ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 603 หัวใจแห่งโลหิต (1)
บทที่ 603 หัวใจแห่งโลหิต (1)
‘ขั้นหก…’
‘ขั้นเจ็ด…’
‘ขั้นแปด…’
…
ทุกครั้งที่ดีปบลูกะพริบ บนร่างของลู่เซิ่งจะมีเส้นสายโปร่งแสงหนาแน่นค่อยๆ แผ่กระจายออกมา เส้นสายเหล่านี้ยื่นออกมาจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่งและกระจายออกไปรอบๆ เหมือนกับหนวด
บนพื้น บนผนัง และมุมทุกมุมในถ้ำมีแค่เส้นสายนับไม่ถ้วนกำลังบิดเบี้ยวกวัดแกว่ง
ครู่ต่อมา ลู่เซิ่งก็รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่าส่วนลึกของเซลล์ในร่างหลักกำลังกลายเป็นตำแหน่งที่ขมุกขมัวเหมือนกับหลุมดำสามจุด
ตำแหน่งสามตำแหน่งนี้เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวสูญหาย เดี๋ยวมีเดี๋ยวไม่มี ราวกับว่าบนผิวมีผ้าคลุมปิดอยู่
ลู่เซิ่งทดลองใช้จิตวิญญาณสัมผัสดู แต่ก็ไร้ประโยชน์ เหมือนมีอะไรบางอย่างขัดขวางไม่ให้เขาสัมผัสสามตำแหน่งนี้
‘นี่น่าจะเป็นสามขีดจำกัดใหญ่ในบันทึกแล้ว’ ลู่เซิ่งหยุดการเรียนรู้ มองดูพลังอาวรณ์ เสียไปสามพันกว่าหน่วย
กรอบเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
[วิชารักษาที่มีแบบแผน: ขั้นที่เจ็ดร้อยหกสิบเก้า]
ด้ายกระตุ้นวิญญาณและวิชาปลูกถ่ายต่างก็ยกระดับถึงขั้นที่เจ็ดร้อยหกสิบกว่าพร้อมกัน แต่สิ่งที่ลู่เซิ่งสนใจกว่าคือสามขีดจำกัดใหญ่
หลังจากวิชารักษามาถึงระดับนี้ เขาก็รู้สึกว่าได้เรียนรู้ถึงจุดสูงสุดแล้ว
สภาพและผลของด้ายกระตุ้นวิญญาณแข็งแกร่งจนถึงขีดจำกัดที่ไม่อาจสัมผัสได้ในทางทฤษฎีแล้ว
อัตราความสำเร็จของวิชาปลูกถ่ายไปถึงเกือบร้อยละเก้าสิบในขอบเขตหนึ่งแล้ว
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ถึงด้ายกระตุ้นวิญญาณที่ยิ่งใหญ่สุดขีดในร่างกาย ถ้าหากบอกว่าด้ายกระตุ้นวิญญาณในตัวอาจารย์ถูจินมีสองสามร้อยเส้น ถ้าอย่างนั้นด้ายกระตุ้นวิญญาณในตัวเขา ณ เวลานี้ ก็มีอย่างน้อยหลายล้านเส้น
ด้ายกระตุ้นวิญญาณนับไม่ถ้วนขยับดุกดิกในร่างลู่เซิ่งเหมือนกับสิ่งมีชีวิต พวกมันเดี๋ยวก็ละลายกลายเป็นเลือดลม เดี๋ยวก็จับตัวเป็นเส้นด้าย
‘รู้สึกได้เลยว่าด้ายกระตุ้นวิญญาณได้ไปถึงขีดจำกัดแล้ว…แต่สามขีดจำกัดใหญ่ยังคงไม่เลื่อนระดับ แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่สามารถอาศัยการยกระดับขอบเขตแล้วจะทำได้สำเร็จ เหมือนกับ…ต้องมีเงื่อนไขหรือโอกาสอีกอีกอย่าง’
ลู่เซิ่งหลับตาลงพร้อมกับยื่นมือออกมาเพื่อทดสอบผลของวิชารักษาในปัจจุบัน
ครืน…
แมลงเม่าสีแดงตัวเล็กๆ บินผ่านใกล้ๆ ตัวเขา
ลู่เซิ่งยื่นมืออกไป ด้ายกระตุ้นวิญญาณที่กลายเป็นไร้รูปร่างกระจายออกมาในพริบตา ปริมาณที่พุ่งออกมามีราวหนึ่งในพันส่วน เป็นจำนวนน้อยนิดสำหรับเขา แต่ว่าแค่พริบตาเดียวกลับห่อหุ้มแมลงเม่าไว้ด้านในได้เช่นกัน
ครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้า ตัวของแมลงเม่าขยายใหญ่ขึ้นเพราะการกรอกด้ายกระตุ้นวิญญาณเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
มันขยายใหญ่ขึ้นขนาดเท่าเล็บถึงขนาดเท่ากำปั้น ก่อนจะไปถึงขนาดเท่าศีรษะคน
‘เหมือนจะมีบางอย่างแตกต่างจากก่อนหน้า…เพียงแต่การผสมเลือดลมง่ายดายและราบลื่นกว่าเดิม…’
เปรี้ยง!
