ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 73 ท้ารบ (3)
เปรี้ยง!
เงาคนสองสายปะทะกันบนหาดทราย
ลู่เซิ่งใช้สองฝ่ามือแทนดาบ ฟันติดต่อกันใส่สองแขนของกงซุนจางหลาน เสียงปะทะหนักอึ้งดังตูมๆๆ สะท้อนทั่วป่าราวสายฟ้า
ฮ่า!
กงซุนจางหลานถูกกระแทกจนถอยติดต่อกัน บังเกิดโทสะ ตวาดคำหนึ่ง กระตุ้นพลังฝ่ามือเอกาลี้ลับแปดส่วนรวมบนฝ่ามือข้างหนึ่ง ฟาดใส่ขมับลู่เซิ่ง
ฝ่ามือนี้ถ้าฟาดโดน จะทำให้มันสมองลู่เซิ่งกระจายทันที
“แดงฉาน!” ลู่เซิ่งสองฝ่ามือแดงฉาน เส้นเลือดปูดขึ้นบนแขน ลวดลายเลือดสายหนึ่งพุ่งสู่หว่างคิ้ว กลายเป็นตัว 川 กลางหน้าผาก
ฝ่ามือขวาสั่นสะเทือน ผลักเข้าไปเช่นกัน
ผัวะ!
เสียงทึบดังขึ้นอีกรอบ ทั้งสองคนแยกกัน ถอยหลังไปสิบกว่าก้าว
ตั้งแต่ลู่เซิ่งเหยียบน้ำบนหาดตื้นพุ่งเข้ามาถึง จนถึงที่ทั้งสองคนสู้กันสิบกว่ากระบวนท่าไม่แบ่งผลแพ้ชนะ ถึงตอนนี้ผ่านไปแค่สิบกว่าลมหายใจ
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ! สมกับเป็นยอดฝีมือที่หงหมิงจือให้ความสำคัญ ข้าดูถูกเจ้ามากไป!” กงซุนจางหลานยกแขนขวาขึ้นมองแขนเสื้อที่ขาดกระจุย หน้าเขียวแวบหนึ่ง
จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดปานถูกเผาที่ฝ่ามือ นี่เหมือนตอนปะทะกับหงหมิงจือ จนถึงตอนนี้เขาไหนเลยไม่รู้ว่าเป็นหงหมิงจือถ่ายทอดวิชาลมปราณแดงฉานแก่ลู่เซิ่ง
ลู่เซิ่งมองแขนเสื้อที่ขาดวิ่นของตัวเองเช่นกัน ฉีกยิ้ม
“ท่านประมุขกงซุนกลับยิ่งชรายิ่งแข็งแกร่ง ถึงกับป้องกันการลอบจู่โจมของข้าได้ เดิมนึกว่าคงไม่ต้องใช้ดาบ” เขายื่นมือไปกำดาบยาวหลังเอว ค่อยๆ ชักมันออกมา
กงซุนจางหลานหยีตา ทราบว่าศึกนี้ไม่ใช้ไม้ตายก้นหีบไม่ไหว พลังฝ่ามือเอกาลี้ลับบนร่างเขาค่อยๆ เพิ่มถึงจุดสูงสุด สีเขียวกะพริบบนหน้าไม่หยุด นี่เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นตอนพลังฝ่ามือถึงขีดจำกัด
โฮก!
เสียงเสือคำราม ลู่เซิ่งฉีกเสื้อบนตัวออก ดาบออกจากฝัก กลายเป็นประกายเย็นเยียบสายหนึ่งพุ่งใส่กงซุนจางหลาน
…
“แข็งแกร่งมาก…” บนเรือท่องเที่ยว อาไท่จ้องมองคนทั้งสองที่สู้กันบนหาดทรายอย่างตื่นตะลึง “ฝีมือระดับนี้ต้องไม่ใช่ชนชั้นไร้ชื่อ ในจงหยวนนับเป็นระดับคนมีชื่อเสียงได้แล้ว!”
