ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 725 อเวจี (1)
บทที่ 725 อเวจี (1)
“อ๊าก!”
กลางอุโมงค์ที่เรืองแสงสีแดงด้านในเส้นทางข้ามมิติ มือสีดำจำนวนมากรัดตัวมีโตกาเอาไว้เหมือนเชือก พละกำลังอันมหาศาลกระชากเขาลอยไปยังอีกด้านหนึ่งของประตูข้ามมิติ
“ไม่!”
มันร้องคำรามอย่างหวาดกลัว
โครม!
มีโตการู้สึกเหมือนว่าตัวเองทะลุสิ่งกีดขวางที่หนาหนักชั้นหนึ่งเข้าไปในที่ว่างแคบๆ เหนียวหนึบและมีแรงต้านสูง
มันยังไม่ทันสำรวจรอบๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีมนตราลดพลังหลายชนิดแข่งกันพุ่งลงมาลดพลังผิวต้านทานบนตัวมันไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
ความรู้สึกนี้เหมือนกับทำให้เหล็กกล้าอ่อนตัวเป็นเต้าหู้
มีโตกาพยายามตอบโต้ แต่เพิ่งจะขยับตัว แสงสีแดงเจิดจ้ากลุ่มหนึ่งก็โอบล้อมมันเอาไว้ในทันที
“ดีใจมากที่ได้พบเจ้า” ชายร่างกำยำที่มีแขนสีดำจำนวนมากลอยอยู่ด้านหลัง จ้องมองมันด้วยรอยยิ้ม
มีโตกาอ้าปากอยากจะพูด แต่ว่ามือสีดำจำนวนมหาศาลกลับมุดเข้าไปในปากใหญ่ของมัน
“ดูเหมือนเจ้าจะดีใจมากเช่นกัน” ลู่เซิ่งมองเจ้าตัวใหญ่ตรงนั้น รู้สึกเหมือนเห็นไส้กรอกในฤดูหนาว เห็นแตงโมในฤดูร้อน
ถึงแม้ลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ที่บรรจุในร่างอีกฝ่ายจะแปดเปื้อนพลังแห่งห้วงอเวจี แต่ก็มีมากกว่าสามสิบห้าจุด
หนำซ้ำแกนหลักของจอมอสูรแห่งห้วงอเวจีที่ค่อยๆ ปล่อยพลังแห่งโลกที่ไหม้เป็นตอตะโกไร้สิ้นสุดออกมาก้อนนั้น ยังเป็นแกนหลักที่ล้ำค่าที่สุดของสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วย
‘…ดีใจกับผีสิ!’ มีโตกาคำรามอย่างโมโหในใจ ปากของเขายังคงถูกปิดเอาไว้ มือดำจำนวนมากทะลักเข้าไปในตัวเขา
นี่คือ หัตถ์แห่งเงา หนึ่งในมนตราเก้าสิบเก้าชนิดที่ลู่เซิ่งปรับปรุง เป็นวิชาที่เกิดจากการเรียนรู้มนตราขั้นแปด
ความสามารถของมนตรานี้ก็คือ ใช้พลังเงาวางพิกัดไว้ในมิติเงามืดและสร้างแขนพิเศษที่ยืดหดได้เพื่อใช้งานออกมาข้างหนึ่ง
ลู่เซิ่งเรียนรู้เวทมนตร์นี้ถึงขั้นที่หกร้อยเจ็ดสิบแปดในคราวเดียว เขาคิดว่าตัวเลขนี้เป็นเลขมงคล เรียงกันสวยดี จึงสร้างแขนออกมาหกร้อยเจ็ดสิบแปดข้าง
เวลาใช้ก็สบายมากเช่นกัน
ถึงกับลากจอมอสูรแห่งห้วงอเวจีระดับกลางที่เทียบเท่ากับร่างหลักออกมาได้
ด้านในห้องผนึก อักขระวงแหวนเวทจำนวนมากเชื่อมต่อกับพลังที่เป็นของลู่เซิ่ง พันธนาการพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากห้วงอเวจีเอาไว้
