ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 771 ไล่ล่า (1)
“ไปตายเสีย!” ผังหยวนจวินขนลุกและเสียวสันหลังวาบ
“ศิษย์แท่นน้ำค้างครามทั้งหมดฟังคำสั่ง! สังหารมันซะ!” ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็นคนโรคจิตที่สมองมีปัญหาอย่างแน่นอน
เขายังมีกิจการยิ่งใหญ่ที่ยังจัดการไม่เสร็จสิ้น ขอแค่ทำภารกิจในครั้งนี้เรียบร้อย เขาจะได้ยาวิเศษที่ตนเองต้องการ เมื่อกินเข้าไปแล้ว เขาจะสำเร็จวิชาเทพ แก่นนักรบสิบท่าสังหารจะเลื่อนไปถึงขอบเขตที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่อาจตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนตรงหน้าได้
เสียงตวาดของเขาพลันทำให้คนโดยรอบตกใจตัวสั่นระริก
ยอดฝีมือที่เป็นศิษย์ห้อมล้อมอยู่รอบๆ เหมือนตอบสนองโดยอัตโนมัติ ฟังคำสั่งทันที พลคันธนูที่อยู่ไกลออกไปกับพลดาบหอกที่อยู่ใกล้เคียงกัน ระเบิดพลังเหี้ยมหาญออกมาพร้อมกัน พุ่งใส่ ลู่เซิ่งพร้อมเสียงแหวกอากาศ
หอกยาวที่แน่นขนัดแทงใส่ลู่เซิ่งทั้งสี่ทิศแปดทางราวกับป่าหอกหนามคม
ลู่เซิ่งไม่เกรงกลัวอันตราย ยื่นมือจับหอกยาวหลายเล่มด้านหน้า และเคลื่อนพละกำลังอันน่ากลัวบนร่างอย่างรุนแรง จอมยุทธ์สี่ห้าคนในระดับยอดวรยุทธ์ถูกเขายกขึ้นและเหวี่ยงออกไปเหมือนกับกระบอง
เปรี้ยงๆๆ!
บนพื้นด้านหน้าถูกกวาดเป็นที่ว่างรูปทรงพัดกลุ่มใหญ่ทันที
ร่างคนสิบกว่าร่างถูกกวาดกระเด็นกระจัดกระจายเหมือนน้ำเต้ากลิ้ง
ลู่เซิ่งยกหอกยาวขึ้นกวาดไปด้านหลังดุจสายฟ้าฟาด จากนั้นก็ย่อตัวพุ่งไปด้านหน้าอย่างฉับพลัน ก่อนจะคลายหอกยาวออก แล้วคว้ามือเปล่าไปยังผังหยวนจวินที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านหน้า
การพุ่งตัวนี้ทำให้หลบการรุมโจมตีอย่างสะเปะสะปะจากบริเวณโดยรอบได้พอดิบพอดี ลูกธนูที่ยิงมาจึงปักลงบนพื้นด้านหลังเขาเท่านั้น
ด้านหน้าทุกคนพร่ามัว ลู่เซิ่งพลันไปถึงด้านหน้าผังหยวนจวินแล้ว จากนั้นทั้งสองก็ปะทะฝ่ามือกัน
เปรี้ยง!
