ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 70 หลอมรวม (2)
เปรี้ยง!
มุมโต๊ะไม้สีแดงตัวหนึ่งถูกกงซุนจางหลานตบจนหัก
เขาหน้าเขียว มองหลานสาว กงซุนจิ้ง ที่หายใจรวยริน ตัวพลันร้อนลวก โมโหโกรธเกรี้ยว
“พวกสวะ!”
เขามองลูกสมุนที่ก้มหน้าเงียบอยู่รอบๆ
“คุณหนูให้พวกเจ้าพานางไป พวกเจ้าก็พานางไปหรือ?! นางให้พวกเจ้าไปตาย พวกเจ้าเหตุใดไม่ไปตาย?!”
“ท่านรองประมุข…! คุณหนูจะไปดูให้ได้ว่าลู่เซิ่งที่ชิงตำแหน่งจากนางเป็นคนแบบใดกันแน่ จึงบังคับพวกเราไป…” ชายชราผมขาวคนหนึ่งกล่าวอย่างจนปัญญา
กงซุนจางหลานรู้จักนิสัยของหลานสาวตัวเองเช่นกัน วิทยายุทธต้อยต่ำจึงคิดใช้หัวสมองเอาชัย ความมั่นใจก็ล้นเกิน คนปกติรับมือไม่ได้จริงๆ
เขาทราบเช่นกันว่าการระบายความโกรธใส่ลูกน้องไร้ประโยชน์ เรื่องนี้กงซุนจิ้งยั่วยุก่อน ลู่เซิ่งสามารถบอกได้ว่านางล่วงเกินที่สูง
‘วิชากำลังภายในพิษอัคคี…!’ กงซุนจางหลานตรวจสอบคร่าวๆ มองออกว่าพลังฝ่ามือที่หลานสาวโดนเป็นอาการบาดเจ็บชนิดใด
เขาพากงซุนจิ้งเข้าไปในห้องด้านใน แบะเสื้อตรงทรวงอกของหลานสาวออกเบาๆ ขนาดมองผ่านเอี๊ยมก็เห็นรอยฝ่ามือสีแดงดำระหว่างสองเต้า เดือดดาลกว่าเดิม
‘พลังฝ่ามือชั่วร้ายนัก! คิดจะฆ่าจิ้งเอ๋อร์ในหนึ่งฝ่ามือ!”
ถ้าไม่มีวิชากำลังภายในคุณสมบัติหยินเย็นที่สอดคล้องหักล้างไว้ เกรงว่าฝ่ามือนี้จะคร่าชีวิตหลานสาวของเขาได้ ถึงแม้ว่าพลังที่โดนจะไม่รุนแรงมาก แต่ว่าพิษอัคคีด้านในร้ายแรงผิดธรรมดา เผาไหม้พลังชีวิตกงซุนจิ้งตลอดเวลา
‘พลังฝ่ามือระดับนี้…’
กงซุนจางหลานหน้าเขียว แตะขอบรอยฝ่ามือ นิ้วชี้รู้สึกถึงความร้อนส่วนหนึ่ง
‘ลู่เซิ่ง!’ ดวงตาเขาปรากฏความเย็นเยียบ ถ้าไม่ใช่ว่าในพรรคมีกฎว่าคนในพรรคไม่อาจเข่นฆ่ากันเอง เกรงว่าตอนนั้นจิ้งเอ๋อร์คงไม่เหลือลมหายใจรอดกลับมา
“จิ้งเอ๋อร์!” ทันใดนั้นสตรีอ้อนแอ้นคนหนึ่งพลันเลิกม่านประตูเข้ามามองสภาพน่าอนาถฉากนี้ กลั้นน้ำตาไม่ไหว เริ่มเช็ดน้ำตาอยู่ด้านข้าง
“ร้องไห้ทำไม!?” กงซุนจางหลานกล่าวเสียงเย็น “เรื่องนี้มีข้าอยู่! ข้าจะให้ลู่เซิ่งนั่นชดใช้!”
เขาลุกขึ้น
“เจ้าส่งคนไปขอให้ฟางจือต้ง ฟางเสียนตี้มาช่วยคน จากนั้นส่งสาสน์ท้ารบให้ผู้จัดการภารกิจภายนอกลู่นั่น เขาอยากสู้กับข้าอยู่แล้ว ข้าจะสนองเขาเอง!”
