ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 748 หวนกลับ (2)
สวี่เยวี่ยหลิงเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสถ่ายทอดวิชาของสำนักนทีคราม เดิมทีสิ่งที่นางควรทำคือการถ่ายทอดวรยุทธ์อยู่ในสำนัก แต่เที่ยวนี้ตรวจสอบเจอว่าในแถบอุกกาบาตกลุ่มนี้มีสุดยอดผู้เข้มแข็งเร้นกายอยู่ ด้วยสำนักสู้กับมารดาแห่งความเจ็บปวดมานาน ผู้เข้มแข็งจำนวนมากจำต้องลงสู่สมรภูมิ ทำให้ผู้เข้มแข็งที่มีความสำคัญที่ออกมาปฏิบัติการได้ในช่วงเวลานี้จึงเหลือแค่นางกับคนอีกสิบกว่าคนเท่านั้น
และเนื่องจากภาพลักษณ์ของนางโดดเด่นที่สุด ภารกิจนี้จึงตกเป็นของนางโดยปริยาย
นางกับศิษย์สองคนลอยอยู่ด้านนอกแถบอุกกาบาตมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
ทว่าทั้งสามคนไม่หงุดหงิดแม้แต่น้อย
อย่างไรผู้เข้มแข็งระดับผู้ยิ่งใหญ่ก็มีความทะนงตนของตัวเอง
ต่อให้นางจะเป็นปรมาจารย์ขอบเขตลวงตา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตมายาพิศวง ก็ไม่กล้ารีบร้อน ได้แต่รอคอยอย่างเงียบๆ และว่าง่าย
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดแสงสีทองจุดหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏในแถบอุกกาบาต กระแสอากาศสีเหลืองเข้มกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมารวมตัวเป็นใบหน้าของบุรุษที่เย็นชาและเคร่งขรึมด้านหน้าคนทั้งสาม
“เหตุใดสำนักนทีครามมาหาข้าอย่างกะทันหันเช่นนี้ มีอะไรก็รีบพูดมา”
ลู่เซิ่งกับสำนักนทีครามไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน กลับกันเขายังกลัวอยู่เนืองๆ อย่างไรครั้งกระโน้นเขาก็ได้ทำลายดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของอีกฝ่ายไป แถมยังทำให้คนจำนวนมากตกตายไปด้วย
“ข้าน้อยสวี่เยวี่ยหลิงผู้อาวุโสนทีคราม คำนับใต้เท้า พวกเรามาเพราะคำสั่งของเจ้าสำนัก ขอเชิญใต้เท้าไปเป็นแขกที่สำนัก” สวี่เยวี่ยหลิงไม่ได้พล่ามวาจาไร้สาระว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของสำนักนทีคราม หากแต่เชิญไปเป็นแขกโดยตรง
ลู่เซิ่งฟังความหมายของอีกฝ่ายออกเช่นกัน
ในเมื่อตนเร้นกายอยู่ในอาณาเขตของอีกฝ่าย อย่างไรก็ต้องไปทักทายเจ้าถิ่นสักหน่อย ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตมายาพิศวง แต่ยังไม่ถึงระดับอนธการ จึงไม่อาจปะทะกับสำนักนทีครามซึ่งๆ หน้าได้
อย่างไรเจ้าสำนักของสำนักนี้ก็เป็นผู้เข้มแข็งขอบเขตมายาพิศวงขั้นสุดยอดหรืออนธการตัวจริงเสียงจริง อีกทั้งยังมีรองเจ้าสำนักอีกสามคนที่ต่างก็มีพลังอยู่ในขอบเขตมายาพิศวงเช่นกัน
