ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 64 หมู่บ้านตระกูลซ่ง (8)
ฉัวะ!
หลี่ซุ่นซีกลิ้งลงบนพื้น ค่อยหลบพ้นกระบี่อันตรายถึงชีวิตของกงหรูชิงที่แทงใส่คอ
ชั่วขณะนี้เขามือไม้ปั่นป่วน แม้ตัวเขาเองจะมีความสามารถกำจัดร่างสิงได้ แต่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพสงบนิ่งก่อน ตอนนี้ไม่มีคนช่วย จึงไร้ซึ่งวิธี
หลบติดต่อกันอยู่ชั่วขณะ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังมา
หลี่ซุ่นซีรีบเงยมองไปทางเสียง ถึงกับเป็นลู่เซิ่งเดินออกมาจากความมืดทีละก้าวๆ ใบหน้าไร้อารมณ์
หลี่ซุ่นซีร้องอย่างยินดี
“พี่ลู่! รีบมาช่วยเร็ว!”
ลู่เซิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ถือดาบยาว มองหลี่ซุ่นซีพลิกหลบไปมาบนพื้นแวบหนึ่ง
“ช่วยด้วย!” กงหรูชิงเวลานี้พุ่งไปทางลู่เซิ่ง น้ำตานองหน้า เสื้อผ้าถูกฉีกจนไม่เรียบร้อย เผยให้เห็นร่างกายบางส่วน
“รีบช่วยข้ากดนางไว้ ข้ามีวิธีจัดการร่างสิง!” หลี่ซุ่นซีกระโจนขึ้นจากพื้นพุ่งเข้าใส่กงหรูชิง
“วิญญาณสู่สุขติเก้าทบ วัดเทียนนิ่งหวง…”
พรู่ด!
หลี่ซุ่นซียังไม่ทันท่องคาถาจบ ก็เห็นลู่เซิ่งฟันดาบเฉียงๆ ลงมา
ประกายดาบสว่างเหมือนกับน้ำพุที่กระเด็นออกมาจากความมืด บริสุทธิ์กระจ่างใส ฟันใส่กงหรูชิงจากศีรษะถึงปลายเท้าแยกออกเป็นสองท่อน
ประกายดาบดุจจันทร์เสี้ยวแยกโฉมสะคราญที่ยังเป็นๆ ออกเป็นสองส่วน หลี่ซุ่นซีไม่ทันมีปฏิกิริยา ก็เห็นลู่เซิ่งกระทืบเท้า กล้ามเนื้อขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว เสื้อฉีกออก เส้นสีแดงพุ่งจากท้องสู่ศีรษะกลายเป็นตัวอักษรชวนกลางหว่างคิ้ว
ฉัวะ!
ดาบยาวสะบัด เหมือนเกิดพายุลูกหนึ่งในลานหลังบ้าน ลู่เซิ่งใช้สันดาบกระแทกคนคุ้มกันคนหนึ่งออกไป จากนั้นก้าวสองก้าวพุ่งเข้าใส่หลี่ซุ่นซี
ในเวลานี้เองเงาที่คล้ายกันสายหนึ่งพุ่งมาจากด้านข้างหลี่ซุ่นซี
ตูม!
เงาคนที่ดุร้ายหมายขวัญสองสายปะทะกันกลางอากาศ
“โฮก!”
โอย!
แทบเป็นในเวลาเดียวกัน สองคนส่งเสียงตวาดสะท้านแก้วหูพร้อมกัน พุ่งใส่อีกฝ่ายเหมือนสัตว์ร้าย
เคร้งๆๆ!
เสียงดังสนั่นที่ทำให้ร่างชาดังขึ้นด้านข้างหลี่ซุ่นซี
เปรี้ยง!
