ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 776 รวมตัว (2)
เวลาของโลกใบนี้กับโลกมารสวรรค์คือสิบต่อหนึ่ง ถ้าหากไม่เร่งมือ เกรงว่าทางโลกมารสวรรค์จะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงเอาได้
ส่วนโลกสีเทานี้ ตอนแรกเขาคิดจะจับคนมาถามดู แต่มีคนมากมายรู้จักที่แห่งนี้ หลังออกไปแล้วสามารถจับคนมาถามได้ จึงยังไม่ต้องรีบร้อนอันใด
ระหว่างกลับ ความเร็วในการเดินทางของลู่เซิ่งเร็วกว่าตอนขามา ประการแรกเป็นเพราะเขาไม่ต้องระมัดระวังตัวและค้นหาอย่างตั้งใจอีก ประการที่สองเพราะบรรลุเป้าหมายแล้ว ขณะที่หิ้วคนพร้อมวิ่งตะบึง ไม่ต้องคอยสัมผัสที่อยู่ของคนรอบข้างอีก
เพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เขาก็กลับมาถึงมือยักษ์กระดูกข้างนั้นอีกรอบ
ข้างใต้มือยักษ์คือบึงน้ำในตอนที่พวกเขาเข้ามา
เขาหิ้วตัวผังหยวนจวินพุ่งเข้าไปในบึงน้ำโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ว่ายไปตามเส้นทางใต้น้ำด้วยความเร็วสูง รอจนกระทั่งโผล่หัวออกมาจากบึงน้ำใต้ผาแห่งนั้น ก็ผ่านไปสองนาทีกว่าๆ แล้ว
หลังออกจากโลกสีเทา ผังหยวนจวินก็พลันผุดสีหน้าท้อแท้หมดหวัง
“ที่แท้เจ้าไม่มีเป้าหมายอื่นจริงๆ…”
ลู่เซิ่งไม่สนใจอีกฝ่าย มือหนึ่งหิ้วคนมือหนึ่งแทงใส่หน้าผา เขาสร้างร่องจับสำหรับไต่ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ไต่ขึ้นไปด้านบนทีละขั้นตามร่องจับ
…
หลายวันต่อมา…ณ แท่นบูชาย่อยเมืองน้ำค้างคราม
ลู่เซิ่งยืนเอามือไพล่หลัง เงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ด้านหลังคือถังชิงชิงกับผังหยวนจวินที่นั่งเงียบๆ
ทั้งสองไม่พูดอะไรกัน เพียงผุดสีหน้าซับซ้อนและจนปัญญาตอนเหลือบมองลู่เซิ่งเท่านั้น
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านดูสิ แสงจันทร์กลางท้องฟ้ายามราตรี ยิ่งเว้าแหว่งก็ยิ่งมืดสลัวไร้แสง ความจริงคนก็เป็นเหมือนกัน ครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่สมบูรณ์และมืดสลัวเหมือนแสงจันทร์ที่เว้าแหว่ง”
ลู่เซิ่งหันกลับมามองผังหยวินจวินกับถังชิงชิงที่ถูกโซ่ตรวนมัดมือมัดเท้าไว้
“ตอนนี้ แม้เปลือกนอกพวกเราจะมาอยู่ด้วยกันแล้ว แต่ใจของพวกท่านห่างไกลกันยิ่ง”
ทั้งสองได้ยินดังนั้นต่างก็เงียบขรึม
ลู่เซิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มต่อ
“ดังนั้น เพื่อทำให้พวกท่านเข้าใจกันจริงๆ พวกเรามาเล่นการละเล่นสักอย่างกันเถิด…”
