ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 633 เบื้องหลัง (1)
บทที่ 633 เบื้องหลัง (1)
ลู่เซิ่งซึ่งควบคุมสถานการณ์ใหญ่ให้มั่นคงได้อย่างง่ายดาย พาเหล่าเก๋อซาเข้าไปใกล้นาฬิกาเทพอย่างรวดเร็ว
หลังจากโจวเฉวียนอู่ถูกรุมสะกรัมมายกหนึ่ง สีหน้าก็เชื่อฟังขึ้นมาก แต่สายตาฉายแววอับอายและคับข้องใจมากกว่า
เธอที่เป็นแม่มดนรกที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นพิเศษ แต่ว่าในหมู่เก๋อซาที่รุมเธอมีเก๋อซาแม่มดขั้นสุดยอดสี่คนที่มีพลังใกล้เคียงกับเธออยู่ด้วย ทำให้เธอไม่อาจกางมิติพลังเทพรังสรรค์ของตัวเองด้วยซ้ำ
จึงตกสู่สภาพจนตรอกเหมือนกับตู้เซี่ย
เก๋อซาพวกนี้ต้องพึ่งพาพลังเทพรังสรรค์ในการขยายมิติ หากไม่มีการช่วยเหลือจากมิติพลังเทพ พวกเขาจะแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้ไม่ถึงครึ่ง
หลังจากพลังเทพรังสรรค์ของเก๋อซาจำนวนมากถูกเปิดใช้ อย่าว่าแต่โจวเฉวียนอู่ ต่อให้เธอกับหงส์จักรพรรดิผนึกกำลังกันก็สู้ไม่ได้อยู่ดี
หงส์จักรพรรดิถูกลู่เซิ่งฟาดสลบไป แล้วถูกจับโยนไปอยู่กับเด็กชายสวมหน้ากากของทรายดาราบนรถที่ขับตามมา เด็กชายสวมหน้ากากคนนี้เป็นเก๋อซาระดับแม่มดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินมาตั้งแต่แรกนั่นเอง
เขาถูกตราประทับไล่ล่าของตู้เซี่ยสะกดรอย จึงหลบหนีไม่พ้น ไม่ทันไรก็โดนเหล่าเก่อซากระชากตัวออกมา
สามองค์กรเก๋อซาระดับโลกเป็นแค่เรื่องตลกในสายตาของลู่เซิ่งเท่านั้น
โดยใช้การสะกดจิตระดับมากกว่าพัน…ไม่สิ ใช้วิชาจิตโน้มนำกวาดทำลายทุกอย่างทิ้งซะ
เด็กพวกนี้ยังอายุน้อย จึงรับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมได้ง่ายมาก ลู่เซิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่นำพาพวกเขาเดินสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ภายใต้การร่วมมือของเก๋อซาจำนวนมาก บวกกับมีโจวเฉวียนอู่คอยประสานงานสั่งการ ลู่เซิ่งจึงได้พบกับพ่อของโจวเฉวียนอู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาค่อยพาตู้เซี่ยกับเก๋อซาระดับแม่มดอีกสี่คนมาถึงหน้านาฬิกาเทพโดยมีพ่อลูกโจวเฉวียนอู่ให้ความร่วมมือ
นาฬิกาเทพขนาดยักษ์ใหญ่กว่าตอนที่เพิ่งปรากฏออกมาเสียอีก
หลังจากเข้าใกล้ก็มองไม่เห็นขอบอีก เห็นแค่กำแพงหินขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านตัดขอบฟ้าและดินแนวหนึ่งเท่านั้น
โจวเฉวียนอู่พาพวกลู่เซิ่งมาถึงด้านล่างใจกลางนาฬิกาเทพ
“นาฬิกาเทพจะปรากฏขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆ ห้าปี หากต้องการเปิด จะต้องรวบรวมเก๋อซาระดับแม่มดที่มีธาตุเหมาะสมสามคน ธาตุของทั้งสามคนนี้แบ่งเป็นอาทิตย์ จันทรา ดารา ตู้เซี่ยเป็นธาตุจันทรา”
“อาทิตย์ จันทรา ดาราหรือ” ลู่เซิ่งเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วยื่นมือไปลูบไล้ผิวของนาฬิกาเทพ
ซู่…
เขาสัมผัสได้ถึงพลังอาวรณ์นับไม่ถ้วนที่ไหลเวียนอยู่ด้านในนาฬิกาเทพยักษ์เรือนนี้ พลังอาวรณ์พวกนี้ตกตะกอนตามกาลเวลา สั่งสมมาปีแล้วปีเล่า
พลังงานลึกลับชนิดนี้มีแต่ลู่เซิ่งเท่านั้นที่สัมผัสได้ ความจริงถ้าเขาไม่มีดีปบลู ก็คงสัมผัสการไหลเวียนของพลังงานระดับนี้ไม่ได้เหมือนกัน
“เธอรวบรวมอาทิตย์กับดาราได้แล้วเหรอ” ลู่เซิ่งมองโจวเฉวียนอู่
“อื้อ รวบรวมได้ครบแล้ว ตอนนี้ขาดแค่ธาตุจันทราของตู้เซี่ยเท่านั้น” โจวเฉวียนอู่ผงกศีรษะน้อยๆ พร้อมกับมองตู้เซี่ยที่พิงร่างของลู่เซิ่งด้วยสีหน้าซับซ้อน “นอกจากนี้คุณไม่ต้องกังวล การเปิดใช้นาฬิกาเทพเพียงแค่เติมพลังของตัวเองเข้าไปก็พอ แต่เกรงว่าตู้เซี่ยในตอนนี้จะทำให้เงื่อนไขสำเร็จไม่ได้”
“เงื่อนไขอะไร”
“ตัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง เพ่งสมาธิที่จุดเดียว จากนั้นค่อยเติมพลังงานทั้งหมดของตัวเองเข้าไปด้านใน” โจวเฉวียนอู่อธิบายอย่างราบเรียบ
ลู่เซิ่งได้ยินดังนั้นก็หยีตาแต่ไม่ได้พูดอะไร
อยู่ๆ ชายฉกรรจ์หัวล้านหลายคนรอบๆ ตัวเขาก็ขยับเข้ามาก้าวหนึ่ง แล้วกระซิบข้างหูเขาหลายประโยค
“ให้เข้ามา” ลู่เซิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า
คนกลุ่มหนึ่งบนทุ่งหญ้าเริ่มกระจายตัวเพื่อระวังภัย ไม่นานนักหลินชือชือก็พาชายชราผมหงอกร่างงองุ้มคนหนึ่งมาถึงด้านข้างลู่เซิ่ง
“คำนับนายท่าน กระผมเลี่ยอัน อาศัยอยู่บนทุ่งหญ้าผืนนี้มาเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่นาฬิกาเทพเรือนนี้โผล่ขึ้นมาจนถึงตอนนี้ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงภายใต้การสังเกตของกระผมมาโดยตลอด ตอนแรกมันไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของตอนนี้ด้วยซ้ำ”
“หือ รู้ไหมว่านาฬิกาเทพโผล่มาตอนไหน” ลู่เซิ่งถามอย่างสงสัย เขาพอจะมีการคาดเดาในใจแล้ว แต่ยังไม่กล้ายืนยัน
“ราวหกสิบปีก่อนครับ จะโผล่มาทุกๆ ห้าปี” ชายชราตอบเบาๆ
“หลังจากโผล่มามีความผิดปกติอะไรไหม” ตู้เซี่ยอดถามแทรกไม่ได้
“จะยังมีความผิดปกติอะไรได้ ทุกๆ ครั้งจะมีคนตายไปกลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นเด็กตัวเล็กๆ น่าสงสารมาก” ชายชรากล่าวอย่างเสียดาย “ครั้งนี้กระผมแค่นึกสงสัยเท่านั้น เพราะเห็นผู้ใหญ่มาโผล่ในกลุ่ม…แถมยังมีกองทัพอีก”