เปียนซู่ในดวงตาไร้ความเมามายโดยสิ้นเชิง เขม้นมองทั้งสองคนที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่บนฝั่ง ดวงตาปรากฏความตื่นตระหนก
“อาไท่ถ้าบิดาของข้ายังอยู่ ท่านว่าจะต่อสู้กับสองคนนี้ได้หรือไม่”
อาไท่เงียบงัน ก่อนส่ายหน้าเบาๆ
“เกรงว่าไม่ได้ นายท่านผู้เฒ่าแม้แข็งแกร่ง แต่ยังห่างจากขอบเขตนี้หนึ่งเท่าตัว”
เปียนซู่ได้ยินไม่พูดอะไรอีก ดวงตาปรากฏการไตร่ตรอง
ตอนนี้เหล่าคุณชายคุณหนูมากมายบนเรือก็พบสภาพผิดปกติ พากันเดินมาดูที่หัวเรือ หลังจากเห็นศึกใหญ่บนชายฝั่ง คนเหล่านี้พลันคึกคักขึ้นมา
“นั่นไม่ใช่ท่านรองประมุขกงซุนหรอกหรือ?!” พลันมีคนหนึ่งร้องขึ้น “ผู้นำอันดับสองแห่งพรรควาฬแดง ท่านรองประมุขกงซุนจางหลาน!?”
พอกล่าวคำพูดนี้ คนอื่นๆ บนเรือก็แตกตื่น มองทั้งสองคนบนหาดทรายสู้กัน คนที่เป็นวรยุทธ์ส่วนหนึ่งมองออกว่า ทั้งสองคนนี้ต่อสู้เป็นตาย ทุ่มเทชีวิต
“ใครจะต่อสู้เป็นตายกับรองประมุขพรรควาฬแดงได้?!” มีคนอุทาน
บารมีของพรรควาฬแดงงอนิ้วนับได้ในแดนเหนือ บางคนที่มีเส้นสายส่วนหนึ่งจะมากจะน้อยก็เคยได้ยินชื่อของพรรคใหญ่อันดับหนึ่งแห่งแดนเหนือมาก่อน
กงซุนจางหลานในฐานะรองประมุขพรรคที่ยิ่งใหญ่ถึงกับทุ่มเททำศึก นี่ไม่อาจไม่สร้างความสงสัยแก่ทุกคน
“พรรควาฬแดงหรือ…” เปียนซู่ได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ ความล้ำลึกในดวงตาเข้มข้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“ท่านอา ท่านว่าถ้าข้ามอบสิ่งของ…”
อาไท่ที่ยืนอยู่ด้านข้างม่านตาหดตัว ไม่ได้พูดอะไร เพียงเงียบเสียง
ซ่า!
หยดน้ำสาดกระเซ็น
ตอนนี้ลู่เซิ่งกับกงซุนจางหลาน สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว ในสถานการณ์ที่พลังยุทธ์ของพวกเขาไม่ต่างกันมาก สิ่งที่ต้องดูเป็นหลักคือกระบวนท่า ประสบการณ์ และไม้ตาย
ลู่เซิ่งเสียเปรียบเรื่องกระบวนท่า ทั้งๆ ที่มีพลังยุทธ์กำลังภายในยิ่งใหญ่สุดขีด แต่โจมตีไม่โดนก็ไร้ประโยชน์ หลายๆ ครั้งถูกกงซุนจางหลานโจมตีใส่ด้านข้าง เดี๋ยวล่อหลอกเดี๋ยวหลบหลีก แก้ไขการจู่โจมของเขาได้อย่างง่ายดาย
แม้วิชาดาบพยัคฆ์ดำเป็นวิชาดาบขอบเขตสำนึกปลอดโปร่ง แต่สุดท้ายกระบวนท่าก็เรียบง่ายเกินไป ไม่ทันไรก็ถูกดูออก คาดเดาได้ง่ายดายยิ่ง
สุดท้ายก็แค่วิชาดาบระดับสาม ลู่เซิ่งฝึกถึงขอบเขตนี้ได้ก็เหี้ยมหาญสุดขีดแล้ว เผชิญกับยอดฝีมือทั่วไปยังใช้ได้ แต่เผชิญหน้ากับกงซุนจางหลานที่ผ่านร้อยศึก ก็ถูกกุมช่องโหว่ได้ง่ายดาย ถ้าไม่ใช่อาศัยวิชาแข็งกร้าวที่มี เพียงโจมตีไม่ตั้งรับ เขาคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่แรก
ใช้วิชาดาบพยัคฆ์ดำฟันดาบยาวใส่อีกฝ่ายซ้ำๆ กันจากแง่มุมที่แตกต่าง ก็ถูกป้องกันไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
กงซุนจางหลานก็อึดอัดมากเช่นกัน พลังยุทธ์ของเขารวมตัวกันที่ฝ่ามือเอกาลี้ลับ แต่ทุกครั้งคิดเข้าสู้ในระยะประชิด ล้วนถูกวิธีต่อสู้ที่อันตรายเหมือนทุ่มเทชีวิตของลู่เซิ่งกดดันกลับมา ไม่อาจไม่ปัดป้องดาบยาวของอีกฝ่ายก่อน
เขาไม่ต้องการชีวิต แต่ตนเองยังอยากรอด!
