ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 614 แผนร้าย (2)
บทที่ 614 แผนร้าย (2)
“อาจารย์ ปกติถ้าท่านพูดแบบนี้ ข้าจะฟังท่าน แต่ครั้งนี้ท่านช่วยเขาไม่ได้แล้ว” ลู่เซิ่งขวางอยู่ด้านหน้าถูจินโดยไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“หลีกไป!” ถูจินคลั่งแล้ว ทั้งๆ ที่ร่างกายอ่อนแอไม่มีแรง ตอนนี้กลับเลือดลมพลุ่งพล่าน เรี่ยวแรงกลับคืน เหมือนแรงฮึดสุดท้ายก่อนตาย
เขาพุ่งเข้ามาหมายจะดึงตัวลู่เซิ่งออกไป
“เต๋ออวิ๋น! ขวางอาจารย์ไว้!” ลู่เซิ่งออกคำสั่งอย่างแน่วแน่
ด้วยพลังของการเป็นผู้นำมาหลายปี กอปรกับเต๋ออวิ๋นไม่ยินยอมให้อาจารย์สละชีวิตตัวเองเพื่อทำการรักษาอยู่แล้ว เขาลังเลแค่เพียงพริบตาเดียว ก็เข้าไปฉุดดึงถูจินไว้อย่างแน่วแน่
“อกตัญญู! พวกเจ้ามันอกตัญญู!” ถูจินถูกรั้งตัวไว้ พลันขัดขืนอย่างรุนแรง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะต้องคิดถึงผลลัพธ์ของการทำแบบนี้ให้ดี” บุรุษวัยกลางคนตรงประตูซึ่งกำลังชมดูกล่าวอย่างเย็นชา ตอนนี้พอเห็นลู่เซิ่งขวางอาจารย์ของตัวเองไว้ไม่ให้ทำการรักษา ก็อดส่งเสียงขู่ไม่ได้
ลู่เซิ่งเกิดเพลิงโทสะ ต้องการกำจัดคนผู้นี้ ใช้ชีวิตมาตั้งนานเขายังไม่เคยเจอสวะที่รีบร้อนไปตายแบบนี้มาก่อน
“เสี่ยวเยวี่ย เฉิงเช่อกับข้าคบหากันมาหลายปี ข้าไม่สามารถมองดูเขาตายไปเฉยๆ ได้! เจ้ารู้แล้วว่าข้าหมดหนทาง ถ้าเจ้ามีวิธีล่ะก็ เจ้าช่วยข้าทีเถอะ!” ตอนนี้ถูจินนึกขึ้นได้ว่าวิชาแพทย์ของศิษย์ผู้นี้เป็นครามเกิดจากน้ำเงินแต่เหนือกว่า[1] จึงรีบวิงวอนเสียงดัง
ลู่เซิ่งข่มจิตสังหารในใจ หางตาเหลือบมองถูจินที่ตอนนี้น้ำตาไหลพราก
สุดท้ายก็ถอนใจเงียบๆ
“ได้ ข้ารับปากท่านว่าจะพยายามสุดความสามารถ!” เขากล่าวเสียงทุ้มต่ำอย่างจริงจัง
ถูจินรู้จักลู่เซิ่งดี ขอแค่อีกฝ่ายไม่ปฏิเสธ นั่นแสดงว่ายังมีความหวังเล็กน้อย จึงดีใจทันที
“เจ้าไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ถ้าช่วยเฉิงเช่อได้ สามขีดจำกัดใหญ่ ข้าจะถ่ายทอดให้เจ้าต่อหน้าเอง!” เขาให้คำมั่นอย่างจริงจัง “นอกจากนี้ ข้าได้เติมด้ายกระตุ้นวิญญาณจำนวนมากพอเข้าไปในร่างของเขาแล้ว น่าจะทนได้สองชั่วยาม เจ้าจะต้องรีบมาเรียกข้า…”
“อาจารย์ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ ถ้าช่วยไม่ได้ ข้ารับผิดชอบเอง!” ลู่เซิ่งตัดบทเขา ถูจินประเมินผิดไปแล้ว เลือดลมที่เปลี่ยนจากด้ายกระตุ้นวิญญาณซึ่งเขาเติมเข้าไปทนได้หนึ่งชั่วยามก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่เขาไม่อยากจะพูดตรงๆ เพื่อไม่ให้ถูจินกังวล
เป็นตายคือสัจธรรม เป็นวัฏจักรของฟ้าดิน ต่อให้เป็นลู่เซิ่งในตอนนี้ ก็ไม่สามารถย้อนความเป็นความตายได้ การลงมือในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ความจริงขึ้นกับชะตาชีวิตของตัวหลิงเฉิงเช่อเอง
ส่วนพิษและอาการบาดเจ็บนี้มาได้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องราวในภายหลังแล้ว