ท่ามกลางเสียงกระแทกทึบหนัก ร่างของผังหยวนจวินกระเด็นออกไป ใบหน้าของเขาผุดสีหน้าตื่นตระหนกขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ
สองเฒ่าจิ้งหานกับราชาทะเลทรายผุดสีหน้าแตกตื่น
ความเร็วระดับนี้! พละกำลังระดับนี้! ถึงขั้นข้ามผ่านขีดจำกัดที่พวกเขาคาดไม่ถึงไปแล้ว
พวกเขาเป็นผู้เข้มแข็งระดับเจ้าวรยุทธ์เช่นกัน ต่อให้จะอยู่ในระดับเจ้าวรยุทธ์ขั้นสูงสุด แต่ก็ไม่มีพละกำลังที่น่ากลัวปานนี้
อย่างไรร่างกายคนก็มีขีดจำกัด ระดับเจ้าวรยุทธ์ขั้นสูงสุดจะได้รับการควบคุมร่างกายที่แม่นยำกว่าและพลังกายที่เต็มเปี่ยมกว่าเดิมผ่านดวงดาวจำนวนมากที่บุกเบิก ซึ่งความจริงพละกำลังโดยรวมไม่ได้ยกระดับมากเกินไปเมื่อเทียบกับเจ้าวรยุทธ์ธรรมดา
ทว่าลู่เซิ่งที่กระแทกผังหยวนจวินให้กระเด็นออกไปได้ด้วยหนึ่งฝ่ามือ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพละกำลังล้วนอลังการเกินไปทั้งสิ้น
ยังไม่ทันคิดสิ่งใดมากนัก ลู่เซิ่งก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าอีกครั้ง แล้วยื่นมือคว้าผังหยวนจวินที่เพิ่งหล่นลงพื้น อีกสามคนที่เหลือย่อมไม่มีทางยอมให้ลู่เซิ่งจับคนไปทั้งอย่างนี้แน่
ราชาทะเลทรายสะบัดมีดบินสีเงินเล่มหนึ่งออกไป มีดบินวาดผ่านอากาศ ส่งเสียงแหลมสูงรุนแรงเสียดหู
ปลายมีดบินอาบยาพิษ ปรากฏเป็นสีฟ้าอ่อน บนตัวมีดกลับสลักลวดลายงดงามไว้ไม่น้อย แสดงให้เห็นว่าผ่านการแปรรูปพิเศษมาก่อน
เพียงแต่ในเมื่อเป็นอาวุธลับที่ใช้ลอบจู่โจม ทั้งยังอาบพิษไว้ กลับไม่ทราบว่าจะเพิ่มการออกแบบลวดลายที่ทำให้เสียงดังขึ้นไปทำไมกัน
ทางสองเฒ่าจิ้งหานลงมือพร้อมกันจากด้านซ้ายด้านขวา
“เถาวัลย์หยกสิบแปดจู่โจม!”
“กระบี่ลาจาก!”
ทั้งสองคนร่วมมือกันจากทั้งซ้ายและขวา ร่างระเบิดพละกำลังอันมหาศาลออกมา กระบี่ยาวสองเล่มจู่โจมเข้าใส่ดุจมังกรเงินสองตัว ทำให้ลู่เซิ่งรู้สึกว่าแก้มถูกกระแสลมบีบอัด แรงกระแทกน่ากลัวอันมหาศาลสองสายแทบจะทำให้เขาเกิดความรู้สึกถูกคุกคามอ่อนๆ ได้ทันที
“ไม่เลว”
ลู่เซิ่งพยักหน้าน้อยๆ ทราบว่าถ้าเขาคว้าจับทั้งแบบนี้ จะต้องถูกสองเฒ่าโจมตีใส่เอวจากทั้งสองด้านแน่
เขาไม่คิดจะใช้เอวของตัวเองไปแลกกับการจับผังหยวนจวิน โอกาสยังมี ยังไม่ต้องรีบร้อน
ลู่เซิ่งชักมือกลับมาดุจสายฟ้าฟาด ใช้สองมือปะทะกับสองเฒ่าจิ้งหานจากสองฝั่งในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้ฝ่ามือของเขาเหมือนกับสร้างจากเหล็ก ปรากฏเป็นสีสำริดอ่อนๆ แยกกันรับการโจมตีจากสองด้านได้อย่างแม่นยำ
เคร้งๆ!
ชายชราทั้งสองคนเพิ่งจะสัมผัส ก็รู้สึกได้ว่ามีพละกำลังอันเต็มเปี่ยมทะลักออกมาเหมือนผลักภูเขาถมทะเล สีหน้าของทั้งสองคนแดงซ่านแวบหนึ่ง จากนั้นก็โซเซก้าวถอยหลังไปหลายก้าว กระบี่ยาวในมือแตกร้าวน้อยๆ
“หมัดวิญญาณทะลวงอากาศ”
ตอนนี้ผังหยวนจวินเอาจริงแล้ว เขายื่นมือไปแตะหน้าผากของตัวเอง คล้ายกับกระตุ้นจุดลมปราณสักจุดหนึ่ง
ผิวของเขากลายเป็นสีแดงอ่อนๆ ทันที เลือดบนร่างกายโคจรด้วยความเร็วสูง กายเนื้อบวมพอง เหมือนกับร่างขยายใหญ่ขึ้นอีกหลายส่วน
“แก่นนักรบท่าสังหารที่สิบ! พายุคำรน!”