“แต่ว่าพี่ใหญ่!” สตรีนางนั้นงงงัน กังวลอยู่บ้าง
“ไม่มีแต่ เรื่องนี้จัดการตามกฎของพรรคได้ แต่ว่าจิ้งเอ๋อร์ไปขวางทางคนผู้นั้นก่อน มีข้อสงสัยล่วงเกินที่สูง เขาอย่างมากสุดลงมือหนักไป ถูกตัดสินโทษให้หันหน้าเข้ากำแพงสองสามวัน ชดใช้เงินนิดหน่อย ด้วยความสามารถของหงหมิงจือ ต้องไม่มีเรื่องราวใด ไร้ความหมายแม้แต่น้อย
“จะลงมือต้องเด็ดขาด ส่งสาสน์ท้ารบเป็นตายซะ” กงซุนจางหลานในที่สุดตัดสินใจแล้ว ลู่เซิ่งความจริงเป็นดาบเล่มหนึ่งของประมุขพรรคเฒ่า เขาคิดแทรกคนของตัวเอง ก็ต้องหักดาบเล่มนี้ก่อน
“ก็ได้ พี่ใหญ่ระวังให้มาก คนผู้นี้มีพลังฝ่ามือน่ากลัวจริงๆ น่าเสียดายเสี่ยวจิ้งของข้า…” สตรีขณะพูดก็เริ่มเช็ดน้ำตาอีกครั้ง
“ถ้าไม่กลัวชื่อเสียงเสีย แม้แต่หงหมิงจือข้าก็ไม่กลัว อย่าว่าแต่เขา” เขาทราบข่าวที่ลู่เซิ่งสู้กับหงหมิงจือในสวนดอกไม้ผ่านเส้นสายแล้ว มีความเข้าใจคร่าวๆ ต่อพลังของลู่เซิ่ง แข็งแกร่ง แต่ว่ายังห่างจากตนไม่น้อย
“คนผู้นี้มีพรสวรรค์เกินคน พัฒนาเร็วสุดขีด อายุน้อยกว่าข้า จะกำจัดต้องทำให้เร็ว” กงซุนจางหลานไม่ใช่คนอ่อนแอไม่เด็ดขาด ตอนนี้ให้น้องสาวของตัวเองไปร่างสาสน์ ครั้งนี้เขาจะกำจัดลู่เซิ่ง ตัดความหวังของหงหมิงจือโดยสมบูรณ์
“ข้าอยู่ในพรรควาฬแดงมาหลายปี แค่เด็กน้อยคนเดียวคิดคว่ำกระดานหรือ ฝันไปเถอะ!” กงซุนจางหลานดวงตาปรากฏจิตสังหารขึ้น
…
เมืองเลียบคีรี ห้องเพาะดอกไหม้หยกทอง
หนึ่งในกิจการของพรรควาฬแดง ยังรวมห้องเพาะดอกไม้แถบใหญ่แถวชานเมือง เอาไว้เพาะดอกไม้มอบให้คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในเมืองโดยเฉพาะ
ในห้องเพาะดอกไม้ที่โอ่อ่าสว่างไสว ในห้องที่ใหญ่ที่สุดเหลือพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ เอาไว้ตากดอกไม้ให้เป็นดอกไม้แห้งในยามปกติ
หลังจากลู่เซิ่งรู้จักกิจการนี้เมื่อสองสามวันก่อน ก็มาที่นี่อย่างยินดี ในอากาศมีแต่กลิ่นหอม ปลอดโปร่งโล่งใจ ดีกว่าอากาศในเมืองมาก
นอกจากลูกน้องที่เฝ้าอยู่นอกประตู คนที่เหลือรวมถึงคนสวนต่างถูกเขาไล่ออกไป
เดินอยู่ท่ามกลางทะเลดอกสีเหลือง สีแดง ลู่เซิ่งหยิบขวดกระเบื้องเล็กๆ ขวดนั้นออกมาจากในอกเสื้อ เทยาเม็ดสีแดงขนาดเท่าเมล็ดข้าวออกมาเม็ดหนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นกินลงไป