แสงสายฟ้าสายหนึ่งวาดผ่านท้องฟ้า ส่องสว่างสองคนที่กำลังสู้คนในเสี้ยววินาที
ลู่เซิ่งร่างขยายขึ้นมากกว่าก่อนหน้านี้เท่าหนึ่ง กล้ามเนื้อกำยำ เอ็นเขียวปูดโปน ฟาดดาบยาวในมือใส่อีกฝ่ายอย่างคลุ้มคลั่งเหมือนค้อนศึก
คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งถึงกับรับไว้ได้หมด
หลี่ซุ่นซีมองไป เกือบตกใจจนร้องออกมา
“วิญญาณ… วิญญาณศพ!” เขาเหงื่อกาฬแตกโชก
“รีบไป!” ต้วนเหมิ่งอันไม่ทราบวิ่งมาจากไหน รีบเข้าประคองเขาหนีไปห่างๆ
คนคุ้มกันที่เหลืออยู่ตอนนี้หน้าซีด รีบติดตามสองคนไปจากที่นี่
คนที่ต่อสู้กับลู่เซิ่ง ตัวเป็นสีดำเทา ผิวเปิดเปลือย กล้ามเนื้อเส้นเลือดเน่าเฟะเป็นสีออกดำ เห็นได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของเขาขาวโดยสิ้นเชิง ร่างสูงกว่าคนธรรมดาไม่น้อย มองดูอ่อนแออยู่บ้าง ทว่าพลังที่ระเบิดออกมาแทบถึงขั้นน่าพรั่นพรึง
พลังยุทธทั่วร่างลู่เซิ่งโคจรอย่างบ้าคลั่ง วิชาโลหิตพิฆาตแทบถึงขีดจำกัดความเร็วสูงสุด เพียงสูสีกับอีกฝ่าย
เคร้ง!
เขาฟันใส่ร่างอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ดาบคมกริบฟันใส่ร่างคนผู้นี้ภายใต้การกระตุ้นพลังอันมหาศาล ถึงกับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“ข้าไม่เชื่อ!” ลู่เซิ่งจิตใจบังเกิดความดุร้าย กำลังจะโคจรวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยก
“รีบหนี! นั่นเป็นวิญญาณศพ ผิวสำริดกระดูกเหล็กฆ่าไม่ตาย!” เสียงเร่งร้อนของหลี่ซุ่นซีดังมาแต่ไกล
“วิญญาณศพ ฆ่าไม่ตายหรือ” ตัวอักษรเสี่ย (血) ตรงหว่างคิ้วของลู่เซิ่งแจ่มชัดขึ้น เขาจับดาบด้วยสองมือ พละกำลังทั่วร่างรวมตัวกันจุดเดียว
“พยัคฆ์สังหาร!” วิชาดาบพยัคฆ์ดำเป็นวิชาดาบสำนึกจริงแท้เพียงหนึ่งเดียว เป็นกระบวนท่าไม้ตายที่อานุภาพสูงที่สุด
กระบวนท่าพยัคฆ์สังหารรวบรวมปราณภายในวิชาโลหิตพิฆาตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ในแสงจันทร์เหมือนกับงูสีเงินสายหนึ่งปล่อยประกายสายฟ้า พุ่งใส่ศีรษะวิญญาณศพ
เคร้ง!
คมดาบสั่นไหวกระเทือนบนศีรษะวิญญาณศพอย่างแรง
ตูม!
พละกำลังอันมหาศาลบีบอัด ตัวดาบถึงกับระเบิดบนวิญญาณศพเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ในเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน ลู่เซิ่งโยนด้ามดาบทิ้ง สองมือแดงราวโลหิต กระแทกฝ่ามือทำลายใจใส่ศีรษะวิญญาณศพติดต่อกัน
“ตาย!” ลู่เซิ่งตวาด กระตุ้นวิชาโลหิตพิฆาต กระแทกพละกำลังทั่วร่างใส่ศีรษะวิญญาณศพโดยตรง
หลังจากฝ่ามือสุดท้ายฟาดออกไป ลู่เซิ่งทิ้งตัวลง มองวิญญาณศพที่ใบหน้าถูกเขากระแทกยุบเข้าไป
กรรซ์!
