ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 609 เผาไหม้ (1)
บทที่ 609 เผาไหม้ (1)
บรู๊ว…
“มันฆ่าพวกเราไปตั้งมากมาย ยังคุยไร้สาระกับมันอีกทำไม! บุก ! บุกสิ!” แอนดี้ที่ได้สติกลับมาแผดเสียง ก่อนจะพุ่งเข้าใส่
เผ่าถูกทำลายเกือบหมด ตอนนี้มันพุ่งเข้ามาโดยมีความคิดตายแล้ว
มันไม่เคยกลัวตาย เทียบกับความตายแล้ว มันให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีมากกว่า
มันคือราชาหมาป่า! แอนดี้ราชาหมาป่า!
ต่อให้เผชิญหน้ากับเสือดำ เผชิญหน้ากับสิงโต เผชิญหน้ากับจระเข้…เปรี้ยง!
หลังเกิดเสียบทึบดังขึ้น โลกก็เงียบสงัดลง
ลู่เซิ่งฟาดศีรษะของแอนดี้ พละกำลังที่บ้าคลั่งและน่ากลัวระเบิดอย่างรุนแรง เพียงแค่พริบตาเดียว กะโหลกของหมาป่าก็ระเบิดเหมือนกับแตงโม ของสีแดงสีขาวกระเด็นเต็มพื้น
หมาป่าที่เหลือตามไปไม่ทัน การสังหารของลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้านี้ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่พวกมันแล้ว ความใจร้อนของราชาหมาป่าแอนดี้ในตอนสุดท้ายเป็นแค่การดิ้นรนครั้งสุดท้ายเท่านั้น
โครม
ศพของแอนดี้ร่วงลงบนพื้น
ลู่เซิ่งสะบัดเลือดบนขา แล้วมองไปยังหมาป่าที่เหลือ
“เอาตัวที่พูดได้มา”
หมาป่าที่เหลือปั่นป่วนครู่หนึ่ง ไม่นานนัก หมาป่าชราสีดำที่ผอมจนกระดูกโผล่ก็เดินออกมา
“ข้าคือลูสราชาหมาป่ารุ่นก่อน” หมาป่าชราสีดำมองแอนดี้แวบหนึ่งอย่างเจ็บปวด “ท่านยังมีคำสั่งใด”
ลู่เซิ่งเพียงคิดจะข้ามโลกนี้ไปเร็วๆ เท่านั้น ตอนนี้บรรลุเป้าประสงค์แสดงศักดาแล้ว เขาจึงคร้านจะฆ่าให้หมดสิ้น
“พวกเจ้า ถ้าหากไม่ยอมทำตามข้าก็จงจากไปเองซะ เลือกเถอะ” เขาเอ่ยอย่างราบเรียบ “ในป่าผืนนี้ไม่ต้องการพวกที่ไม่กินหญ้า”
หมาป่าทั้งฝูงไร้คำพูด หมาป่าไม่กินเนื้อ กินหญ้าแล้วจะรอดเหรอ ไม่เคยมีใครทดลองมาก่อน
ไม่นานนัก หมาป่าที่เหลือก็มีสามตัวที่เลือกทำตามลู่เซิ่ง ส่วนที่เหลือเลือกจากไป
ลู่เซิ่งกลับค่อนข้างประหลาดใจ เดิมทีนึกว่าคงไม่มีสักตัวเดียว สุดท้ายกลับมีเข้าร่วมถึงสามตัว
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ สามตัวนี้เป็นเพียงสัตว์ป่าธรรมดา ไม่ใช่พวกมีสติปัญญา พวกมันยอมสยบเพราะพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งของลู่เซิ่งเท่านั้น จึงไม่ยอมไปที่อื่น
การจัดการเผ่าหมาป่าที่เป็นผู้ปกครองในยุคนี้ปิดม่านลงอย่างสะดวกสบาย จากนั้นลู่เซิ่งก็พาหมาป่าสามตัวไปหาเจ้าเหยินกับชิเอล
พอกระต่ายสองตัวเห็นลู่เซิ่งจับหมาป่าสามตัวมารับใช้ได้ ต่างก็ตกใจจนตัวสั่น
นี่มันหมาป่าเชียวนะ!