“คุณเห็นมาหกสิบปีแล้วเหรอ” โจวเฉวียนอู่พลันส่งเสียงถาม
“ฮ่ะๆ…ตอนแรกสุดกระผมมารอน้องสาวออกมาเท่านั้น แต่เธอไม่เคยโผล่มาเลย ผมก็เลยหาที่อยู่ใกล้ๆ แถวนี้แล้วแวะเวียนมาเป็นประจำ นานวันเข้าเลยกลายเป็นนิสัยไป” ชายชรากล่าวอย่างไม่นำพา
ลู่เซิ่งจ้องมองชายชราคนนี้ ทุ่งหญ้าที่อันตรายแบบนี้กลับมีชายชราประหลาดแบบนี้มาอาศัยอยู่ แถมยังอยู่รอดปลอดภัยมาเป็นเวลาหกสิบปีอีกต่างหาก
ในสถานที่ที่เก๋อซาต่อสู้ตะลุมบอนกัน
“แล้วที่คุณออกมาหาผมในตอนนี้มีเป้าหมายอะไรอย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งไม่รู้สึกว่านี่เป็นความบังเอิญ
ชายชราหัวเราะแปลกประหลาด
“ยอมแพ้เถอะ เรื่องนี้ท่านจัดการไม่ได้ดอก เด็กเหล่านี้ถูกกำหนดให้มาที่นี่ และถูกกำหนดให้ตายที่นี่ คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าเคยคิดขัดขวางมาก่อน แต่ก็ไม่มีความหมายแม้แต่น้อย”
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งเริ่มสงสัยแล้วว่าที่นี่เป็นฟาร์มพิเศษที่ผู้เข้มแข็งบางคนสร้างขึ้นมา โดยทุกๆ ห้าปีจะเก็บเกี่ยวหนึ่งครั้ง นาฬิกาเทพเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้เก็บเกี่ยวนั่นเอง
ครืน…
อยู่ๆ ในเวลานี้เอง นาฬิกาเทพอันใหญ่ยักษ์ถึงกับเริ่มหมุนช้าๆ บนแท่นปรากฏลวดลายและรูปภาพจำนวนเหลือคณานับ
ช่องแตกสีดำสายหนึ่งแตกลงด้านล่างจากตรงกลางแท่นกลม ไม่นานก็ขยายไปถึงตำแหน่งแท่นกลมที่อยู่ด้านหน้าพวกของลู่เซิ่ง
“ตามตำนานที่พวกเธอได้รับมา ตอนนี้ต้องทำอะไรต่อ” ลู่เซิ่งเบือนหน้าไปถามพวกโจวเฉวียนอู่และหงส์จักรพรรดิ
“ปล่อยพลังงานทั้งหมดไปตามช่องแตก ทนแค่สิบนาทีก็ใช้ได้แล้ว” โจวเฉวียนอู่แนะนำคร่าวๆ
“อย่างนั้นหรือ” ลู่เซิ่งให้ตู้เซี่ยปล่อยพลังเทพรังสรรค์ของตัวเองไปยังช่องแตก
หลังจากทำอยู่สิบนาที เขาก็ให้เก๋อซาคนอื่นๆ ที่มีธาตุเหมือนกับจันทราเติมพลังเทพรังสรรค์เข้าไปอีก
ไม่นานช่องแตกก็สว่างขึ้นบางส่วน ลู่เซิ่งค่อยๆ ปล่อยจิตวิญญาณของร่างหลักออกไปในช่องแตกอย่างระมัดระวัง
จิตวิญญาณยื่นเหยียดออกไปอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็เข้าไปด้านในมากกว่าพันเมตร
ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ พลังอาวรณ์ที่ลู่เซิ่งสัมผัสได้ก็ยิ่งเข้มข้นเท่านั้น แสดงให้เห็นว่านาฬิกาเทพยักษ์เรือนนี้คงอยู่มาเป็นเวลานานมากๆ แล้ว
ด้านในช่องแตกมืดสนิท ลู่เซิ่งยืดจิตวิญญาณออกไปเป็นเวลาราวสิบกว่าวินาที
ชิ้ง!