วิญญาณศพถูกกระแทกกระเด็นออกไป เศษคมดาบปักเต็มตัว น่าพรั่นพรึงสุดเทียมทาน มันตะโกนเดือดดาล หลังทิ้งตัวลงพื้นก็กลิ้งไปหลายตลบ ทั่วทั้งตัวแดงและร้อนขึ้นเหมือนเข่งนึ่ง ควันขาวกับกลิ่นเหม็นไหม้เกรียมเริ่มลอยขึ้นจากบนศีรษะ
กรรซ์!
วิญญาณศพกลิ้งอยู่บนพื้น สุดท้ายส่งเสียงคำรามคำหนึ่ง แล้วหลอมละลายกลายเป็นน้ำดำหย่อมหนึ่งไป
ฝ่ามือลู่เซิ่งยังมีควันขาวหลายสายลอยขึ้น หลังจากเขาทิ้งตัวลงบนพื้นก็ถอนใจคำหนึ่ง ไอน้ำสีขาวเหมือนกับหมอกควัน พ่นลมหายใจเจ็ดแปดครั้ง ค่อยพ่นปราณเสียในร่างออกจนหมด
ร่างกายก็ค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพดั้งเดิม ตัวอักษรเสี่ยที่หว่างคิ้วค่อยๆ สลายไป
“พี่หลี่ไม่เป็นไรแล้ว” ลู่เซิ่งหันไปมองหลี่ซุ่นซีที่ยืนอยู่กับต้วนเหมิ่งอัน
หลี่ซุ่นซีอ้าปากตาค้าง ปากแดงหูแดง ตอนนี้ยังไม่ได้สติจากฉากบ้าคลั่งก่อนหน้า “ไม่… ไม่เป็นไร… ขอบคุณพี่ลู่ที่ช่วยเหลือ…” เขาตอบอ้ำๆ อึ้งๆ
กว่าจะได้สติกลับมา เขาพลันหดหู่อยู่บ้าง คิดถึงกงหรูชิงที่ถูกหนึ่งดาบแยกศพ “พี่ลู่เหตุใดเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา?! แม่นางกงหรูชิงคือชีวิตคนเป็นๆ นะ! ในเมื่อก่อนหน้านี้มีพลังแบบนี้ เหตุใดไม่ใช้ออกมาแต่แรก!?”
ลู่เซิ่งเวลานี้เดินเข้ามาใกล้แล้ว สวมเสื้อคลุมตัวนอกอีกครั้ง
“พลังอันใด ข้าไม่เข้าใจเรื่องผีสางอันใด นั่นคือกงหรูชิงหรื? ถูกสิงร่างไม่ใช่เป็นผีไปแล้วหรอกหรือ”
“ข้าไม่เข้าใจ พี่ลู่กำลังล้อเล่นหรือ ไม่เข้าใจยังฆ่าวิญญาณศพได้” หลี่ซุ่นซีกล่าวอย่างโมโห
“ข้าไม่รู้จักว่าอะไรคือวิญญาณศพ ขอแค่เป็นตัวประหลาด ฆ่าทิ้งไม่ดีหรอกหรือ” ลู่เซิ่งมองเขาอย่างประหลาดใจ
“ร่างสิงคือร่างสิง ภูตผีคือภูตผี! ร่างสิงเป็นแค่คนถูกภูตผีสิงร่าง ความจริงขอแค่ขับไล่ภูตผี คนยังเป็นคน!” หลี่ซุ่นซีพลันงุนงง
“ร่างสิงคือผี เป็นผีต้องตาย” ลูู่เซิ่งแก้ไขอย่างจริงจัง
“แต่นั่นเป็นคน! คนเป็นๆ!” หลี่ซุ่นซีเหมือนลืมฉากอันดุร้ายของลู่เซิ่งเมื่อก่อนหน้า เถียงด้วยเหตุผล
“มีอันตรายต่อข้าทั้งหมดเป็นผี” ลู่เซิ่งตอบแบบขอไปที “ท่านน่าจะรู้สึกโชคดีที่ตัวเองไม่ถูกสิง” เขามองหลี่ซุ่นซีอย่างราบเรียบ
หลี่ซุ่นซีเสียววาบ ยังคิดพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก
“ไปเถอะ” ลู่เซิ่งคลุมเสื้อเดินไปยังลานหลัง
“ลูกพี่ นี่ดาบ” ต้วนเหมิ่งอันรีบส่งดาบในมือให้ เขายังเก็บดาบของคนคุ้มกันขึ้นมาด้วย
ลู่เซิ่งรับดาบ สาวเท้าเดินไปยังห้องครัว
ทั้งสามเข้าใกล้ห้องครัว เดินถึงชั้นใต้ดินตามเส้นทางก่อนหน้าอย่างคุ้นชิน
ลู่เซิ่งเปิดชั้นใต้ดิน เห็นด้านในมีหลายคนนอนอยู่ ถึงกับเป็นนิ่งซานกับคนคุ้มกันอีกสองคน และคุณหนูสองคนที่หายไปก่อนหน้านี้
