ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 729 เทพ (1)
บทที่ 729 เทพ (1)
ด้านในวิหารเซ่นสรวง
แสงสีแดงอันชั่วร้ายค่อยๆ เข้าแทนที่แสงสีทองอ่อนบนวงแหวนเวทเซ่นสรวง
บาทหลวงบัดดี้ปลดปล่อยแสงสีทองเจิดจ้าแยงตาออกมาจากทั่วร่าง สองตากลายเป็นสีทองโดยสมบูรณ์ อักขระสีทองเข้มกลุ่มหนึ่งประกอบกันเป็นวงแหวน ก่อนจะหมุนวนอย่างรวดเร็วด้านหลังเขา
แสงสีทองเจิดจ้าทั่วร่างเขากำลังต้านทานแสงสีแดงที่กำลังรุกล้ำไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง แสงสีแดงพวกนี้เหมือนกับหนอนไชกระดูก คอยกัดกินพลังเทพของเขาที่เป็นร่างแปลงเทพแห่งการเซ่นสรวงตลอดเวลา
“แกเป็นตัวอะไรกันแน่!” บัดดี้หรือราเอลเทพแห่งการเซ่นสรวงตวาดเสียงเฉียบ
ลู่เซิ่งก้าวขึ้นหน้าก้าวหนึ่ง สองมือยังคงจับสองแขนของอีกฝ่ายไว้แน่น แสงสีแดงจำนวนมากแผ่ขยายไปยังฝั่งตรงข้ามด้วยความเร็วสูงตามเส้นสายนี้
“ข้าเป็นแค่ผู้ขอความช่วยเหลือที่ไร้เดียงสาเท่านั้น…” เขายิ้มอย่างแปลกพิกล “ข้าเซ่นสรวงสมบัติให้ไปแล้ว…แกเป็นเทพแห่งการเซ่นสรวง ในเมื่อมีคนถวายสมบัติให้ แกก็ควรจะตอบสนองความปรารถนาของอีกฝ่ายอย่างสมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ”
“สาวกนอกรีต! ปีศาจ!” เทพแห่งการเซ่นสรวงราเอลตวาด พร้อมกับระเบิดแสงสีทองที่เหมือนเข็มออกมาจากทั่วร่าง
“ค้อนแห่งการลงทัณฑ์!” เงาคนสีทองสูงใหญ่สายหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหลังเขาอย่างฉับพลัน
นั่นคืออมนุษย์กระทิงที่มีร่างเป็นคนหัวเป็นวัวกระทิงสีทองที่ถือค้อนขนาดยักษ์
ร่างกายมหึมาที่สูงเกือบห้าเมตรกว่าๆ ของมันสลักอักขระเสริมพลังกับสัญลักษณ์ลึกลับไว้มากมายหลายชนิด กลางหน้าผากยังมีสัญลักษณ์เทพอันเป็นตัวแทนพลังเทพของเทพแห่งการเซ่นสรวงอยู่ด้วย
ราเอลเป็นจอมเวทระดับตำนานขั้นสูงสุดที่มีความพิเศษคนหนึ่งก่อนจะก่อตั้งอาณาจักรเทพได้ อมนุษย์กระทิงตัวนี้เป็นราชาแห่งชนเผ่าอมนุษย์กระทิงที่เขาเคยสังหารมาก่อน แล้วถูกเขาประกอบศพกับวิญญาณเข้าด้วยกันเพื่อทำเป็นหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง
หลังกลายเป็นเทพแล้ว ราเอลก็ได้ทำให้ไพ่ตายของตนกลายเป็นอาวุธสงครามน่ากลัวที่เทียบได้กับระดับศักดิ์สิทธิ์
ในเวลานี้ ตอนที่อีกฝ่ายใช้ความสามารถปริศนาสะกดร่างแปลงของตัวเองไว้ ไพ่ตายนี้จึงมีประโยชน์แล้ว
ตูม!