เคร้ง!
กงซุนจางหลานใช้สองฝ่ามือติดต่อกัน กระแทกเบี่ยงคมดาบที่ฟันใส่คอของตน ร่างกายพุ่งไปด้านหน้า
“ประตูเป็นตาย!” พลังฝ่ามือเอกาลี้ลับคลายลงเบาๆ ตอนใช้เหมือนหนัก ความจริงเป็นฝ่ามือที่เบาหวิว
กระบวนท่านี้เป็นการรวบรวมพลังยุทธ์ทั้งหมดของกงซุนจางหลานในฝ่ามือเอกาลี้ลับ เปลือกนอกเบา แต่ถ้าดูถูก พริบตาเดียวก็สามารถระเบิดพลังฝ่ามือขอบเขตสูงสุดที่เป็นแก่นแท้ที่สุดของฝ่ามือเอกาลี้ลับได้
ดาบยาวของลู่เซิ่งถูกกระแทกเอียงไป เขาใช้ไปหลายสิบกระบวนท่าแต่ก็ไร้ผล จึงโมโหมากเช่นกัน ตอนนี้เห็นฝ่ามืออีกฝ่ายฟาดมาอย่างเบาหวิว ถึงกับมีความคิดจะใช้อ่อนปะทะแข็งกับตัวเอง ก็พลันลิงโลด วิชาลมปราณแดงฉานปรับปราณแดงฉานทั่วร่างจนซัดสาดไม่หยุด กระแทกฝ่ามือเข้าไปอย่างคลุ้มคลั่ง กระตุ้นพลังฝ่ามือทำลายถึงขีดสูงสุดเช่นกัน
โครม!
สองฝ่ามือปะทะกันในพริบตา ลู่เซิ่งรู้สึกว่าพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายว่างเปล่าล่องลอย เหมือนกับกระแทกใส่ฝ้ายกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็เป็นกำลังภายในมหาศาลเหมือนกับน้ำไหลหลากทะลักออกมา กำลังภายในนี้ต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เหมือนกับลูกตุ้มใหญ่แข็งแกร่งสุดเปรียบปานกระแทกใส่ใจกลางฝ่ามือของเขาอย่างรุนแรง
“เอกาลี้ลับ อนัตตา!” กงซุนจางหลานเบิกสองตา ทั่วร่างสั่นสะเทือน กำลังภายในหลายสิบปีซัดออกใส่ฝ่ามือของอีกฝ่ายเหมือนกับน้ำป่าไหลหลาก ทั้งหมดรวมตัวบนฝ่ามือเดียวที่ใช้ออก
“ฮ่าๆๆ! ดูว่าผู้ใดจะตายก่อน!” ลู่เซิ่งประเมินพลังฝ่ามือของอีกฝ่ายผิด กำลังภายในของตนโดนความว่างเปล่า ถูกพลังฝ่ามืออันมหาศาลเหมือนผลักเขาถมทะเลกระแทกใส่กลางฝ่ามือ ทั้งๆ ที่เป็นความผิดพลาดกลับหัวเราะลั่น วิชาลมปราณแดงฉานโคจรต้านทานด้วยความบ้าคลั่ง
“หยินหยางกระเรียนหยก! ตายซะ!” เขาตะโกน ปล่อยดาบยาว กระแทกหนึ่งฝ่ามือออกไปเหมือนกัน ฟาดใส่ด้านข้างลำตัวของกงซุนจางหลาน
ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ใช้ไพ่ตาย วิชาหยินหยางกระเรียนหยกเคลื่อนปราณสุดกำลัง
ตูม!
ทั้งสองคนโดนกระบวนท่าพร้อมกัน
ลู่เซิ่งถอยหลังไปหนึ่งก้าว หน้าเป็นสีแดงแวบหนึ่ง แสดงว่าได้รับบาดเจ็บภายใน
กงซุนจางหลานเดินเซไปสิบกว่าก้าว เลือดออกมาจากมุมปาก แขนขวาห้อยต่องแต่ง แสดงว่าหักแล้ว
“พลังฝ่ามืออันยอดเยี่ยม!” ต่อให้เป็นคู่ต่อสู้ เขาก็อดชมเชยไม่ได้ ลูบแขนขวาที่หัก ถอนใจคำหนึ่ง
“น่าเสียดาย…”
ฟิ้ว!
