ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 750 อานุภาพ (2)
ในฐานะมารสวรรค์มายาพิศวงที่มีความสามารถในการเอาชีวิตรอดแข็งแกร่งที่สุด ลู่เซิ่งไม่มีข้อโต้แย้งกับการที่สำนักนทีครามแบ่งขุมกำลังของตัวเองเป็นแนวหน้า หรือควรบอกว่านี่กลับเป็นสิ่งที่ตัวเขาปรารถนา
ด้วยความสามารถกายอมตะพันเทวะของเขาในปัจจุบัน นอกจากจะมีคนใช้พลังงานอันแข็งแกร่งที่เหนือกว่าสะกดเขาไว้ จากนั้นก็ฆ่าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต่อสู้กับเขาหลายพันครั้ง ก็อย่าหวังว่าจะมีโอกาสฆ่าเขาได้
พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือน
ณ นครเมฆาสันติ ราชธานีของราชาดาวบนดาวภูผาเขียว
ลู่เซิ่งที่ใส่ชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์และถือไม้เท้ายาวสีเขียวแวววาว เดินไปตามทางเดินทอดยาวกลางอากาศที่สุกสกาว
ผู้บำเพ็ญที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในระบบดาวสองคนติดตามอยู่ด้านหลังอย่างพินอบพิเทา
สองฟากเส้นทางมีหุ่นรบโลหะที่สวมชุดเกราะสีเงินปกป้องอารักขาทุกระยะหนึ่ง อักขระอานุภาพสูงแน่นขนัดที่ใช้ป้องกันและเตือนภัยอยู่เหนือศีรษะและด้านล่างพื้นดินอย่างต่อเนื่อง
“ช่วงนี้แนวหน้าของทางมารดาแห่งความเจ็บปวดมีปฏิกิริยาประหลาดกว่าเดิม ก่อนหน้านี้ยังหดกำลังอย่างเต็มที่ จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว…” ราชาดาวโอวหยางหลิงคือหนึ่งในสองผู้เข้มแข็งที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้กำลังก้มหน้ารายงานเสียงต่ำ
“ไม่เป็นไร” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างราบเรียบ เขาก้าวเดินไปด้านหน้าจนถึงบนถนนกลางแจ้งแห่งหนึ่งของเส้นทางโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ถนนเปิดโล่งเส้นนี้ไม่มีกำแพงสองข้างฟาก ไม่มีเพดาน มีแต่พื้นเรียบตรงดิ่งข้างใต้ฝ่าเท้าเท่านั้น
ลู่เซิ่งค่อยๆ ชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมองด้านล่างเส้นทาง
เส้นทางถูกสร้างอยู่สูงเหนือพื้นหลายพันหมี่ มองจากตำแหน่งที่ลู่เซิ่งอยู่ลงไปจะเห็นทะเลเมฆสีขาวหิมะผืนหนึ่งพลิกม้วนอย่างช้าๆ ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลออกไปโผล่ส่วนหัวออกมาเล็กน้อยอย่างยากลำบาก ฟ้าสีคราม ลมเย็นหนาวเหน็บ
เสื้อคลุมบนร่างทั้งสามถูกพัดกระพือไม่หยุด
“เตรียมคำสั่งเรียกรวมตัวผู้ที่เข้มแข็งที่สุดที่ข้าสั่งไปหรือยัง” ลู่เซิ่งถามเบาๆ
“รายงานจอมมรรคา เจ้าแห่งอาวุธหกสิบเอ็ดคนและขอบเขตลวงตาสามคนจากดาวเคราะห์สามดวงที่รวมดาว ภูผาเขียวเข้าไปด้วย นี่คือพลังทั้งหมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว” โอวหยางหลิงรายงานอย่างรวดเร็ว