เขาแผดเสียงแล้วโน้มร่างพุ่งใส่ลู่เซิ่ง สองมือถือดาบเหล็กเล่มนั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ร่างกายหมุนวนด้วยความเร็วสูงเหมือนกับพายุและม้วนเข้าใส่ลู่เซิ่งจากพื้นดิน
ฟ้าว!
กรวดหินดินทรายจำนวนมากถูกพัดขึ้น ยอดฝีมือในบริเวณรอบๆ ที่เตรียมจะรุมโจมตีถูกกดดันให้ถอยห่างออกไประยะหนึ่ง ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
ลู่เซิ่งผุดสีหน้างุนงง กล้ามเนื้อบนแขนขวานูนขึ้นน้อยๆ ส่วนท้องขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นท่าไม้ตายของวิชาคางคกดาราเคลื่อน ทั้งยังเป็นท่าไม้ตายอันดับแรกที่เอาไว้ใช้ต่อสู้หลังจากเขาบรรลุระดับที่สิบ
ไม่นานนัก ท้องของลู่เซิ่งก็ขยายใหญ่เท่ากับลูกหนัง เหมือนกับในร่างกายมีก้อนอะไรสักอย่างหมุนวนช้าๆ เส้นเลือดบนผิวท้องหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ เอ็นเขียวหลายสายบิดเบี้ยวจนเหมือนกับกลีบดอกไม้และเปลวเพลิง แปลกประหลาดบรรยายไม่ถูก
“วิถีอัศจรรย์ทำลายล้าง!”
ลู่เซิ่งงอเอวเล็กน้อย ท้องระเบิดอย่างสะเทือนเลื่อนลั่น ราวกับว่าความเร็วและพละกำลังขยายขึ้นเกือบเท่าตัว สองฝ่ามือฟันใส่พายุที่ผังหยวนจวินม้วนขึ้นดุจดาบคมกริบ
ตูม!
นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ประมือกันอย่างสุดกำลัง
พายุหยุดชะงักไปพริบตาหนึ่งก่อนจะสลายหายไป ผังหยวนจวินถูกสองฝ่ามือที่ลู่เซิ่งวางไขว้กันกระแทกกับสองแขนราวสายฟ้าฟาด คนร้องโหยหวนพลางกระเด็นออกไปดุจปืนใหญ่ พริบตาเดียวก็กระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลัง แล้วหายไปท่ามกลางฝุ่นผงและซากปรักหักพัง
ลู่เซิ่งจะตามโจมตีต่อ ทว่าราชาทะเลทรายเขวี้ยงมีดบินเคลือบพิษมาอีกหลายเล่ม ทั้งยังมีลูกศรพลังทำลายสูงที่เคลือบพิษอีกกลุ่มใหญ่ปิดล้อมเส้นทางของเขาไว้อย่างหนาแน่น
“หือ” วิชาธนูนี้น่าสนใจ
ลู่เซิ่งกระทืบเท้า เงยหน้ามองไปด้านหน้าไกลๆ สตรีร่างสูงใหญ่ที่มีผมยาวสีขาวคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนปลายเสาหินต้นหนึ่งระหว่างป่าหิน
“ไป!” ผังหยวนจวินกระอักเลือด ความเร็วเพิ่มขึ้นไม่น้อยอย่างน่าประหลาด ก่อนจะผลุบหายไปยังส่วนลึกของป่าศิลา
ลู่เซิ่งแค่นเสียงและไล่ตามไฟดุจสายฟ้าฟาด เพียงแต่เป็นเพราะไม่คุ้นชินกับภูมิประเทศของที่นี่ ทำให้เขาช้าลงเล็กน้อย
อีกสามคนตอบสนอง แยกย้ายกันติดตามไป
“ไม่มีประโยชน์ อย่าหนีเลย ตามข้ากลับไปดีกว่าจะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” เสียงของลู่เซิ่งเย็นชาสงบนิ่ง เหมือนกับไม่ได้กำลังพูดขณะวิ่งตะบึงด้วยความเร็วสูง
ผังหยวนจวินวิ่งสุดฝีเท้า เลือดจุกอยู่ที่ลำคอ แต่ไม่กล้าพ่นออกมา
เขารู้ดีว่าหากพ่นเลือดพร้อมกับอากาศออกไปคำนี้ อาการบาดเจ็บภายในจะสำแดงผล ทำให้ไม่มีแรงหนีอีกต่อไป
พวกราชาทะเลทรายตามติดอยู่ด้านหลัง ไล่ตามไม่ยอมลดละ
ลู่เซิ่งทำร้ายผังหยวนจวินต่อหน้าพวกเขา ทั้งยังหลีกเลี่ยงไม่สู้กับพวกเขา นี่ทำให้พวกเขาสามคนเสียหน้า