หมาป่าที่แค่ตะปบทีเดียวก็กำจัดพวกเขาได้แล้ว ตอนนี้กลับมีถึงสามตัวยินยอมเข้ามาอยู่ใต้อาณัติของลู่เซิ่ง นี่มันเรื่องน่าเหลือเชื่อโดยแท้
และนี่ยังเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ไม่นานนัก หลังจากที่ทราบข่าวสะเทือนฟ้าดินนี้แล้ว ในที่สุดชื่อเสียงของลู่เซิ่งก็กระจายออกไป นี่เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เขายอมปล่อยหมาป่าที่เหลือไป
เช้าตรู่วันต่อมามีกวางซิกามาขออยู่ใต้อาณัติของลู่เซิ่ง ถ้าหากบอกว่ากวางซิกาไม่ได้มีพลังอะไรนัก อย่างนั้นสมาชิกฝูงถัดมาก็ได้เพิ่มบารมีให้แก่ลู่เซิ่งอย่างแท้จริง
ลิงบาบูนหน้าผีฝูงหนึ่งซึ่งมีจำนวนเกือบสามสิบกว่าตัวก็มาขอเข้าร่วมสังกัดของลู่เซิ่ง
…
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวันกว่าๆ
ในโพรงไม้ใหญ่
“ลองดูเถอะ”
ลู่เซิ่งมองดูกวางตัวผู้ หัวหน้าลิงบาบูน หมาป่าลูส รวมถึงกระต่ายชิเอลที่แยกกันยึดโพรงไม้ไว้ตัวละมุม
หญ้าที่มีลักษณะพิเศษเล็กน้อยกำหนึ่งวางอยู่ด้านหน้าพวกมัน
กวาง ลิงบาบูน และชิเอลกลับก้มหน้าพิจารณาอย่างละเอียโดยไม่คิดอะไร จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงออกมากินสองสามเส้น
ทว่าหมาป่าลูสกลับทำหน้าขื่นขมขณะยื่นขาไปหยิบมานิดหน่อย ก่อนจะก้มหน้าแล้วใช้ปากเคี้ยว มันเป็นหมาป่าชราที่ผอมโซตัวนั้น ภายหลังตามมาเข้าร่วมสังกัดของลู่เซิ่งอีกครั้ง
สัตว์ที่นั่งอยู่รอบๆ หญ้าต่างทราบว่า ถ้าหากไม่กิน ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติลู่เซิ่ง และสัตว์ในป่าที่ไม่ให้เกียรติลู่เซิ่งก็ได้ตายไปมากมายในเวลาสองวันที่ผ่านมา
เวลาแค่สองวัน ป่าในรัศมีพันลี้มีสัตว์กินเนื้อลดลงเกือบเจ็ดส่วน
เอ๋?
