ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 705 เวทมนตร์ (1)
บทที่ 705 เวทมนตร์ (1)
“มังกรเทพไอก้าผู้น่าสรรเสริญ ท่านได้มอบอาหาร แสงสว่าง และพลังกายอันเปี่ยมด้วยกำลังวังชาให้แก่ผองเรา มังกรอสรพิษเก้าเศียรติสต้าผู้น่าสรรเสริญ ท่านได้มอบกายเนื้อที่แข็งแกร่งและปีกอันงดงามแก่พวกเรา”
ด้านในถ้ำที่มืดครึ้มและล้ำลึกแห่งหนึ่ง
มังกรสีรุ้งที่ยาวสิบกว่าเมตรจำนวนสิบกว่าตัวค่อยๆ ก้มหน้า หมอบร่างอธิษฐานต่อเทวรูปสององค์ด้วยเสียงอันดัง
แม้มังกรสีรุ้งจะถูกเทพมังกรและเทพมังกรอสรพิษเก้าเศียรละทิ้งมาหลายพันปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงไม่ลืมบุญคุณที่ได้จากเทพมังกรทั้งสอง
ในเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา เผ่ามังกรสีรุ้งลดขนาดลงจากจำนวนมากกว่าพันตัวเหลือแค่สิบกว่าตัว
เนื่องจากพวกเขาถูกบีบบังคับให้อพยพออกจากถิ่นฐานอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ที่ไม่เลว แต่เมื่อเผชิญกับมังกรเผ่าอื่นๆ ที่มีภูมิต้านทานแข็งแกร่ง มังกรสีรุ้งมีแต่ผู้นำกับผู้อาวุโสไม่กี่ตัวเท่านั้นที่พอจะสู้กับมังกรโบราณของอีกฝ่ายได้
เวทมนตร์ของมังกรสีรุ้งตัวอื่นเจาะผิวมังกรคุ้มกันของมังกรฝ่ายศัตรูไม่ได้ด้วยซ้ำ
เป็นเพราะถูกเทพมังกรละทิ้ง จึงถูกมังกรเผ่าอื่นกีดกัน
และเป็นเพราะพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ที่โดดเด่นกว่ามนุษย์ มังกรสีรุ้งจึงถูกผู้แข็งแกร่งในตำนนานกับพวกกึ่งเทพมองเป็นทาสสัตว์เลี้ยงเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด เป็นเหตุให้ถูกจับอย่างเหิมเกริม
ทวีปเพอร์เซนท์ที่ใหญ่โตถึงกับหาสถานที่อันมั่นคงที่มังกรสีรุ้งสามารถอยู่อาศัยได้ไม่เจอ
พวกเขาได้แต่โยกย้ายไปตามถ้ำใต้ดิน กินแมงมุม หมาป่า กับสัตว์ป่าแต่ละชนิดที่อยู่ใต้ดินเป็นอาหาร
มังกรสีรุ้งเคยคิดจะพยายามด้วยตัวเองเช่นกัน แต่เพราะความสามารถขยายพันธุ์ที่ต่ำต้อย กับขีดจำกัดทางธรรมชาติในด้านพลัง ทำให้พวกเขาไม่มีปัญญา
มังกรสีรุ้งได้แต่เติบโตถึงระดับตำนานเท่านั้น นี่คือขีดจำกัดของมังกรโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา ถือว่าไม่เลวสำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับมังกรเผ่าอื่น กลับแตกต่างกันอย่างมหาศาล
ต่อให้ความแข็งแกร่งแบบนี้ไปอยู่ท่ามกลางเผ่ามังกรทั้งหมด ก็ถือเป็นแค่ระดับกลางถึงต่ำเท่านั้น ยิ่งอย่าว่าแต่ความสามารถในการขยายพันธุ์ที่ด้อยกว่ามังกรเผ่าอื่นๆ ของพวกเขา
ด้านในถ้ำ มังกรสีรุ้งเพศเมียที่สูงกว่ามังกรตัวอื่นๆ เท่าหนึ่งใช้สายตาที่อ่อนโยนและโศกเศร้ามองสหายร่วมเผ่าของตัวเองที่หมอบกราบอยู่ด้านหน้า
“วันนี้ เป็นวันที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง” เสียงอันกระจ่างชัดของนางสะท้อนในถ้ำ
