ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 736 ปฏิรูป (2)
“เจ้าแน่ใจหรือ”
“แน่นอน”
ทีอากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย มังกรทองสักการะบูชาเทพมังกรไอก้า ได้ชื่อว่าเป็นลูกหลานของเทพมังกร จะมาอยู่กับมังกรสีรุ้งได้อย่างไร
นอกจากนี้นิกายแสงสว่างยังเป็นขุมกำลังที่ใหญ่ที่สุดของเทพองค์หลักแห่งแสงสว่าง ต่อให้ลู่เซิ่งจะมีพรสวรรค์ร้ายกาจอย่างไร ก็ไม่น่าจะไปข้องเกี่ยวได้สิ
แต่ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของลู่เซิ่ง กอปรกับข่ายอาคมที่เขากางออกได้ตัดขาดการไล่ล่าจากคลื่นพลังของซาดีนไปจริงๆ
อย่างน้อยตอนพวกเขาใช้เวทมนตร์สายพยากรณ์ ก็สัมผัสความรู้สึกราวกับไร้ที่ซ่อนแสนแปลกประหลาดเช่นก่อนหน้านี้ไม่ได้อีกต่อไป
ในที่สุดมังกรสีรุ้งที่เหน็ดเหนื่อยก็มีโอกาสได้พักผ่อนดีๆ สักที
ลู่เซิ่งพาพวกเขาไปพักผ่อนในหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ และใช้ม้วนเวทมนตร์แดนศักดิ์สิทธิ์ม้วนหนึ่งปกปิดร่องรอยให้พวกเขา
ส่วนตัวเองก็กลับคฤหาสน์
“ท่านเก็บสัมภาระทำไมกัน” โจอันนาที่ออกกำลังยืดเหยียดร่างกายอยู่ในห้องก็พุ่งเข้ามา แล้วเห็นลู่เซิ่งกำลังเก็บเสื้อผ้าและของเล่นชิ้นเล็กๆ ของตัวเองพอดี
“มีธุระกะทันหัน เตรียมจะกลับแล้ว” ลู่เซิ่งตอบโดยไม่หันหลังกลับไปมอง
ตั้งแต่เขากลับมาเก็บของ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที แต่นางหนูนี่กลับสัมผัสได้ทันที…
พอนึกถึงตรงนี้ การเคลื่อนไหวของเขาก็ค่อยๆ หยุดลง สายตามองโจอันนา
“มอง…มองอะไรน่ะ! ถ้าท่านไปข้าจะทำอย่างไร” โจวอันนาทึ้งผมยาวด้วยใบหน้าร้อนใจ
อุตส่าห์เจอเศรษฐีที่ร่วมกินร่วมดื่มได้อย่างเต็มที่ทั้งที ตอนนี้เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน เขากลับจะไปแล้วหรือ…
“ไม่อย่างนั้นเจ้าก็ไปกับข้าสิ” ลู่เซิ่งเสนอ “อย่างไรเจ้าก็ไม่มีพ่อมีแม่ เป็นแค่เด็กกำพร้า แค่มีที่ให้กินอิ่มมีเสื้อผ้าให้ใส่ก็พอนี่” เขารู้สึกว่าถ้าใช้ความสามารถดีๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์อย่างใหญ่หลวง
“หา” โจอันนาหน้าซีด ร่างกายที่สั่นเทาก้าวถอยหลังกลายก้าว “ท่าน…! ท่าน…ท่านรู้ได้อย่างไร!?”
“เจ้าขโมยของไปตั้งเยอะ แถมยังแอบกินข้าวคนอื่น แม้แต่เดรสบนตัวเจ้ายังเย็บชื่อผู้หญิงคนอื่นติดไว้อีก...”
