ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 745 จากไป
ลู่หงเย่ มังกรทองน้อยตัวอ้วน และแนนนี่บินออกจากห้องพร้อมกัน ไม่นานก็หายไปกลางอากาศยามเย็น
จนกระทั่งพวกเขาหายลับไป ลู่เซิ่งจึงค่อยเดินออกมาจากห้องสมุด
เขามองดูทิศทางที่ยัยหนูน้อยบินออกไป
‘เผ่ามังกรทองไม่นับว่าแข็งแกร่ง แต่ระบบเทพมังกรที่อยู่เบื้องหลังกลับน่าสนใจอยู่บ้าง’
เขาหรี่ตา ก่อนหน้านี้เขาได้คุยกับเทพมังกรมาแล้ว ต่อมาเทพมังกรบอกว่าจะออกตัวแสดงมิตรภาพ
หรือว่าการบุกโจมตีของมังกรนิลในตอนนี้จะเป็นมิตรภาพที่พวกเขาคิดแสดงให้เห็นกัน
“นายท่าน” แฮงค์เดินขึ้นมาจากบันไดที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“ทางเผ่ามังกรนิลส่งจดหมายมาขอรับ”
“ขอดูหน่อย” ลู่เซิ่งรับเสื้อนอกที่แฮงค์ส่งให้มาสวมใส่
แฮงค์ใช้สองมือส่งจดหมายพื้นดำเส้นทองที่ดูหรูหราฉบับหนึ่งให้ ลายหัวมังกรสีดำประณีตหัวหนึ่งฝังอยู่กลางจดหมาย เป็นตัวแทนถึงเผ่ามังกรนิล
ลู่เซิ่งพลิกอ่านดู เนื้อหาที่เขียนบนจดหมายทำให้เขาอมยิ้มทันที
‘ราชามังกรนิลซีฟาน ขออวยพรให้แก่ราชาแห่งประกายรุ้งด้วยความจริงใจและต่ำต้อย เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างมังกรทองและมังกรนิล พวกเราขออภัยเป็นอย่างสูง และขอกล่าวคำขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อความเสียหายอย่างรุนแรงที่ได้สร้างต่อเผ่ามังกรทองเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย พวกเรายินดีชดเชยให้ ยินดี…’
ลู่เซิ่งไม่ได้อ่านต่อ เพราะทั้งหมดเป็นรายการชดเชย
“ทูตที่ส่งจดหมายล่ะ” เขาถามเบาๆ
“ยังรออยู่ด้านนอกขอรับ” แฮงค์รีบตอบ
“ตอบกลับไปว่า ควรเป็นอย่างไรก็ทำให้มันเป็นอย่างนั้น ข้ากับเผ่ามังกรทองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน นอกจากนี้เวลาเจอลูกสาวข้าให้ลงมือปรานีหน่อย ส่วนที่เหลือให้ฆ่าได้เต็มที่” จนถึงตอนนี้เขายังคงไม่เข้าใจการกระทำของเผ่ามังกรทองที่ยังไม่ยอมมาทักทายตนเอง
“แม้แต่เผ่ามังกรนิลยังเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดแบบนี้ ตอนนี้เผ่ามังกรทองยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก” แฮงค์แค่นเสียงขึ้นด้านข้าง “พวกมันโง่หรืออย่างไร”
ลู่เซิ่งเพียงยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
…
มาตุภูมิมังกรทอง
“ผู้อาวุโสใหญ่ ทำไมพวกเราไม่เชื่อมสัมพันธ์กับราชาแห่งประกายรุ้งเล่า เผ่ามังกรนิลเป็นเพียงเรื่องเล็กๆ สำหรับท่านผู้นั้นเท่านั้น” มังกรทองตัวหนึ่งถามเบาๆ
“เชื่อมสัมพันธ์หรือไม่ มีข้อแตกต่างอะไร เจ้ารู้ไหมว่าถ้าเชื่อมสัมพันธ์แล้วพวกเราต้องจ่ายของขวัญกับทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าขนาดไหน” ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรทองหมอบอยู่ในถ้ำพลางหัวเราะ เขามีเกล็ดสีทองงดงาม และร่างกายได้สัดส่วนที่เรียวยาวแข็งแกร่ง ประกายวิญญาณอวยพรแน่นขนัดแผ่กระจายบนตัว นี่เป็นเวทมนตร์พรสวรรค์ซึ่งมีเฉพาะในเผ่ามังกรทองเท่านั้น