มีโตกาที่ถูกลากออกมาจากในวงแหวนเวทไม่อาจกลับสู่ร่างเดิมได้ ได้แต่ดิ้นรนทุรนทุรายในสภาพหดเล็กเท่านั้น
ในตอนนี้ร่างกายของมันใกล้เคียงกับมนุษย์มังกรสีดำสูงเทียบแค่มนุษย์ตนหนึ่ง มีหัวเป็นมังกรตัวเป็นคน ด้านหลังมีปีกที่ประกอบขึ้นมาจากลาวา
แต่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างมันมีมือดำที่เรียบลื่นและเย็นเยียบปกคลุมอยู่ มือดำเหล่านี้ลูบไล้ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเกล็ดธรรมดาหรือของสงวน
มีโตการู้สึกว่าส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของตัวเองกำลังถูกหยอกล้ออย่างช่ำชอง ร่างกายเริ่มตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนที่ไม่เคยเสียดสีมาก่อนก็ถูกมือจำนวนมากมุดเข้าไปเช่นกัน
ประสบการณ์น่าอับอายที่ไม่เคยเจอมาก่อนทำให้ร่างกายของมันเกิดความรู้สึกประหลาด
ทันใดนั้น มือใหญ่ข้างหนึ่งก็มุดเข้าไปในสถานที่ที่สำคัญที่สุดของมัน
“โอ้ว! ไม่นะ! ตรงนั้นไม่ได้!” มันพลันคำราม แต่เสียงในลำคอเพิ่งจะสั่นสะเทือนออกไปกลับถูกมือดำจำนวนมากกว่าเดิมอุดไว้ทันที
มันควรจะรู้แต่แรกแล้วว่า มือดำบัดซบพวกนี้ยังมีความสามารถล่อลวงจิตใจอยู่ด้วย!
พละกำลังอันน่ากลัวของมีโตกาไม่อาจใช้ในวงแหวนเวทผนึกได้ ในฐานะจอมอสูรแห่งห้วงอเวจีที่ไร้คู่ต่อกรและจอมมารผู้ได้รับความเอ็นดูจากจิตห้วงอเวจีแห่งชั้นที่ห้าสิบเอ็ด ถึงกับถูกจอมเวทประหลาดอัญเชิญออกมาปู้ยี่ปู้ยำถึงเพียงนี้!
มีโตกาใช้ความอับอายและความโกรธสุดท้ายด่าทอลู่เซิ่งอย่างเจ็บแสบ
“ข้าขอสาปแช่งเจ้า! ห้วงอเวจีจะลากเจ้าลงสู่เบื้องล่างที่ไร้สิ้นสุดจนไม่อาจหลุดพ้นได้ชั่วกัปชั่วกัลป์!” จิตที่ยิ่งใหญ่ของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้จะถูกวงแหวนเวทจำนวนมากผนึกเอาไว้ แต่พลังจิตเล็กๆ ที่ขอความช่วยเหลือจากจิตแห่งห้วงอเวจีก็ยังคงรั่วไหลออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นี่คืออับจนหนทางแล้ว
ถึงอย่างไรไอ้ตัวตรงหน้าก็มีพลังและคุณสมบัติเกือบครึ่งหนึ่งของร่างหลัก เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารและกลืนกินทันที
‘ดีที่เตรียมตัวไว้พร้อม ราวหนึ่งชั่วโมงน่าจะย่อยสลายหมด’
เขามองดูก้อนมือสีดำที่ห่อหุ้มไว้กลางอากาศอย่างค่อนข้างพอใจ
‘เรื่องสุดท้ายในตอนนี้คือการต้านการโต้กลับของจิตห้วงอเวจีแล้ว’
ครั้งนี้แตกต่างจากก่อนหน้าตรงที่สิ่งที่เขาล่าเป็นจอมอสูรระดับกลาง นี่เทียบเท่ากับลงมือต่อผู้ช่วยผู้ทรงประสิทธิภาพของจิตแห่งห้วงอเวจีแล้ว