“ในที่สุดก็มีไข่สี่ฟองในสิบสามฟองที่พวกเราให้กำเนิดมามากกว่าร้อยปีฟักสำเร็จแล้ว”
ในถ้ำมังกรไม่มีผู้ใดส่งเสียง แต่ว่าความยินดีต่างฉายออกมาจากในนัยน์ตาของเหล่ามังกรสีรุ้งอย่างล้ำลึก
สำหรับมังกรสีรุ้งที่ต่ำต้อยเสียจนเกือบเหมือนเถ้าธุลี การมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาถึงสี่ตัวถือเป็นความสำเร็จที่สุดยอดแล้ว
“ในที่สุดความพยายามตลอดร้อยปีของเผ่าเราก็ได้รับการตอบแทนแล้ว…สมาชิกใหม่สี่ตัว…ให้ราชินีมังกรดูแลด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
มังกรสีรุ้งอีกตัวที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยเสียงอันดังและใบหน้าที่ยินดี
เขามีชื่อว่าโคบอย เป็นมังกรเพศผู้ที่ปกติทำตัวเย็นชาและกล่าววาจาได้เผ็ดร้อนที่สุดในเผ่า แต่วินาทีนี้ เขากลับผุดสีหน้าปลาบปลื้มยินดีอย่างหาได้ยาก
“ถูกต้อง เด็กๆ เหล่านี้ไม่เหลือพ่อแม่แล้ว พวกเราเสียพวกพ้องไปมากเหลือเกินในศึกใหญ่มากมายเมื่อก่อนหน้า ผิวของพวกเขาถูกคนถลกไปทำเป็นเกราะ นัยน์ตาของพวกเขาถูกเอาไปทำเป็นอาวุธเวทมนตร์ สมองของพวกเขาถูกเอาไปทำเป็นตลับเวทมนตร์ชนิดพิเศษที่เอาไว้เก็บวิญญาณมังกร!” ซินดี้มังกรเพศเมียที่รับหน้าที่ฟักไข่เอ่ยเสียงดัง
“แต่พวกเราจะไม่มีทางยอมแพ้!” นางเข้มแข็งอย่างนี้เสมอมาและจะยังเข้มแข็งแบบนี้ไปตลอดกาล
“ใช่! พวกเราจะไม่ยอมแพ้ ต่อให้เทพมังกรจะทอดทิ้งพวกเราก็ตาม!” มังกรเพศผู้ตัวนี้เอ่ยเสียงทุ้มต่ำอย่างไร้ศรัทธา
“ไม่ใช่! เทพมังกรเพียงแค่ไม่เห็นความพยายามและความศรัทธาของพวกเราก็เท่านั้น พวกพระองค์กำลังทดสอบพวกเราอยู่ ทดสอบมังกรสีรุ้งเช่นพวกเรา!” ราชินีมังกรตำหนิ
มังกรสีรุ้งหลายตัวด้านล่างที่ไม่ยินยอมค่อยๆ ก้มหน้าลงช้าๆ แม้จะก้มหน้าลงชั่วคราว แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมรับคำพูดของราชินีมังกร
“พอได้แล้ว จงส่งเด็กๆ ทั้งสี่ไปที่รังของข้า ข้าจะพยายามสั่งสอนทุกอย่างที่ข้ามีให้แก่พวกเขาอย่างสุดความสามารถ” ราชินีมังกรเออร์นีกล่าวอย่างช้าๆ
“ขอรับ”
เหล่ามังกรสีรุ้งรีบตอบรับ
…
ลู่เซิ่งถีบเปลือกไข่ที่พันธนาการทั่วร่างไว้สุดแรงเกิด
ส่วนบนสุดของไข่มังกรที่สูงหนึ่งเมตรกว่าๆ ถูกเขาถีบเป็นรูโหว่ขนาดเท่าหัวคน
ครั้งนี้น่าอัศจรรย์มาก เขาจุติลงมาบนไข่มังกรที่ยังไม่ฟักฟองหนึ่ง มังกรน้อยในไข่มังกรมีจิตในขั้นเบื้องต้นแล้ว และมีความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นกัน
ทารกมังกรถึงขั้นยังไม่มีชื่อ ก็เกิดความต้องการแก้แค้นอย่างรุนแรงต่อความตายของพ่อแม่และความอนาถาของมังกรสีรุ้งแล้ว
‘คิดจะฟื้นคืนเผ่ามังกรสีรุ้งขึ้นมาใหม่ ไม่ให้หายไปในฝุ่นผงประวัติศาสตร์’ ลู่เซิ่งที่นั่งในเปลือกไข่เงยหน้ามองแสงมืดสลัวที่สาดเข้ามา