อยู่ๆ ลูสก็ตาเป็นประกาย รู้สึกว่ารสชาติหญ้าในปากผิดปกติเล็กน้อย
“หญ้านี้…”
“เป็นหญ้าติดมัน” ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เพราะคิดว่าเผ่ากินเนื้อคงปรับตัวไม่ทัน ข้าก็เลยปลูกหญ้าที่เหมาะกับพวกเจ้าขึ้นมาชนิดหนึ่ง”
ลูสกินอย่างตะกรุมตะกลาม รสชาตินี้ไม่แตกต่างจากเนื้อเลย หญ้าชนิดนี้เป็นของวิเศษชัดๆ
หญ้าติดมันกำเล็กๆ ถูกมันกินจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
“รู้สึกอย่างไร” ลู่เซิ่งถามมัน
ลูสเลียปาก
“ไม่เลวมาก ข้ารู้สึกว่าท้องอิ่มเล็กน้อยแล้ว ถ้าหากเป็นหญ้าชนิดนี้ ข้าคิดว่าแผนการของท่านคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่”
มันมองดูลู่เซิ่งที่หมอบอยู่กลางโพรงไม้ กระต่ายสีเทาตัวนี้ใหญ่เท่ากับเสือดาวแล้ว หนำซ้ำทั่วร่างยังไม่มีไขมันส่วนเกินและหนังหย่อนคล้อยแม้แต่น้อย ทั้งหมดคือปุ่มเนื้อที่บิดเบี้ยวน่ากลัวกับโครงกระดูกที่แข็งแกร่ง
ทำให้พอมองไกลๆ สภาพของลู่เซิ่งจึงไม่เหมือนกระต่ายอีกแล้ว หากเหมือนกับหมีสีเทาที่ทำรังอยู่ในโพรงไม้มากกว่า
นี่เป็นขนาดร่างกายในยามปกติของเขา เวลาสู้จริงๆ ลูสอดนึกถึงประสบการณ์อันน่ากลัวในเวลาสองวันที่ผ่านมาไม่ได้
เผ่าเสือดาว เผ่าตะขาบ งูหลาม อีแร้ง คู่ต่อสู้มากมายล้วนถูกรงเล็บที่คมกริบและน่ากลัวของลู่เซิ่งฉีกเป็นเศษเนื้อ
ผู้ต่อต้านไม่มีใครรอดมาได้สักตัว
ผู้ที่อยู่รอดมาได้เป็นเผ่าที่กินหญ้าไม่มากก็น้อย
กระนั้นเขารู้ก็ว่า อย่างไรตัวเองก็มีแค่คนเดียว เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่เรื่องราวมากมายจะเกิดสถานการณ์ที่ไม่อาจแยกร่างไปจัดการได้
ดังนั้นเขาจึงเรียกรวมตัวบริวารเพื่อเริ่มเรื่องราวเรื่องหนึ่ง
“ข้าเรียกพวกเจ้ามาเพราะเตรียมจะประกาศเรื่องหนึ่ง”
เสียงของลู่เซิ่งทุ้มต่ำและทรงพลัง เขาค่อยๆ ลุกขึ้น ปุ่มเนื้อบนร่างบีบอัดและเลื่อนไหลอย่างช้าๆ เหมือนกับของเหลว ขนสีแดงเข้มที่เต็มไปด้วยแผลเป็นเพียงมองดูก็ทำให้ผู้มองรู้สึกถึงความน่ากลัวเหี้ยมหาญแล้ว
ช่วงนี้เหมือนกับว่าเคล็ดมังกรดำกระตุ้นจิตใจที่ยกระดับเมื่อก่อนหน้าจะแสดงผลออกมาโดยสมบูรณ์แล้ว พละกำลังของลู่เซิ่ง ต่อให้เป็นหัวหน้าลิงบาบูนหน้าน้ำเงินและหัวหน้ากวางหน้าลายที่มีพละกำลังมากที่สุดในตอนนี้ ก็ยังด้อยกว่าลู่เซิ่งอยู่ดี
พอได้ยินลู่เซิ่งพูดแบบนี้ พวกหัวหน้าเผ่าก็ตั้งใจฟัง
“ข้าขอประกาศว่า จะก่อตั้งลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ลู่เซิ่งยกขาข้างหนึ่งขึ้นและกล่าวอย่างสงบ
“นอกจากนี้ เนื่องจากพวกเจ้ามีขุมกำลังย่ำแย่เกินไป ไม่สามารถช่วยข้าจัดการปัญหาได้ ข้าจึงจะให้พวกเจ้ารับการชำระล้างครั้งหนึ่ง”
“การชำระล้างหรือ” คำพูดของลู่เซิ่งสร้างความกังวลให้แก่เหล่าผู้นำทันที
“ลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์?”
โครม!