“นอกจากนี้ เจ้าอย่าลืมที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่ามังกรทองของพวกเราสิ ราชินีผู้มีสายเลือดราชามังกรคือลูกสาวของราชาแห่งประกายรุ้ง ต่อให้พวกเราไม่เชื่อมสัมพันธ์กับเขา เขาจะไม่สนใจเชียวหรือถ้าลูกสาวเจอปัญหา” ผู้อาวุโสเจนนิสมีชีวิตอยู่มานานเหลือเกิน จึงมีความรู้อย่างล้ำลึกต่อมนุษยสัมพันธ์พื้นฐานเหล่านี้มานานแล้ว
“พอท่านพูดแบบนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างว่าจริงๆ” มังกรทองโตเต็มวัยที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเหมือนฉุกใจนึกได้
“เมื่อเจอปัญหาเข้าจริงๆ ขอแค่ผลักลู่หงเย่ไปแนวหน้า ด้วยพลังของนางต้องจัดการไม่ได้แน่ เมื่อถึงตอนนั้น ขุมกำลังที่ราชาแห่งประกายรุ้งส่งมาอยู่รอบๆ ตัวนางย่อมถูกพวกเราใช้งาน” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวอย่างเกียจคร้าน
แผนการตีสนิทที่ใช้กับลู่หงเย่โดยเฉพาะอยู่ในการควบคุมของเขามาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนแรกส่งสมาชิกเผ่าที่มีรูปลักษณ์น่ารักไปตีสนิทกับยัยหนูนั่น จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากตำนานเรื่องเล่าเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกให้ความสัมพันธ์กับลู่หงเย่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม
สุดท้ายก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว
“ขอแค่ลู่หงเย่อยู่ในกำมือพวกเรา ราชาแห่งประกายรุ้งจะสนับสนุนพวกเราหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสใหญ่ชาญฉลาดและเจ้าแผนการจริงๆ” มังกรทองที่อยู่ด้านข้างเอ่ยประจบ
กรรซ์!
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของมังกรนิลค่อยๆ ดังมาจากด้านนอก มังกรทองถอยร่นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่อาจต้านทานได้โดยสิ้นเชิง ได้แต่มองดูแนวป้องกันที่มังกรทองสร้างขึ้นพังทลายลงเหมือนกับเกล็ดหิมะ
“มาแล้ว! ไอ้พวกมังกรนิลบัดซบนั่นมาแล้ว!” มังกรทองที่อยู่ด้านข้างลุกขึ้นอย่างร้อนรน
“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องเครียดไป ลู่หงเย่กำลังเดินทางมาแล้ว” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยสีหน้าสงบนิ่งราวกับมีแผนการเป็นมั่นเหมาะ
เสียงดังสนั่นของบ้านเรือนที่พังทลายและก้อนหินที่ถล่มลง เริ่มดังมาจากหุบเขาด้านนอกอย่างต่อเนื่อง มังกรนิลกับมังกรทองเข่นฆ่ากันพร้อมกับส่งเสียงร้องคำราม
ไม่นานลำแสงสีทองสายหนึ่งก็พุ่งเข้าถ้ำและทิ้งตัวลงด้านหน้าผู้อาวุโสใหญ่
“รายงาน ท่านผู้อาวุโสใหญ่ที่เคารพ องค์ราชินีบอกว่าต้องกลับไปเอาพิณ ภารกิจฝึกพิณตอนเย็นยังทำไม่เสร็จ! นาง…นาง…กลับไปก่อนแล้วเจ้าค่ะ!”
“…!” ผู้อาวุโสใหญ่เบิกตาโตพร้อมกับยืดหัวขึ้น
“เจ้าว่าอีกรอบซิ”
“องค์ราชินี…องค์ราชินีนาง…”
“พวกเจ้าขวางนางไว้สิ!”