อมนุษย์กระทิงเจ้าของร่างขนาดมหึมาชูค้อนศึกขึ้นสูงแล้วฟาดใส่ลู่เซิ่งอย่างรุนแรง
สัญลักษณ์อันแข็งแกร่งที่เป็นตัวแทนพละกำลังและพลังทำลายกะพริบบนค้อนศึกสีทอง ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสัญลักษณ์เทพ พลังเทพกลายเป็นพลังระเบิดทางกายภาพอย่างรวดเร็ว
ด้วยพละกำลังอันบริสุทธิ์และความเร็วที่เหนือชั้นเกินกว่าสายตาจะมองเห็นได้ ชั่วเวลานั้นเข้ามาสัมผัสหน้าผากลู่เซิ่งในทันที
พรูด!
แสงประกายวิญญาณเวทมนตร์อันแข็งแกร่งหลายชั้นบนร่างของลู่เซิ่งถูกเจาะทะลวง หนึ่งชั้น สองชั้น สามชั้น สิบชั้น ยี่สิบชั้น สามสิบชั้น…
หลังจากทะลวงประกายวิญญาณป้องกันชั้นที่เจ็ดสิบกว่า ในที่สุดค้อนศึกก็หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
“พลังเทพหรือ!” ราเอลหน้าซีด น่าจะสัมผัสได้แล้วว่าประกายวิญญาณที่ลู่เซิ่งกางออกบนร่างอยู่เหนือกว่าขอบเขตพลังงานทั่วไปมาก แม้แต่พลังงานเหนือธรรมชาติก็ยังไม่อาจบรรยายความแข็งแกร่งของพลังงานชนิดนี้ได้ด้วยซ้ำ
มีแต่พลังเทพ พลังเทพที่ไปถึงต้นกำเนิดอันเป็นแก่นสารเท่านั้นถึงจะเทียบเคียงกับระดับของพลังงานชนิดนี้ได้
ลู่เซิ่งโคจรปราณปฐพีที่แข็งแกร่งร้ายกาจทั่วร่าง นี่คือการเพิ่มพลังอันน่ากลัวจากวิชาพันเทวะ ถ้าใช้แค่ระดับจากร่างมังกรสีรุ้งอย่างเดียว ย่อมไม่อาจเอาชนะเทพที่แท้จริงองค์หนึ่งได้
แต่หากใช้ปราณปฐพีอันเป็นพลังแกนหลักของร่างหลักมาเสริมพลัง ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างออกไป
ปราณปฐพีเป็นพลังงานอันน่ากลัวที่มีเฉพาะในหมู่ผู้เข้มแข็งระดับมายาพิศวง ระดับพลังและความแข็งแกร่งในการหดตัวของมัน อย่าว่าแต่พลังเทพของเทพแห่งการเซ่นสรวงอย่างราเอลเลย ต่อให้เป็นพลังเทพของเทพระดับบนที่แข็งแกร่งบางส่วนก็ไม่แน่ว่าจะเทียบเคียงได้
ต่อให้จะเป็นพลังเทพก็มีการแบ่งระดับเช่นกัน
“ลาก่อน ฝ่าบาทราเอล” มือดำจำนวนมากพลันยื่นออกมาด้านหลังลู่เซิ่ง หัตถ์แห่งเงาอันเป็นเวทมนตร์อันดับที่แปดสิบแปดในมนตราทั้งเก้าสิบเก้าทำงานอย่างสุดกำลัง
ครั้งนี้เป็นการร่ายเวทด้วยพลังทั้งหมด
หัตถ์แห่งเงาขั้นที่หกร้อยเจ็ดสิบแปด ยังมีดัชนีมรณะที่ยกระดับถึงขั้นที่หนึ่งหมื่นเพื่อรับมือกับเทพที่แท้จริง
แคว่ก
ท่ามกลางหัตถ์แห่งเงาจำนวนมาก แสงสายฟ้าสีแดงไหลไปตามเส้นทางที่ไร้กฎเกณฑ์ แล้วพุ่งไปโดนกลางทรวงอกของราเอลอย่างฉับพลัน
ครืนๆ!