ทั้งสองคนต่างไม่เข้าใจสาเหตุ เหมือนอย่างที่ลู่เซิ่งว่า ระหว่างพวกเขาไม่มีความผูกพันเท่าไร มีเพียงผลประโยชน์ และการใช้ประโยชน์กันและกันเท่านั้น
ลู่เซิ่งไม่อธิบาย หากแต่เคลื่อนไหวร่างกายด้วยความเร็วสูงไปสับท้ายทอยทั้งสองดุจสายฟ้าฟาดเบาๆ
ทั้งสองพลันตาเหลือกและหมดสติไป
พลังจิตวิญญาณของร่างหลักที่ละเอียดอ่อนถึงขีดสุดสองสายมุดเข้าไปในสมองของพวกเขา แล้วเริ่มติดตั้งห้วงความฝันที่สอดคล้องกับแผนการที่ลู่เซิ่งได้วางเอาไว้
ผังหยวนจวินฝันถึงความฝันที่ยาวนานมากๆ เขาที่อยู่ในฝันไม่มีลูกชาย หลังจากผจญภัยในโลกสีเทาเสร็จ เขาก็เจอยาวิเศษ แล้วยกระดับถึงระดับจักรพรรดิวรยุทธ์ จากนั้นก็เริ่มเส้นทางสยบใต้หล้าอันยิ่งใหญ่
หลังจากทำสงครามอย่างดุเดือด ยุทธจักรก็ตกสู่เงื้อมมือเขา ไม่นานนักผ่านไปไม่เกินห้าปี เขาก็ได้ปกครองใต้หล้า สถาปนาประเทศใหม่ขึ้นมา และเพลิดเพลินกับการปกครองยุทธจักร
หลังจากเสียชีวิตไปในวัยชรา เขาก็กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง และเริ่มการแย่งชิงใต้หล้าในชาติใหม่
เป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมามากกว่าร้อยรอบ! ตอนแรกผังหยวนจวินเหมือนได้ลิ้มลองน้ำเชื่อม พอมาถึงรอบที่สิบเขาก็เริ่มเอียนบ้างแล้ว
ถึงรอบที่สามสิบ เขาก็รู้สึกคลื่นเหียน
รอบที่เจ็ดสิบ เขาเริ่มเฉยชาแล้ว โครงเรื่องในฝันพัฒนาอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเล่นตุ๊กตา
แต่ต่อให้เขาจะอยู่ในกระท่อมที่บ้านเกิดไม่ยอมไปไหน ก็จะมีแม่ทัพบู๊ขุนนางบุ๋นมาสวามิภักดิ์และเริ่มเส้นทางช่วงชิงความเป็นใหญ่อีกครั้งอยู่เรื่อยไป
พอถึงรอบที่แปดสิบกว่า ในที่สุดผังหยวนจวินก็บรรลุสัจธรรม จากนั้นก็เบื่อหน่ายกับการชิงความเป็นใหญ่โดยสิ้นเชิง หากแต่มีความปรารถนาต่อความรักที่ไม่เคยได้รับมาก่อนอย่างแรงกล้า
เทียบกันแล้ว ความฝันของถังชิงชิงนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง
นางฝึกฝนลืมรักสูงส่งในฝันเช่นกัน โดยมีความต้องการเพียงหนึ่งเดียวก็คือบรรลุมหามรรคาและสำเร็จกลายเป็นเซียน
ในฝันราบรื่นสุดเปรียบปาน หลังจากถูกลู่เซิ่งปล่อยกลับไป นางก็เลื่อนระดับอย่างต่อเนื่อง และไปถึงลืมรักและ ไร้รักอันเป็นระดับสมบูรณ์อย่างแท้จริง วิชากระบี่หทัยศักดิ์สิทธิ์จิตอริยะเลื่อนสู่ขั้นสูงสุด กลายเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งวิถีเอกะ