“ขวางไว้ไม่ได้! องค์ราชินีบอกไปก็ไปทันที กว่าพวกข้าน้อยจะรู้ตัวก็…”
“เจ้า…เจ้ารีบตามไป! รีบตามไป บอกว่าพวกเราจะช่วยนางทำการบ้านเอง มาตุภูมิมังกรทองไม่มีนางไม่ได้นะ!” ผู้อาวุโสใหญ่ร้อนใจจนเกล็ดมังกรทั่วร่างตั้งชันขึ้น
“ข้า…ข้าทราบแล้ว!” มังกรทองหมุนตัวบินไปอย่างรวดเร็ว
แต่ว่าฝูงมังกรนิลได้บินมาใกล้มาตุภูมิถ้ำมังกรแล้ว
มังกรนิลโตเต็มวัยหลายฝูงมีจอมเวทมังกรปะปนอยู่ด้วย อานุภาพมังกรที่ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขามปกคลุมมังกรทองอย่างพวกผู้อาวุโสใหญ่ในมาตุภูมิเอาไว้
ไม่ทันการณ์แล้ว…
กลางท้องฟ้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ลู่หงเย่ลอยอยู่กลางอากาศ มองดูหุบเขามาตุภูมิมังกรทองที่กำลังเกิดสงครามอย่างเงียบๆ
“เห็นหรือยัง ท่านได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่มังกรทองแล้วใช่ไหม” มังกรสีรุ้งอ้วนตัวหนึ่งบินฉวัดเฉวียนอยู่รอบๆ ตัวนาง เป็นบอร์กที่พักฟื้นในเมืองแสงอรุณมาโดยตลอดนั่นเอง
“เผ่ามังกรทองก็แค่ใช้ประโยชน์จากท่านเท่านั้น ตอนแรกสุดใช้สายเลือดราชวงศ์ของท่าน ตอนนี้ยังใช้ท่านเพื่อยืมแสนยานุภาพของราชามังกรของเผ่าเราอีก” หลังจากพบพานเรื่องราวต่างๆ มาไม่น้อย บอร์กก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
“พูดถึงที่สุด เผ่ามังกรทองยังคงเห็นแก่ตัวเหมือนในอดีต มังกรทุกตัวแสดงเจตนาดีด้วย แต่ก็มีความทะนงตนและความมั่นใจสูงเกินไป”
ลู่หงเย่เงียบงัน รู้สึกรับความจริงไม่ได้อยู่บ้าง
ผ่านไปเนิ่นนาน นางจึงค่อยๆ ถามว่า
“ทุกสิ่งก่อนหน้านี้ทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกหมดเลยหรือ”
สีหน้านางเต็มไปด้วยความอ้างว้างที่จนปัญญา ทั้งยังพะว้าพะวง
“ที่ขอให้ข้าเปิดมาตุภูมิเพื่อป้องกันความทะเยอทะยานที่อยากครองโลกและจับมนุษย์เป็นทาสของเผ่ามังกรนิล เป็นเรื่องโกหกหมดเลยหรือ”
“หา ปกครองโลก จับมนุษย์เป็นทาสหรือ” บอร์กที่อยู่ด้านข้างทำหน้าบึ้ง “ท่านกำลังล้อเล่นใช่ไหม งูตัวน้อยหนังดำอย่างเผ่ามังกรนิลนี่นะที่อยากครองโลก พวกมันถามนิกายเทพแห่งความมืด ถามนิกายแห่งเงาหรือยัง ราชาแห่งแสงจรัสถูกพวกมันกินไปแล้วหรือ นอกจากนี้ ราชาแห่งประกายรุ้ง ราชามังกรสีรุ้งของพวกเราไม่เอ่ยปาก โลกใบนี้ยังมีใครกล้าบอกว่าจะครองโลกหรือจับมนุษย์ไปเป็นทาสอีก”
“ราชาแห่งประกายรุ้งหรือ” ลู่หงเย่ได้ยินศัพท์คำนี้จากบอร์กเป็นครั้งที่สามแล้ว
“ใช่แล้ว ก็พ่อของท่านไงล่ะ” บอร์กเลียริมฝีปาก รู้สึกโชคดีเหลือแสนที่ตนได้เกิดเป็นเผ่ามังกรสีรุ้งที่สูงศักดิ์