แสงสีทองกะพริบ แสงสีทองนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากทั่วร่างของราเอล แล้วกลายเป็นกลีบดอกไม้สีทองมากมาย เงาคนสีทองกึ่งโปร่งแสงหลายสายปรากฏตัวขึ้นรอบๆ นั่นคือนักบุญนับไม่ถ้วนที่เขาเคยรับเข้าสู่อาณาจักรเทพ
พวกเขาเป็นสาวกผู้คลั่งไคล้ในตัวเทพแห่งการเซ่นสรวง หลังจากตายไปแล้วก็ได้รับการดึงตัวเข้าสู่อาณาจักรเทพแห่งการเซ่นสรวงเนื่องจากวิญญาณอันคลั่งไคล้และทักษะสูงส่ง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเทพ
ตอนนี้ร่างแปลงของเทพที่แท้จริงเผชิญกับดัชนีมรณะมากกว่าขั้นหนึ่งหมื่น พบกับห้วงนาทีเป็นตายแล้ว เหล่านักบุญทั้งหมดปรากฏตัวออกมา พุ่งมาถึงข้างกายราเอลผ่านช่องทางอาณาจักรเทพที่ลึกลับ เอาตนเข้ารับดัชนีมรณะที่สามารถคร่าชีวิตได้ทันทีเอาไว้แทน
นักบุญจำนวนมากดับสูญในพริบตาที่โดนดัชนีมรณะ แสงสีแดงแห่งความตายค่อยๆ ริบหรี่ลง
เมื่อเวลาผ่านไป การปรากฏตัวของนักบุญกลับไม่ได้เยอะเท่าตอนเริ่มต้นแล้ว แสงสีแดงอันเป็นตัวแทนความตายค่อยๆ จางลงเช่นกัน
พรึ่บ!
ในที่สุด ดัชนีมรณะก็สลายไปโดยสิ้นเชิง นักบุญผู้เป็นสาวกที่คลั่งไคล้จำนวนหลายร้อยคนที่ราเอลเก็บสะสมมาหลายหมื่นปีเหลือแค่จุดแสงสีแพลตินัมไม่กี่สิบจุดที่วนเวียนรอบตัวเขาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
เวลานี้ความโกรธแค้นและเสียสติของเขาเลยขีดจำกัดไปแล้ว นักบุญที่สะสมอย่างยากลำบากมาหลายปีกลับถูกคนตรงหน้าทำลายทิ้งจนสิ้นในพริบตา
สำหรับเขาที่รักสงบมาโดยตลอด นี่เป็นการหยามหยันที่ยากจะจินตนาการ
คนธรรมดาคนหนึ่ง คนธรรมดาสามัญที่ไม่ใช่อสูรและก็ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์นี่ ถึงกับใช้เวทมนตร์ขั้นสูงที่ผ่านการเพิ่มความแข็งแกร่ง สร้างความเสียหายให้แก่เขาอย่างสาหัสได้!
“จงเซ่นสรวงเถอะ! วิญญาณแห่งโลกา!” เขาอ้าปาก ก้อนโลหะทรงสี่เหลี่ยมที่เรืองแสงสีรุ้งก้อนหนึ่งลอยออกมาจากช่องปาก
ก้อนโลหะละลายกลายเป็นเกราะโลหะของเหลวอย่างรวดเร็ว เข้าปกคลุมทั่วร่างเขา พละกำลังกับการป้องกันที่แข็งแกร่งทะลักไปทั่วตัว เขาดิ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะสลัดหลุดจากหัตถ์แห่งเงาจำนวนมากที่จับตัวเขาเอาไว้ได้
“ตายซะ…!” ราเอลคำรามพร้อมจะลงมือ
ยังไม่รอให้เขาพุ่งเข้าไป แสงสีแดงของดัชนีมรณะสายหนึ่งก็พุ่งมาด้านหน้าอีกหนหนึ่ง
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยน ก่อนจะหมุนตัวหลบ
ซู่…
บนพื้นด้านหลังเขาถูกแสงสีแดงโจมตีใส่ ฉับพลันนั้นพื้นปูหินขนาดใหญ่ซีดจางร้าวแตกละเอียดกลายเป็นผงสีขาวจำนวนมาก
แม้แต่เหล่าชีวิตกระจ้อยร่อยในก้อนหินก็สูญสิ้นไปเพราะการโจมตีนี้เช่นกัน
“ขยายด่านเซ่นสรวง!” ราเอลยื่นมือออกมาโบกสะบัด วงแหวนเซ่นสรวงสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนแขนของเขาอย่างฉับพลัน
“ขอเซ่นสรวงพลังเทพของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับความเร็วและพละกำลังสูงสุด” วาจาศักดิ์สิทธิ์ปรากฏแวบในจิตเทพของเขา
แขนขวาของเขาแผ่วเบาคล่องแคล่วและเต็มไปด้วยกำลังวังชาอย่างไร้สุ้มเสียง