‘ถึงแม้ผลกรรมนี้จะไม่มีอะไรพิเศษ แต่ก็ไม่เหมือนกับความคิดที่เด็กทั่วไปจะคิดได้…ดูเหมือนว่ามังกรระดับสูงนี้จะแตกต่างกับเผ่าพันธุ์ทั่วไปจริงๆ’
เขาสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งซึ่งกำลังไหลเวียนอยู่บนร่างของตัวเองตามธรรมชาติ
พลังงานเหล่านี้เหมือนกับแก่นจริงแท้และพลังวิญญาณที่ไหลเวียนตามเส้นลมปราณและเส้นเลือด ทว่าสิ่งที่ต่างจากพลังวิญญาณและแก่นจริงแท้ก็คือ สัดส่วนของกระแสพลังงานนี้มีหลายธาตุมาก ทั้งยังก่อให้เกิดการกัดกร่อนและบ่อนทำลายไม่น้อยต่อร่างกาย
‘หมายความว่าร่างกายนี้มีความต้านทานแข็งแกร่งสุดขีด เลยไม่ถึงกับโดนกัดกร่อนจนตาย ถ้าหากคุณสมบัติร่างกายอ่อนแอนิดหน่อย เกรงว่าผลลัพธ์จะไม่น่าดูชมเท่าไหร่’ ลู่เซิ่งกวาดตามองร่างกายของตัวเองอย่างคร่าวๆ และเข้าใจถึงกุญแจสำคัญทันที
ตามความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดในเผ่ามังกร พลังงานชนิดนี้ชื่อว่าพลังเวท
พลังเวทมีพลังทำลายล้างและพลังกัดกร่อนที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด
ไม่เพียงแต่กัดกร่อนมังกรสีรุ้งเท่านั้น ยังกัดกร่อนและแพร่เชื้อใส่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนมหาทวีปอย่างรุนแรงด้วย
‘พลังเวทยังพอว่า ตามความทรงจำที่ได้รับการถ่ายทอดเมื่อก่อนหน้า สภาพของมังกรสีรุ้งนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่’ ลู่เซิ่งข่วนเปลือกไข่บนศีรษะจนแตก แล้วใคร่ครวญพิจารณา
ฟังจากเสียงอธิษฐานที่ดังมาจากด้านนอกทุกวันแล้ว เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่โลกใบนี้จะมีเทพอยู่จริงๆ
เขาพยายามเคลื่อนย้ายร่างกาย โดยยื่นอุ้งเล็บที่อวบอูมคู่หนึ่งไปดึงเปลือกไข่หลายชิ้นลงอย่างรุนแรง
จากนั้นเขาก็เบียดตัวออกไปจากช่องรอยแตก
เปลือกไข่เปราะบางมาก สารอาหารด้านในถูกเขาดูดซับไปจนหมดแล้ว
ลู่เซิ่งพยายามคลานออกมา เพิ่งจะยืนได้มั่น ก็รู้สึกได้ว่ามีเงาขนาดยักษ์ขยับเข้ามาใกล้ แล้วใช้ศีรษะขนาดมโหฬารแตะกับหลังของเขาเบาๆ
“ดีใจมากที่ได้เจอเจ้า พวกพ้องของข้า ข้าชื่อว่าเออร์นี เป็นแม่เลี้ยงของเจ้า และเป็นราชินีมังกรของมังกรสีรุ้งด้วย” หัวมังกรขนาดยักษ์ใช้สายตาเอ็นดูรักใคร่จ้องมองเขา
ลู่เซิ่งยืดเหยียดร่างกาย มังกรสีรุ้งที่เพิ่งเกิดสามารถเคลื่อนไหวและยืนได้ในทันทีที่แตะพื้น เพียงแต่ยังเดินไม่ตรงทางเท่านั้น
เขาเงยหน้าขึ้นมองมังกรยักษ์สีรุ้งที่สูงถึงสิบกว่าเมตรตัวนี้
“ชื่อของเจ้าชื่ออะไร” ราชินีมังกรเออร์นีถามเบาๆ
ลู่เซิ่งชะงักไปเล็กน้อย ลองนึกทบทวนดู ทารกมังกรเมื่อก่อนหน้านี้ตั้งชื่อให้ตัวเองว่า โอมีส
แต่เขาไม่ชอบชื่อนี้
กรรซ์!