ยังใช้ความคิดไม่ทันจบ ลู่เซิ่งก็เห็นแมลงเม่าระเบิดออกอย่างฉับพลัน ไข่แมลงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนกระจายออกไปรอบๆ เหมือนกับหยดฝน
“!” ลู่เซิ่งลืมตาโตและถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะปรากฏตัวในตำแหน่งที่อยู่ไกลออกไปดุจสายฟ้าแลบ พร้อมกับสำรวจไข่แมลงที่กระจายเต็มพื้นในถ้ำ
‘นี่คืออะไร!?’ อยู่ๆ ม่านตาของเขาก็หดตัว
ไข่แมลงสีดำจำนวนมากขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่งในทุกจุดของถ้ำ จากนั้นฟักตัวด้วยความเร็วสูง ผ่านไปแค่สิบกว่าอึดใจ แมลงเม่าสีแดงมากกว่าหมื่นตัวก็ฟักออกมาจากไข่แมลง
แมลงเม่านับไม่ถ้วนกระพือปีก ส่งเสียงพรึ่บหนาแน่น ผงพิษจำนวนมากที่มองไม่เห็นกระจายออกมาจากปีก
ไม่นานนัก ไข่แมลงที่เพิ่งฟักเหล่านี้ก็ขยายตัวต่อไป คล้ายจะฟักครั้งที่สอง
ทว่าครั้งนี้เหมือนกับเลือดลมที่ด้ายกระตุ้นวิญญาณใส่เข้าไปจะไม่พอแล้ว แมลงเม่าหลายหมื่นตัวขยายจนมีขนาดเท่ากำปั้น ก็ค่อยๆ หยุดลง
หึ่งๆ…
แมลงเม่าหลายหมื่นตัวบินวนรอบตัวลู่เซิ่ง เหมือนเห็นเขาเป็นเจ้านาย
‘ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ…’ ลู่เซิ่งถอนใจชมเชยจากใจจริง เขานึกไม่ถึงว่าเมื่อเรียนรู้วิชารักษาที่มีแบบแผนถึงระดับนี้ จะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้นได้
เขาสัมผัสได้ว่าแมลงเม่าทุกตัวที่อยู่ตรงนี้มีเลือดลมแข็งแกร่งไม่ต่างจากชายฉกรรจ์คนหนึ่งเลย
“มา” เขายื่นมือไปทางแมลงเม่าตัวหนึ่งและปล่อยจิตวิญญาณออกมา
เป็นอย่างที่คาด แมลงเม่าตัวนี้บินมาหยุดลงบนปลายนิ้วของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังทดลองดูเล็กน้อย ลู่เซิ่งก็ค้นพบอย่างประหลาดใจว่า แมลงเม่าตัวนี้มีแรงเท่ากับผู้ใหญ่ธรรมดาๆ
‘เป็นการค้นพบที่ไม่เลว’ ลู่เซิ่งใคร่ครวญเล็กน้อย และทดลองใช้จิตวิญญาณสั่งให้แมลงเม่าเหล่านี้บินออกจากทางเชื่อม และกระจายตัวไปยังรอบๆ
‘ต้องสังเกตการณ์ต่ออีกระยะหนึ่ง’
ลู่เซิ่งละวางเรื่องนี้ไว้ก่อน แล้วหันเหสมาธิกลับมาที่สามขีดจำกัดใหญ่
เขาสัมผัสได้ว่า ตำแหน่งสามตำแหน่งที่เหมือนกับหลุมดำในร่างกายกำลังค่อยๆ กลืนกินด้ายกระตุ้นวิญญาณในตัว
คล้ายกับด้ายกระตุ้นวิญญาณเกิดมาเพื่อมถมหลุมดำสามหลุมนี้ให้เต็ม
‘หรือว่า…’ ลู่เซิ่งฉุกใจนึกได้ เริ่มปรับให้ด้ายกระตุ้นวิญญาณนับไม่ถ้วนในตัวทะลักไปหาหลุมดำหลุมหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง
แม้เขาจะได้รับคัมภีร์ลับสามขีดจำกัดใหญ่ระดับพื้นฐานมา แต่ก็รู้วิธีการฝึกฝนแค่นิดเดียว คัมภีร์ลับเล่มนั้นกล่าวไว้อยางลึกลับ มีการบรรยายอันลี้ลับที่คลุมเครือ จึงไม่เข้าใจความหมายอะไรเลย