แทบจะเป็นหลายเท่าตัวของตอนที่เขาลงมือเมื่อก่อนหน้า พละกำลังและความเร็วหลายเท่าตัวในระดับศักดิ์สิทธิ์นี่เทียบเท่ากับไปถึงขีดจำกัดที่มิติหลักจะรองรับได้แล้ว
ราเอลเพียงแค่ตวัดมือไปด้านหน้า มิติพลันถูกฉีกออกเป็นรอยกรีดสีดำหลายสาย
กระแสอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนถูกบีบอัดให้ระเบิดออกไปรอบๆ พร้อมกับระเบิดคลื่นเสียงนับไม่ถ้วน ผนังด้านในโบสถ์ค่อยๆ แตกออก แจกันที่ตั้งโชว์และกระจกสีโมเสคต่างระเบิดเป็นผุยผงทันที
มิติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แม้แต่แสงก็เหมือนจะริบหรี่ลงไปด้วยพลังกรงเล็บนี้
กรงเล็บนี้ได้เซ่นสรวงพลังเทพเกือบครึ่งหนึ่งของเขา เขามีพลังเทพอ่อนแอและสาวกแค่ไม่กี่พันคน ด้วยระดับเช่นนี้ เพียงพอแค่รักษาการลุกไหม้แห่งอัคคีเทพของเขาได้เท่านั้น ไม่อาจจะสั่งสมพลังเทพได้มากเท่าไหร่
พลังเทพของเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาเก็บหอมรอมริบมาในตอนที่ยังรุ่งเรือง มีทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าหน่วย
แต่ว่าตอนนี้เขาได้เผาไหม้พลังเทพไปสามสิบกว่าหน่วยเพื่อทำลายปีศาจที่สังหารนักบุญจำนวนมากของเขา
พลังเทพที่บ้าคลั่งอัดแน่นในแขนขวาเข้าตะปบใส่ทรวงอกของลู่เซิ่งอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
ทรวงอกของลู่เซิ่งระเบิดกลายเป็นรูเลือดขนาดเท่าหัวคน
พลังที่หลงเหลืออยู่กลายเป็นก้อนผันผวนบิดเบี้ยวขนาดมหึมา ก่อนจะพุ่งทะลวงออกไปด้านหลังลู่เซิ่ง จากนั้นก็กระแทกกำแพงรอบๆ วิหารขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี แล้วหายไปในพริบตาเดียว
“กรงเล็บนี้ไม่เลว” ลู่เซิ่งก้มมองแขนที่แทงเข้าใส่ทรวงอกตัวเองขณะที่ยิ้มเหมือนชื่นชม
“น่าเสียดาย…” ก้อนเวททำลายล้างสีม่วงอมดำจำนวนเหลือคณานับค่อยๆ ปรากฏขึ้นด้านหลังเขา
นี่คือ ก้อนเวททำลายล้างสุดขั้ว เวทโจมตีเป้าหมายเดี่ยวที่แข็งแกร่งที่สุดในระบบเวทคำสาปของเวทมนตร์ขั้นเก้า ทั้งยังเป็นเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่ใช้ยากที่สุดสำหรับเหล่าจอมเวทจำนวนมากที่จะเข้าสู่ขั้นที่สิบแปด
มันไม่ได้ก่อให้เกิดผลตายทันทีเหมือนดัชนีมรณะ หากแต่จะทำลายวิญญาณของสิ่งมีชีวิตผ่านความสามารถที่เหมือนเวทคัดแยก
เทียบกับดัชนีมรณะ ก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วนี้รวดเร็วฉับไวกว่า แถมยังควบคุมได้ดั่งใจนึก สามารถลอยลดคดเคี้ยวได้ตามปรารถนา
ส่วนดัชนีมรณะเหมือนกับปืนใหญ่ ไม่อาจควบคุมได้อย่างละเอียดหลังปล่อยออกมา
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงจุดนี้ ลู่เซิ่งจึงได้พัฒนาก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วเป็นคาถาเทพก้อนเวททำลายล้างสุดขั้ว
หลังจากได้รับการพัฒนาเปลี่ยนแปลง คาถาเทพก็สามารถปลดปล่อยจากทั่วทุกส่วนของเขาได้ตามใจนึกเหมือนดัชนีกระบี่เทพหกชีพจร หนำซ้ำยังปลดปล่อยได้หลายร้อยลูกในครั้งเดียวด้วย
และในยามนี้ด้วยภายใต้สภาพที่มีปราณปฐพีอันยิ่งใหญ่คอยเสริมพลังให้ ลู่เซิ่งร่ายเวทเพียงสองครั้งก็สามารถปล่อยก้อนพลังเวทออกมาลอยอยู่ด้านหลังได้มากกว่าพันลูก
“ไป!”