“ที่นี่ไม่อาจรั้งอยู่นาน พวกเราต้องออกไปทันที” ลู่เซิ่งกล่าวเรียบๆ “คนเหล่านี้ดูว่าปลุกได้หรือไม่”
“พี่ลู่ ก่อนหน้านี้ท่านทราบว่าข้างตัวข้ามีวิญญาณศพซ่อนตัวอยู่หรือ” หลี่ซุ่นซียามนี้ค่อยมีโอกาสถาม
“อือ ข้ารู้สึกมีส่วนไม่ถูกต้อง แต่หาไม่เจอว่าเป็นใคร เลยแยกตัวกับท่าน เป็นอย่างที่คาด พอแยกตัวก็เผยร่องรอยทันที” ลู่เซิ่งอธิบายเรียบง่าย
หลังจากช่วยกงหรูชิงพี่น้อง เขาก็รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง คล้ายกับมีตรงไหนผิดปกติ
“วิญญาณศพเหตุใดจึงฉลาดขนาดนี้ ถึงกับรู้จักซ่อนตัวปลอมแปลง…” หลี่ซุ่นซีตัวสั่น ทราบว่าตัวเองอยู่ใกล้วิญญาณศพนานขนาดนี้ พลันหวาดหวั่นขึ้น
“กงหรูเมิ่งนั่นเล่า” หลี่ซุ่นซีรู้สึกซับซ้อน
“อาจตายหรือหายตัวไป ไม่ทราบเช่นกัน” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างเฉื่อยชา “ความเป็นความตายของพวกเขาไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงมาสืบคดีเท่านั้น”
“ท่าน… เหตุใดจึงเลือดเย็นขนาดนี้!?” หลี่ซุ่นซีคับข้องใจ
“เลือดเย็นหรือ? ไม่ใช่ญาติไม่ใช่สหาย เกี่ยวอันใดกับเลือดเย็น” ลู่เซิ่งถามอย่างประหลาดใจ
หลี่ซุ่นซีพลันจนปัญญา ไม่อาจโต้แย้งได้โดยสิ้นเชิง
เขากับต้วนเมิ่งอันประคองคนในชั้นใต้ดินออกมา ตบให้ตื่นทีละคน ลู่เซิ่งมองดูอยู่ด้านข้าง ไม่ขยับตัว
ผู้คนพากันฟื้นขึ้นมา
“เมื่อครู่ข้ายังพักผ่อนอยู่ในห้อง เหตุใดพริบตาเดียวมาอยู่นี่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ จึงมาที่นี่”
“ชิงชิงกับเมิ่งเมิ่งเล่า ทำไมไม่เห็นพวกนาง”
คนคุ้มกันกับพวกคุณหนูพอได้สติ ก็เริ่มโวยวายไม่หยุด แตกตื่นรับมือไม่ทัน
“พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า” หลี่ซุ่นซีเสนอ
“คุณชายหลี่ ขอถามว่าเห็นชิงชิงกับเมิ่งเมิ่งหรือไม่” คุณหนูคนหนึ่งถามหลี่ซุ่นซี
หลี่ซุ่นซีก้มหน้าไม่กล้ามองพวกนาง
“ออกจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน” เขาลดเสียงกล่าว
ลู่เซิ่งกลับกวาดตามอง จากนั้นก็มองนิ่งซาน
“คุณชาย!” นิ่งซานวิ่งมา ก้มหัวยืนอยู่หน้าลู่เซิ่ง
“ไม่ตายก็ดีแล้ว ไปเถอะ ออกไปก่อน” ลู่เซิ่งกล่าวราบเรียบ
นิ่งซานพยักหน้าอย่างละอาย
“รอเดี๋ยว! คุณหนูของพวกเราเล่า พวกท่านเอาตัวคุณหนูของพวกเราไปใช่หรือไม่!” คนคุ้มกันคนหนึ่งพุ่งมาขวางลู่เซิ่ง ใบหน้าโกรธขึ้ง
“ใช่แล้ว! พวกเราพอฟื้นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่ จะต้องเป็นฝีมือสองคนนี้แน่!” คนคุ้มกันอีกคนถลันเข้ามา ตวาดใส่หลี่ซุ่นซี “คุณชายหลี่ ช่วยเราจับคนผู้นี้ด้วย!”
