ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 63 หมู่บ้านตระกูลซ่ง (7)
“พี่ลู่ อ่านสีหน้าของท่าน หรือว่ามีการค้นพบที่ผิดปกติอันใด” หลี่ซุ่นซีอดถามไม่ได้
คนทั้งกลุ่มค้นหารอบหนึ่งไม่เจอใคร เริ่มรวมตัวกันใต้ต้นไม้แห้งกลางลานหลัก
ลู่เซิ่งได้ยิน เพียงมองรอบๆ หนหนึ่ง
ในลานหลักที่มืดมิดมีแค่พวกเขากลุ่มเดียว ห้องรอบๆ ต่างว่างเปล่าไม่มีแสงตะเกียงและไม่มีการเคลื่อนไหว
“ยังมีคนไม่มาหรือ แม่นางกงหรูเมิ่งเล่า” เขาพลันถาม
ทุกคนพลันงุนงง ค่อยพบว่ากงหรูเมิ่งถึงกับไม่อยู่ในกลุ่ม กงหรูชิงกลับมีสีหน้าตกตะลึง
“นางไม่ได้อยู่ข้างหลังข้าหรือ” นางถามอย่างสับสน ตลอดทางนางรู้สึกได้ว่าด้านหลังมีคนคนหนึ่ง เมื่อครู่นางยังพูดกับน้องสาวอยู่หลายคำ
“ท่านแน่ใจหรือ” ลู่เซิ่งมองนาง
ครั้งนี้ทุกคนมองกงหรูชิง
สตรีกระโปรงขาวคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังนางตลอด เพียงแต่ใบหน้าถูกผมของกงหรูชิงบังไว้ ไม่เห็นหน้านางชั่วขณะ จึงนึกว่านางคือกงหรูเมิ่ง
ยามนี้สตรีนางนั้นยืนอย่างสงบอยูด้านหลังกงหรูชิง ไม่ขยับเขยื้อน สองมือห้อยตก
“แต่ด้านหลังข้า…” กงหรูชิงหน้าซีดขาว เห็นสายตาที่ทุกคนมองดูด้านหลังของนาง พลันเริ่มแสดงความหวาดหวั่นพรั่นพรึง
ในเมื่อด้านหลังของนางไม่ใช่กงหรูเมิ่งผู้เป็นน้องสาว สตรีที่อยู่ด้านหลังของนางมาตลอดเป็นใคร!?
กงหรูชิงขนลุกขนพอง
ตัวนางสั่นเทิ้ม ค่อยๆ หมุนตัว
“อย่าหันไป!” หลี่ซุ่นซีพุ่งเข้าไปดุจเกาทัณฑ์ คว้าไหล่กงหรูชิงไว้ ดึงมาทางตัวเอง
โครม!
คนทั้งสองพลันชนกัน
ขณะเดียวกันแสงเงินจุดหนึ่งลอยจากมือของหลี่ซุ่นซี เหมือนลูกดอกอันหนึ่ง พุ่งฟิ้วเข้าใส่สตรีกระโปรงขาว
ตอนนี้เองตรงหน้าทุกคนพร่ามัว สตรีอาภรณ์ขาวนางนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา
แสงเงินตกลงบนพื้น หมุนอยู่หลายรอบค่อยหยุดลง ถึงกับเป็นลูกข่างสีเงินขนาดเท่ากำปั้น
หลี่ซุ่นซีถูกกงหรูชิงกดทับ สองคนอยู่ในท่าคลุมเครือ กงหรูชิงหวาดกลัวสุดขีด กอดเขาไว้เหมือนปลาหมึก ไม่กล้าคลายมือ
“คุณหนูชิงชิง ไม่เป็นไรแล้วๆ… ท่านปล่อยข้าก่อน” หลี่ซุ่นซีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
ทุกคนค่อยรู้สึกตัว คนคุ้มกันสองคนรีบเข้าไปประคองทั้งสองคนขึ้นมา
ลู่เซิ่งขมวดคิ้ว ต้วนเหมิ่งอันตกใจแทบตาย เหงื่อโชกเต็มตัวยังไม่เอ่ยถึง ร่างกายยังสั่นไม่หยุด
“ลูก… ลูกพี่… พวกเราออกจากหมู่บ้านนี้ก่อนค่อยว่ากันเถอะ…”
ลู่เซิ่งกลอกตาใส่ ไม่ได้ตอบ เมื่อครู่ทุกคนต่างไม่เห็นใบหน้าของสตรีอาภรณ์ขาวนางนั้น และไม่เห็นว่านางหายไปได้อย่างไร
สมควรเป็นสิ่งของของหลี่ซุ่นซีใช้งานได้จริงๆ