จากนั้นนางก็เร้นกายฝึกฝนอย่างหนัก ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปห้าสิบกว่าปี ในที่สุดถังชิงชิงก็สำเร็จมหามรรคา กลายเป็นคนที่ทลายนภาออกไปด้วยพลังของตัวเองอย่างแท้จริงในประวัติศาสตร์ของวิถีเอกะ
ไม่นาน นางก็ลงมือสำเร็จในการกักตนครั้งหนึ่ง ทลายนภาสำเร็จในครั้งเดียว ก่อนจะกระโดดไปยังโลกใบใหม่ภายใต้การกราบกรานอย่างนอบน้อมของศิษย์จำนวนมาก
โลกที่มีชื่อว่าแดนเซียนเผยโฉมหน้าอันลึกลับต่อหน้านาง
ทว่าพลังฝึกปรือของนางเมื่อมาอยู่ที่นี่กลับอยู่ในระดับต่ำสุด จะต้องฝึกฝนอย่างหนักใหม่ ดังนั้นถังชิงชิงจึงเริ่มต้นใหม่ด้วยความขุ่นเคือง ฝึกฝนเป็นเวลาพันปีด้วยขอบเขตลืมรักสูงส่งอีกครั้ง
ในที่สุดนางก็เลื่อนระดับสำเร็จในโอกาสครั้งหนึ่ง กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าไม่กี่คนในแดนเซียน และไปถึงขอบเขตโบยบินยามทิวาอีกรอบ
นางทลายนภาเลื่อนระดับสำเร็จภายใต้ความคาดหวังของเซียนนับไม่ถ้วน กลายเป็นเทพเจ้าที่เลื่อนระดับสำเร็จด้วยตัวเอง!
ครั้งนี้นางเข้าสู่จักรวาลที่มีชื่อว่าแดนเทพ ในโลกใบนี้ เทพเจ้าเป็นเพียงฝุ่นผงระดับต่ำสุดเท่านั้น ดังนั้นถังชิงชิงจึงเริ่มฝึกต่อด้วยขอบเขตลืมรักสูงส่ง
หลังจากฝึกฝนเป็นเวลาหลายแสนปี ในที่สุดนางก็ไปถึงขอบเขตราชาเทพภายใต้การหมอบกราบของศิษย์ในสำนัก แล้วเริ่มการทลายนภาครั้งใหม่
มิติแหลกสลายขณะเกิดเสียงดังกึกก้อง ถังชิงชิงทลายนภาเข้าไปในจักรวาลลึกลับที่มีชื่อว่าแดนเทพโบราณ
ครั้งนี้ราชาเทพเป็นเพียงมอดระดับต่ำสุดอีกแล้ว นางจำเป็นต้องฝึกฝนขอบเขตลืมรักสูงส่งอีกหน หลังจากกักตนฝึกฝนอยู่หลายสิบล้านปี ในที่สุดถังชิงชิงก็บรรลุขอบเขตทลายนภาอีกครั้ง
นางไปถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพท่ามกลางความคาดหวังอย่างจริงใจของสหายร่วมเส้นทางและศิษย์นับไม่ถ้วน ทำลายเยื่อกั้นจักรวาลสุดกำลัง และเข้าสู่จักรวาลลึกลับที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้าไปมาก่อน
นั่นก็คือโลกเทพบรรพกาลในตำนาน!
ในโลกเทพบรรพกาลใบนี้ ต่อให้จะเป็นจักรพรรดิเทพ ก็เป็นเพียงมอดในระดับต่ำสุดอยู่ดี ครั้งนี้ถังชิงชิงจะต้องฝึกขอบเขตลืมรักสูงส่งอีกหน...
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ถังชิงชิงกับผังหยวนจวินก็ตื่นแทบจะพร้อมกัน ทั้งสองสบตากันด้วยใบหน้าเฉยชาและดวงตาเหม่อลอย
โอ๊ก!
ทั้งสองหันไปอาเจียนใส่พื้นพร้อมๆ กัน
“อย่ามาพูดเรื่องลืมรักกับข้า ข้าอยากตาย!”