“เดี๋ยวก่อน!” โจอันนายิ่งฟังหน้ายิ่งถอดสี เดิมทีนางนึกว่าตัวเองทำเรื่องพวกนี้ได้แนบเนียนแล้วเชียว…
นึกไม่ถึงว่า…
“พอได้แล้ว ตกลงจะไปกับข้าไหม” ลู่เซิ่งเก็บเสื้อผ้าและของใช้ติดตัวเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันไปมองนาง
“ท่าน…ไม่ใช่ว่าท่านถูกใจข้าหรอกนะ” โจอันนางุนงง จากนั้นก็ถอยหลังสองก้าวอย่างหวาดหวั่นอยู่บ้าง
“แค่เห็นความสามารถด้านการรับรู้ของเจ้าไม่เลวเท่านั้น ไม่อยากไปก็แล้วแต่เจ้าเถอะ ข้าไปล่ะ” ลู่เซิ่งยกกระเป๋าใบเล็กที่ใช้เก็บของขึ้น แล้วสาวเท้าผ่านข้างๆ นางไป ก่อนเดินเดินตึกๆ ลงบันไดไป
โจอันนาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยินยอม
“รอก่อน! รอข้าก่อน!” นางรีบติดตามไปทันที
ยูน่าอุ้มกล่องใส่ขนมกินเล่นตอนกลางคืนเดินขึ้นบันไดมา เห็นทั้งสองคนลงมาด้วยกัน ยังไม่ทันรู้ตัว นางก็ถูกโจอันนาคว้ามือไว้แล้ว
“เจ้าหมอนั่นจะไปแล้ว เลิกกินก่อน รีบตามเขาไปกับข้าเร็ว!”
ปกติโจอันนาจะฝึกกำลังขาเพื่อใช้ขโมยของ ไม่เพียงมีสองขาที่งดงามสมส่วนเท่านั้น ยังมีพละกำลังอันแข็งแกร่งที่ผู้หญิงทั่วไปสู้ไม่ได้อีกด้วย
นางลากยูน่ารีบตามลู่เซิ่งไป
หลังจากทั้งสามบอกกล่าวกับโยย่าแล้ว ก็ออกจากคฤหาสน์ไปอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกมีรถม้าสีเงินที่กว้างขวางรออยู่นานแล้ว
สารถีเป็นชายชราหัวล้านที่ไว้หนวดจิ๋มคนหนึ่ง เขาถอดหมวกแสดงความเคารพต่อลู่เซิ่งขณะนั่งบนที่นั่ง
“นายท่าน ขอแสดงความเคารพ”
“กลับเมืองแสงอรุณ” ลู่เซิ่งดึงประตูรถแล้วก้าวเข้าไป โจอันนาโดดตามขึ้นไปอย่างไม่เกรงใจ ทั้งยังไม่ลืมลากยูน่าที่กำลังอึ้งอยู่ขึ้นมาด้วย
ประตูรถปิดลงช้าๆ
คนส่วนหนึ่งในคฤหาสน์ตื่นตัว เดินออกมามองดูรถม้าสีเงินคันนี้อย่างงุนงง
รถม้าไม่นับว่าหรูหรา มีลักษณะธรรมดา ทั้งยังไม่ได้ติดตราสัญลักษณ์ของตระกูลใดไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นรถม้าที่ใช้สำหรับค้าขายทั่วไป
คนในคฤหาสน์กวาดตามองสองสามครั้งก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก แยกย้ายไปทำเรื่องบนเตียงกันต่อ
ด้านในรถม้า
ลู่เซิ่งอ่านสมุดเล่มบางในมือที่เพิ่งหยิบออกมา บนหน้ากระดาษบันทึกสัญลักษณ์และลวดลายไม่เป็นระเบียบเอาไว้มากมาย
คนอื่นๆ ไม่มีทางอ่านเข้าใจ
นี่เป็นตัวหนังสือเข้ารหัสที่มีเฉพาะในเงามาร ทั้งหมดเป็นตัวหนังสือเข้ารหัสที่ลู่เซิ่งสร้างขึ้นด้วยการใช้ดาบ หากไม่มีตารางจับคู่ที่ใช้แปลรหัสย้อนกลับ ก็ไม่มีใครทราบเนื้อหา
โจอันนามองอยู่สักพักก็เบื่อหน่าย จึงดึงศีรษะกลับไปมองทิวทัศน์น่าเบื่อด้านนอกหน้าต่างรถกับยูน่า
เมื่อครู่รีบร้อนตามขึ้นมา แต่หลังจากขึ้นรถค่อยรู้ตัวว่า ในรถมีแต่ลู่เซิ่งที่เป็นผู้ชายคนเดียว ถ้าเขาเกิดอารมณ์ชั่ววูบ เกรงว่าตนกับยูน่าคงหนีไม่พ้นเงื้อมมือมารแล้ว