“เจ้าแห่งอาวุธหกสิบเอ็ดคน…” ลู่เซิ่งใคร่ครวญ นี่เป็นการรวมขุมกำลังทั้งหมดของสามดวงดาวเข้าไว้ด้วยกัน เขาสะท้อนใจ ผู้เข้มแข็งระดับเจ้าแห่งอาวุธที่เขาเคยเงยหน้ามองมานาน ตอนนี้เป็นเพียงตัวหมากที่สามารถเขี่ยทิ้งได้ในสายตาของเขาเพียงเท่านั้น
เขาเรียกระดมผู้เข้มแข็งเพราะต้องการสร้างผลงานและแสดงความสามารถของตัวเองให้สำนักนทีครามเห็นโดยเร็วที่สุด
ไม่อย่างนั้นการได้ดาวเคราะห์สามดวงมาเปล่าๆ โดยไม่มีผลงานแม้แต่น้อย ก็น่าขายหน้าเกินไป
“พรุ่งนี้ ให้ทุกคนไปยังดาวหางดารกะ รอคอยอยู่ที่แนวหน้าสุด ข้าจะไปตามกำหนด” ลู่เซิ่งใคร่ครวญและกำชับ
แม้เขาจะไม่มีอำนาจทหาร แต่ความจริงคนฉลาดล้วนรู้ว่า ตั้งแต่วินาทีที่สำนักนทีครามส่งลู่เซิ่งมาคุ้มครอง ดาวเคราะห์สามดวงรวมถึงดาวภูผาเขียวก็เปลี่ยนมืออย่างสมบูรณ์แล้ว
“รับบัญชา”
ทั้งสองรีบรับคำสั่ง
ลู่เซิ่งไม่พูดอะไรอีก เพียงมองทะเลเมฆอย่างเรียบเฉยเท่านั้น
…
ณ ระบบดาวปรภพ ดาวยมโลก
ดาวยมโลกตั้งอยู่ในแนวหลังของระบบดาวปรภพ ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในห้าฐานทัพใหญ่ของมารดาแห่งความเจ็บปวด และเป็นสถานที่ที่ผู้ใช้วิชาชั่วร้ายกับผู้ใช้วิญญาณคันฉ่องจำนวนมากใช้เติมปราณแหล่งกำเนิดความเจ็บปวด
สำหรับผู้ใช้วิชาชั่วร้ายและผู้ใช้วิญญาณคันฉ่องแล้ว ปราณแหล่งกำเนิดความเจ็บปวดจึงเป็นพลังหลักที่พวกเขาใช้เอาตัวรอดและต่อสู้
ปราณแหล่งกำเนิดชนิดนี้หักล้างความสามารถได้เป็นส่วนใหญ่ โดยจะมอบแหล่งกำเนิดพลังงานสำรองที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด และรักษาพลังคืนชีพของเยื่อดำให้แก่ผู้ใช้วิชาชั่วร้ายและผู้ใช้วิญญาณคันฉ่องได้
แต่ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ปราณแหล่งกำเนิดความเจ็บปวดคงอยู่ได้แต่ในโลกแห่งความเจ็บปวดเท่านั้น และโลกแห่งความเจ็บปวดก็มีแค่ในระบบดาวปรภพ
สิ่งที่เหมือนกับฐานทัพแห่งอื่นก็คือ ผิวของดาวยมโลกมีทางเชื่อมสู่ฟากฟ้าเส้นหนึ่งยื่นออกมา
ทางเชื่อมเหมือนกับหอคอยสูง ส่วนปลายต่ออยู่กับก้อนเนื้อประหลาดที่เหมือนกับปลาหมึก
ก้อนเนื้อเต็มไปด้วยหนวดหยาบใหญ่นับไม่ถ้วนที่แยกเขี้ยวกางเล็บไปรอบๆ ทิศทาง
อาเอ๋อร์ถ่า หนึ่งในราชาผู้ใช้วิชาชั่วร้าย ผู้รับผิดชอบใหญ่ของฐานทัพแห่งนี้ ตอนนี้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะมอง ข่งซาผู้ใช้วิญญาณคันฉ่องที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าไม่ตอบรับคำขอกำลังหนุนของเจ้า”
“ทำไมกัน!? ท่านอา นี่ไม่ใช่ความผิดของข้านะ! นั่นมันคือผู้ยิ่งใหญ่มายาพิศวง เป็นใครก็ต้องเจอบทสรุปแบบนี้ทั้งนั้นนั่นแหละ!” ข่งซากล่าวด้วยใบหน้าไม่ยอมแพ้
“โชคร้ายก็เป็นบาปอย่างหนึ่ง” อาเอ๋อร์ถ่ากล่าว
“ถึงแม้ราชาคนอื่นจะไม่เห็นด้วยกับการเรียกใช้ทัพของข้า ทว่า…”
เปรี้ยง!