ลู่เซิ่งทุบพื้นด้านหน้า การสั่นสะเทือนที่ชัดเจนและจับต้องได้พลันทำให้สัตว์ทั้งหมดตกใจตัวสั่นและพากันเงียบเป็นเป่าสาก
“เงียบ! พวกเจ้าเตรียมตัวซะ จงกินหญ้ามากๆ เพื่อเตรียมตัว”
พวกหัวหน้าฝูงต่างมองหน้ากัน การที่พวกมันเป็นลูกน้องได้ ความจริงสาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกมันเป็นพวกมีสติปัญญาในฝูงนั่นเอง
ภายใต้สถานการณ์ที่พวกมีสติปัญญาส่วนใหญ่รวมฝูงกัน พวกมีสติปัญญาที่ยังยินยอมอยู่อย่างพวกมันจึงกลายเป็นอันดับหนึ่งของฝูงไปโดยปริยาย
และกลายเป็นผู้นำอันดับแรกที่สื่อสารกับลู่เซิ่ง
“เอ่อ…” บนศีรษะหน้าลายมีเขาซิกาขนาดใหญ่ มันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เพราะมันซื่อสัตย์กับลู่เซิ่งมากที่สุดในหมู่หัวหน้า
เนื่องจากบิดามารดาของหน้าลายถูกราชาหมาป่าแอนดี้ฆ่าทิ้ง ดังนั้นหลังจากทราบว่าแอนดี้ถูกลู่เซิ่งกำจัด มันก็พาฝูงมาเข้าสวามิภักดิ์กับลู่เซิ่งทันที
“พี่ใหญ่ ลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้ ท่านคิดจะพัฒนาอย่างไรหรือ” หน้าลายถามเบาๆ
“อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะรู้เอง” ลู่เซิ่งปรบมือ ทันใดนั้นก็มีกระต่ายสีเทาที่หน้าตาเคร่งขรึมตัวหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกโพรงไม้
“ข้า กระต่ายเทาเปลือกไม้ คารวะท่านหัวหน้า!”
เปลือกไม้เป็นกระต่ายจากเผ่าเล็กๆ อีกเผ่าที่เป็นพวกมีสติปัญญาซึ่งเพิ่งสวามิภักดิ์กับลู่เซิ่งได้ไม่นาน ในเผ่านี้มีแต่กระต่ายเทา แม้จำนวนจะน้อยกว่าพวกชิเอลมาก แต่กระต่ายทั้งหมดกลับรวมกลุ่มกันอย่างกล้าหาญเป็นพิเศษ
“ดีมาก เปลือกไม้เจ้ามาสาธิตให้ทุกตัวดูหน่อย” ลู่เซิ่งขยิบตาให้เปลือกไม้อย่างเรียบเฉย
นับตั้งแต่ด้ายกระตุ้นวิญญาณของเขาใช้ได้ เขาก็จัดการแผนทั้งหมดไว้แล้ว สิ่งที่ต้องหาเป็นอันดับแรกก็คือหน่วยพิทักษ์กฎที่ขึ้นตรงกับเขาเพียงคนเดียว และเป็นกลุ่มที่จะช่วยเขาดูแลลัทธิทั้งลัทธิ
กลุ่มนี้จะต้องจงรักภักดีกับเขาอย่างเด็ดขาด
เพราะเขาที่เป็นกระต่าย ทั้งยังเป็นกระต่ายสีเทา เจอเจ้าเปลือกไม้ที่รวมกลุ่มมาสวามิภักดิ์อย่างกล้าหาญพอดี
ดังนั้นการชำระล้างพิเศษจึงเกิดขึ้นแล้ว
เปลือกไม้เหลียวมองซ้ายขวา พร้อมกับค่อยๆ ยืดร่างกายขนาดเท่าส้มโอขึ้น จากนั้นก็พยายามเข้าใกล้ผนังด้านในโพรงไม้ และยืนสองขาขึ้นเลียนแบบลู่เซิ่ง
นี่ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากคือการทำจนเป็นนิสัยในระยะยาว
“ข้าคือเปลือกไม้ หัวหน้ากระต่ายเทาที่ได้รับความเอ็นดูจากโชคชะตา และได้รับการประทานจากท่านหัวหน้า” หลังจากลุกขึ้น เขาก็ดูตัวใหญ่กว่าก่อนหน้าเท่าหนึ่ง
“ข้า คือบุตรแห่งโชคชะตาที่ได้รับการชำระล้าง! พี่ใหญ่ได้ขอให้โชคชะตามอบทิศทางที่แท้จริงแก่ข้า!” เปลือกไม้พูดเสียงดัง
แคว่ก!