ช่องว่างทรงกลมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านหน้าเขา
ผนังช่องว่างเป็นกำแพงอ่อนสีแดงเข้มที่เหมือนกับเนื้อคน มีศพของเด็กชายเด็กหญิงที่เปลือยร่างฝังอยู่มากมาย
บริเวณสะดือของศพพวกนี้เชื่อมต่อกับเส้นเลือดเรียวเล็กหลายเส้น เส้นเลือดจำนวนมากรวมตัวลงไปด้านล่างอย่างแน่นขนัด แล้วกลายเป็นเส้นเลือดขนาดยักษ์สามเส้นที่มีขนาดเท่าท่อนแขนที่ส่วนก้นของช่องว่าง
เส้นเลือดใหญ่สามเส้นรวมตัวเข้ากับผู้หญิงร่างสูงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหล็กสีดำ
เธอมัดผมหางม้าสีดำ โซ่นับไม่ถ้วนรัดพันอยู่บนร่าง ลวดลายอักขระเรืองแสงสีน้ำเงินกะพริบตรงหว่างคิ้ว
สองแขนสองขาของเธอถูกหมุดเหล็กสีดำหลายอันที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้งตรอกตรึงทะลุ ปากและผิวตาถูกคนใช้เส้นด้ายสีดำเย็บปิดจนเปิดไม่ได้
สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งแปลกใจอยู่บ้างก็คือ สิ่งที่ไหลออกมาจากเส้นเลือดสามเส้นที่เชื่อมกับด้านหลังของเธอไม่ใช่เลือด หากเป็นของเหลวเหนียวๆ สามสายที่เหมือนกับน้ำมัน
ของเหลวเหนียวหนืดเหล่านี้เหมือนกับสารอาหารที่คอยหล่อเลี้ยงโซ่สีดำหนาแน่นบนร่างของเธอ
‘ผนึก! นี่คือผนึก!’ ลู่เซิ่งใจเต้นรัว เข้าใจหน้าที่ของนาฬิกาเทพเรือนนี้ในทันที
‘ใช้เก๋อซาเป็นแหล่งพลังงานหล่อเลี้ยงผนึกตรงนี้…ทุ่มทุนจริงๆ…นี่เทียบเท่ากับเป็นค่ายกลยักษ์ที่ทำงานมาหลายทศวรรษโดยซ่อมบำรุงตัวเองได้ด้วย…’ ลู่เซิ่งเป็นคนที่ศึกษาค่ายกลเช่นกัน ไม่นานก็เข้าใจหลักการของที่นี่
ตุบๆๆๆ!
อยู่ๆ เสียงหัวใจเต้นที่มีจังหวะจะโคนก็ดังกระหึ่มมาจากด้านในนาฬิกาเทพ
ชิ้ง
หญิงผมดำที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน เส้นด้ายจำนวนมากที่ใช้เย็บปิดเปลือกตาถูกฉีกออก
โซ่สีดำที่รัดพันร่างของเธอซ้อนทับกันจนหนาหนักราวกับเกราะหนัก
ลู่เซิ่งชักนำจิตวิญญาณกลับมาเข้าร่างตนเองอย่างรวดเร็ว
“โอสถวิญญาณหงส์นภามาร…หากเปิดนาฬิกาเทพ ก็จะได้รับโอสถวิญญาณหงส์นภามาร เมื่อกินมัน เจ้าจะเป็นอมตะตลอดไป…” ข้อมูลที่มีความยั่วยวนอย่างรุนแรงส่งเข้าสมองของลู่เซิ่ง
‘น่าสนใจ’ ลู่เซิ่งชักนำจิตวิญญาณกลับมาพร้อมกับเพ่งมองช่องแตกสีดำด้านหน้า
“ร้อยบุปผา จันทราน้ำแข็ง ข่ายโลหิต พวกเธอเข้าไปดูพร้อมกันกับฉัน”
“ครับ!”