อยู่ๆ ก็มีเสียงดังเบาๆ มาจากกำแพงรอบๆ
อาเอ๋อร์ถ่าหยุดพูดและหรี่ตา
“มีคนกล้าบุกมาที่นี่หรือนี่”
…
เวลานี้คนสองคนลอยอยู่ด้านหน้ารูขนาดหนึ่งคนครึ่งที่อยู่ทางซ้ายของก้อนเนื้อที่เหมือนกับปลาหมึก
สองคนนี้ใส่ชุดคลุมสีขาว บนร่างมีสัญลักษณ์ใบไตรบรรณของสำนักนทีคราม คนหนึ่งในนี้สวมกวนหยก รูปร่างกำยำ ต่อให้เป็นชุดคลุมสีขาวตัวหลวมก็ปกปิดความแข็งแกร่งบนร่างเขาไม่ได้
สองคนนี้ก็คือลู่เซิ่งกับโอวหยางหลิงที่แอบเจาะแนวป้องกันนั่นเอง
หลังจากลู่เซิ่งลงมือช่วยเหลือโอวหยางหลิงไว้ทันเวลา ราชาดาวก็สวามิภักดิ์กับลู่เซิ่งอย่างสุดหัวใจ กลายเป็นราชาดาวคนแรกที่มอบอำนาจทางการทหารให้เขาอย่างสมบูรณ์
“ที่นี่คือฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดในแนวหน้าแล้วหรือ” ลู่เซิ่งก้าวเข้ารูประตู ก่อนจะเหยียบลงบนพื้นที่อ่อนนุ่ม
“ขอรับจอมมรรคา ที่นี่คือจุดส่งกำลังทหารที่มารดาแห่งความเจ็บปวดจัดตั้งเอาไว้ ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งที่นี่จะส่ง ไข่แห่งความเจ็บปวดออกมา สิ่งที่ฟักออกมาจากไข่แห่งความเจ็บปวดนี้ก็คือผู้เข้มแข็งที่เรียกมาจากที่ต่างๆ ในโลกแห่งความเจ็บปวดและดาวเคราะห์ดวงอื่น เพียงแต่ถูกขีดจำกัดทางสัญญาบางอย่างควบคุมไว้ จึงได้แต่ขายชีวิตให้แก่มารดาแห่งความเจ็บปวดเท่านั้น”
“นอกจากนี้ พวกเรามีเวลาไม่มาก ตามแบบแผนเวลาที่คำนวณได้ก่อนหน้านี้ พวกเราหยุดอยู่ที่นี่ได้สิบห้านาทีเท่านั้น…” โอวหยางหลิงรีบอธิบาย
“มากพอแล้ว” ลู่เซิ่งตัดบทเขา
เขาสาวเท้าไปยังส่วนลึกของก้อนเนื้อ จากรูที่เข้ามา ด้านหน้ามีทางแยกสองเส้น แยกไปทางซ้ายทางขวา ลู่เซิ่งยกมือขึ้นโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
ตูม!
ลำแสงสีเหลืองอ่อนสายหนึ่งเจาะกำแพงเนื้อด้านหน้า สร้างเส้นทางที่สามขึ้นกลางทางแยกสองเส้น
“ไปเถอะ” ลู่เซิ่งเดินไปด้านหน้า
“ไปตายเสีย!” อยู่ๆ เหนือกำแพงเนื้อทางขวาก็มีเงาหลายสายโถมเข้ามา เงาเหล่านี้ถือมีดสั้นโค้งงอที่มีเพลิงสีดำลุกไหม้พร้อมกับพุ่งมาฟันใส่ลู่เซิ่งด้วยดวงตาแดงก่ำ
ตูม!