“ข้าอยากจะนั่งส้วม ไม่ต้องมาแล้ว! ไม่ต้องมาอีกแล้ว…ข้าไม่อยากแย่งชิงใต้หล้าแล้ว ข้ารับไม่ไหวแล้วจริงๆ…”
แค่นึกถึงว่าขนาดตนนั่งส้วมก็ยังมีฤาษีโผล่พรวดมาเรียกว่านายท่าน ผังหยวนจวินก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
ถังชิงชิงนัยน์ตาเหม่อลอย นางรับการทลายนภามามากพอแล้วจริงๆ หากใครพูดเรื่องการทลายนภากับนางอีก นางจะเสี่ยงชีวิตกับมันผู้นั้นเอง!
ลู่เซิ่งมองดูบิดามารดาที่ตื่นรู้อย่างฉับพลันด้วยรอยยิ้มปลอบประโลม
“ส่งคนมาเชิญท่านพ่อท่านแม่ไปพักผ่อนในห้องเถิด” เขาสั่ง ยอดฝีมือที่ถูกเขาใช้เสน่ห์ของตัวเองดึงมาเป็นพวกเร่งรุดมาถึง แล้วแยกกันปลดโซ่ให้แก่ผังหยวนจวินกับถังชิงชิง ก่อนจะพาไปอาบน้ำ จากนั้นก็ส่งเข้าไปพักผ่อนในห้องนอน
ลู่เซิ่งหมุนตัวกลับไปมองท้องนภาที่มีดวงดาราอีกครั้ง รู้สึกกระปรี้กระเปร่า เรื่องหงุดหงิดใจเมื่อก่อนหน้านี้เหมือนกับถูกขีดฆ่าทิ้งหมดสิ้น ไม่มีแสงจันทร์ไหนจะงดงามไปกว่าแสงจันทร์ในคืนนี้อีกแล้ว
หลายวันถัดจากนั้น ไม่อยู่เหนือความคาดหมายของเขา ถังชิงชิงก็ดี ผังหยวนจวินก็ดี ไม่มีใครพูดถึงการแสวงหาวิถีแห่งเซียนและช่วงชิงยุทธจักรอีก
สองสามีภรรยาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เข้ากันได้เป็นอย่างดี อยู่ร่วมกันทุกราตรี ไม่สนใจแม้แต่เรื่องของแท่นน้ำค้างคราม
หลังจากลู่เซิ่งใช้เวลาอันอบอุ่นอยู่ร่วมกับพวกเขาระยะหนึ่ง ก็สะสางผลกรรมความปรารถนาสำเร็จ และได้หลอมรวมเข้ากับวิญญาณผลกรรมของผังซือเฉิง
ส่วนเขาก็เริ่มใช้พลังของแท่นน้ำค้างคราม เสาะหาวัตถุโบราณที่บรรจุพลังอาวรณ์ไปทั่ว เพียงแต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิดหวัง
ไม่ใช่เพราะรวบรวมไม่ได้ หากเพราะของที่รวบรวมมาได้บรรจุพลังอาวรณ์ไว้น้อยเกินไป
ในตอนนี้เอง เขาก็ได้ทราบข้อมูลของโลกสีเทาจากปากรองประมุขแท่นบูชาที่เป็นเจ้าวรยุทธ์สามคนในแท่นน้ำค้างคราม
ว่ากันว่าโลกสีเทาเป็นโลกลี้ลับที่มีการบันทึกไว้ในตำนานเทพนิยายเมื่อนานมาแล้ว
ที่นั่นนอกจากกระดูก ก็มีแต่กระดูก ไม่มีดินโคลน ไม่มีน้ำทะเลหรือลำธาร มีแต่โครงกระดูกเท่านั้น
กระดูกนับไม่ถ้วนกองสุมเป็นภูเขาเลากา
ในนั้นมีสัตว์ประหลาดที่แปลกประหลาดและน่ากลัวหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ นอกจากสัญชาตญาณการเข่นฆ่าแล้ว พวกมันก็ไม่มีความคิดใดๆ อีก