ตอนนี้ในมิติหลักทั้งมิติ ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใดๆ เมื่อเจอมังกรสีรุ้ง ก็ต้องทำตัวพินอบพิเทาทั้งสิ้น
ลู่หงเย่รับไม่ได้บ้างแล้ว
นี่จะก้าวหน้าเร็วเกินไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันยังเป็นเจ้าของร้านค้าวัตถุโบราณธรรมดาอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นราชาแห่งประกายรุ้งผู้น่ากลัวที่เกือบจะครองโลกทั้งใบแล้ว
“แล้ว…ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี พวกเราจะไม่ไปจริงๆ หรือ” ลู่หงเย่สับสนคิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว โดยเฉพาะหลังจากได้ยินคำพูดในที่ลับของผู้อาวุโสใหญ่มังกรทองผ่านคาถาเทพของราชาแห่งประกายรุ้งเมื่อครู่ นางก็หัวหมุนคว้างยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ต้องไปหรอกขอรับ อย่างไรเผ่ามังกรนิลก็แย่งสิ่งของไปนิดหน่อยเท่านั้น หากพิจารณาถึงปัญหาของท่าน พวกมันคงไม่กล้าทำอะไรมาก” บอร์กกล่าวพลางส่ายหน้า
“ปัญหาหลักในตอนนี้ก็คือ ราชามังกรใกล้จะโยกย้ายแล้ว ว่ากันว่าครั้งนี้มีระยะทางไกลมาก บางทีต่อจากนี้คิดจะกลับมาก็ไม่สะดวกแล้ว ดังนั้นคุณหนูควรจะเตรียมตัวไว้แต่เนิ่นๆ นะขอรับ” บอร์กเตือน
“พวกเราคือมังกร…บินกลับมาไม่ได้หรือ” หงเย่พูดอย่างงงงัน
“ไม่มีประโยชน์…ได้ยินว่าหากไม่จุดอัคคีเทพ ก็อย่าพูดถึงการกลับมาที่นี่เลย แม้แต่ทิศทางก็หาไม่เจอ” บอร์กเอ่ยอย่างจนใจ
“หา?”
ลู่หงเย่เงียบไปอีกครั้ง
ความจริงนางกำลังเผชิญกับความสับสนและลังเลที่ยิ่งใหญ่อยู่
ลู่เซิ่ง ไม่ได้เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของนาง ไม่ว่าจะอย่างไร เผ่ามังกรทองก็เป็นต้นกำเนิดสายเลือดของนาง
ถ้าสิ่งที่บอร์กพูดเป็นความจริง คงยากมากหากจะกลับมาอีกครั้งหลังโยกย้าย อย่างนั้นนางจะต้องพิจารณาให้ดีว่าจะรั้งอยู่ที่นี่ หรือโยกย้ายตามไปด้วย
นางนั้น อย่างไรก็ยอมทิ้งมาตุภูมิมังกรทองไปไม่ได้ ที่นั่นมีมรดกและสายเลือดของพ่อแม่บังเกิดเกล้าของนาง
อย่างไรนั่นก็เป็นบ้านเกิดของนาง
บอร์กมองความอึดอัดของนางออกเช่นกัน
“คุณหนูทำใจทิ้งมาตุภูมิแห่งนี้ไปไม่ได้ใช่ไหม ราชามังกรบอกไว้ว่า…ทุกอย่างแล้วแต่การเลือกของท่าน เพราะท่านโตแล้ว”
“ข้า…โตแล้วหรือ” ลู่หงเย่มองดูมาตุภูมิมังกรทองอย่างมึนงง จิตใจพลันสับสนอยู่บ้าง
…
เก้าปีหลังจากราชาแห่งประกายรุ้งปรากฏตัว
กองทัพพันธมิตรสามเผ่าพันธุ์ที่บุกมิติหลักจากต่างมิติเริ่มถอนทัพครั้งใหญ่แล้วหายสาบสูญไป กองทัพนับไม่ถ้วนหายไปในห้วงอเวจีอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อันตรธานไปจากเก้าสิบเก้าชั้นของห้วงอเวจีอย่างสมบูรณ์