ตอนนี้พอรู้สึกตัว โจอันนาก็เสียใจเล็กน้อย แม้ดูเหมือนลู่เซิ่งจะไม่สนใจนาง แต่อย่างไรก็เป็นผู้ชาย ใครจะรู้ว่าเขาจะมีอารมณ์ขึ้นมาตอนไหน
“พวกเราจะไปไหนหรือคะ กลับเมืองแสงอรุณหรือ” ยูน่าขดตัวเข้าใกล้โจอันนาอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย หมายจะหาความรู้สึกปลอดภัย
“อืม กลับเมืองแสงอรุณ” ลู่เซิ่งพยักหน้าแล้วช้อนตาขึ้นมองสองคนนี้
“ข้ากลับไปเพราะมีธุระนิดหน่อย เจ้าตามมาด้วยทำไม” เขามองยูน่าอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ข้า…ข้า…” ยูน่างงงัน จากนั้นสีหน้าก็แดงซ่าน ก้มหน้าทำท่าลำบากใจสุดบรรยาย
“ช่างเถอะ อย่างไรรถก็คันใหญ่ พวกเจ้าทำตัวตามสบาย” ลู่เซิ่งไม่ใส่ใจ โจอันนาเป็นคนที่เขาพามา ส่วนยูนาถือว่าให้ติดรถฟรีๆ ก็แล้วกัน อย่างไรต่อจากนี้อาจไม่ได้ไปข้องเกี่ยวกับคนธรรมดาแล้ว
“นี่ เป็นเพราะคำพูดที่ข้าพูดกับท่านก่อนหน้าใช่ไหมที่ทำให้ท่านตัดสินใจกลับเมืองแสงอรุณทันที” โจอันนาเขยิบเข้ามาถามเบาๆ
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า มีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยที่ต้องกลับไปจัดการ” ลู่เซิ่งตอบอย่างขอไปที
“เรื่องส่วนตัวหรือ หมายความว่าเป็นเพราะคำพูดที่ข้าพูดกับท่านทำให้ท่านรู้แจ้งสินะ” โจอันนาดวงตากลอกกลิ้ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จะว่างั้นก็ได้” ลู่เซิ่งพยักหน้า ไม่ทราบว่านางคิดทำอะไรกันแน่
“ดูสิ ในเมื่อข้าช่วยท่านขนาดนี้ หรือท่านไม่คิดจะตอบแทนอะไรข้าสักหน่อยเลย” เสียงของโจอันนาออดอ้อนขึ้นมา
“ตอบแทนอะไร” ลู่เซิ่งงงงวย เขาไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อน
“ช่วงนี้เงินขาดมือไปหน่อย เรื่องนี้…” โจอันนาแบมือเล็กแล้วถูนิ้วเข้าด้วยกัน “ขอยืมเงินมาใช้สักหน่อยสิ เดี๋ยวไว้คืนให้ท่าน”
โครม
ลู่เซิ่งโยนทองสิบกว่าแท่งออกมา ถุงที่บรรจุทองหล่นโครมบนพื้นส่งเสียงกระแทกทึบหนัก
ในยุคสมัยที่ทองคำแท่งเดียวมากพอจะทำให้ครอบครัวสามชีวิตใช้ชีวิตอย่างสุขสบายได้ครึ่งเดือน ทองหลายสิบแท่งนี้เทียบเท่ากับรายได้รวมตลอดทั้งปีของครอบครัวหลายครอบครัวแล้ว
โจอันนาผิวปากก่อนจะรีบเก็บ
…
มังกรสีรุ้งหายตัวไปแล้ว
นอกจากราชินีมังกรเออร์นีที่พ่ายแพ้แก่ซาดีนผู้เป็นกึ่งเทพและตกตายในห้วงอเวจีแล้ว มังกรสีรุ้งที่เหลือกลับหายตัวไปในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน
กึ่งเทพซาดีนกับมังกรแดงควานหาไปทั่ว แต่ก็ไม่เจอร่องรอยแม้แต่น้อย
ทว่ามังกรสีรุ้งที่ขาดราชินีมังกรไม่ได้น่ากลัว เมื่อไม่มีผู้นำ ไม่มีเทพมังกรคอยคุ้มครอง มังกรสีรุ้งก็ได้กลายเป็นผู้ลี้ภัยบนมิติหลักไปแล้ว
ตอนแรกเผ่าพันธุ์ทั้งหลายเริ่มจะมองข้ามข่าวนี้ไปแล้ว เผ่าพันธุ์พิเศษที่อย่างมากสุดก็ได้แต่ไปถึงระดับตำนานอย่างมังกรสีรุ้ง จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีความสำคัญอะไรอยู่ดี
แต่ข่าวหนึ่งที่ไม่ทราบโผล่มาจากไหนทำให้มังกรสีรุ้งได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายอีกครั้ง
ใจความของเนื้อหาข่าวก็คือ มังกรสีรุ้งที่เจอความลำบากทรมานมานับไม่ถ้วน ได้ทำให้มังกรสีรุ้งลึกลับนามราชาแห่งประกายรุ้งออกเคลื่อนไหวภายใต้การไล่ล่าของซาดีนและมังกรแดง
ราชาแห่งประกายรุ้งกลายเป็นผู้นำคนใหม่ของมังกรสีรุ้ง พามังกรสีรุ้งทั้งหมดไปซ่อนตัวสำเร็จ
ไม่มีใครทราบว่าราชาแห่งประกายรุ้งอยู่ในระดับใด ไม่มีใครรู้ว่ามันที่โผล่มาอย่างกะทันหันคิดจะทำอะไรเช่นกัน
แต่ในฐานะสมาชิกตัวหนึ่งของมังกรสีรุ้ง เมื่อพบว่าเผ่าของตัวเองตกต่ำลงถึงขั้นนี้ คนส่วนใหญ่คิดว่าบางทีราชาแห่งประกายรุ้งอาจคิดหาวิธีแก้แค้น ส่วนคนส่วนน้อยคิดว่า บางทีมังกรสีรุ้งอาจจะซ่อนตัวตลอดกาล ไม่ปรากฏตัวขึ้นอีก
ทุกคนถกเถียงกันไปต่างๆ นานา หลายเดือนต่อมา มังกรสีรุ้งก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลายสายตาของชนชาวโลกอีกครั้ง เช่นเดียวกับสงครามแห่งแสงสว่างกับเงาที่ใกล้จะถึงช่วงชี้ขาดแล้วเช่นกัน
…
ณ ทะเลตะวันตก
บนท้องทะเลสีฟ้าครามที่มีลูกคลื่นกระจายตัวอยู่ มังกรสีรุ้งตัวหนึ่งกระพือปีกบินร่อนไปยังเกาะเกล็ดอันเป็นสถานที่ที่กึ่งเทพซาดีนใช้พักอาศัย
ลู่เซิ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนศีรษะของทีอา พลางก้มมองทะเลสีครามที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาด้านล่าง
“ยืนยันแล้วว่าซาดีนได้นำร่างจริงออกไปแล้ว” ทีอาตอบเบาๆ “ลู่เซิ่ง เจ้าคิดจะทำอย่างไร”
การพักรักษาตัวในหลายวันมานี้ได้ทำให้ทีอาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บสาหัสสำเร็จ แม้แต่ขาหน้าที่ขาดไป ก็ใช้โลหะกับขนมาทำเป็นขาปลอมสามารถใช้ประคองน้ำหนักร่างกายได้ตามปกติ
“ที่นี่น่าจะมีเกาะแห่งหนึ่งไม่ใช่หรือ” ลู่เซิ่งมองแผนที่ทะเลบนมือพร้อมกับเอ่ยถาม
“ซ่อนอยู่ใต้วงแหวนเวทแล้วน่ะสิ อย่างไรก็เป็นรังของซาดีน ความสามารถป้องกันเลยรัดกุมอย่างยิ่ง” ทีอาตอบ “ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้แล้วหรือยังว่าเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”
ถ้าไม่ใช่นางขอร้องอย่างเอาจริงเอาจัง เกรงว่าลู่เซิ่งคงบินมาจัดการคนเดียวไปแล้ว
แม้จะรู้ว่าลู่เซิ่งเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ มีพลังแข็งแกร่งกว่าตัวเองมาก แต่ทีอาก็ยังคงไม่วางใจ เลยติดตามมาด้วย
“แค่ทำการทดลองเล็กๆ แค่นั้น” ลู่เซิ่งกวาดตามองด้านล่าง ไม่นานก็มองทะลุวงแหวนเวทที่พร่ามัวไปเห็นเกาะขนาดมหึมาข้างใต้
เขาค่อยๆ หยิบหลอดทดลองสีเลือดแวววาวใสแจ๋วแท่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เลือดสีแดงชาดที่เรืองแสงไหลอยู่ด้านในครึ่งหลอด