ลู่เซิ่งยกมือขึ้น คนที่ถูกฝ่ามือเล็งใส่กระเด็นออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง กระดูกและเลือดเนื้อทั่วร่างถูกหักและบีบเคล้นกลายเป็นก้อนขณะติดอยู่บนกำแพง ราวกับมีของหนักขนาดใหญ่ฟาดใส่อย่างจัง
เขากวักมือ มีดโค้งที่ลุกไหม้ในมือคนพวกนี้พลันลอยเข้าหาฝ่ามือเขา
“เป็นแค่อาวุธเทพศัสตรามารสำเร็จรูป...” ลู่เซิ่งมองเพียงแวบเดียวก็แยกแยะอาวุธชนิดนี้ออก
อาวุธกึ่งสำเร็จรูปไม่มีประโยชน์สำหรับเขาแม้แต่น้อย ทั้งยังเป็นของใหม่ เขาทิ้งมีดโค้งไปด้านหน้า
ซู่!
หนวดเนื้อสีดำดีดออกมาจากกำแพงด้านหน้าอย่างฉับพลัน หนวดขนาดเท่าข้อมือที่มีตุ่มหนองกับจุกดูดจำนวนเหลือคณานับงอกอยู่เต็มไปหมด ฟาดใส่ลู่เซิ่งพร้อมกับประกายวิญญาณโสโครกชนิดหนึ่ง
แต่ว่าหนวดเพิ่งเข้าใกล้ลู่เซิ่งได้ไม่ถึงหนึ่งหมี่ ก็หลอมละลายและแยกส่วนออกเอง ไม่นานก็กลายเป็นหยดเมือกเหนียวๆ ตกหายไปบนพื้น
มีหนวดอีกหลายเส้นหมายจะอ้อมผ่านตัวลู่เซิ่งไปโจมตีโอวหยางหลิงที่อยู่ด้านหลัง แต่ไม่มีผลแม้แต่น้อย
เพิ่งจะเข้าใกล้ก็ละลายหายไปเช่นเดียวกัน โอวหยางหลิงที่มองดูอยู่พลันอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา
ลู่เซิ่งเดินตัดเส้นทางที่สร้างขึ้นอย่างไม่เร็วไม่ช้า แล้วเข้าไปในเส้นทางหลักที่กว้างขวางเส้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ถัดจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ผู้บำเพ็ญสวมเกราะแดงกลุ่มหนึ่งวิ่งถลันออกมาจากทางซ้ายของเส้นทางหลัก
พอพวกผู้บำเพ็ญเห็นลู่เซิ่งก็หยิบอาวุธรูปร่างแปลกประหลาดออกมาจากถุงหนังของตนอย่างรวดเร็ว
“ฆ่ามันซะ! บังอาจบุกรังแห่งความเจ็บปวดอย่างนั้นหรือ!”
ครั้นผู้บำเพ็ญสวมเกราะแดงเห็นพวกลู่เซิ่ง ทั้งตัวก็เรืองแสงสีแดงหลายสาย ปราณแหล่งกำเนิดความเจ็บปวด สีเทาจำนวนมากไหลออกมาจากช่องว่างบนร่าง ก่อนพุ่งเข้ามาอย่างดุร้าย
ลู่เซิ่งเดินเข้าหากลุ่มผู้บำเพ็ญ
แล้วยกมือซ้ายขึ้น
ตูม!