เขาชี้นิ้ว ทันใดนั้นเหล่าก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วก็พุ่งใส่ราเอลดุจห่าฝน
ทั้งสองอยู่ใกล้กันเกินไป จึงไม่อาจหลบพ้นได้
ราเอลฝืนยกแขนขึ้นกันไว้ด้านหน้า จากนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง
นี่คือเวทมนตร์ขั้นเก้า ต่อให้เป็นเขาก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด กายเทพป้องกันได้แค่เวทมนตร์ขั้นห้า หรือการโจมตีของจอมเวทขั้นสิบเท่านั้น
แต่ถ้าหากมีระดับสูงกว่านั้น เขาย่อมไม่มีทางไม่ได้รับบาดเจ็บ
ตูมๆๆๆ!
ก้อนเวทขนาดเล็กๆ จำนวนมากตกใส่ร่างของราเอล และพากันระเบิดเหมือนกับสายฟ้าฟาด ประกายวิญญาณสีม่วงอมดำที่มีฤทธิ์กัดกร่อนระเบิดบนผิวของเขา
เกราะโลหะบนตัวเขาค่อยๆ ปรากฏรอยแตกร้าวตามวิถีระเบิดของก้อนเวทมนตร์จำนวนมาก
นี่เทียบได้กับจอมเวทขั้นสิบแปดมากกว่าพันคนปลดปล่อยก้อนเวททำลายล้างสุดขั้วใส่เขาพร้อมกัน
ความแข็งแกร่งระดับนี้ อย่าว่าแต่เขา ต่อให้เป็นกายเทพของเทพระดับกลางองค์อื่น ก็มีผลลัพธ์เหมือนกัน
เพียงต้านทานได้แค่หนึ่งในสามส่วน ในที่สุดราเอลก็ทนไม่ไหว เกราะระเบิดเป็นผุยผง เผยให้เห็นกายเทพที่อาบเลือดข้างใน
“ไม่!” อสูรกระทิงร่างสูงใหญ่ด้านหลังก้าวเข้ามาป้องกันเขาไว้ที่ด้านหน้า แต่ป้องกันก้อนเวทมนตร์ได้แค่สิบกว่าลูกเท่านั้น ก็ถูกประกายวิญญาณทำลายล้างสีดำอมเทาละลายสลายไปเป็นควันทันที
ไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้น แม้แต่เครื่องสวมใส่และอาวุธทั้งหมดต่างก็ละลายหายไปท่ามกลางประกายวิญญาณทำลายล้างเช่นกัน
“ไม่!” ราเอลตะโกน
เทพเป็นอมตะ
แก่นสารของเทพคืออัคคีเทพ อัคคีเทพลุกไหม้ด้วยพลังแห่งศรัทธาและวิญญาณของตัวเอง นี่คืออัคคีแห่งชีวิตของเทพ
พูดง่ายๆ ก็คือ พลังแห่งศรัทธาคือเชื้อเพลิง ส่วนวิญญาณของตัวเองคือเชื้อเพลิงสำรอง
การเผาไหม้ของอัคคีเทพก่อให้เกิดพลังเทพ
ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเทพล้วนผลาญพลังเทพ ดังนั้นเพื่อรักษาอัคคีเทพเอาไว้ เหล่าเทพจึงให้ความสำคัญต่อสาวกมากกว่าสิ่งอื่นใด เป็นเพราะว่านี่เป็นพื้นฐานที่ทำให้พวกเขารับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่ตาย