เขาอ้าปากส่งเสียงคำราม
“ที่แท้มังกรได้ชื่อมาแบบนี้นี่เอง” เขาพลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดในเทพนิยายตำนานของประเทศจีน มังกรทุกตัวต่างก็มีชื่อ ที่แท้มีที่มาแบบนี้
“ข้าชื่อเดรียนก้า นี่หมายถึงความหวังและการไถ่ถอน” เขาคิดเล็กน้อย ก่อนจะปรับเนื้อเสียงและตอบกลับ
มังกรสีรุ้งใช้ภาษามังกรเหมือนกัน นี่เป็นส่วนที่ยึดครองความทรงจำส่วนลึกสุด
นอกจากนี้แล้ว สิ่งที่มีมากที่สุดในความทรงจำตกทอดก็คือความรู้และสามัญสำนึกของโลกพื้นฐาน
เดรียนก้าในภาษามังกรแปลว่าความหวัง
ราชินีมังกรงุนงง จากนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และงับผิวคอด้านหลังของลู่เซิ่งไปวางไว้ในบ่อน้ำที่เหนียวหนืดอีกแห่ง
ซ่า
ลู่เซิ่งถูกโยนเข้าไปในบ่อ
ของเหลวสีม่วงที่กะพริบแสงสีอันลึกลับกระเพื่อมอยู่กลางบ่อน้ำ
“จงแช่ตัวเสีย นี่คือน้ำยาเวทเปิดปัญญา จะทำให้คุณสมบัติร่างเวทมนตร์ของเจ้าทำงานได้ราบรื่นกว่าเดิม และเพิ่มพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ของเจ้าได้ในระดับหนึ่ง” เออร์นีกำชับเสียงอ่อนโยน
ลู่เซิ่งขัดขืนโดยสัญชาตญาณ แต่ก็พบทารกมังกรสีรุ้งอีกสามตัวที่ร่างเหมือนกับกิ้งก่าถูกโยนเข้ามาใกล้ๆ ตนเองเช่นกัน
ทารกมังกรทั้งสามตัวสบตากัน แล้วกินน้ำยาเวทที่อยู่รอบๆ อย่างตะกละทันที
ลู่เซิ่งสังเกตดูแต่ก็ไม่เข้าใจพวกมัน
แม้ทารกมังกรจะมีความทรงจำตกทอดมาเปิดสติปัญญาแล้ว แต่ความรู้และความรู้สึกนึกคิดของตัวเองก็ยังสู้เขาไม่ได้อยู่ดี
‘น้ำยาเวทนี้…เหมือนจะไม่ใช่ของเหลวธรรมดา แต่เหมือนกับเกิดขึ้นจากการผสมของเหลวครึ่งหนึ่งและพลังเวทครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นของเหลวความเข้มข้นสูง รอบๆ บ่อน้ำนี่น่าจะมีเวทมนตร์บางชนิดที่รักษาการเปลี่ยนพลังเวทให้เป็นของเหลวเอาไว้’ ลู่เซิ่งคาดเดา
จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มหาศาลของเขาสัมผัสพลังงานอันเข้มข้นในน้ำรอบๆ
พลังงานชนิดนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนและคุณสมบัติรุกรานที่แข็งแกร่งรุนแรง เพียงแค่สิบกว่าวินาทีสั้นๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าผิวมังกรทั่วร่างกำลังคันคะเยอะและเจ็บปวด
พลังเวทจำนวนมากซึมเข้ามาในผิวของเขา ผ่านกล้ามเนื้อและกระดูก แล้วเริ่มกัดกร่อนเครื่องใน