ลู่เซิ่งปรบมือ มือดำจำนวนมากด้านหลังพลันเร่งความเร็วลากมีโตกาเข้าหาตัวเอง
วังวนคลื่นโปร่งแสงจางๆ กลุ่มหนึ่งค่อยๆ เปิดออกกลางความว่างเปล่าด้านหลังเขา นั่นคือทางเข้าที่เชื่อมไปยังโลกรูปจิตของเขา
การเปิดทางเข้าเล็กๆ สู่โลกรูปจิตในสภาพแวดล้อมของห้องลับที่ปิดตายแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นปัญหา
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ใช้เวลาหลายปีที่ผ่านมาอย่างเสียเปล่า
มีโตกาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ต่อหน้าลู่เซิ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลัง แรงอันน้อยนิดของมันไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง
ร่างกายขนาดมหึมาของมันยังคงถูกดึงเข้าหาวังวนโปร่งแสงอย่างช้าๆ
แสงสีแดงจากห้วงอเวจีที่กะพริบระยิบระยับคิดจะแผ่ขยายออกมาจากร่างของมัน แต่แสงสีแดงอีกชนิดของวงแหวนเวทกลับขวางการรั่วไหลของแสงสีแดงแห่งห้วงอเวจีได้อย่างแม่นยำและทันเวลา
ลู่เซิ่งใช้พลังทั้งหมดเต็มที่แล้ว
เขาใช้พลังส่วนใหญ่ของร่างหลักมาป้องกันจิตแห่งห้วงอเวจี และใช้พลังทั้งหมดของร่างนี้ควบคุมวงแหวนเวทในห้องลับ
ยิ่งมีโตกาเข้ามาใกล้ ลู่เซิ่งยิ่งรู้สึกได้ว่าการแก้แค้นของห้วงอเวจีเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาค่อยๆ เยือกเย็นลง สองมือวาดตราหัตถ์และสัญลักษณ์พิเศษมากมายกลางอากาศ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดขาหลังข้างหนึ่งของมีโตกาก็หายเข้าไปในวังวนโปร่งแสงด้านหลังลู่เซิ่ง
“มาแล้ว!”
ลู่เซิ่งลืมตาโตทันที
ประตูข้ามมิติที่เรืองแสงสีแดงบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง จิตอันน่ากลัวที่แกร่งกว่าลู่เซิ่งมากกว่าร้อยเท่าพันเท่าพุ่งออกจากประตูข้ามมิติ แล้วพุ่งใส่ตำแหน่งที่ลู่เซิ่งอยู่อย่างสะเทือนเลื่อนลั่น
จุดที่จิตไร้รูปร่างนั้นพุ่งผ่านจะมีเลือดเนื้อกระจายไปทั่วเหมือนพรม ใบหน้าเจ็บปวดที่ไม่มีจิตใจจำนวนมากปรากฏในพรมเลือดเนื้อสีแดงฉานและส่งเสียงตะโกนดุดันแปลกประหลาด
“เอาคืนมา…! ไม่งั้นตาย!” จิตที่พร่ามัวสายหนึ่งส่งออกมาจากในจิตอันน่ากลัวสายนี้
“ให้ข้าคืนมีโตกาให้หรือ ไม่ได้หรอก” ลู่เซิ่งยิ้มเหี้ยมเกรียม เงาลวงพร่ามัวของร่างที่มีศีรษะเป็นกระเรียนตัวเป็นคนร่างหนึ่งโผล่ขึ้นด้านหลังอย่างช้าๆ
นั่นคือร่างหลักของพันเทวะ