‘โอสถอาทิตย์ชาดสมคำร่ำลือจริงๆ’ ลู่เซิ่งรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ยาเม็ดขนาดเท่าเมล็ดข้าวละลายในปาก กระตุ้นช่องปากให้ขับน้ำลายออกมาปริมาณมาก น้ำลายเหล่านี้กลายเป็นกระแสความร้อนที่ร้อนลวกไหลลงคอ ไปถึงกะเพาะ ลำไส้
อย่างรวดเร็ว เขาก็รู้สึกได้ถึงกระแสความอุ่นปริมาณมากที่ไหลออกมาจากส่วนกระเพาะ แถวทรวงอกและท้อง ร่างกายร้อนขึ้น
‘วิชาลมปราณแดงฉานมีทั้งหมดเจ็ดระดับ ความรู้สึกถึงปราณเบื้องต้นไม่ทันไรก็สัมผัสได้จากการชี้แนะของศิษย์พี่แล้ว หลังบำรุงร่างกายมาหลายวัน วันนี้สมควรทดลองเลื่อนถึงระดับที่หนึ่ง’
ตอนนี้ลู่เซิ่งยากจะหาสถานที่เงียบสงบซุ่มฝึกวิทยายุทธ ที่ที่ตนกับเฉี่ยวเอ๋อร์อยู่มักสัมผัสได้ว่ามีคนแอบมอง หนำซ้ำเป็นเพราะตอนนี้เขามีการรับรู้ที่แกร่งเกินไป กลิ่นคนจำนวนมากที่ผ่านใต้อาคารอย่างต่อเนื่อง รบกวนการทำสมาธิของเขาได้โดยง่าย
ดังนั้นหลังจากรับกิจการทั้งหมดของอู๋ซาน เขาจึงตามหาที่ที่สงบมากพอ ในที่สุดก็เจอห้องเพาะดอกไม้ในกิจการของตัวเอง
ห้องเพาะดอกไม้เหล่านี้ส่วนหนึ่งขายดอกไม้สดให้ขุนนางคหบดีจำนวนมากในเมือง ดอกไม้ที่เพาะปลูกในลานหลัง ส่วนหนึ่งใช้ตากเป็นดอกไม้แห้งสำหรับทำยา หรือขายให้ร้านยาในเมือง นอกจากนี้พรรควาฬแดงก็กระจายชาดอกไม้และการเสริมความงาม ความต้องการมีมหาศาล กลับเป็นธุรกิจที่กำไรไม่เลว
เดินถึงที่ว่างสำหรับตากดอกไม้ ลู่เซิ่งยืนนิ่งหลับตาไพล่มือ เหมือนกับกำลังดมกลิ่นดอกไหม้จางๆ ในอากาศ
เพียงแต่ไม่มีคนทราบว่าตอนนี้เขากำลังจะเลื่อนระดับ
‘ดีปบลู’ ลู่เซิ่งคิดในใจ
ฟุ่บ
กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนโผล่ขึ้นมาด้านหน้าเขา ตัวเลือกวรยุทธ์แต่ละแถวด้านบนเห็นได้แจ่มชัด
ลู่เซิ่งก้มตาลงกวาดมอง ไม่ทันไรก็เจอวิชาลมปราณแดงฉานที่อยู่ด้านใน
[วิชาลมปราณแดงฉาน: เบื้องต้น ผลพิเศษ: แรงกระแทกหนึ่งชั้น]
‘ระดับเบื้องต้นก็มีผลพิเศษแล้วหรือ ไม่ธรรมดาจริงๆ!’ ลู่เซิ่งค่อนข้างพอใจ ทำสมาธิ ปรับร่างกายจิตใจ รอจนร่างกายสงบลงโดยสมบูรณ์ จึงค่อยๆ ใช้สำนึกกดบนปุ่มปรับเปลี่ยน
ฟุ่บ
เครื่องมือปรับเปลี่ยนกะพริบ เข้าสู่สภาพเปลี่ยนแปลง
‘เพิ่มวิชาลมปราณแดงฉานสู่ระดับหนึ่ง’
ลู่เซิ่งทำความเข้าใจระดับหนึ่งของวิชาลมปราณแดงฉานจนปรุโปรงแต่แรก ตอนนี้สิ่งที่กังวลเป็นหลักในการเพิ่มระดับคือร่างกายทนทานได้หรือไม่