“นั่นเป็นวิญญาณจิต ทุกคนอย่าแยกกัน… ความอันตรายของวิญญาณจิต… ยากจะอธิบายให้เข้าใจได้ อย่างไรตั้งแต่นี้ไป ทุกท่านอย่าได้ออกห่างจากข้าเกินสิบหมี่” หลี่ซุ่นซีลุกขึ้นก็กำชับอย่างจริงจัง “ถ้าเดาไม่ผิด กุญแจสำคัญที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดของหมู่บ้านแห่งนี้คือต้นไม้แห้งเหล่านั้น”
เขาชี้ต้นไม้แห้งในลานต้นนั้น ลดเสียงกล่าว
ลู่เซิ่งมองคนผู้นี้
“พี่ลู่มีความเห็นสูงส่งว่าอย่างไร”
หลี่ซุ่นซีกล่าวราบเรียบ “คิดหาคนที่หายไปก่อนหน้าเหล่านั้น พวกเราอาจต้องทำลายต้นไม้แห้งทั้งหมดในหมู่บ้านก่อน”
“ต้นไม้แห้งหรือ” ลู่เซิ่งสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้าสงสัยว่าต้นไม้เหล่านี้คือต้นตอที่ประกอบเป็นค่ายกลของหมู่บ้าน ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องทำลายต้นไม้ อีกด้านหนึ่งพวกเราจำเป็นต้องหาวัตถุโลหะอย่างหนึ่งในห้องตรงกลาง นั่นสมควรเป็นตาค่ายกลที่แท้จริงในหมู่บ้านนี้” หลี่ซุ่นซีกล่าวต่อ
“พวกเราลองเดินออกจากหมู่บ้านดูได้” ลู่เซิ่งพลันเอ่ยแทรก
หลี่ซุ่นซีพลันงงงัน มองลู่เซิ่งอย่างจริงจัง
“ดูเหมือนพี่ลู่กับข้ามีความเห็นต่างกัน การออกจากหมู่บ้านในตอนนี้ไม่มีประโยชน์ใด”
“ลองดูเถอะ” ลู่เซิ่งกล่าวราบเรียบ
หลี่ซุ่นซีเขม้นมองลู่เซิ่งครู่หนึ่ง ค่อยพยักหน้าช้าๆ
“ก็ได้ ในเมื่อพี่ลู่พูดแบบนี้ พวกเราจะส่งคนที่ช่วยอะไรไม่ได้เหล่านี้ไป รับประกันความปลอดภัยของพวกเขาก่อนค่อยว่ากล่าว”
“แต่น้องสาวของข้าเล่า!” กงหรูชิงใบหน้างามซีดขาว ไต่ถาม
“พวกเราจะกลับมาหาเอง” หลี่ซุ่นซียิ้มปลอบนาง ดึงนางมากอดในอ้อมอกเบาๆ
กงหรูชิงหน้าแดง แต่ตอนนี้ขวัญหนีดีฝ่อ หลี่ซุ่นซีเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว บวกกับอีกฝ่ายเพียงมองก็รู้ว่าถ้าไม่รวยก็ฐานะสูงศักดิ์ สถานะทางบ้านอาจดีกว่านาง ที่นางหวั่นไหวอยู่บ้างก็เป็นปกติ
ตอนนี้ถูกโอบกอด กงหรูชิงดิ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ต่อต้าน ปล่อยให้เขากอดตัวเองเบาๆ
“วางใจเถอะ มีข้ากับพี่ลู่อยู่ น้องสาวของท่านต้องไม่เป็นไร” หลี่ซุ่นซียิ้มรับประกัน
“อื้อ!” กงหรูชิงขมวดคิ้วพลางพยักหน้าแผ่วเบา
คนคุ้มกันที่เหลือรอบๆ ถอนใจโดยแรง หมู่บ้านนี้ลี้ลับอยู่บ้างจริงๆ ดูเหมือนพวกเขาถ้าไม่กล้าออกไปลำพัง คงจะทิ้งคุณหนูหนีไปก่อนแล้ว ตอนนี้ออกไปได้ สมปรารถนาของพวกเขาพอดี
ยังมีต้วนเหมิ่งอันที่ยินดี ถอนใจแรงๆ
ทุกคนเห็นด้วย เริ่มเดินไปยังประตูใหญ่ของหมู่บ้าน
เดินไปถึงครึ่งทาง ทุกคนรู้สึกผิดปกติ
ประตูหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลชัดๆ แต่ทุกคนเดินเกือบร้อยก้าวยังห่างจากประตูใหญ่สิบกว่าหมี่
หลี่ซุ่นซีหยีตา มองลู่เซิ่ง ดูเอาเถอะ ข้าพูดถูกแล้ว
“คุณชาย…” ต้วนเหมิ่งอันตามติดอยู่ด้านหลังลู่เซิ่ง สั่นระริกทั้งตัว “พวกเรา… พวกเราหรือว่า… จะเจอผีแล้ว…”
ลู่เซิ่งสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ส่งเสียง
“มีปัญหาจริงๆ!”