แต่ลู่เซิ่งสรุปการคาดเดาของตัวเองออกมาตามตัวหนังสือทั้งหมดในคัมภีร์ได้ว่า เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่สามขีดจำกัดใหญ่นี้จะเกิดขึ้นจากการใช้ด้ายกระตุ้นวิญญาณกระตุ้นเป็นแรมเดือนแรมปี
‘คัมภีร์ลับบอกไว้ว่า ขีดจำกัดใหญ่อันแรกคือชีวิต เป็นขีดจำกัดใหญ่ของกายเนื้อ หากคิดจะยกระดับ จำเป็นต้องใช้ด้ายกระต้นวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน สามขีดจำกัดใหญ่แบ่งเป็นทักษะลับข้ามขีดจำกัดสามทักษะที่ช่วยในการทะลวงกายเนื้อ จิตวิญญาณ รวมถึงอำนาจจิตของเรา’
ลู่เซิ่งนึกย้อนถึงเนื้อหาในคัมภีร์ลับ
ตามทฤษฎีแล้ว ขีดจำกัดใหญ่อันดับแรกควรใส่ด้ายกระตุ้นวิญญาณหนึ่งแสนแปดพันเก้าร้อยเจ็ดสิบหกเส้นเข้าไป
แต่ตามทฤษฎี ต่อให้จะฝึกฝนด้ายกระตุ้นวิญญาณถึงจุดสูงสุด ก็มีไม่เกินสองสามพันเส้น
ด้ายกระตุ้นวิญญาณหนึ่งแสนเส้น แม้คัมภีร์ลับที่พูดถึงจะเป็นคัมภีร์ลับขั้นพื้นฐานก็ตาม แต่สำหรับหมอคนหนึ่งที่ฝึกฝนด้ายกระตุ้นวิญญาณ ก็ยังเป็นภารกิจที่ไม่อาจทำให้สำเร็จได้อยู่ดี
ทว่าสำหรับลู่เซิ่ง นี่เป็นเพียงด้ายกระตุ้นวิญญาณส่วนน้อยในร่างเขาเท่านั้น
เขาเติมด้ายกระตุ้นวิญญาณที่เยอะกว่าหนึ่งแสนเส้นเข้าไปในหลุมดำหลุมแรกอย่างรวดเร็ว
อย่างค่อยเป็นค่อยไป เขาค้นพบอย่างเลือนรางว่า หลุมดำหลุมแรกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในหลุมดำเหมือนมีหัวใจสีดำสนิทที่เต้นอย่างต่อเนื่องดวงหนึ่งรวมตัวขึ้นมาด้วย
‘นี่คือหัวใจแห่งโลหิต ขีดจำกัดใหญ่อันดับแรกอย่างนั้นหรือ’ ลู่เซิ่งพิจารณาหัวใจสีดำอย่างแปลกใจเหมือนฉุกใจนึกอะไรได้
พอเห็นหัวใจแห่งโลหิตใกล้จะเป็นรูปเป็นร่าง ลู่เซิ่งก็ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะปรับด้ายกระตุ้นวิญญาณทั่วร่างอย่างรุนแรง เพื่อเติมใส่หลุมดำอย่างเต็มที่
ด้ายกระตุ้นวิญญาณแค่หนึ่งแสนเส้นให้กำเนิดหัวใจแห่งโลหิตได้ดวงหนึ่ง แล้วถ้ามากกว่านี้เล่า
ลู่เซิ่งคิดจะลองดู
ไม่นานด้ายกระตุ้นวิญญาณแปดแสนกว่าเส้นก็ทะลักเข้าไป หัวใจสีดำล้ำลึกและมืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ ผิวปรากฏลวดลายบิดเบี้ยวสีเขียวเข้มที่เหมือนกับสัญลักษณ์ขึ้นหลายสาย
ซู่…
ในที่สุด หลังผ่านไปสิบกว่าอึดใจ สุดท้ายหัวใจแห่งโลหิตอันเป็นขีดจำกัดใหญ่อันดับแรกก็รวมตัวสำเร็จ
ลู่เซิ่งยัดด้ายกระตุ้นวิญญาณเข้าไปทั้งหมดสองล้านกว่าเส้น หัวใจแห่งโลหิตในหลุมดำถึงกับดูดซับเข้าไปได้หมดเหมือนกับหลุมไร้ก้นจริงๆ