นี่คือขีดจำกัดพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตดาวแห่งนี้แล้ว
“ได้สิ ข้าเร้นกายตรงนี้มาสักพัก ควรจะไปทักทายเจ้าบ้านสักหน่อยเหมือนกัน นำทางเถอะ” ลู่เซิ่งพยักหน้าน้อยๆ เงาคนร่างบึกบึนสูงใหญ่สายหนึ่งโผล่ขึ้นในปราณปฐพีสีเหลืองเข้ม เป็นลู่เซิ่งที่บินออกมาจากเรือเหาะนั่นเอง
มีเงาคนสายหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลังเขา ผมขาวหน้าตางดงาม บุคลิกเฉยชา เป็นทัวหลันปาเฮ่อ
ในฐานะมนุษย์โลหิตเงินที่มีพิษร้ายแรง ทัวหลันปาเฮ่อจึงมีพลังในการเอาชีวิตรอดค่อนข้างร้ายกาจ ต่อให้จะถูกรีดเลือดจนหมด นางก็ไม่มีทางตาย
บวกกับครั้งนี้ไม่ได้ไปต่อยตี ทุกคนแสดงความสุภาพเป็นมิตร การพาหญิงรับใช้ไปด้วยถือว่าเป็นการแสดงความโอ้อวดอย่างหนึ่ง
พวกสวี่เยวี่ยหลิงไม่กล้ามองมาก เพียงเหลือบมองลู่เซิ่งอย่างรวดเร็วเพื่อพิจารณาเท่านั้น จากนั้นก็ก้มหัวลงเพื่อแสดงความเคารพ
“ใต้เท้าได้โปรดติดตามข้าน้อยมา” สวี่เยวี่ยหลิงสะบัดแขนเสื้อโยนจานกลมสีเงินใบหนึ่งออกมา
จานกลมใบนั้นงอกหนวดสีเขียวจำนวนมากออกมากลางอวกาศอย่างรวดเร็ว หนวดเกี่ยวกระหวัดกัน ไม่นานก็กลายเป็นประตูใหญ่ทรงรีบานหนึ่ง
แสงสีเขียวอ่อนสว่างขึ้นในประตูอย่างช้าๆ
“ด้านในคือประตูของสำนักเรา ใต้เท้าโปรดเดินทาง” สวี่เหยี่ยวหลิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
ลู่เซิ่งไม่กลัวว่าจะเป็นกับดัก ในฐานะมารสวรรค์มายาพิศวง ร่างกายที่แทบเป็นอมตะไม่จำเป็นต้องกลัวการถูกรุมโจมตีใดๆ
เขาเอื้อมมือไปจับทัวหลันปาเฮ่อไว้แล้วก้าวเข้าประตูข้ามมิติ
ในประตูแสงสีเขียวกะพริบด้วยความเร็วสูง รอคอยอยู่ครู่หนึ่งจนแสงสว่างหยุดลง ด้านหน้า ลู่เซิ่งก็กระจ่างชัดโดยสมบูรณ์
เขายืนอยู่ท่ามกลางศาลาพลับพลาที่มีลักษณะจีนโบราณ
เห็นกระเบื้องดำอิฐขาวได้ทั่วบริเวณ พื้นปูหินสีขาวก้อนใหญ่ มีลวดลายซับซ้อนสีขาวกะพริบเหนือศีรษะตลอดเวลา
แต่ว่ารอบๆ ไร้เงาคน ไม่ทราบว่าจงใจจัดการพื้นที่รอบๆ ไปก่อนหรือไม่
“ยินดีต้อนรับสหายร่วมเส้นทางสู่สำนักของข้า” ในเวลานี้เอง เงากึ่งโปร่งแสงที่พร่ามัวสายหนึ่งก็โผล่ขึ้นด้านหน้าลู่เซิ่ง
“ข้าน้อยสวีฮ่าวไป่ เป็นหนึ่งในรองเจ้าสำนักของสำนักนทีคราม พอได้ยินว่าสหายร่วมเส้นทางเร้นกายอยู่ในแถบอุกกาบาตอันเป็นเขตดาวของสำนัก ก็ส่งคนมุ่งหน้าไปเชิญสหายร่วมเส้นทางมาพบหน้ากันที่สำนักด้วยความตื่นเต้นยินดี หากเสียมารยาทตรงที่ใดต้องขออภัยด้วย”
เงาเป็นบุรุษวัยกลางคนไว้เครายาวที่ดูมีอายุราวสี่สิบห้าสิบปี สวมใส่ชุดนักพรตธรรมดาๆ