ในเลือดไม่ได้มีแค่เลือด ยังมีเพชรหลายเม็ดขนาดเท่ากรวดลอยอยู่ด้านใน เพชรทุกเม็ดสลักอักขระไว้เต็มไปหมด
หลอดนี้กล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของลู่เซิ่งเท่าที่ประวัติศาสตร์เคยมีมา
“มันคืออะไร” ทีอาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในหลอดแท่งนี้มีของที่น่ากลัวชั่วร้ายถึงขีดสุดบางอย่างซุกซ่อนอยู่
“ความคิดคำนึง” ลู่เซิ่งส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนบนศีรษะมังกร เปิดหลอดทดลองออก ก่อนจะเอียงหลอดลงเบาๆ ขณะหันหาลม
เลือดสีแดงฉานไหลไปตามหลอด จากนั้นก็ไหลลงจากปากหลอด
เลือดสีแดงโปรยปรายกลางลม ลอยกระจายอยู่เหนือเกาะที่ซ่อนเร้นอยู่ด้านล่าง
สิ่งที่พิสดารก็คือ วงแหวนเวทของเกาะไม่อาจขวางการแทรกซึมของเลือดไว้ได้
เลือดจำนวนมากกระตุ้นพลังงานสีแดงชนิดหนึ่งให้รวมตัวด้านบนเกาะ ก่อนจะกลายเป็นวังวนยักษ์สีแดงอ่อน
“หริณพุทธะเอ๋ย…”
เงาสีดำที่ใหญ่โตมโหฬารค่อยๆ ปรากฏกลางวังวน
วังวนสีแดงที่ประหลาดและบิดเบี้ยวเรืองแสงในสองตาของเงาดำ เหมือนกับวังวนขนาดมหึมาที่หมุนวนอยู่กลางอากาศ
“อาจูมา ตอบรับคำเรียกหาของหริณพุทธะ…”
“ออกมาเถอะ จงทำให้ทุกอย่างที่เห็นกลายเป็นสวรรค์ของพวกเรา” ลู่เซิ่งปล่อยมือ หลอดทดลองหมุนตามลมและหล่นลงไป
เปรี้ยง
หลอดทดลองพลันแหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ กลางอากาศ
ลำแสงสีเลือดสายหนึ่งพุ่งลงไปจากกลางวังวนอย่างสะเทือนเลื่อนลั่นพร้อมๆ กัน
ลำแสงที่ใหญ่หลายสิบเมตรตกลงกลางป่าทึบผืนหนึ่งที่อยู่บนเกาะอย่างแม่นยำ
เสือชีตาห์ที่กำลังใช้ขากดกระต่ายป่าตัวหนึ่งมองลำแสงที่อยู่ไม่ไกลออกไปอย่างงุนงง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เปรี้ยง!
ฝ่าเท้าขนาดยักษ์สีขาวข้างหนึ่งก้าวออกมาจากลำแสง
กระต่ายขาวร่างยักษ์สูงราวเจ็ดเมตรกว่าๆ ตัวหนึ่งปรากฏตัวกลางลำแสงสีแดงอย่างช้าๆ
“ข้า…ทัวร์ส ตอบรับคำอัญเชิญของหริณพุทธะ!”
เส้นสายกล้ามเนื้อสีแดงเลือดนูนขึ้นรอบตัวกระต่ายขาว ขนสีดำหย่อมหนึ่งบนอกสะบัดไหวตามลม มือขวาถือค้อนศึกสีดำที่ใหญ่กว่าสามเมตร
พอเห็นเสือชีตาห์ด้านหน้า ทัวร์สก็ฉีกยิ้มเผยเขี้ยวแหลมเต็มปาก
มันพลันจับตัวเสือชีตาห์ที่ตกใจจนตัวแข็งยัดใส่ปากแล้วเคี้ยวทั้งอย่างนั้น
“นานเหลือเกินที่ไม่ได้กินเนื้อสดๆ…”
“ไปเลยเด็กๆ!” จากนั้นมันก็ชี้ค้อนศึกไปด้านหน้า
ฟ้าว!
เหล่ากระต่ายสีเทาขนาดยักษ์ที่เตี้ยกว่าทัวร์สเล็กน้อยถือง่ามเหล็กและดาบโค้งวิ่งล้นทะลักออกมาจากด้านหลังของมัน
กระต่ายนัยน์ตาเรืองแสงสีแดงจำนวนเหลือคณานับ ส่งเสียงหัวเราะดุร้าย พร้อมกับถืออาวุธกระโจนใส่สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนรวมถึงเมืองบนเกาะ
สงครามระหว่างมิติที่แท้จริงได้เริ่มขึ้นแล้ว…
……………………………………….