ลู่เซิ่งเริ่มตรวจสอบสภาพของหลิงเฉิงเช่ออย่างรวดเร็ว ทุ่มเทจิตใจและสมาธิไปกับการช่วยเหลือ
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาช่วยเหลือคนสุดกำลังตั้งแต่ประสบความสำเร็จบนเส้นทางมรรคายุทธ์
เขาเปลี่ยนปราณมารเป็นเส้นด้ายอย่างช่ำชองพร้อมกับห่อหุ้มพิษหลายชนิดออกมา โครงสร้างและอวัยวะบางส่วนที่ถูกพิษจนเปลี่ยนเป็นเนื้อตายแล้วถูกเขาใช้ด้ายกระตุ้นวิญญาณเร่งการเกิดใหม่
เทียบกับถูจินแล้ว ความได้เปรียบสูงสุดของลู่เซิ่งคือด้ายกระตุ้นวิญญาณที่มีจำนวนน่าหวั่นสะพรึง ขอแค่ยังมีชีวิต เขาก็มีความหวังในการช่วยคนกลับมาได้
แยกและขจัดพิษ ซ่อมแซมอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายใน ชดเชยพลังชีวิตและเลือดลม รวมถึงฟื้นฟูจิตวิญญาณส่วนหนึ่งที่เสียหาย
การผ่าตัดอันแม่นยำที่ยากราวกับการปีนป่ายสวรรค์สำหรับแพทย์ทุกคน สำเร็จลงอย่างราบรื่นด้วยฝีมือของลู่เซิ่ง
ถึงแม้ระหว่างทางจะมีอุปสรรค แต่สภาพโดยรวมกลับเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไป ในที่สุดฟ้าก็สว่าง หลังผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ลู่เซิ่งก็เดินออกมาจากห้อง
คนกลุ่มหนึ่งซึ่งรออยู่ด้านนอกนานแล้ว พอเห็นดังนั้นก็รุมล้อมเข้ามา
มีถูจิน เต๋ออวิ๋น และบุรุษวัยกลางคนเมื่อก่อนหน้า โฉวฮัวก็อยู่ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสตรีกลุ่มหนึ่งที่โอบกอดสตรีเฒ่าผมขาวซึ่งกำลังปาดเช็ดน้ำตาเงียบๆ อยู่ด้วย
“เป็นอย่างไรบ้าง?!” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นส่งเสียงเป็นคนแรก สายตาจับจ้องลู่เซิ่งอย่างน่ากลัว
“ถือว่าราบรื่น” ลู่เซิ่งมองถูจินและพยักหน้าตอบ ไม่ได้สนใจบุรุษวัยกลางคนผู้นี้
ถูจินพลันโล่งอก รีบเข้าไปตรวจสอบ
คนอื่นๆ พากันกรูเข้าไปในห้องนอน
ไม่ใช่แค่ถูจินเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีชายชราท่าทางเหมือนหมอหลายคนติดตามเข้าไปดูด้วย
พอตรวจสอบก็พบว่า สถานการณ์ราบรื่นทุกอย่างตามที่ลู่เซิ่งบอก ในที่สุดอาการป่วยของหลิงเฉิงเช่อก็ทรงตัวแล้ว และยังอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูด้วย
“อาจารย์ ครั้งนี้ท่านพอใจแล้วกระมัง” ลู่เซิ่งเอ่ย “ไปเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นาน พวกเราจะกลับบ้านทันที!”
ลู่เซิ่งยังมีคำพูดที่ไม่ได้บอก ระหว่างการรักษา เขาคว้าจับกลิ่นอายสีเทาที่แข็งแกร่งเหี้ยมหาญถึงขีดสุดจากในร่างของชายชราผู้นั้นได้หลายสาย ประเมินดูจากระดับของกลิ่นอายนี้แล้ว จะต้องเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับอริยะเจ้าเป็นอย่างน้อยทิ้งไว้แน่
ยอดฝีมือระดับอริยะเจ้าคนหนึ่งไม่ใช่ผู้อ่อนแอในนครตราชั่ง ตอนนี้เขาไม่อยากจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ที่ไม่รู้จัก
จึงตัดสินใจพาพวกถูจินกลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“หยุดพวกเขาเอาไว้!” อยู่ๆ ก็มีเสียงตวาดเฉียบขาดดังมา
เคร้ง!