พริบตานั้นเขายกแขนซ้ายขึ้นปล่อยแสงสีดำสายหนึ่งออกมา กลับเป็นลูกดอกสีดำอันหนึ่ง หลังลูกดอกเชื่อมต่อกับโซ่สีดำเส้นหนึ่ง
“หอกผนึกวิญญาณ!” ประมุขพรรคผู้เฒ่าที่ชมการต่อสู้ห่างออกไปอดส่งเสียงร้องไม่ได้ “เขาถึงกับฝึกวิชานอกรีตนี้!”
“หอกผนึกวิญญาณห่วงสัมพันธ์… วิชานอกรีตระดับสูงสุดที่ต้องดื่มเลือดคนจึงจะฝึกสำเร็จ กงซุนจางหลานตอนนั้นไม่ใช่บอกว่ากำจัดวิชานี้ไปแล้วหรอกหรือ?!” เฒ่าหวังตกใจระคนโมโห
“เมื่อใช้หอกผนึกวิญญาณ ศึกนี้ก็ต้องหยุด! นี่ไม่ใช่การตัดสินที่ยุติธรรมอีกแล้ว!” หงหมิงจือพูดจบ สีหน้าเคร่งขรึม คิดจะกระโดดขึ้นฝั่ง
“ท่านประมุขคิดสอดมือในการตัดสินเป็นตายหรือ” บนฝั่งที่อยู่ตรงข้ามกับแพไม้ไผ่ ฟางจือต้งยืนเอามือไพล่หลัง มองพวกหงหมิงจืออย่างสงบ
“นี่ไม่ใช่ความประพฤติของผู้อาวุโส ไม่ว่าวิถีเที่ยงแท้ วิถีนอกรีต คิดจะเอาตัวรอดในกลียุคนี้ พลังจึงเป็นหนึ่งเดียว ท่านประมุขถึงตอนนี้ยังมองไม่ออกหรือ”
ฟางจือต้งเป็นบุรุษรูปงามเสน่ห์ล้นเหลือ ตาหงส์ เคราแพะ รูปร่างผอม ใบหน้ามีบุคลิกคนมีชื่อเสียง มองไปไม่เหมือนยอดฝีมือในยุทธจักร เหมือนกับนักศึกษาที่มีทักษะเขียนพู่กันมากกว่า
แต่หงหมิงจือทราบอย่างชัดเจนว่ากระบวนท่ากำเนิดสี่ขั้วของฟางจือต้งมีอานุภาพไม่ธรรมดา ด้วยพลังของเขาอย่างน้อยหลังร้อยกระบวนท่าค่อยสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ถ้าเขาหนุ่มยังพอว่า เอาชนะคนผู้นี้ได้ในยี่สิบกระบวนท่า ตอนนี้ชราร่วงโรย สุดท้ายก็สู้ช่วงรุ่งโรจน์ไม่ได้
“ฟางจือต้งเจ้าจะขวางข้าจริงๆ หรือ” หงหมิงจือเอ่ยเสียงทุ้ม
“ท่านประมุขเหตุใดพูดแบบนี้ ผู้แซ่ฟางเพียงมาเป็นพยาน รักษาความยุติธรรมในการต่อสู้เท่านั้น” ฟางจือต้งยิ้มกล่าว มองสถานการณ์ต่อสู้ด้านข้าง
หอกผนึกวิญญาณส่งเสียงหวีดหวิวแหลมคมด้วยมือของกงซุนจางหลาน อานุภาพร้ายกาจกว่าตอนเขาใช้ฝ่ามือเอกาลี้ลับ
ลู่เซิ่งหลบติดต่อกัน เขาไม่มีประสบการณ์เผชิญอาวุธประหลาดแบบนี้ จึงถูกกดดันจนรอบข้างเกิดอันตรายไปชั่วขณะ
สวบ!
ระหว่างที่ถอยเขาเก็บดาบยาวที่ปักอยู่บนพื้นขึ้นมา
เคร้งๆๆ!