แต่บางครั้งจะเจอสิ่งของที่มีชื่อว่ายาวิเศษได้ในตัวสัตว์ประหลาดเหล่านี้
ของสิ่งนี้จะยกระดับคุณสมบัติทุกด้านของร่างกายขึ้นหลังจากกินเข้าไป มีผลช่วยเพิ่มระดับ
ดังนั้นทุกครั้งที่โลกสีเทาเปิดออก จะมีคนที่รู้ความลับจำนวนมากไหลทะลักเข้าไปหมายจะตามหาวาสนาของตัวเอง
เพียงแต่คนที่เข้าไปมีอย่างน้อยถึงเก้าส่วนที่ไม่ได้กลับมาตลอดกาล
…
“เจ้าคิดจะไปโลกสีเทาหรือ” ผังหยวนจวินควงแขนถังชิงชิงที่อ้วนขึ้นเท่าหนึ่ง นั่งมองดูละครงิ้วบนเวทีอย่างสบายอารมณ์อยู่ใต้เวที
พอได้ยินคำพูดของลู่เซิ่ง เขาก็งุนงงเล็กน้อย
“ที่นั่นอันตรายมาก อันตรายจริงๆ เชื่อข้าเถอะ แท่นน้ำค้างครามมีทรัพย์สมบัติมากมาย ใช้ไปกี่ชาติก็ไม่มีวันหมด จะไปเสี่ยงอันตรายทำไม พลังของเจ้าในตอนนี้แทบไร้ผู้ต่อกรในใต้หล้าแล้ว ไปโลกสีเทาแล้วมีประโยชน์อันใด”
“ท่านพ่ออย่าถามเลย ข้ามีเหตุผลที่ไม่ไปไม่ได้ขอรับ” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงทุ้ม
“ท่านไปกะเกณฑ์ลูกอะไรขนาดนั้น” ถังชิงชิงส่งเสียงขึ้นด้านข้าง “เขาอยากไปก็ปล่อยเขาไปเถิด เฉิงเอ๋อร์แข็งแกร่งและมองการณ์ไกลกว่าพวกเราเสียอีก”
ผังหยวนจวินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้าจะไป ข้าจะบอกจุดสำคัญของโลกสีเทาให้” เขาเว้นเล็กน้อยก่อนจะสูดหายใจ
“เจ้าน่าจะรู้มาก่อนแล้วว่า เดิมทีข้าอยู่ในองค์กรที่มีชื่อว่ากึ่งมาร ควบคุมขุมกำลังหนึ่งในหกส่วน และภารกิจหลักขององค์กรนี้ก็คือการหาผลประโยชน์และทรัพยากรจากโลกสีเทา”
“ในนั้นไม่ได้มีแค่ยาวิเศษเท่านั้นกระมังขอรับ หรือพวกท่านทำเพื่อยาวิเศษอย่างเดียว” ลู่เซิ่งถาม
“ย่อมไม่ใช่ ต่อให้ที่แห่งนั้นจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็เป็นแดนสมบัติตามธรรมชาติ” ผังหยวนจวินกล่าวอย่างจริงจัง
“ทุกครั้งที่ถึงคืนวันเพ็ญ ความเร็วของเวลาในโลกสีเทาจะเร็วขึ้น ที่นี่หนึ่งวันเท่ากับหนึ่งปีของที่นั่น ตอนนั้น ไม่เพียงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการหายาวิเศษ ยังเป็นโอกาสที่อาจจะเจอแกนกระดูกผลึกในตำนานอีกด้วย”
“แกนกระดูกผลึกหรือ!” ลู่เซิ่งตื่นเต้น ทราบว่านี่เป็นสิ่งสำคัญแล้ว
“ใช่แล้ว…นั่นคือกระดูกลึกลับที่บันทึกมรรคายุทธ์ในตำนานไว้หลากหลายชนิด…” นัยน์ตาของผังหยวนจวินสั่นไหวเล็กน้อย คล้ายตกอยู่ในห้วงความทรงจำ
……………………………………….