ลู่เซิ่งมองสองคนที่ขวางทางอยู่ด้านหน้า จากนั้นหันไปมองหลี่ซุ่นซีที่สีหน้าเหยเก
“ท่านจะไปหรือไม่ไป” เขาถาม
คำพูดนี้พอกล่าวออกมา ไม่ทราบว่าเพราะอะไร รอบๆ มีคนตั้งมากมาย หากแต่หลี่ซุ่นซีรู้สึกว่าลู่เซิ่งพูดกับตนเพียงคนเดียว
“หากข้าไป แล้วพวกเขาเล่า” เขาอดถามไม่ได้
“พวกเขาเป็นคนที่นี่อยู่แล้ว” ลู่เซิ่งตอบ
พอกล่าวคำพูดนี้ พริบตาเดียวคนทั้งหมดที่กำลังโวยวายก็สงบลง เสี้ยววินาทีหนึ่งเหมือนเสียงหายไปโดยสิ้นเชิง
คนคุ้มกันก็ดี คุณหนูก็ดี บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลี้ลับ
หลี่ซุ่นซีพลันตัวสั่น เสียวสันหลังวาบ ก้าวสองสามก้าววิ่งไปหาพวกลู่เซิ่ง
หันไปมองคุณหนูกับคนคุ้มกันเหล่านั้นอีก
“คุณชายหลี่… ท่านต้องช่วยพวกเรานะ… คนผู้นั้น คนผู้นั้นทำร้ายคุณหนูของพวกเรา…” คนคุ้มกันที่ก่อนหน้านี้พูดอยู่เรียกเสียงดัง เพียงแต่บนใบหน้าของเขาเป็นสีเขียวที่คนตายพึงมี
“คุณชายหลี่…”
เสียงแอ๊ดดังขึ้นด้านหลัง ประตูไม้ห้องครัวถูกเปิด เงาคนค่อยๆ โขยกเขยกเข้ามา
“คุณชายหลี่ ชิงชิงเจ็บเหลือเกิน เหตุใดท่านไม่รอชิงชิง…จะไปคนเดียวแล้ว…”
กงหรูชิงที่ถูกฟันเป็นสองส่วนเวลานี้ถึงกับโผล่ขึ้นหน้าประตู ร่างนางถูกผ่าเป็นสองส่วนจากตรงกลาง ตอนนี้เหลือร่องแยกเส้นเลือดเรียวเล็กสายหนึ่ง
หลี่ซุ่นซีหน้าเขียวแล้ว
“อ๊า!” ต้วนเหมิ่งอันรีบผลักคนคุ้มกันที่ยืนอยู่ข้างตัวออกไป คนคุ้มกันหน้าซีดเขียว ตัวโชยกลิ่นเน่า
นิ่งซานเหงื่อแตกเต็มศีรษะ นึกถึงว่าเมื่อครู่ตนนอนกับศพกองหนึ่งนานขนาดนี้ ก็พรั่นพรึง
“ไปเถอะ” ลู่เซิ่งมองยังไม่มองพวกคนคุ้มกันกับคุณหนู สาวเท้าเดินไปยังประตูห้องครัว
………………………………………….