องครักษ์พกดาบสิบกว่าคนที่มีกลิ่นอายแข็งแกร่งพลิกม้วนบนร่าง ชักดาบย่างสามขุมเข้ามาล้อมพวกลู่เซิ่งและถูจินเอาไว้
“ก่อนที่บิดาข้าจะฟื้น พวกท่านไปไหนไม่ได้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ไม่แน่ว่าภายหลังยังต้องขอให้ทั้งสามท่านเปลืองแรงอีกมาก” บุรุษวัยกลางคนคนนั้นเดินออกมาจากห้อง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“พาตัวไป ปรนนิบัติรับใช้ให้ดี”
“พวกเจ้า!?” ถูจินไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก จึงเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายทันที
“ท่านพ่อ! พวกเขา…” หลิงโฉวฮัวผุดสีหน้าแตกตื่น ต้องการเอ่ยปากร้องขอ แต่ก็ถูกองครักษ์หญิงคนหนึ่งเข้ามาขวางไว้ทันที
“ลูกเอ๋ย ไม่ใช่ว่าพ่อไม่เห็นแก่น้ำใจ แต่เป็นเพราะการลงมือครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของตระกูลเรา ท่านหมอสามท่านขจัดพิษนี้ได้ครั้งหนึ่ง จะต้องขจัดครั้งที่สองได้แน่ ไม่แน่ว่าภายหลังจะมีเวลาที่ต้องการตัวทั้งสามท่านอีก ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็ล่วงเกินพวกเขาไปแล้ว ถือโอกาสหนึ่งไม่ทำสองไม่เลิกรา ควบคุมไว้ก่อนดีกว่า” บุรุษวัยกลางคนส่งกระแสเสียงอธิบายเบาๆ
“แต่…” หลิงโฉวฮัวยังคงรับไม่ได้ นี่มันเป็นเรื่องผิดชัดๆ ไม่ใช่หรือ
“ตกลงตามนี้ เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะดูแลท่านตาของเจ้าต่อเอง” บุรุษวัยกลางคนเกลี้ยกล่อมอย่างอ่อนโยน
หลิงโฉวฮัวยังคิดจะพูดบางอย่างต่อ แต่บุรุษวัยกลางคนไม่สนใจอีกแล้ว
ตอนนี้ไหนเลยถูจินจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองเข้ามาข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ภายในตระกูลหลิงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินมาว่า สถานการณ์การชิงอำนาจและผลประโยชน์ในตระกูลหลิงรุนแรงมาก
แต่นึกไม่ถึงว่าจะรุนแรงถึงขั้นนี้
ตอนนี้องครักษ์อาภรณ์ขาวกลุ่มหนึ่งเฝ้าทั้งสามเอาไว้ ถูจินนึกไม่ออกอยู่ชั่วขณะว่าจะมีวิธีการใดที่ใช้หลบหนีออกไปได้
“อาจารย์ทำพวกเจ้าลำบากเสียแล้ว” เขาผุดสีหน้าละอายใจ “แต่พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ของแค่เฉิงเช่อฟื้น จะต้องไม่เป็นไรแน่” มิตรภาพในเวลาหลายสิบปีของเขากับหลิงเฉิงเช่อไม่ใช่พูดไปเรื่อย เขามีความมั่นใจในเรื่องนี้
องครักษ์กลุ่มหนึ่งล้อมรอบคนทั้งสามไว้ แถมยังมีคนเข้ามาจากประตูทางเข้าออกรอบๆ เพิ่มอีก ลานเรือนทรงกลมเหมือนกับถังน้ำตกสู่วงล้อมอยู่ชั่วขณะ
“ถึงอย่างไรอาจารย์ก็เป็นคนช่วยชีวิตข้าไว้ ไม่เป็นไรหรอก!” เต๋ออวิ๋นยิ้ม ตอนนี้เขาหายกังวลแล้ว
ลู่เซิ่งค่อยๆ ใช้ผ้าเปียกเช็ดแขนทั้งสองข้างจนสะอาด จากนั้นก็ใส่มีดผ่าตัดและขวดยาหลายชนิดลงไปในถุงย่ามสีดำใบเล็กที่พกติดตัว
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสีเทาที่รู้สึกได้ก่อนหน้านี้ เจ้าของของมันกำลังเข้าใกล้ที่นี่ด้วยความเร็วสูง แสดงให้เห็นว่าเป็นเพราะเขาทำลายแผนการที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ จึงกระตุ้นสัมผัสของฝ่ายตรงข้ามเข้าแล้ว
“อาจารย์ พวกเราต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” เขากล่าวพลางเพ่งสมาธิ
“ข้าเองก็อยาก…” ถ้าหากทำได้ ถูจินก็อยากจะออกไปเช่นกัน ทว่าองครักษ์อาภรณ์ขาวที่อยู่รอบๆ ต่างมีกลิ่นอายพลิกม้วนบนตัว แค่ดูจากคลื่นสารกายที่กระจัดกระจายออกมา องครักษ์พวกนี้ต่างก็เทียบเคียงกับยอดฝีมือมรรคายุทธ์ที่เขาเคยพบเจอได้แล้ว
ถึงจะไม่ทราบว่าพลังฝึกปรือเป็นอย่างไร แต่พวกเขาสามคนไม่อาจขัดขืนได้ง่ายๆ เด็ดขาด
“ไม่เป็นไร ข้าจัดการเอง” ลู่เซิ่งไม่คิดเปิดเผยพลัง แต่ยังใช้วิชารักษาที่มีแบบแผนอย่างเดียวได้อยู่
เขาขยับจิตวิญญาณเล็กน้อย แล้วดีดนิ้วด้วยนิ้วสิบข้าง
พรึ่บๆๆๆ!