“ข้าน้อยลู่เซิ่ง คำนับรองเจ้าสำนักสวี เพียงแต่ผู้แซ่ลู่ไม่เข้าใจเล็กน้อย แถบอุกกาบาตที่ข้าน้อยเร้นกายอยู่ ดูเหมือนจะยังไม่ใช่อาณาเขตของสำนักนทีครามกระมัง” ลู่เซิ่งประสานมือ
“สหายร่วมเส้นทางเกรงใจแล้ว ขอเชิญมาคุยรายละเอียดที่ตำหนักใหญ่เถอะ”
ไม่นานนักก็มีหญิงสาวหน้าตางดงามมานำทาง นางพาลู่เซิ่งเดินตัดทะลุกำแพงและประตูตำหนักหลายชั้น จนมาถึงด้านหน้าตำหนักระดับกลางที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กอย่างรวดเร็ว
ตำหนักบูชารูปปั้นเทพเจ้าเต๋าที่ไม่มีหน้าตาองค์หนึ่ง มีกระถางธูปขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลาง ควันธูปลอยอ้อยอิ่ง กลายเป็นลวดลายบุปผา วิหค แมลง และมัจฉากลางอากาศตลอดเวลา
นักพรตเครายาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนเบาะกลมทางซ้ายของกระถางธูปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง เพียงแต่เบาะกลมใบนี้ไม่ใช่เบาะกลมธรรมดาๆ หากแต่เป็นใบไม้ของต้นไม้สีเขียวใบหนึ่งที่งดงามประณีตและงอกออกมาเพียงใบเดียว
ต้นไม้ต้นนี้มีลำต้นขนาดใหญ่เท่าข้อมือ แต่ใบไม้กลับใหญ่เท่าอ่างล้างหน้า ตอนนี้นักพรตนั่งอยู่บนนั้น ทำให้ลำต้นโค้งงอเล็กน้อย
“สหายร่วมเส้นทางเชิญ”
นักพรตสวีฮ่าวไป่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ลู่เซิ่งยิ้มรับน้อยๆ ก่อนจะสะกิดเท้าเหินร่างขึ้นอย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงบนเบาะกลมอย่างแม่นยำ
ทั้งๆ ที่เขาตัวหนักมาก แต่กลับกดเบาะกลมนี้ให้โค้งงอเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ครั้งนี้ที่เสียมารยาทเชิญสหายร่วมเส้นทางมา เพราะตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสหายร่วมเส้นทางเจอบางส่วน หากเสียมารยาทตรงที่ใด สหายร่วมเส้นทางได้โปรดให้อภัยด้วย” สวีฮ่าวไป่กล่าวขออภัยล่วงหน้า
“ไม่เป็นไร ถ้าหากข้าเป็นท่าน ก็คงทำเช่นเดียวกัน” ลู่เซิ่งไม่นำพาแม้แต่น้อย
“ตามที่ข้าน้อยทราบ สหายร่วมเส้นทางน่าจะมาจากระบบดาวปรภพกระมัง ก่อนหน้านี้พักหนึ่งยังสู้กับรองเจ้าลัทธิของมารดาแห่งความเจ็บปวดคนหนึ่งด้วย จนกระทั่งถึงวันนี้ อีกฝ่ายไม่ทราบไปอยู่ไหน อาจจะตายไปแล้ว ไม่ทราบว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด” แม้สวีฮ่าวไป่จะใช้ประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงกลับเป็นประโยคยืนยัน
“ในเมื่อสำนักท่านตรวจสอบแล้ว อย่างนั้นข้าผู้แซ่ลู่ก็ไม่ขอปิดบัง มีเรื่องเช่นนี้จริง” ลู่เซิ่งตอบอย่างผ่าเผย