จิตที่มีความเข้มข้นสูงและแข็งแกร่งร้ายกาจสายหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างเขา
มิติด้านหน้าลู่เซิ่งถูกบิด พื้นและผนังรอบๆ ตัวเริ่มปรากฏเส้นกล้ามเนื้อสีแดงเลือดที่ขมุกขมัว
พื้นก็ดี ผนังก็ดี ต่างถูกเส้นใยกล้ามเนื้อสีแดงฉานแข็งแกร่งปกคลุมเอาไว้
นั่นคือลักษณะพิเศษที่หยาบกระด้างและแข็งแกร่งชนิดหนึ่ง ชวนให้คนนึกถึงศัพท์อหังการอย่างเช่นคำว่า พละกำลัง เก่งกาจ ความรุนแรง และความสุดยอด
ถึงแม้ผลกระทบที่เกิดขึ้นบนจุดที่จิตของลู่เซิ่งพุ่งผ่านจะไม่ได้รุนแรงเท่าจิตห้วงอเวจี
ทว่าที่แห่งนี้คือมิติหลัก พลังแห่งห้วงอเวจียังคงได้รับการกีดกันโดยธรรมชาติจากมิติหลักอยู่
พลังสะกดธรรมชาติจำนวนมากบีบอัดจิตแห่งห้วงอเวจีโดยสัญชาตญาณจากในเวลาและปริภูมิรอบๆ พร้อมทั้งลดพลังของมันลงอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนทางลู่เซิ่งกลับไม่เจอการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมนี้เพราะความสามารถหลอกลวงธรรมชาติ
เมื่อฝ่ายหนึ่งเพิ่มฝ่ายหนึ่งลด ทั้งสองฝ่ายจึงสูสีกัน
ทันใดนั้น พลังจิตที่ยิ่งใหญ่จนน่ากลัวสองสายก็ปะทะกันอย่างรุนแรงด้านในห้องลับ
ตูม!
พายุพลังจิตไร้รูปร่างระเบิดในชั่วเสี้ยววินาที พลังจิตของลู่เซิ่งกับพลังจิตของห้วงอเวจีแหลกสลายไปพร้อมกัน เศษพลังจิตนับไม่ถ้วนกลายเป็นจุดแสงพลังจิตสีแดงลักษณะโปร่งแสง แล้วกระจายไปทั่วเหมือนห่าฝน
จากนั้นเศษพลังจิตทั้งหมดก็ถูกลู่เซิ่งรวมขึ้นมาใหม่
ภาพรอบๆ ห้องลับเดี๋ยวก็กลายเป็นห้วงอเวจีที่เกลื่อนด้วยพรมเลือดเนื้อ เดี๋ยวก็กลายเป็นตำหนักจำนวนมากที่มีกล้ามเนื้อนับไม่ถ้วนกองอยู่
ภาพลวงตาอันสับสนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนมีโตกาที่ถูกหนีบไว้กลางพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสองสายก็กลายเป็นเครื่องสังเวยในทันที
ไม่ว่าจะเป็นจิตแห่งห้วงอเวจีหรือจิตร่างหลักของลู่เซิ่ง ล้วนไม่ใช่สิ่งที่มันจะต้านทานได้
ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นมิติหลัก ยังมีการสะกดตามธรรมชาติจากมิติหลักที่เป็นฝ่ายที่สามด้วย
ตอนนี้มันถูกจิตธรรมชาติสะกดให้อยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยมีมา ส่วนห้วงอเวจีกับลู่เซิ่งก็ปะทะกันในสภาพนี้
ถึงแม้มีโตกาจะเป็นมังกรแห่งโลกที่ไหม้เหมือนตอตะโก เป็นจอมอสูรแห่งห้วงอเวจี แต่ก็ต้องสิ้นท่าเมื่อเผชิญกับความยิ่งใหญ่นี้
พลังจิตของมันอดทนอย่างยากลำบากในพายุพลังจิตอยู่สิบนาที ก่อนจะถูกพายุกระชากเข้าไปอย่างรุนแรง แล้วโดนบดขยี้เป็นผุยผง