หลี่ซุ่นซีที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวเสียงเย็น “ที่ชั้นใต้ดินสมควรยังมีเงื่อนงำ ข้าคิดจะไปดูอีกรอบ พี่ลู่ไปด้วยหรือไม่ ที่นั่นสมควรเป็นรังเก่าของหมู่บ้าน”
ลู่เซิ่งส่ายหน้าเล็กน้อย
“ข้าไม่ไปไหนทั้งสิ้น จะอยู่ที่นี่”
หลี่ซุ่นซีงงงัน
“พี่ลู่เอาจริงหรือ”
“แน่นอน” ลู่เซิ่งตอบอย่างจริงจัง
หลี่ซุ่นซีพิจารณาลู่เซิ่ง ยิ้มเล็กน้อย
“ก็ได้ ทุกท่านจะอยู่กับผู้ใด ข้าจะไปชั้นใต้ดิน พี่ลู่อยู่ที่นี่”
กงหรูชิงกับคนคุ้มกันสองคนมองซ้ายมองขวา
หลี่ซุ่นซียืนอยู่ด้านข้าง ท่าทีมีสง่า บุคลิกไม่ธรรมดา ลู่เซิ่งยืนอยู่ด้านข้าง บุคลิกเคร่งเครียด สีหน้าเรียบเฉย
“ข้าน้อยจะตามคุณชายหลี่” กงหรูชิงเลือกหลี่ซุ่นซีอย่างแน่วแน่
“พวกเราจะร่วมทางกับคุณชายหลี่เช่นกัน!” คนคุ้มกันสองคนนั้นรีบพูด ก่อนหน้านี้หลี่ซุ่นซีแสดงความสามารถชุดหนึ่ง น่าเชื่อถือกว่าลู่เซิ่งที่อมพะนำมาตลอด
ต้วนเหมิ่งอันลุกลี้ลุกลน คิดตามไปด้วย แต่เห็นลู่เซิ่งที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก็ไม่กล้าขยับตัว
ครั้งนี้ทางหลี่ซุ่นซีมีสี่คน ทางลู่เซิ่งมีสองคน
สองด้านแต่งตัวแบบคุณชายบ้านรวย แต่จำนวนคนแตกต่างกันชัดเจน
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ขออวยพรให้พี่ลู่อยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย” น้ำเสียงของหลี่ซุ่นซีแฝงนัยยะ หมุนตัวพาคนเดินไปลานด้านหลัง
พวกกงหรูชิงแสดงความดูแคลนเล็กน้อย คุณชายลู่ผู้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคนขี้ขลาดเห็นแก่ตัว เทียบกับคุณธรรมและความปรารถนาช่วยเหลือคนของคุณชายหลี่ ต่างกันไม่รู้เท่าไหร่
ลู่เซิ่งมองตามอีกฝ่ายจากไป ไม่พูดสักคำ
…
หลี่ซุ่นซีเดินอยู่ด้านข้างบ้าน ตาหงส์ที่งดงามเหมือนกำลังนึกคิดอันใด อย่างไรก็ไม่เข้าใจว่าลู่เซิ่งเหตุใดอยู่ๆ จึงตัดสินใจรั้งอยู่ที่ประตู
ในสถานการณ์แบบนั้น การรั้งอยู่ที่ประตูไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย กลับเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ
“พี่ลู่ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร ถึงกับ…” กล่าวไม่ทันจบ เขาพลันเสียวสันหลังวาบ หันกลับไปดู
ด้านหลังมืดมิด ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เงียบสงบว่างเปล่า พวกกงหรูชิงที่เมื่อครู่อยู่ใกล้ตนตอนนี้ถึงกับไม่เหลือสักคน ล้วนหายไปแล้ว