ด้ายกระตุ้นวิญญาณไร้รูปร่างหลายสายพุ่งออกจากปลายนิ้วของเขาในทันที จากนั้นก็พุ่งผ่านจุดลมปราณหลังท้ายทอยของพวกองครักษ์ที่อยู่รอบๆ อย่างไร้สุ้มเสียง
ฟ้าว…
ราวกับลมอ่อนพัดผ่าน องครักษ์ทั้งหมดในลานเรือนพลันแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน
เคร้ง
ดาบในมือของบางคนร่วงตกพื้น ส่งเสียงกังวานใส
การเคลื่อนไหวนี้สร้างความตกตะลึงให้แก่ถูจินอาจารย์ศิษย์ พวกเขานึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าด้ายกระตุ้นวิญญาณจะใช้ทำแบบนี้ได้ด้วย
“ไป!”
ลู่เซิ่งเดินนำหน้าไปยังประตูลาน พวกถูจินจึงรีบติดตามไป
ทว่าเพิ่งจะเดินออกมาไม่กี่ก้าว บนพื้นก็มีหมอกสีเทาผืนหนาแผ่กระจายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ
ลู่เซิ่งแค่นเสียงเย็นชา ด้ายกระตุ้นวิญญาณระเบิดออกอย่างฉับพลัน พวกมันลอยฉวัดเฉวียนอย่างไร้รูปร่างอยู่กลางอากาศพร้อมกับรัดถูจินและเต๋ออวิ๋นไว้ จากนั้นก็ยกตัวพวกเขาลอยไปยังด้านนอกประตู
“มีความสามารถ แต่ก็ยังต้องอยู่ คำพูดที่ข้าพูดไม่เคยไม่เป็นจริง” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยเสียงเย็น
เขาไม่ได้รับผลกระทบจากด้ายกระตุ้นวิญญาณ ในมือมีกระดิ่งใบเล็กๆ สีเทาอันประณีตโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ก่อนเขย่าเบาๆ
ติ๊ง…
ฉับพลันนั้นปราณสีเทาจำนวนมากแบ่งตัวออกมาแล้วพุ่งใส่ทั้งสามเหมือนกับหนวด
องครักษ์ที่เหลือในลานเรือนฟื้นสติกลับมาแล้ว ต่างก็ถือดาบพร้อมพุ่งใส่พวกลู่เซิ่งโดยไม่ส่งเสียง
“ท่านพ่อ!” หลิงโฉวหัวหวีดร้องด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน ปะทะกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิต แถมยังต้องการบังคับให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ นี่ไม่ใช่บิดาที่นางรู้จัก การกระทำที่ไม่สนใจหลักทำนองคลองธรรมนี้ไม่เหมือนสิ่งที่เขาจะทำได้
ลู่เซิ่งไม่สนใจหนวดปราณสีเทา หากกดฝ่ามือลงล่าง ด้ายกระตุ้นวิญญาณกลุ่มใหญ่กระจัดกระจายระเบิดออก พร้อมกับรัดพันต้นไม้ประดับสวนที่อยู่ไกลออกไป จากนั้นเส้นด้ายไร้รูปร่างจำนวนมากก็กระชากคนทั้งสามหลบปราณเทาและดึงร่างลอยไปยังที่ไกล
“นี่คือด้ายกระตุ้นวิญญาณหรือ?!” ถูจินพลันทราบว่าเส้นด้ายพิเศษที่ลู่เซิ่งใช้คืออะไร เขานึกไม่ถึงว่าลู่เซิ่งจะใช้งานด้ายกระตุ้นวิญญาณได้ถึงขอบเขตนี้
“เฒ่าสวี่ เอาพวกเขาลงมา” บุรุษวัยกลางคนในลานเรือนเบื้องล่างเก็บกระดิ่งในมือโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ให้ข้าจัดการเถอะ”
เสียงนกยูงที่หวีดแหลมระเบิดออกอย่างฉับพลัน เหนือลานเรือนพลันปรากฏเงาสีดำรูปร่างปลาขึ้นผืนหนึ่ง
เงาสีดำปกคลุมพวกลู่เซิ่งไว้ในพริบตา ด้ายกระตุ้นวิญญาณทั้งหมดขาดสะบั้นลงและหลอมละลายในทันที
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเย็นชา ขณะกำลังจะเปลี่ยนความสามารถเพื่อหลบหนีต่อนั่นเอง
ฮ่าๆๆ!