“รับทราบ”
ทั้งสามคนประสานสายตากัน แล้วเดินไปถึงด้านข้างลู่เซิ่งโดยต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง เตรียมจะเข้าไปในช่องแตกพร้อมกับชายหนุ่ม
ลู่เซิ่งเดินไปด้านหน้าได้สองสามก้าวก็พลันชะงักลง ก่อนจะมองไปที่ตู้เซี่ยที่ยังเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อย
ตู้เซี่ยใช้สองแขนรัดแขนของลู่เซิ่งไว้ ส่วนสองขาก็เกี่ยวกับเอวของเขาไว้แน่นเหมือนกับปลาหมึก
“หนูก็จะไปด้วยเหมือนกัน” เธอมีสีหน้าสงบนิ่ง
“ตรงนี้มีคนพอแล้ว เธอเข้าไปหรือไม่ก็ไม่ส่งผลอะไรอยู่ดี” ลู่เซิ่งสะบัดแขน หมายจะสลัดน้องสาวออกจากร่าง
ทว่าตู้เซี่ยกลับใช้พลังของเก๋อซาเสริมแรงรัดของตัวเอง ไม่ยอมคลายมือ
พอสลัดไปหลายครั้งแล้วยังไม่เกิดประโยชน์ แถมยังกลัวว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บ ลู่เซิ่งจึงได้แต่เดินเข้าช่องแตกโดยลากตู้เซี่ยไปด้วยอย่างจนปัญญา
เขาสังหรณ์ใจว่า เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่ผู้หญิงที่กำลังจะได้เจอเป็นตัวตนอันเหี้ยมหาญที่ถูกผนึกไว้ใต้ดินเหมือนกับผู้ชายคนนั้นที่เขาได้เจอในโลกพลังวิญญาณ
เดินไปตามช่องแตกเป็นระยะทางราวหลายร้อยเมตร ไม่นานด้านหน้าก็เปิดโล่ง พวกเขาเข้าไปในช่องว่างทรงกลมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ผนังด้านในมีช่องที่เกลื่อนไปด้วยกระดูกของเก๋อซาที่ฝังตัวอยู่ด้านใน ผนังที่มีสีแดงเข้มราวกับเนื้อยังคงเต้นกระตุกเล็กน้อยตามจังหวะการเต้นของหัวใจด้วย
“มาอีกกลุ่มหนึ่งแล้ว…” เสียงผู้หญิงที่แฝงการหยอกเย้าดังขึ้นในช่องว่าง
เสียงหัวใจเต้นรุนแรงซึ่งตามมาด้วยความกดดันอันขมุกขมัวปกคลุมหัวใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว
สภาพการณ์แบบนี้ ฉากเหตุการณ์แบบนี้ คนที่นั่งอยู่บนบัลลงก์คนนั้นถูกเก๋อซาจำนวนมากจองจำ ไม่ต้องคิดก็ทราบได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีอย่างแน่นอน
“ลงมาเองนะ” ลู่เซิ่งกวาดตามองตู้เซี่ยที่เกาะอยู่บนตัว
ครั้งนี้ตู้เซี่ยปีนลงมายืนอย่างเชื่อฟัง
“พี่เปลี่ยนไปแล้ว ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่อาบน้ำให้หนู พี่จะแอบลูบแอบจับหนูตลอด ตอนนี้ไม่ให้หนูกอดด้วยซ้ำ” เธอที่ผุดสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ยิ่งเธอทำท่าแบบนี้ ลู่เซิ่งก็ยิ่งใจหาย ยังไม่ทันแก้ต่าง สายตาของเก๋อซาสามคนด้านหลังที่มองดูตนเองก็เปลี่ยนไปแล้ว
“พูดอะไรบ้าๆ!” ลู่เซิ่งตบหน้าผากของตู้เซี่ย
“ไม่ได้พูดบ้าๆ นะ ทุกครั้งที่ลูบเสร็จพี่ยังบอกด้วยว่าไม่สนุกมือเท่ากับเสี่ยวชิว!” ตู้เซี่ยจับหน้าผากพลางอธิบาย มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ
“นาย…นายท่าน…ถ้าท่านต้องการ กระผมมีให้ท่านหลายแบบเลยนะครับ…ถ้าท่านไม่รังเกียจคนตายล่ะก็นะ…” เซียนร้อยบุปผารีบส่งเสียงเอาใจจากด้านหลัง
……………………………………….