เสียงชิ้งดังขึ้น กรอบวิชาลมปราณแดงฉานบนเครื่องมือปรับเปลี่ยนเริ่มจางลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ชัดขึ้น
[วิชาลมปราณแดงฉาน: ระดับหนึ่ง ผลพิเศษ: แรงกระแทกหนึ่งชั้น]
‘สำเร็จแล้ว!’ ลู่เซิ่งยินดี ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย วิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกสูญเสียพลังมากกว่าครึ่งด้วยความเร็วสูง ไม่ทันไรก็เหลือแค่นิดๆ หน่อยๆ โน้มนำหยินหยางพอเริ่มก็หายไปจนหมด คิดจะฟื้นฟูยังไม่ทราบว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
วิชาโลหิตพิฆาตเป็นวิชาที่ประหลาดที่สุด ปราณภายในถึงกับถูกเปลี่ยนเป็นปราณภายในแดงฉานของวิชาลมปราณแดงฉานไม่หยุด ถึงแม้ความเร็วการเปลี่ยนแปลงจะช้ายิ่ง แต่ก็ดีที่ต่อเนื่องไม่ขาดตอน
‘วิชาโลหิตพิฆาตที่สุดแล้วก็ไม่ครอบคลุมทุกด้านเหมือนวิชาลมปราณแดงฉาน ยังมีผลคงค้างที่ยังไม่รู้ ตอนนี้ทั้งหมดเป็นกำลังภายในธาตุหยาง เปลี่ยนได้ก็ดี ภายหลังจะได้ไม่ห่วงว่าจะเกิดปัญหา’
ลู่เซิ่งไม่แตกตื่นกลับมั่นคง
กลางห้องเพาะดอกไหม้ รอบๆ เป็นดอกไม้แน่นขนัด ไม่ใช่สีแดงก็เป็นสีเหลือง อากาศบริสุทธิ์
ลู่เซิ่งยืนหลับตาปรับลมหายใจตรงกลาง ตรวจสอบการสิ้นเปลืองด้านอื่นอย่างละเอียด
‘ร่างกายขาดหยินแล้ว ก่อนหน้านี้วิชาโลหิตพิฆาตกับวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตวิชาอื่นๆ ถูกโน้มนำหยินหยางปรับสภาพสมดุล ตอนนี้สมดุลนี้ถูกทำลายแล้ว วิชาลมปราณแดงฉานแข็งแกร่งกว่าวิชาโลหิตพิฆาต อานุภาพก็เกรี้ยวกราดกว่า สมดุลก่อนหน้าย่อมไม่อาจคงอยู่’ ลู่เซิ่งกระจ่างแล้ว ค่อยๆ หยิบกล่องเก็บเครื่องประดับสีดำออกมาจากในแขนเสื้อ
เมื่อเปิดกล่องดังปุบ ผมสีดำที่ม้วนอยู่เส้นหนึ่งวางนิ่งอยู่ด้านใน
‘ได้ทดลองพอดี ความสำคัญที่โน้มนำหยินหยางมีต่อเราไม่ต้องพูดก็เข้าใจ ถ้าไม่อาจปรับสมดุลร่างกาย ยากจะไม่ปรากฏผลคงค้างและผลกระทบทางใจไม่น้อย หนำซ้ำภายหลังเวลา ยกระดับพลังจำเป็นต้องใช้กำลังภายในที่หนักแน่นกว่าวิชาหล่อเลี้ยงชีวิต’
ลู่เซิ่งตกลงใจแต่แรก ครั้งนี้ใช้ผมดำที่ได้จากหมู่บ้านตระกูลซ่งเมื่อก่อนหน้ามาเรียนรู้วิชาหล่อเลี้ยงชีวิตบนร่างตัวเอง
กัดนิ้วเบาๆ หยดเลือดใส่ผมสีดำนั้น
ซู่!