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายร่วมเส้นทางก็เป็นศัตรูกับมารดาแห่งความเจ็บปวด และสำนักนทีครามเองก็ทำศึกกับมารดาแห่งความเจ็บปวดมาเนิ่นนาน พวกเรามีผลประโยชน์และเป้าหมายเดียวกัน ฉะนั้นแล้วมาร่วมมือกัน ร่วมรุกร่วมถอยเป็นอย่างไร”
สวีฮ่าวไป่ยิ้ม “ข้าขอเป็นตัวแทนสำนักนทีคราม เชิญท่านเข้าร่วมสำนักเราและรับตำแหน่งผู้อาวุโสนอกด้วยความจริงใจ แม้จะไม่มีอำนาจใด แต่ตำแหน่งก็เทียบเท่ากับรองเจ้าสำนัก อีกทั้งทุกปียังมีทรัพยากรระดับสูงมอบให้ด้วย”
“เข้าร่วมสำนักนทีครามหรือ” ลู่เซิ่งงุนงงเล็กน้อย เขาบอกชื่อของตัวเองไปแล้ว ย่อมไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเขาไม่ได้ ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับแสร้งทำเป็นไม่เห็น
ด้วยความเร็วในการพัฒนาก้าวหน้าของเขา เขาอาจจะเป็นผู้ร้ายที่สังหารราชามารสวรรค์จวงจิ้วแห่งโลกสรรพวิญญาณ ถึงขั้นอาจเป็นต้นตอที่ทำลายดาวเคราะห์ดวงหนึ่งอย่างหอฟ้าเมฆาได้เลยทีเดียว
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ อีกฝ่ายก็ยังเชิญเขามาอย่างสุภาพเป็นมิตร ทั้งยังมอบเงื่อนไขเชิญเขาเข้าร่วมสำนักเป็นผู้อาวุโสนอกซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ากับรองเจ้าสำนักอีกด้วย
ณ พลังในตอนนี้ ลู่เซิ่งไม่เคยสัมผัสการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งที่กระโดดพรวดพราดเช่นนี้มาก่อนเลย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากรู้ว่าเขาเร้นกายอยู่ในแถบอุกกาบาต เกรงว่าสำนักนทีครามคงไม่พูดด้วยดีๆ เช่นนี้ หากแต่จะส่งยอดฝีมือมาจับตัวเขากลับไปรับโทษหนักและบีบเค้นให้สารภาพเพื่อค้นหาความลับที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นทันที
“ไฉนเลยจะเหมือนตอนนี้
พอเห็นลู่เซิ่งลังเลสงสัย สวีฮ่าวไป่ก็เพียงยิ้มๆ รอคอยอย่างสงบ
ความจริงเจ้าสำนักได้ออกคำสั่งนี้หลังจากประเมินดูแล้ว แม้ว่าลู่เซิ่งผู้นี้จะอยู่ในระดับวัฏจักรลวงเท่านั้น แต่เขาก็เป็นมารสวรรค์มายาพิศวงตัวจริงเสียงจริง เป็นสุดยอดผู้เข้มแข็งที่ยากจะประมือได้ถึงขีดสุด
ถ้ามารสวรรค์ไปไม่ถึงมายาพิศวงยังพอว่า แต่เกิดถึงมายาพิศวงเมื่อไหร่ ความสามารถในการเอาตัวรอดจะพุ่งทะยานจนเหนือกว่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับเดียวกันทันที
หลังจากจำลองการทดสอบอยู่หลายครั้ง ต่อให้เจ้าสำนักลงมือเอง ก็ไม่อาจรับประกันว่าจะจัดการลู่เซิ่งได้
สุดท้ายสำนักนทีครามก็ตัดสินใจมอบตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมอย่างผู้อาวุโสนอกให้ เพื่อใช้ดึงสุดยอดผู้เข้มแข็งที่ต่อกรด้วยยากผู้นี้มาเป็นพวก