เสียงปะทะติดต่อกัน หอกผนึกวิญญาณโจมตีใส่ตัวดาบอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับแส้ยาวสีดำหลายเส้น หนักถึงขีดสุด
ลู่เซิ่งไม่ทันระวัง ถูกฟันใส่ลำตัว จึงถอยไปหลายก้าว เอวถูกฟันเป็นแผล หอกผนึกวิญญาณมีระยะค่อนข้างไกล อานุภาพก็มากมาย เขาไม่อาจเข้าใกล้ได้
มองแผลที่ข้างเอวของตัวเอง ถึงแม้จะมีวิชาแข็งกร้าวติดตัว แต่ยังคงถูกฟันเป็นแผลขนาดเท่าฝ่ามือ เลือดค่อยๆ ไหลออกมา ไม่ทันไรก็ย้อมเสื้อเป็นสีแดง
แต่ว่าเพียงแค่นี้ วิชาหยินหยางกระเรียนหยกก็ปิดแผลและห้ามเลือดได้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่า!”
รู้สึกถึงความคันจากหว่างเอว ถึงแม้ถูกวิชาหยินหยางกระเรียนหยกสะกดไว้ แต่ก็ทำให้สายตาของลู่เซิ่งเปลี่ยนไป
“ไม่เลวนี่ ถึงกับเป็นวิชาพิษ…”
กงซุนจางหลานไม่ฉวยโอกาสโจมตีลู่เซิ่ง ตอนนี้หน้าผากมีเหงื่อซึม สู้หลายสิบกระบวนท่าสุดกำลังติดต่อกัน ทุกกระบวนท่าต้องใช้พลังทั้งหมด ต่อให้เป็นกำลังภายในที่สั่งสมมาหลายสิบปีก็ทนทานต่อการใช้แบบนี้ไม่ได้ เพียงสิบกว่าลมหายใจก็ใช้กำลังภายในไปเจ็ดแปดส่วน จำเป็นต้องใช้เวลาฟื้นปราณแล้ว
“ต่อให้ตอนนี้เจ้าร้องขอชีวิตก็สายไปแล้ว” เขาพ่นลมหายใจเบาๆ “คนที่โดนหอกสะกดวิญญาณของข้า พลังซึมผ่านผิว ในหนึ่งชั่วยามเส้นเลือดจะถูกอุด ไหลตามเส้นลมปราณหัวใจเข้าสู่หัวใจ กระแสเลือดจะหยุดไหลและตาย”
“จริงหรือ” ลู่เซิ่งยกดาบยืนขึ้น ค่อยๆ เดินเข้าหากงซุนจางหลาน
บาดแผลที่เอวของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นี่ทำให้ม่านตาของกงซุนจางหลานที่มองอยู่หดตัว
“ท่าน…” เขากำลังจะพูด กลับเห็นร่างลู่เซิ่งขยายอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดปูดขึ้นบนตัวที่เปลือยเปล่าของเขา กล้ามเนื้อหดตัว คนเหมือนขยายขึ้นเท่าหนึ่ง สีเลือดกลางหว่างคิ้วของเขายิ่งมายิ่งเข้มขึ้น
“หลังจากข้าสร้างกระบวนท่านี้ เพิ่งใช้กับคนเป็นครั้งแรก” ลู่เซิ่งยิ่งเดินยิ่งเข้าใกล้ ลมปราณกำลังภายในที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสองสายพองขยายอยู่บนร่าง
“อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน..”
“อะไรกัน…!” กงซุนจางหลานเพิ่งคิดจะกล่าววาจาก็ตื่นตระหนก เห็นลู่เซิ่งโถมตัวเข้ามา เร็วกว่าก่อนหน้าไม่ต่ำกว่าหนึ่งเท่า
พลังงานมหาศาลจากคมดาบระเบิดออกมา ทำให้เกิดเสียงอากาศแตกที่แสบแก้วหู
ดาบนี้ของลู่เซิ่งเทียบกับกระบวนท่าดาบทั้งหมดก่อนหน้านี้ แข็งแกร่งจนแทบไม่เหมือนคนเดียวใช้ออกมาได้
กงซุนจางหลานเพียงรู้สึกหนังตาเจ็บปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง คมดาบเร็วเกินไป ทำให้ดวงตาเขามีแค่เงาหลงเหลืออยู่สายหนึ่ง
ไม่ทันคิด เขายกหอกขึ้นป้องกันด้านหน้าตัวเองโดยสัญชาตญาณ คมหอกสะบัดเป็นลายหอกมากมาย
ตูม!
ดาบหอกปะทะกัน ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เสียงปะทะกันของโลหะ หากเป็นเสียงระเบิดอันรุนแรงของกำลังภายใน
………………………………………….