ครึ่งปีต่อมา กองทัพทั้งหมดก็ล่าถอยไปหมดสิ้นเหมือนไม่เคยปรากฏมาก่อน
ถัดจากนั้นก็เผ่ามังกรสีรุ้ง อสูรจำนวนมาก รวมถึงเทพนอกรีตที่สวามิภักดิ์ต่อราชาแห่งประกายรุ้ง ก็พากันอพยพไปอยู่ในป้อมปราการขนาดยักษ์
จากนั้นติดๆ กัน ระบบเทพสมุทรกับระบบเทพน้ำแข็งพากันล่มสลายอย่างลึกลับ อาณาจักรเทพจำนวนมากถล่มลงในเวลาชั่วข้ามคืน เทพองค์หลักสององค์เข้าสู่การหลับใหลในพิภพดารา สมาชิกเผ่าจำนวนมากของเผ่ามังกรทองและมังกรแดงหายตัวไป แม้เทพมังกรสองตัวก็เข้าสู่การหลับใหลเช่นกัน
ครึ่งเดือนต่อมา ราชาแห่งประกายรุ้งนำอาวุธเทพและอาวุธกึ่งเทพจำนวนมากเข้าไปในป้อมปราการ
ป้อมปราการเงามารทำงานสุดกำลัง หลายวันต่อจากนั้น รอบๆ มิติที่มันตั้งอยู่ก็มีปรากฏการณ์บิดเบี้ยวของมิติเวลาขนาดใหญ่ขึ้น
ผ่านไปอีกหลายวัน มีนักเดินทางระหว่างมิติมุ่งหน้าไปตรวจสอบ แล้วพบว่าป้อมปราการได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ราชาแห่งประกายรุ้ง เผ่ามังกรสีรุ้ง และขุมกำลังใต้อาณัติจำนวนมากไม่เหลือข่าวคราวอีกเลย สิ่งที่ควรค่าให้สนใจก็คือ ราชินีแห่งเผ่ามังกรทองลู่หงเย่ ลูกบุญธรรมของราชาแห่งประกายรุ้ง ไม่ได้จากไปด้วย หากแต่เข้าฌานฝึกฝนและซ่อนเร้นชื่อแซ่อยู่ในมาตุภูมิมังกรทอง
มีเทพมุ่งหน้าไปหยั่งเชิงดู พบว่าบนร่างอีกฝ่ายยังมีมนตราป้องกันอันน่ากลัวที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ถูกทิ้งไว้
ปีต่อมา ห้วงอเวจีกับยมโลกที่ว่างเปล่าเกิดปรากฏการณ์รกร้างเหมือนอย่างก่อนหน้า ก่อนจะค่อยๆ กลับมามีสภาพเลวร้ายเช่นเดิม
แม้ราชาแห่งประกายรุ้งจะจากไปแล้ว แต่ตำนานที่เขาทิ้งไว้บนผืนแผ่นดินแห่งนี้ยังคงไม่มีใครลืมเลือนตราบนานเท่านาน
เผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนยังคงขับขานผลงานของเขา
เผ่าออร์คและมนุษย์กึ่งสัตว์มีเครื่องนุ่มห่มและอาหารมากพอก็เพราะเขา เผ่าพันธุ์ในนรกและปีศาจในห้วงลึกละทิ้งความชั่วและเดินอยู่ใต้แสงอาทิตย์อย่างอิสระได้ก็เพราะเขา
หญ้าจำนวนเหลือคณานับมอบเสบียงอาหารที่ยากจะจินตนาการให้แก่เหล่าสิ่งมีชีวิต แม้กองทัพสามเผ่าพันธุ์จะจากไปแล้ว แต่เมล็ดไฟแห่งลัทธิหญ้าศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงอยู่
เหล่าสาวกที่ซาบซึ้งต่อราชาแห่งประกายรุ้ง เริ่มทดลองพิธีกรรมพิสดารต่างๆ นานาด้วยการนำของบิชอปโจอันนา เพื่ออัญเชิญราชาแห่งประกายรุ้งที่สูงส่งจากความว่างเปล่าอีกครั้ง
ทว่าตอนนี้ลู่เซิ่งไม่มีทางได้ยินอีกแล้ว
……………………………………….