“นอกจากนี้ พวกเรายังได้ตรวจพบด้วยว่า ครอบครัวของท่านประสบอุบัติเหตุจนพลัดหลงไปยังต่างโลกตอนที่อพยพออกจากดาวปรภพ ด้วยเหตุนี้ ผู้อาวุโสและศิษย์ที่อยู่ในโลกต่างๆ หลายสิบใบของสำนักนทีครามจึงเริ่มช่วยสืบหาข้อมูล หากมีข่าวคราวเมื่อใดก็จะส่งมายังสำนักทันที”
สวีฮ่าวไป่เอ่ยข้อเสนอ เพื่อดึงตัวอีกครั้ง
เหตุผลนี้ทำให้ลู่เซิ่งหวั่นไหวเข้าจริงๆ แล้ว
ต่อให้พลังของเขาคนเดียวแข็งแกร่งขนาดไหน ก็สู้การตรวจสอบข้อมูลของส่วนรวมไม่ได้
“เช่นนั้น…ถ้าหากข้าเข้าร่วม จะต้องตอบแทนด้วยสิ่งใด” เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“ท่านเพียงแค่ต้องเข้าร่วมกับพวกเราสู้รบกับมารดาแห่งความเจ็บปวดเท่านั้น” สวีฮ่าวไป่ถอนใจ “ขอไม่ปิดบัง เนื่องจากท่านเป็นศัตรูกับทางนั้น ข้าก็เลยพูดความจริงได้ มารดาแห่งความเจ็บปวดไม่ได้มีแค่ระบบดาวปรภพเท่านั้น หากแต่เบื้องหลังนางมีขุมกำลังยิ่งใหญ่ซ่อนตัวอยู่ ตอนแรกสำนักนทีครามของพวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทว่าด้วยการแทรกแซงของขุมกำลังเบื้องหลังนาง สถานการณ์ใหญ่ถึงพลิกผันพังทลายดั่งหิมะถล่ม”
“ขุมกำลังเบื้องหลังมารดาแห่งความเจ็บปวดหรือ” ลู่เซิ่งหรี่ตา พลันนึกเชื่อมโยงกับโลกสรรพวิญญาณที่ จวงจิ้วอยู่ ตามข้อมูลที่เขามีอยู่ ดูเหมือนโลกสรรพวิญญาณจะลึกลับซับซ้อนเช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวพันกับมารดาแห่งความเจ็บปวด
เขายังจำได้ว่าจวงจิ้วกับคนของมารดาแห่งความเจ็บปวดลงมือพร้อมกันตอนอยู่ที่หอฟ้าเมฆา
ถ้าไม่เกี่ยวข้องกัน เขาก็ไม่เชื่อว่าสองฝ่ายจะร่วมมือกันได้อย่างรัดกุมเช่นนั้น
เขาไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะบอกความเป็นไปได้นี้กับสวีฮ่าวไป่
“เป็นไปได้มากทีเดียว!” สวีฮ่าวไป่พอฟัง สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย “แต่เรื่องนี้มีความสำคัญมากเกินไป สหายร่วมเส้นทางได้โปรดรอก่อน ข้าจะนำไปแจ้งเจ้าสำนัก”
ลู่เซิ่งพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ
ตอนนี้เขาครองสถานะมากมาย จึงไม่สนใจหากจะมีตำแหน่งผู้อาวุโสนอกแห่งสำนักนทีครามเพิ่มมาอีก
คำนวณอย่างละเอียด เขาได้เข้าร่วมกับสมาคมธวัชเหล็ก ลัทธิจันทราแดง นครตราชั่ง รวมถึงสำนักนทีครามในตอนนี้
‘ทางนครตราชั่งไม่ต้องพูดถึงก็ได้ ผู้ที่ควรค่าให้เชื่อใจที่สุดคือสมาคมธวัชเหล็ก จันทราแดงมีก็เหมือนไม่มี ตอนนี้กลับใช้สำนักนทีครามหาวัตถุดิบสำหรับฝึกฝนในภายหลังได้ หากใช้สมาคมธวัชเหล็กเป็นแกนกลาง เมื่อมีสำนักนทีครามคอยช่วยรวบรวมวัตถุดิบและทรัพยากร การตามหาพวกหนิงเอ๋อร์ไปด้วย และการฝึกฝนเพิ่มระดับไปด้วย ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด’
