้างสีดำกลุ่มใหญ่ด้านล่าง จ้าวเต๋อเฉิงค่อยๆ ก้มหน้าลงมองเวลาบนนาฬิกาน้ำที่อยู่บนกำแพงไม่ไกลออกไป
นาฬิกาชนิดนี้เป็นนาฬิกาชนิดพิเศษที่ออกแบบขึ้นมาโดยการใช้อัตราเร็วของสายน้ำที่คงที่
ณ ที่แห่งนี้ อัตราเร็วของสายน้ำสามารถกำหนดตายตัวได้ เพราะการดำรงอยู่ของค่ายกลอักขระ
“ยังไม่มาอีกหรือ” เขาขมวดคิ้ว
“มาแล้วๆ” เซินเซินที่อยู่ไม่ไกลออกไปยืดพุงวิ่งเหยาะๆ เข้ามา
“นี่เป็นจดหมายของบิดา มอบให้ท่าน” นางยัดจดหมายที่ยังไม่ได้แกะผนึกให้จ้าวเต๋อเฉิง
“ท่านอาจารย์บอกอะไรกับเจ้าบ้าง พวกเราแอบหนีมา เขาโกรธหรือไม่” จ้าวเต๋อเฉิงรีบถาม
“โกรธนั้นโกรธ แต่ใครให้พวกเราเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดเล่า” เซินเซินตบไขมันบนสะโพก
“นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วยังพูดอะไรอีกงั้นหรือ ข้าวสาลีดำที่อยู่ข้างบ้านสุกแล้ว กำลังจ้างคนมาช่วยเกี่ยว ยังมีดอกวาจาตื้นเขินที่ปลูกไว้ออกดอกตูมแล้ว งูภาพวาดของศิลปินหลี่ที่อยู่ใกล้ๆ ออกไข่ฝ่ออีกแล้ว…”
จ้าวเต๋อเฉิงโล่งอก ขอแค่อาจารย์ไม่โกรธก็พอแล้ว
เขาฉีกจดหมายออกแล้วอ่านเนื้อหา ก็ใกล้เคียงกับที่เซินเซินเล่า
แต่ว่า…
“อาจารย์บอกว่ารับศิษย์คนสุดท้ายแล้วหรือ” เขาถามอย่างสงสัยอยู่บ้าง
“ใช่ เป็นเจ้าหนุ่มที่อาจารย์ช่วยกลับมาที่บ้านในวันที่พวกเราหนีมา” เซินเซินไม่คิดอะไรมาก “สนใจเขาทำไม ถึงอย่างไรก็เป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออยู่ดี ใครอยากจะใช้เวลาวัยหนุ่มไปกับวิชารักษาที่ไม่มีแม้แต่พลังป้องกันตัวบ้าง นี่มันทำร้ายกันชัดๆ ไม่ใช่หรือ”
“ก็ถูกอยู่” จ้าวเต๋อเฉิงพยักหน้า “ทุกอย่างเรียบร้อยก็ดีแล้ว พวกเราใกล้จะต้องจับกลุ่มออกไปทำภารกิจแล้ว หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางใต้มีวิญญาณร้ายอาละวาด โถงคุณธรรมประกาศภารกิจแล้ว ข้ารับมาสองภารกิจพร้อมกัน เจ้าจะไปด้วยไหม”
“ไปด้วยกันเถอะ ถึงอย่างไรช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” เซินเซินเห็นด้วย
…
ข่ายภูเขามังกร ตระกูลถู
“ขอบคุณฝีมืออันยอดเยี่ยมของท่านหมอถู นี่เป็นค่าตรวจ” ชายชราคนหนึ่งค่อยๆ ถลกแขนเสื้อบนไหล่ขึ้นไปปิดบังฝีบนบ่าที่เน่าไปมากกว่าครึ่งไว้ จากนั้นก็หยิบเงินทรงกลมที่แวววาวเหมือนผลึกน้ำแข็งก้อนหนึ่งออกมาให้ถูจิน
“นี่…เยอะไปหน่อยนะ…” ถูจินรับเงินน้ำแข็งมาด้วยความลังเลเล็กน้อย
“ไอ้ที่เกินไปถือเสียว่าเป็นการขอบคุณที่ชายชราอย่างข้าให้เพิ่มเติม หลายปีมานี้มีท่านหมอถูรักษาโรคเก่าให้ ไม่ว่าไปนครหลวง โถงใจบุญ หรือวัดคลื่นสุข ก็ไม่เจอสิ่งที่หยุดพิษแมลงชนิดนี้ได้” ชายชราตอบด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้ อย่างนั้นข้าขอเสียมารยาทแล้ว” ถูจินค่อยๆ เก็บเงินน้ำแข็ง แล้วลุกขึ้นส่งชายชราออกไป