ร่างกายของมันขยายใหญ่ทันที ผิวและขนกระต่ายสีเทาบนร่างแตกออกอย่างฉับพลัน
กล้ามเนื้อที่บึกบึนแข็งแกร่งหลายก้อนนูนขึ้นมาจากบนร่างของมัน
หลังผสมกับด้ายกระตุ้นวิญญาณเส้นหนึ่งที่ลู่เซิ่งแบ่งออกมา เปลือกไม้ในตอนนี้ก็สูงใหญ่ขึ้นในพริบตา
ร่างของมันขยายจากขนาดเท่าส้มโอจนมีขนาดเท่าสุนัข
“นี่คืออะไร!?” ผู้นำทั้งหมดมองเปลือกไม้ที่เปลี่ยนร่างอย่างตกตะลึง แม้จะยังมีขน หู ตาของกระต่ายอยู่ แต่เมื่อมองให้ละเอียด ก็จะเห็นได้ว่า เปลือกไม้ในตอนนี้มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แถมขาสี่ข้างยังกำยำเป็นพิเศษจนเหมือนกับมารร้ายฆ่าคนที่ห่มหนังกระต่าย
“เปลือกไม้ได้ผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็นและกลายเป็นผู้ดำเนินการแห่งโชคชะตาจากการชำระล้างของข้าแล้ว มันกับกระต่ายเทาเบื้องหลังจะกลายเป็นผู้ดำเนินกฎในป่าและคอยจับตาดูทุกๆ ตัว” ลู่เซิ่งกล่าว
ผู้นำที่เหลือสบตากัน พวกมันเคยเห็นฉากที่ลู่เซิ่งลงมือแล้ว แม้ฉากเมื่อครู่จะไม่น่าตกตะลึงเท่าตัวลู่เซิ่งลงมือเอง แต่ก็อ่อนแอกว่าลู่เซิ่งนิดหน่อยเท่านั้น
หลังทราบว่าการชำระล้างไม่มีอันตรายจริงๆ พวกผู้นำก็พากันเข้าลัทธิกินหญ้าอะไรนั่นของลู่เซิ่ง เพื่อหวังจะได้รับการชำระล้าง
เวลาล่วงเลยผ่านไปเช่นนี้
มีการชำระล้างครั้งแล้วครั้งเล่า พอด้ายกระตุ้นวิญญาณถูกใช้จนหมด ที่นี่ก็ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตปกติอีกต่อไป
ผลของด้ายกระตุ้นวิญญาณคือการยกระดับปริมาณเลือดลมของร่างหลักในระดับสูงสุด แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์รุนแรงขึ้นได้ง่ายด้วย
ลู่เซิ่งชำระล้างเหล่าผู้นำที่เป็นลูกน้องครั้งหนึ่ง
จากนั้นก็ปลูกหญ้ารสเนื้อที่เขาปรับเปลี่ยนแล้วกับหญ้าธรรมดาจำนวนมากรอบๆ โพรงไม้ในเขตปกครองของตัวเอง
ผ่านไปหลายวันในพริบตา
ในป่าแค่ผืนเดียว ลู่เซิ่งชำระล้างกระต่ายเทาไปมากกว่าร้อยตัว ผลของด้ายกระตุ้นวิญญาณอยู่เหนือจินตนาการของเขา
กระต่ายเทาหนึ่งร้อยกว่าตัวนี้มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งและฟันโค้งแหลมคม แถมร่างกายยังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จากการปรับปรุงที่ได้รับ กระต่ายตัวใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับลูกเสือแล้ว
……………………………………….