พึงทราบว่า ถ้าหากอยู่ด้านนอก พวกเขาสามคนไม่ว่าใครก็เป็นจอมอหังการที่มีชื่อเสียงโด่งดังหรือบุคคลระดับราชาทั้งสิ้น
นึกไม่ถึงว่าเรือจะคว่ำในหนอง ในสถานที่เล็กๆ เช่นนี้
ลู่เซิ่งกับผังหยวนจวินหนึ่งไล่หนึ่งหนีไปกลางป่าด้วยความเร็วสูง พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามกว่าๆ
ผังหยวนจวินเหมือนจะกระตุ้นจุดลมปราณไหนสักจุด จึงแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่งออกมา ความเร็วถึงกับไม่ช้ากว่าลู่เซิ่งชั่วขณะ กอปรกับเขาคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ถึงขีดสุด ทำให้ลู่เซิ่งคลาดไปหลายรอบ
หลังจากไล่ตามไปอย่างต่อเนื่อง ไม่นานสภาพแวดล้อมก็แปรเปลี่ยนไม่คุ้นตา
ป่าหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ ภูมิประเทศเองก็ยิ่งเข้ามายิ่งน่าหวาดเสียว สถานที่บางส่วนปรากฏต้นไม้โบราณสูงเทียมฟ้าที่รากปักลึกเข้าไปในดิน ท่ามกลางป่ารกชัฏมีกลิ่นควันสกปรกและหมอกขาวอ่อนๆ ฟุ้งกระจาย
ความเร็วในป่าของผังหยวนจวินเริ่มได้รับผลกระทบ แต่ทิศทางที่มุ่งหน้าไปยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ลู่เซิ่งที่ติดตามอยู่ด้านหลังเห็นเขาเงยหน้าดื่มบางอย่างที่คล้ายสุราบ่มยาสองครั้ง แสดงว่ามีผลชดเชยพลังกาย
ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ อยู่ๆ ผังหยวนจวินก็พุ่งร่างไปทางขวา ถึงกับอันตรธานไปจากที่เดิม
ลู่เซิ่งขมวดคิ้วก่อนจะหยุดฝีเท้าอย่างฉับพลัน
ถ้ำสีดำทะมึนที่สูงเท่าหนึ่งคนครึ่งฝังตัวอยู่บนผนังภูเขาทางขวามือของเขา
ด้านนอกถ้ำมีรากที่เหมือนกับกิ่งหลิวจำนวนมากปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก พืชคล้ายๆ กับเถาวัลย์จำนวนไม่น้อยแทรกตัวอยู่ด้วย หากไม่สังเกตให้ดีก็ย่อมไม่เห็น
‘ที่นี่…’ ลู่เซิ่งหรี่ตา ผังหยวนจวินพุ่งเข้าถ้ำแห่งนี้อย่างแน่วแน่ขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าเตรียมการไว้แต่แรกแล้ว หรือบางทีอาจบอกว่ารู้แต่แรกแล้วว่าที่นี่มีถ้ำอยู่
ทว่าลู่เซิ่งไม่สนใจ วิชาคางคกดาราเคลื่อนระดับสิบไม่เพียงมอบพลังกาย พละกำลัง และความเร็วที่มหาศาลให้เขาเท่านั้น ยังมอบความอดทนอันน่ากลัวให้เขาเช่นก่อน การวิ่งสุดฝีเท้าที่ยาวนานเช่นก่อนหน้าเพียงแค่ผลาญกำลังกายไปเพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น
ครั้งนี้ลู่เซิ่งสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า ไม่ทราบว่าเจ้าวรยุทธ์สามคนที่ติดตามตนมาโดยตลอดนั้นหายไปไหนแล้ว
ป่ารอบๆ เงียบสงัด งูหลามที่ลำตัวหนาเท่าคอตัวหนึ่งบนต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไปกำลังแอบหลบอยู่ในมุมหนึ่งของรากไม้ ตกใจจนไม่กล้าขยับเขยื้อนเนื่องจากจิตสังหารบนร่างลู่เซิ่ง
“คิดจะใช้ที่นี่ขัดขวางข้าหรือ” ลู่เซิ่งแค่นเสียง ก่อนจะกระโดดเข้าไปในถ้ำโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
พอเข้าไปในถ้ำก็มีเงาดำขนาดยักษ์สายหนึ่งพุ่งมาด้านหน้าทันที
โฮก!