ลู่เซิ่งมัดผ้าพันแผลบนข้อมือให้เด็กอีกคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆ และกำลังกำชับเรื่องที่ควรระวังในภายหลังให้แก่เขาพอดี
หลังส่งเด็กน้อยออกไป ในห้องรักษาก็ไม่มีคนป่วยเหลืออีก
คนที่เหลือ เต๋ออวิ๋นสามารถจัดการได้
ถูจินลุกขึ้นเดินไปถึงด้านข้างลู่เซิ่ง พร้อมกับวางสมุดเล็กๆ เล่มหนึ่งลงบนโต๊ะของเขาอย่างเงียบๆ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
ลู่เซิ่งหยิบสมุดขึ้นมา เห็นด้านบนเขียนตัวหนังสือไว้แถวหนึ่งว่า
‘อ่านจบแล้วให้เผาทิ้ง วิชาปลูกถ่ายที่มีแบบแผน’
ในที่สุดก็ได้มาแล้ว…
ลู่เซิ่งดีใจ ในที่สุดก็ไม่ได้ใช้เวลาหลายเดือนอย่างเสียเปล่าแล้ว เขาได้แสดงพรสวรรค์อันน่าตกตะลึงของตัวเองให้ถูจินได้เห็น ความรู้ทั้งหมดที่มอบให้เขา เขาสามารถใช้และต่อยอดได้อย่างง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
หลังจากผ่านการฝึกรักษามาช่วงหนึ่ง ถูจินก็ยอมรับโดยดุษฎีว่าความรู้ในด้านวิชาแพทย์และวิชารักษาของลู่เซิ่งใกล้เคียงกับเขาแล้ว
อย่างมากสุดก็มีข้อแตกต่างในด้านความรู้ ประสบการณ์ และการผ่าตัดเท่านั้น
กล่าวได้ว่าลู่เซิ่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์น่าตกตะลึงที่สุดในหมู่คนที่ถูจินเคยพบมา เขาไม่เคยเห็นคนที่มีพรสวรรค์น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน การสั่งสมวิชาแพทย์ตลอดเวลาหลายสิบปีของเขาก็ถูกสูบไปเกือบครึ่ง
ด้วยประการฉะนี้ เขาจึงเขียนวิชาปลูกถ่ายที่เหลืออยู่ลงสมุด แล้วมอบให้ลู่เซิ่ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกถามถึงปัญหาส่วนหนึ่งที่ตนตอบไม่ได้จนเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของอาจารย์ในตอนสอน
ลู่เซิ่งที่เพิ่งได้รับสมุดวิชาปลูกถ่ายก็ลุกขึ้นกลับห้อง ความจริงเขาเริ่มคลำทางได้แล้วว่าจะปลูกถ่ายอวัยวะได้อย่างไร แถมยังทำการทดลองปลูกถ่ายในสัตว์มาไม่น้อยด้วย
แต่ก็ไม่เป็นไปดั่งที่หวัง
สมุดเล่มนี้มาถูกที่ถูกเวลาพอดี
ลู่เซิ่งดูดซับเนื้อหาบนสมุดทั้งเล่มโดยใช้เวลาแค่คืนเดียว
ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึงกับทักษะอันสูงล้ำในสมุด วิชาแพทย์และทักษะวิชาลับที่ซ่อนอยู่ด้านในไม่ใช่สิ่งที่แพทย์คนหนึ่งจะคลำทางออกมาได้เองเด็ดขาด
หากแต่เป็นบทสรุปที่คนจำนวนมากต้องศึกษาเป็นเวลาหลายปีและทำการทดลองมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงจะมีโอกาสได้มาครอง
ในคืนที่ลู่เซิ่งได้รับสมุด เป้าหมายที่เขาจะหลอมรวมมันเข้ากับมรรคายุทธ์ของตัวเองก็มีความหวังว่าจะสำเร็จแล้ว
พริบตาเดียวก็ผ่านไปอีกสองเดือน
…
โผละ!