หมอกขาวเหมือนไอน้ำสายหนึ่งระเหยขึ้นบนผมสีดำ ถูกนิ้วของลู่เซิ่งดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกว่ามีกระแสความเย็นสายหนึ่งทะลักจากปลายนิ้วเข้ามา พุ่งตามฝ่ามือเข้าสู่ปลายแขน ต้นแขน ทรวงอก จากนั้นก็พุ่งเข้าจุดตันเถียนที่ท้องน้อย
‘ปราณหยินรุนแรงจริง!’ ลู่เซิ่งตกตะลึง
แต่ว่าพริบตาเดียว ปราณหยินทั้งหมดก็หายไป เหมือนถูกบางอย่างดูดไปจนเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่น้อย
[ดำเนินการเรียนรู้วรยุทธ์หรือไม่]
กรอบสนทนากรอบหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าลู่เซิ่ง
‘ใช่!’
ลู่เซิ่งรีบยืนยัน สงบใจ เพ่งสมาธิบนโน้มนำหยินหยาง
‘เรียนรู้โน้มนำหยินหยางสู่ระดับสี่’ โน้มนำหยินหยางของเขาเดิมทีมีแค่สองระดับ แต่หลังจากเขาเรียนรู้ในครั้งก่อนก็บรรลุระดับสาม ครั้งนี้จึงเรียนรู้ระดับสี่พอดี
กรอบเครื่องมือปรับเปลี่ยนสั่นไหว จากนั้นจางลง
รอประมาณสิบกว่าวินาที กรอบทั้งกรอบค่อยๆ ชัดขึ้น
[วิชาปริศนา: ระดับสี่ ผลพิเศษ: การฟื้นปราณเร็วขึ้น ปรับสมดุลหยินหยาง เร่งการฟื้นฟู]
ลู่เซิ่งสัมผัสวิชาที่โผล่ขึ้นมาใหม่นี้อย่างละเอียด วิชานี้ใช้เส้นทางการโคจรของโน้มนำหยินหยางก่อนหน้านี้เป็นหลัก ดูดซับเส้นลมปราณโคจรส่วนใหญ่ของวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกไปพร้อมกัน เวลานี้วิชากำลังภายในใหม่ได้เปลี่ยนกำลังภายในทั้งหมดของวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกเป็นปราณภายในใหม่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว ปริมาณปราณภายในของมันยังน้อยกว่าโน้มนำหยินหยางและวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกเล็กน้อย แต่คุณสมบัติบริสุทธิ์กว่า
ถ้าหากบอกว่าความรู้สึกที่สองวิชาก่อนหน้ามอบให้ลู่เซิ่งเป็นเส้นด้ายนุ่มละมุนสองสายไหลอยู่ในร่าง เช่นนั้นกำลังภายในของวิชาใหม่เวลานี้ก็ให้ความรู้สึกของหยกศิลาที่เย็นสดชื่นค่อยๆ เคลื่อนในร่าง
‘วิชาใหม่นี้ เป็นโน้มนำหยินหยางที่ดูดซับวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยก…’ ลู่เซิ่งคิดไม่ถึงว่าจะปรากฏเรื่องเช่นนี้
เขามองวรยุทธ์บนเครื่องมือปรับเปลี่ยนอีกครั้ง
เป็นอย่างที่คาด ตัวเลือกของวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกถึงกับหายไปโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าถูกวิชาใหม่หลอมรวมดูดซับพลังไปทั้งหมด
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ปราณภายในวิชาพยัคฆ์ดำกระเรียนหยกทั้งหมดก็ถูกเปลี่ยนเป็นปราณภายในของวิชากำลังภายในชนิดใหม่ ปริมาณปราณภายในของมันยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา ซัดสาดอยู่ในร่างกาย
‘ในเมื่อหลอมรวมจุดเด่นของสองวิชานี้ เช่นนั้นวิชาใหม่เรียกว่า วิชาหยินหยางกระเรียนหยกก็แล้วกัน’ เขาตั้งชื่อให้มันอย่างรวดเร็ว
วิชาหยินหยางกระเรียนหยกไม่ใช่วิชาหล่อเลี้ยงชีวิตระดับต่ำเช่นวิชากระเรียนหยกอีกต่อไป หากยกระดับขึ้นเป็นวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตระดับสูงที่ลู่เซิ่งก็ไม่อาจคาดการณ์ประสิทธิผลได้เช่นกัน
หลอมรวมจุดเด่นความพิเศษของวิชากำลังภายในหลายวิชา วิชากำลังภายในใหม่นี้เพิ่งเปลี่ยนแปลงเสร็จ ก็ทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกถึงความแตกต่าง
………………………………………….