‘เป็นอย่างที่คาด…ยิ่งลงทุนเท่าไหร่ หัวใจแห่งโลหิตก็ยิ่งยกระดับขึ้นได้เท่านั้น’ ลู่เซิ่งสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเหี้ยมหาญที่แผ่กระจายออกมารอบๆ หัวใจสีดำอย่างต่อเนื่อง
‘ต่อจากนี้เป็นวิธีใช้แล้ว…’ ลู่เซิ่งตาเป็นประกาย เสียด้ายกระตุ้นวิญญาณไปตั้งมากมาย ของสิ่งนี้คงไม่ได้มีดีแค่ความพิลึกเท่านั้น
หลังจากทำความเข้าใจวิธีใช้แล้ว ลู่เซิ่งก็สงบจิตใจแล้วตั้งสมาธิไปที่การหาเงินอีกรอบ
‘หาเงินน้ำแข็งอีกนิดหน่อย ก็จะได้เวลาไปแล้ว…’ ทุกอย่างพร้อมแล้ว ขาดเพียงลมบูรพาเท่านั้น
…
กลุ่มสิ่งก่อสร้างสีเหลืองอ่อนผืนใหญ่ให้ความรู้สึกร้อนแรง เหมือนกับแบบจำลองที่เกิดขึ้นจากการเอาทรายเหลืองมากองสุมกัน
ทั้งๆ ที่อุณหภูมิต่ำมาก แต่ว่าบรรยากาศของนครหลวงแห่งนครตราชั่งในเวลานี้กลับยังคงครึกครื้นเหมือนวันสิ้นปี
หลังจัดเก็บทุกอย่างเรียบร้อย ลู่เซิ่งก็ขอลาหยุดเป็นเวลาครึ่งเดือนกับถูจิน ก่อนจะมาถึงที่นี่ตามลำพังผ่านค่ายกลส่งตัวของนครหลวง
เขาอยากจะเห็นมานานแล้วว่านครหลวงของนครตราชั่งเป็นแบบไหน แต่กลับผิดหวังเล็กน้อยในตอนที่มาถึงจริงๆ
นครหลวงเหมือนกับเมืองทั่วไปที่มีคนธรรมดาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก สิ่งพิเศษเพียงหนึ่งเดียวก็คือทุกคนจะปิดผ้าคลุมหน้าไว้ ปรากฏให้เห็นแค่ดวงตาเท่านั้น
สิ่งก่อสร้างสีเทาอมเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนกับทรายเหลืองที่กระจายขึ้นจากพื้น ทำให้นครหลวงสกปรกและไม่เป็นระเบียบอย่างยิ่ง
ลู่เซิ่งที่อาศัยสมุดหยกเจอร้านหลายแห่งที่ขายโลหะและวัตถุดิบล้ำค่าอย่างง่ายดายยิ่ง
จากนั้นเขาก็เดินเตร่อยู่ในเส้นทางกลางนครตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็จัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับกางค่ายกลที่เหลือได้ครบ
อย่างน้อยวัตถุดิบสำหรับใช้ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว ครั้งต่อไปให้คนอื่นรับผิดชอบเอง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ในนครหลวง นอกจากเขตสิ่งก่อสร้างอย่างสภาของราชการแล้ว ยังมีเขตเก็บหนังสือที่ลึกลับที่สุดอยู่ด้วย
ลู่เซิ่งเดินผ่านอยู่หลายรอบ อยากจะเข้าไปสำรวจดู แต่เป็นเพราะราคาที่แพงหูฉี่ของมันจึงต้องล่าถอยกลับมาก่อนชั่วคราว
เขาย่อมไม่คิดจะเข้าไปอ่านคัมภีร์ลับระดับต่ำ แต่ต้องการอ่านคัมภีร์ในระดับเดียวกับตัวเอง กระนั้นระดับที่เขาอยู่ แค่ราคาที่ต่ำที่สุดที่ระบุให้เห็น ก็เป็นราคาที่แพงเกินกว่าเงินน้ำแข็งทั้งหมดของเขาในตอนนี้ถึงสองเท่าแล้ว