รออีกสักพักหนึ่ง ลู่เซิ่งที่ไม่มีธุระอันใดแล้วก็ได้ตามหาตัวสวี่เยวี่ยหลิงที่รอเงียบๆ อยู่ด้านข้างมาพูดคุย
หลังจากยืนยันเจตนาเข้าร่วมสำนักนทีครามของเขา สวี่เยวี่ยหลิงก็บอกเรื่องที่รู้จนหมดสิ้น
ไม่นานนัก ลู่เซิ่งก็ถามเรื่องราวใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จนกระจ่าง
ที่แท้หลังจากลู่เซิ่งสังหารรองเจ้าลัทธิไป สำนักนทีครามก็ได้รับชัยชนะอันเบ็ดเสร็จในการต่อสู้กับมารดาแห่งความเจ็บปวด
ทว่าตอนที่รุกคืบไปทีละก้าวและใกล้จะทำลายดาวหลักของมารดาแห่งความเจ็บปวดได้ ผู้เข้มแข็งระดับมายาพิศวงที่ลึกลับหลายคนก็เข้ามาแทรกแซงการรบ จนกดดันสภาพได้เปรียบของสำนักนทีครามทุกด้าน
ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหยุดเคลื่อนไหวหลังจากกดดันสภาวะโจมตีได้ เกรงว่าสำนักนทีครามจะรักษาอาณาเขตที่ตนยึดครองไว้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
รองเจ้าสำนักสามคนของสำนักนทีครามได้รับบาดเจ็บสองคน และแม้ตัวเจ้าสำนักจะเฉลียวฉลาดเจ้าแผนการ ทั้งยังมีพรสวรรค์ร้ายกาจ แต่ก็ยังถูกลอบโจมตีจนได้รับบาดเจ็บหนักในตอนที่ต่อสู้อย่างสุดกำลัง แน่นอนว่ามารดาแห่งความเจ็บปวดอ่อนแอกว่าเขา จึงถูกเขาใช้ฝ่ามือโจมตีบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน
ดังนั้นในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจึงพักรักษาตัวอยู่
ส่วนทางนครตราชั่งแตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง สงบสุขอย่างยิ่ง นครหลักของมันร่วมมือกับจักรวรรดิหยกคู่ในอาณาเขตนอกดาว และกลายเป็นหัวสะพานของจักรวรรดิโดยสมบูรณ์
กิจกรรมการค้าจำนวนมากขยับขยายอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์พิเศษนับไม่ถ้วนของจักรวรรดิหยกคู่เข้ามาตีตลาดในเขตดาวแถบนี้ ว่ากันว่าทางนครตราชั่งรุ่งเรืองกว่าก่อนหน้าหลายเท่าตัว
ทางสำนักวิญญาณไตรอริยะและสำนักแปลงวายุเลยพลอยได้บารมีไปด้วย โดยได้รับทรัพยากรจำนวนไม่น้อยจากการแลกเปลี่ยนทางการค้าจำนวนมาก ทำให้มีพลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ในทางกลับกัน สำนักนทีครามกับมารดาแห่งความเจ็บปวดตามการพัฒนาระลอกนี้ไม่ทันเพราะสงคราม
เพื่อเร่งจบสงครามให้เร็วที่สุด เจ้าสำนักนทีครามได้ประกาศรับสมัครเหล่าผู้เข้มแข็งเข้าร่วม ขณะเดียวกันก็เปิดเผยสันดานอันเลวร้ายของมารดาแห่งความเจ็บปวดที่สร้างดาวเคราะห์เพาะเลี้ยง เพื่อเรียกร้องให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันปราบปราม
……………………………………….