สนามพลังบิดเบี้ยวที่น่ากลัวขุมหนึ่งฉีกขาดและระเบิดขึ้นกลางกลุ่มพวกเขา
แสงสีแดงถูกฉีกออก ปราณแหล่งกำเนิดสีเทาถูกกระแทกจนกระจัดกระจาย เนื้อจำนวนมากระเบิดไปติดบนพื้นของเส้นทางเป็นชั้นหนา
โอวหยางหลิงกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เหล่าผู้บำเพ็ญฝ่ายศัตรูที่เพิ่งจะคำรามอย่างโมโหเมื่อครู่กลายเป็นเนื้อสับหนากระจายอยู่ใต้เท้าแล้ว
แม้เขาจะเป็นทหารเก่าบนสมรภูมิผ่านมานับร้อยศึก แต่พอเห็นฉากอันโหดเหี้ยมนี้ ในใจก็ยังไม่ชินอยู่บ้าง
ลู่เซิ่งสาวเท้าเดินไปยังส่วนลึกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ระหว่างทางมีกลุ่มผู้บำเพ็ญสวมเกราะแดงหลายกลุ่มพุ่งมาเรื่อยๆ แต่ลู่เซิ่งก็ยกมือเพียงเล็กน้อย ระเบิดพวกเขาเป็นเนื้อสับ พลังคืนชีพที่แข็งแกร่งไม่มีแม้แต่คุณสมบัติต้านทานสักวินาทีเดียวเมื่ออยู่ต่อหน้าสนามพลังอันน่ากลัวสายนี้
ทั้งสองมุ่งหน้าลึกเข้าไป ไม่นานก็ไปถึงใจกลางด้านในก้อนเนื้อที่แท้จริง
“นี่คือไข่แห่งความเจ็บปวดหรือ” แม้แต่โอวหยางหลิงก็เพิ่งเคยเห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก
ตอนนี้ในกำแพงรอบๆ ตัวคนทั้งสองมีไข่สีดำนับไม่ถ้วนงอกอยู่เต็มไปหมด
ไข่สีดำทั้งหมดขยับยุกยิกและเต้นตลอดเวลา เหมือนกับพร้อมทำลายเปลือกออกมาได้ทุกเมื่อ
ลู่เซิ่งผุดสีหน้าราบเรียบ แสงสีเหลืองปรากฏบนร่าง
โผละๆๆๆ…
ชั่วพริบตานั้นไข่แห่งความเจ็บปวดทั้งหมดระเบิดกลายเป็นของเหลวสีเหลืองเข้มหลายก้อนติดบนกำแพงเนื้อ
“ผู้บุกรุก! ตายเสีย!” ณ ปลายเส้นทาง โครงกระดูกร่างสูงใหญ่กำยำที่ดวงตามีเปลวไฟสีฟ้าลุกไหม้ยืนขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ
มันใส่เกราะสีดำสนิท สวมหมวกเกราะเขากระทิง ถือดาบโค้งสีดำขลับที่ส่งเสียงร้องครวญครางตลอดเวลาเล่มหนึ่ง
“เป็นขอบเขตลวงตา!” โอวหยางหลิงสีหน้าแปรเปลี่ยน “ระวังร่างอมตะของมันด้วย!”
ตูม!
สิ้นเสียง ม่านตาลู่เซิ่งเคลื่อนไหว สนามพลังบิดเบี้ยวไร้รูปร่างสายหนึ่งปกคลุมโครงกระดูกนั้นไว้ทันที
โครงกระดูกระเบิดกลายเป็นชิ้นส่วนกระดูกนับไม่ถ้วน แล้วกระจายไปรอบๆ
แต่กระนั้น เศษกระดูกทั้งหมดก็กลับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วราวกับมีชีวิต ไม่นานก็กลับเป็นโครงกระดูกอีกครั้ง
“ข้า…”
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดอีกรอบ โครงกระดูกที่เพิ่งเป็นรูปเป็นร่างก็ระเบิดอีกหน มิติตรงตำแหน่งที่มันอยู่เกิดการบิดเบี้ยวอย่างฉับพลัน ก่อนจะกลับเป็นปกติทันที
วิญญาณของโครงกระดูกสูญสลาย เศษกระดูกทั้งหมดร่วงตกกระจายบนพื้น ไม่มีสัญญาณคืนชีพอีก
“นี่…นี่!” โอวหยางหลินเคยเห็นรองเจ้าสำนักระดับมายาพิศวงคนอื่นรับมือกับร่างอมตะขอบเขตลวงตาประเภทนี้มาก่อน แต่ไม่เคยเห็นการฆ่าผู้เข้มแข็งขอบเขตลวงตาคนหนึ่งที่ง่ายดายเช่นนี้เลย
“ไปเถิด”
ไม่รอให้เขาตอบสนอง ลู่เซิ่งก็เดินไปไกลแล้ว
โอวหยางหลิงรีบสงบสติอารมณ์แล้วติดตามไปทันที
……………………………………….