ลู่เซิ่งจึงยังไม่ไปคิดถึง เขารู้สึกว่าคนป่วยของตัวเองยังไม่เพียงพอ สามารถขยายธุรกิจต่อได้อีก เพียงแต่เขากังวลว่าถ้าเยอะเกินไป คนป่วยอาจจะทราบถึงปัญหาเข้าก็ได้
แต่สิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ ความมั่นใจที่เหล่าคนป่วยมีต่อเขาไปถึงขั้นน่าเหลือเชื่อแล้ว
เวลาครึ่งเดือนหลังกลับจากนครหลวงก็มากพอให้เขาตระเตรียมค่ายกลเพื่อดำเนินการจุติครั้งใหม่
ในเวลานี้เอง ลู่เซิ่งศึกษาผลของหัวใจแห่งโลหิตในสามขีดจำกัดใหญ่จนปรุโปร่ง ของสิ่งนี้ทำให้กายเนื้อแข็งแกร่งขึ้นระดับหนึ่งในเวลาสั้นๆ ได้ แต่ว่าก็มีการจำกัดเวลา ดูจากพลังอาวรณ์ที่ต้องจ่ายแล้ว มีความคุ้มค่ามหาศาล
แค่ขีดจำกัดใหญ่อันดับแรกก็มีผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้ว ลู่เซิ่งทดลองด้วยตัวเองดู สามารถยกระดับความแข็งแกร่งของร่างหลักได้ระดับหนึ่งจริงๆ
และมันก็ทำให้กายเนื้อของเขาที่ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนมานานเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่
ผลของหัวใจแห่งโลหิตทำให้เขาเกิดความคาดหวังต่อขีดจำกัดใหญ่อีกสองขีดที่เหลือยิ่งกว่าเดิม
ลู่เซิ่งนำวัตถุดิบกองใหญ่ตรงดิ่งกลับถ้ำที่ตัวเองขุดไว้ และเริ่มวางค่ายกลจุติอย่างเป็นทางการ
…
ดาวปรภพ ต้าซ่ง
ตวนมู่หว่านกำลังจัดการสิ่งของบนรถหลายคันให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งหมดถูกขนย้ายเข้าไปในถ้ำใต้ดินที่สำนักมารกำเนิดอยู่
ผ่านไปหลายปี พอกลับมาที่นี่อีกรอบ สำนักมารกำเนิดก็ได้กลับมาที่อยู่ในตอนแรกของตัวเองแล้ว
เขตวังใต้ดินที่ดำมืดในตอนแรกถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองในภัยพิบัติมารครั้งก่อนไปแล้ว ในวังใต้ดินจึงเหลือแต่ความเงียบสงัด
ไม่เพียงปราณมารเท่านั้น แม้แต่เหล่าภูตผีที่อยู่ที่นี่มาหลายพันปีก็หายไปด้วยเช่นกัน
ตวนมู่หว่านถอนใจขณะมองศิษย์ของสำนักมารกำเนิดที่กำลังทำงานอยู่
“เป็นอะไรไปหรือเสี่ยวหว่าน” ลิ่วซานจื่อเดินมาจากที่ที่อยู่ไม่ไกลออกไปด้วยสีหน้าอิดโรย เขากำลังจัดการให้ศิษย์เข้าพักในกลุ่มวังใต้ดินแห่งนี้เช่นกัน
แม้ที่นี่จะกลายเป็นซากปรักหักพังทรุดโทรมไปแล้ว แต่อย่างไรก็เป็นมาตุภูมิที่สืบทอดต่อกันมาหลายปี ถึงเขาจะเจ็บปวดใจ แต่ก็ยังค่อนข้างดีใจ
“แค่กำลังคิดอยู่ว่าตอนนี้เจ้าสำนักเป็นอย่างไรบ้างน่ะเจ้า…” ตวนมู่หว่านตอบเสียงอ่อย “เขาจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อย แต่กลับไม่ได้เผยร่องรอยของตัวเอง”
“เสี่ยวเซิ่งไม่เป็นไรหรอก ข้าเชื่อใจเขา” ลิ่วซานจื่อยิ้มๆ “ทางคฤหาสน์ลู่บนพื้นดินจัดการเรื่องที่พักเรียบร้อยแล้วหรือ”
……………………………………….