เสียงหัวเราะร่าดังมาจากท้องฟ้าไกลออกไปในชั่วขณะที่เลือนราง
เส้นแสงสีน้ำเงินสองสายบินมาถึง พริบตาเดียวก็หยุดอยู่เหนือศีรษะคนทุกคน และกลายเป็นเงาคนอาภรณ์น้ำเงินสองสาย
แสงสีทองเข้มหลายสายกระจัดกระจายออกไปด้านหลังคนทั้งสอง ดูเหมือนกับว่ามีค่ายกลที่ใช้ตัดขาดและผนึกชนิดหนึ่งเปิดทำงานแล้ว
“!” ครั้งนี้แย่แล้ว ถูกไอ้โง่ด้านล่างถ่วงเวลาไว้จนคนผู้นั้นมาถึงแล้ว
เดิมลู่เซิ่งคิดจะซ่อนพลังและเบื้องลึกเบื้องหลัง โดยใช้วิชารักษาที่มีแบบแผนพาคนจากไป
น่าเสียดาย…
“จงตายเสียเถอะ!” เงาคนสีน้ำเงินสายหนึ่งในนี้พลันคว้ากรงเล็บใส่คอของลู่เซิ่ง ส่วนเงาคนอีกสายพุ่งใส่บุรุษวัยกลางคนในลานเรือน
ลู่เซิ่งกางสองแขนออก ด้ายกระตุ้นวิญญาณจำนวนมากพุ่งออกไปอย่างไร้รูปร่างแล้วขวางผู้มาเอาไว้ พร้อมกับพาพวกถูจินลอยไปยังที่ไกลต่อ
“สหายน้อยในเมื่อมาแล้ว ไฉนจึงรีบกลับนัก” เสียงชราเสียงหนึ่งลอยมาจากที่ไกล
“น่ารำคาญ…” ลู่เซิ่งอึดอัดคับข้องใจ
“ในเมื่อสหายน้อยขจัดพิษรุนแรงที่ฮัวอวี่ทิ้งไว้ได้ ก็คงขจัดพิษร้อยรุ่งเรืองร่วมใจได้เหมือนกันกระมัง ข้ามีพิษหลายชนิดที่แก้ไขไม่ได้พอดี สหายน้อยได้โปรด…”
“น่ารำคาญ…”
ลู่เซิ่งรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
“…หลิงซือเฉิงเชิญเจ้ามา ค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นสามเท่า นอกจากนี้ข้ายังจะ…”
“น่ารำคาญโว้ย ย้าก!”
ชั่วพริบตานั้นลู่เซิ่งฟาดมือออกไปโดยสัญชาตญาณ หลุมดำสามหลุมปรากฏด้านหน้าทรวงอกอย่างฉับพลัน
ด้ายกระตุ้นวิญญาณเหลือคณานับทะลักออกมาจากร่างของเขา กลายเป็นมือใหญ่ยักษ์จับคนสวมอาภรณ์น้ำเงินทั้งหมดที่อยู่กลางอากาศไว้
แคว่ก!
เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนโปรยปราย
……………………………………….
[1] ครามเกิดจากน้ำเงินแต่เหนือกว่า หมายถึง คลื่นลูกหลังไล่คลื่นลูกหน้า คนมาทีหลังเก่งกว่าคนมาก่อน