ทว่าในเวลานี้ พลังเทพของราเอลถูกผลาญไปเป็นจำนวนมาก แค่ต้านทานก้อนเวททำลายล้างก็เสียพลังเทพทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ไปจนหมดสิ้นแล้ว
ถึงตอนสุดท้าย หุ่นเชิดด้านหลังเขาก็ถูกหลอมละลายไปด้วยเช่นกัน
อัคคีเทพของเขาไม่อาจมอบพลังเทพให้อีกต่อไป กายเทพจึงเริ่มแตกสลาย
ด้านหน้าลู่เซิ่ง ร่างของราเอลค่อยๆ แตกเป็นรอยร้าวนับไม่ถ้วนเหมือนกับภาชนะกระเบื้อง จนเห็นคริสตัลทรงกลมที่มีหนามแหลมนับไม่ถ้วนงอกอยู่ในร่างของเขาได้ผ่านรอยแตก
คริสตัลก้อนนั้นหมุนช้าๆ แสงรุ้งอ่อนๆ วนเวียนอยู่ด้านในที่แวววาวระยิบระยับ มีเปลวเพลิงสีขาวบริสุทธิ์ลุกไหม้อยู่จุดหนึ่ง
พริบตาที่เห็นคริสตัล ลู่เซิ่งก็เหมือนได้ยินเสียงอธิษฐานและเสียงขับขานบทเพลงของเหล่านักบุญนับไม่ถ้วน ยังมีเสียงวิงวอนอย่างทรมานและการบรรยายอย่างสิ้นหวังของพวกผู้เซ่นสรวงจำนวนเหลือคณานับเช่นกัน
เสียงและภาพจำนวนมากแวบผ่านห้วงสมองของเขาอย่างรวดเร็ว
‘นี่คือคุณสมบัติเทพ!’ เขายินดีเป็นอย่างมาก
เขาได้ทราบจากจอมอสูรที่เป็นบริวารว่า เทพแห่งการเซ่นสรวงเป็นบาทหลวงธรรมดาคนหนึ่งซึ่งหดอาณาจักรของตัวเองจนเล็กลง และซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของมิติหลักผืนนี้มาโดยตลอด
อาณาจักรของราเอลผู้เป็นเทพแห่งการเซ่นสรวงไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นหลังจากหดเล็กลงแล้ว เขาถึงขั้นซ่อนตัวอยู่ในวิหารแห่งนี้มาโดยตลอด และเปลี่ยนส่วนหนึ่งของวิหารให้กลายเป็นอาณาจักรเทพบนดิน
เนื่องจากอาณาจักรเทพของเขาอ่อนแอเกินไป พลังกีดกันของมิติหลักจึงไม่รุนแรงมาก ทำให้เขาปกป้องตัวเองได้
ความจริงเทพจำนวนไม่น้อยต่างทราบถึงการดำรงอยู่ของเขา แต่เพราะมีการปกปักษ์จากอาณาจักรเทพ ตัวราเอลเองจึงแสดงพลังเกือบทั้งหมดออกมาได้
ส่วนเทพองค์อื่นถูกมิติหลักสะกดไว้มากกว่า แม้พลังที่แสดงออกมาได้จะแข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ก็แข็งแกร่งกว่าเขาไม่เท่าไหร่
ดังนั้นจึงย่อมไม่มีใครมาหาเรื่อง
อย่างมากสุดก็มีแต่ระดับตำนานกับระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ทราบความลับนี้บางคนที่ดาหน้าเข้ามาเพราะต้องการผนึกเทพเท่านั้น
ทว่าส่วนใหญ่มาแล้วไม่ได้กลับไป
……………………………………….