เสียงสัตว์คำรามระเบิดขึ้นข้างหูลู่เซิ่ง กลิ่นเหม็นรุนแรงซึ่งมาพร้อมกับลมพุ่งใส่ศีรษะเขาอย่างหนักหน่วง
“หาที่ตาย!” ลู่เซิ่งระเบิดพลังของเจ้าวรยุทธ์ขั้นสูงสุดในระดับสิบสุดกำลัง แล้วใช้ฝ่ามือผลักพลังระเบิดอันน่ากลัวที่แฝงความโกรธออกไป
ตูม!
เงาดำขนาดยักษ์ระเบิดพละกำลังที่คล้ายกันออกมา ปะทะฝ่ามือกับลู่เซิ่ง
ฝุ่นผงจางๆ กลุ่มหนึ่งกลายเป็นวงแหวนที่เหมือนกับวงแสง แล้วกระจายออกไปรอบๆ โดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลาง
เส้นเลือดและเส้นชีพจรทั่วร่างลู่เซิ่งโป่งพอง ร่างกายเหมือนกับขยายใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่ง เลือดลมบนร่างไหลเวียนด้วยความเร็วสูง สองฝ่ามือปะทะกับเงาดำดุจสายฟ้าฟาดสิบกว่ารอบ
ตูมๆๆๆ!
พลังฝ่ามืออันเกรี้ยวกราดกระแทกหินทรายตรงปากถ้ำที่เล็กแคบให้หล่นลงมาดังซ่าๆ
ลู่เซิ่งอาศัยแสงกลุ่มหนึ่งจากด้านนอกที่สาดลอดเข้ามา ค่อยเห็นชัดว่าสิ่งที่ขวางตนอยู่คืออะไร
นี่ถึงกับเป็นหมีสีดำตัวเขื่องสูงสามหมี่ สิ่งที่แตกต่างจากหมีดำทั่วไปก็คือ หมีดำตัวนี้ใช้ทักษะวรยุทธ์เป็น พลังระเบิดอย่างบ้าคลั่งตามการขยายใหญ่ของเส้นเลือดและกล้ามเนื้อ ราวกับเป็นจอมยุทธ์ระดับเจ้าวรยุทธ์ขั้นสูงสุดที่มีพละกำลังช้างสารโดยกำเนิด
“เจ้าวรยุทธ์หาได้ง่ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ลู่เซิ่งผุดสีหน้าเย็นชา
“ดูเหมือนถึงเวลาทำให้พวกเจ้าได้รู้จักความร้ายกาจของวิชาหล่อเลี้ยงชีวิตแล้ว!”
เขาขยายเลือดลมสุดกำลัง
ถึงแม้ปัจจัยร่างกายในปัจจุบันของเขาจะอยู่ในระดับเจ้าวรยุทธ์ขั้นสูงสุด แต่ขอบเขตวรยุทธ์ของเขาได้หลุดพ้นจากระดับเจ้าวรยุทธ์ไปถึงระดับปริศนาตั้งนานแล้ว
……………………………………….