“คุณหนูชิงชิง” หลี่ซุ่นซีสีหน้าตึงเครียด ตะโกนเรียก
เสียงสะท้อนในหมู่บ้านกลางวิกาล กลับไม่มีคนขานตอบ
“วิชาพรางตาหรือ” เขาหยิบยันต์สีเหลืองใบหนึ่งออกมา ซัดไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว นิ้วชี้ทิ่มทะลุอย่างแม่นยำ
ตรงหน้าพลันสว่างไสว เงาร่างของพวกกงหรูชิงโผล่ขึ้นมารอบๆ ตัวเขา ทั้งหมดยืนแน่นิ่งอยู่กับที่ มีเพียงสองตาหมุนกลอก ตาเบิกโพลง สายตาแตกซ่าน
หลี่ซุ่นซีพอเห็นก็ทราบว่าพวกเขาติดอยู่ในวิชาพรางตาแล้ว หยิบยันต์ขึ้นมาแตะทุกคน
“คุณหนูชิงชิงไม่เป็นไรกระมัง” เขารีบประคองกงหรูชิงที่ร่างไร้แรงเล็กน้อย
“ไม่… ไม่เป็นไร…” กงหรูชิงหน้างามขาวซีด คล้ายตกใจไม่น้อย
เพียงแต่หลังจากประคองกงหรูชิง หลี่ซุ่นซีกลับสงสัย ถ้ามีคนใช้วิชาพรางตารอบๆ เขาสมควรสัมผัสได้ถึงจะถูก แต่ว่าเมื่อครู่แม้แต่เขาก็โดนไปด้วย สัมผัสไม่ได้แม้แต่น้อย
“คุณชาย เมื่อครู่ถ้าไม่มีท่าน…” กงหรูชิงดุจดอกสาลี่เปียกฝน แอบอิงเข้าหาเขา ร่างกายที่โค้งเว้าชัดเจนแทบแนบชิดกับตัวเขา
สัมผัสอ่อนนุ่มนั้นพลันทำให้หลี่ซุ่นซีรู้สึกร้อนรุ่ม อดคิดยื่นมือไปสัมผัสส่วนสำคัญของกงหรูชิงไม่ได้
ฉัวะ!
ทันใดนั้น สีหน้าเขาพลันแปรเปลี่ยน ผลักกงหรูชิงออกไปโดยแรง
ประกายสีเงินสายหนึ่งพุ่งผ่านคนทั้งสอง กงหรูชิงถึงกับถือกระบี่สั้นฟันใส่หน้าอกเขาอย่างแรง
ยังดีเขาที่รู้ตัวทัน เพียงแต่หน้าอกถูกฟันเป็นแผลสายหนึ่ง แม้เลือดไหลไม่หยุด แต่ไม่อันตรายถึงชีวิต
“แม่นางชิงชิงท่าน!?” เขาไม่ทันคิดอันใด ก็เห็นกงหรูชิงควงกระบี่แทงใส่ท้องคนคุ้มกันด้านข้าง
“ข้าเป็นอะไรไป?! คุณชายหลี่ช่วยด้วย!” กงหรูชิงตกใจหน้าถอดสี คล้ายกับร่างกายไม่เป็นของตัวเอง ฟาดฟันกระบี่สั้นอย่างบ้าคลั่ง ดันคนคุ้มกันที่ป้องกันไม่ทันคนนั้นออก แล้วพุ่งใส่หลี่ซุ่นซีอีกครั้ง
หลี่ซุ่นซีป้องกันซ้ายหลบขวา แต่ความสามารถของกงหรูชิงเหมือนเหี้ยมหาญขึ้นถึงขีดสุด หลังจากสองสามกระบวนท่าผ่านไป เขาถึงกับป้องกันไม่อยู่
เขากัดฟัน หยิบเหล็กหมาดสีทองเข้มแท่งหนึ่งออกมาจากในถุงข้างเอว ด้านบนสลักลวดลายซับซ้อนเล็กละเอียด
แต่พอเห็นกงหรูชิงที่เหมือนดอกสาลี่เปียกฝน เขาก็ทำไม่ลง ถึงอย่างไรสตรีนางนี้เพียงโดนสิงร่าง หากลงมือไหนเลยไม่เท่ากับตนทำร้ายชีวิตหนึ่ง
ลังเลสักพัก เขาก็ถูกฟันใส่อีกครั้ง
………………………………………….