จิตของมันถูกทำลายจนสิ้น กลายเป็นสารอาหารในการฟื้นฟูจิตให้แก่ห้วงอเวจีและลู่เซิ่ง
จอมอสูรแห่งห้วงอเวจีตายในลักษณะนี้
“ครั้งนี้เจ้าพอใจหรือยัง!” ลู่เซิ่งกล่าวเสียงทุ้มต่ำอย่างโมโห จิตของจอมอสูรแห่งห้วงอเวจีถูกบดขยี้จนแหลกสลาย สมบัติที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณอย่างลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ย่อมสลายตามไปด้วย
นี่เหมือนกับแผนที่เก็บสมบัติที่สมบูรณ์แผนหนึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นๆ การประกอบขึ้นมาใหม่ยังเป็นไปได้ แต่พลังสมาธิที่เสียไปไม่คุ้มค่าเท่ากับจับจอมอสูรจากห้วงอเวจีตนใหม่
จิตแห่งห้วงอเวจีไม่ทันตอบ ก็ถูกจิตธรรมชาติแห่งมิติหลักสะกดและขับไล่ไปโดยสัญชาตญาณ ไม่นานก็หดกลับไปยังประตูข้ามมิติ ก่อนจะค่อยๆ หายไป
เหลือไว้เพียงสภาพการปะทะกันที่เละเทะไม่มีชิ้นดีในห้องลับ
ค่อกๆๆ…
ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าจิตพร่ามัวอยู่พักหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าพลังของจิตแห่งห้วงอเวจีที่พุ่งเข้ามาเมื่อครู่ยิ่งใหญ่เกินไปจนร่างหลักมารสวรรค์ของเขารับไม่ไหวอยู่บ้าง
เขาก้มหน้ามองร่างกายของตัวเอง ไม่รู้ว่ากลางทรวงอกถูกระเบิดเป็นรูเลือดตั้งแต่ตอนไหน ส่วนศีรษะก็เหนียวเหนอะเช่นกัน
เขาเช็ดๆ ดู ทั้งหมดเป็นของเหลวกลิ่นฉุนสีขาว
“ไอ้นี่คงไม่ใช่สมองมั้ง”
ลู่เซิ่งเห็นท่าไม่ดี
เขารีบสร้างกระจกแผ่นหนึ่งขึ้นตรวจสอบ
ภาพที่สะท้อนในกระจกคือผู้ชายเนื้อตัวเละเทะที่สองตาแดงฉาน และหน้าผากเปิดออกเป็นรูเลือดขนาดเท่ากำปั้น
ถึงขนาดที่มองผ่านรูเลือดบนศีรษะเห็นผนังด้านหลังซึ่งสลักลวดลายอยู่เต็มไปหมดได้
เหมือนกับมีคนใช้กระบอกเหล็กเจาะศีรษะเขาเป็นรู ไขสมองจำนวนมากไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“บ้าเอ๊ย! การโต้กลับของห้วงอเวจีรุนแรงขนาดนี้เชียว!? ยอมทำลายโดยที่ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ยอมมอบผลประโยชน์ให้ข้าเหรอ! ใช้ได้นี่หว่า! ห้วงอเวจี! เดี๋ยวเราได้เห็นดีกัน!”
ลู่เซิ่งเกิดโทสะ คิดว่าไม่ช้าก็เร็วต้องกลืนกินห้วงอเวจีให้ได้ พร้อมกับกระตุ้นความสามารถของร่างหลักเพื่อซ่อมแซมอวัยวะโครงสร้างของร่างกายนี้ไปด้วย
เหยื่อที่เขาเตรียมตัวนับหลายชั่วโมงลำบากลำบนตลบตะแลงกว่าจะอัญเชิญออกมาได้ ยังไม่ทันได้เข้าปากก็ถูกแย่งตัดหน้าไปเช่นนี้
หากเขาไม่โมโหก็ไม่ใช่คนแล้ว
……………………………………….