ด้านในถ้ำใต้ดิน
ลู่เซิ่งมองดูสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างแปลกประหลาดตัวหนึ่งระเบิดกลายเป็นโคลนเนื้อและเลือดอย่างสงบนิ่ง
‘ผสมเซลล์อวัยวะสืบพันธุ์ของมดกับแมลงคลังเข้ากับแมงป่องไม่ได้จริงๆ งั้นหรือ’ ลู่เซิ่งนิ่วหน้า ก่อนจะหมุนตัวกลับไปถึงระเบียงในส่วนลึกสุดของถ้ำ
ถ้ำใต้ดินถูกเขาขุดเป็นฐานใต้ดินที่มีห้องสิบกว่าห้องและห้องทดลองอีกหลายห้อง
สองฟากข้างของระเบียงคือประตูห้องที่แขวนป้ายเอาไว้
เช่น ‘ผสมพันธุ์แมลง’ ‘ผสมพันธุ์ปลา’ ‘ผสมข้ามสายพันธุ์’ ‘ปลูกถ่ายหมวดหมู่รวมศูนย์’…
ป้ายของห้องแต่ละห้องเขียนชื่อสายพันธุ์สำหรับใช้ทดลองไว้หลากหลายชนิด
ลู่เซิ่งเดินลึกเข้าไปด้านใน ไม่นานก็หยุดยืนอยู่ด้านหน้าห้องที่แขวนป้าย ‘ปลูกถ่ายอวัยวะชนิดพิเศษ’
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ผลักประตูเปิด
โฮก!
คลื่นเสียงอันยิ่งใหญ่ที่ดังสนั่นจนแก้วหูแทบฉีกทะลักมาจากด้านในห้อง พร้อมกับพัดผมของลู่เซิ่งลู่ไปด้านหลัง
เสือสีดำที่สวมชุดเกราะแบบกระดองเต่าสีขาวตัวหนึ่งถูกโซ่หลายสิบเส้นมัดพันธนาการไว้ในบ่อหินด้านในห้อง
เสือดำไม่เพียงมีชุดเกราะแบบกระดองเต่าสีขาวงอกออกมาบนร่าง ดวงตายังถูกควักออก แล้วเปลี่ยนเป็นลูกตาของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งซึ่งมีชื่อว่ากวางมรณะ
กวางมรณะชนิดนี้มีความสามารถพิเศษในการปล่อยพายุจิตไร้รูปร่างออกมา แต่เป็นเพราะมีร่างแคระแกร็น ดังนั้นพลังทำลายจึงทำได้เพียงเป่าต้นไม้ รวมถึงทำให้แมลงตัวเล็กๆ ที่พวกมันชอบกินสลบเพื่อให้จับกินได้เท่านั้น
ทว่าหลังจากลู่เซิ่งพบ ก็รวบรวมเซลล์ลูกตาของมันแล้วนำเอามาผสมกันเป็นดวงตาขนาดใหญ่คู่หนึ่งผ่านทักษะพิเศษในวิชาปลูกถ่าย พร้อมกับปลูกถ่ายเข้าไปในดวงตาของเสือดำตัวนี้ทันที
……………………………………….