‘พลังเวทนี้เหมือนกับพลังเวทที่แพร่หลายในเทพนิยายฝั่งตะวันตกบนโลกใบเดิม พลังกัดกร่อนแข็งแกร่งมาก ถ้าหากใช้แค่คุณสมบัติร่างกายของทารกมังกรมาต้านทานการกัดกร่อน คงต้านได้ไม่กี่นาที’
ลู่เซิ่งหันไปมองทารกมังกรอีกสามตัวที่เหลือ ใบหน้าของพวกเขาล้วนฉายความเจ็บปวด
เขาสัมผัสด้านในร่างกายอย่างละเอียด เครื่องในของเขาเริ่มถูกกัดกร่อนจากพลังเวท
การกัดกร่อนนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือหลังจากการปรับเปลี่ยนพลังเวทในระดับสูงก็คือ ความใกล้ชิดต่อธาตุและเวทมนตร์จะสูงขึ้นมาก ยิ่งปรับเปลี่ยนพลังเวทสูงเท่าไหร่ พรสวรรค์ทางเวทมนตร์ก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ข้อเสียก็คือ คุณสมบัติร่างกายของตนเองจะอ่อนแอลงขั้นหนึ่ง พละกำลังและความเร็วของกายเนื้อ รวมถึงพลังฟื้นฟูจะตกลงขั้นหนึ่ง
หนำซ้ำยังเป็นการตกลงอย่างถาวรซึ่งเอากลับคืนมาไม่ได้ด้วย
ลู่เซิ่งยังไม่สามารถสร้างผลกระทบต่อการกัดกร่อนประเภทนี้ได้ เพราะจิตวิญญาณของเขาไม่อาจควบคุมร่างมังกรได้อย่างสมบูรณ์ กฎของโลกใบนี้มีการสะกดความแข็งแกร่งสูงสุดขีด ถึงขั้นยังมีการดำรงอยู่ของเทพด้วย
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ปราณปฐพีในวิชาพันเทวะมาเสริมร่างกายหรือเพิ่มพรสวรรค์
สำหรับเขาแล้วพรสวรรค์ชนิดนี้รังสรรค์ขึ้นเองได้ ไม่ถือว่าหายาก เลยไม่คุ้มกับการเผยคุณสมบัติพิเศษของตัวเอง
‘ความแตกต่างทางเวลาของโลกใบนี้คือหนึ่งร้อยห้าสิบโดยประมาณ ช่วงผู้ใหญ่ของมังกรสีรุ้งคือราวสามร้อยปี เราสามารถเรียนรู้การยกระดับในระหว่างที่เติบโตอย่างช้าๆ ได้ แบบนี้จะได้ปกปิดความผิดปกติทุกอย่างของตัวเองได้ด้วย’
ลู่เซิ่งมีแผนการที่สมบูรณ์อย่างรวดเร็ว ในวินาทีแรกที่องค์ประกอบของโลกใบนี้ถูกส่งเข้าสมองของเขา เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าที่นี่จะเป็นฐานที่มั่นสำหรับแหล่งพลังอาวรณ์แห่งถัดไปของเขา
ที่นี่มีเผ่ามังกรโบราณที่ดำรงอยู่มาแล้วมากกว่าหมื่นปีหรือแสนปี และมีเหล่าเทพดวงดาวผู้สูงส่งทั้งหลายที่ยังคงตั้งตระหง่านอย่างขุนเขา
ชีวิตที่ยาวนานและประวัติศาสตร์ที่ยาวนานแบบนี้ สามารถสร้างวัตถุที่มีพลังอาวรณ์มหาศาลไร้สิ่งใดเทียบเคียงได้อย่างสมบูรณ์
อย่างอื่นไม่พูดถึง พวกเครื่องรางและของศักดิ์สิทธิ์ที่ตกทอดมาเหล่านั้น จะต้องเป็นวัตถุที่สะสมพลังอาวรณ์ไว้นับไม่ถ้วนแน่