ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 793 พันธมิตรอธรรม (1)
หลังจากที่มหาปรมาจารย์หวังโหวจงปรากฏตัวสยบยุทธจักร ฝ่ายมารและฝ่ายอธรรมซึ่งได้แก่เก้าสำนักและ สิบหกลัทธิก็ฉวยโอกาสออกมาก่อคลื่นลมทันที
เพียงแต่สิ่งที่นึกไม่ถึงก็คือ มหาปรมาจารย์สั่งเรียกรวมตัววีรชนแห่งฝ่ายอธรรมทั้งหมดเพื่อร่วมมือกับสำนักสามานย์ที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ พร้อมทั้งสร้างพันธมิตรสามานย์ขึ้นมาเพื่อรับมือพรรคธรรมะของยุทธจักร
คราแรกฝ่ายอธรรมไม่อาจสู้ฝ่ายธรรมะได้ ราวกับทรายที่กระจัดกระจายบนจานเพราะไม่มีผู้นำ ตอนนี้พอหวังโหวจงเปล่งเสียงขึ้นมา ก็พากันมารวมตัวทางนี้เหมือนกับมีกระดูกสันหลังขึ้นมาแล้ว
หวงเจินหดตัวขณะมองดูคนหลายกลุ่มในความมืดอย่างถี่ถ้วน
อาศัยแสงไฟริบหรี่จากคบเพลิง เขาพอจะมองเห็นว่าคนกลุ่มนี้แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม ทุกคนยืนด้วยกันราวกับทั้งใกล้ชิดทั้งห่างไกล ท่ามกลางกลุ่มสามกลุ่มมีแกนหลักอยู่ มีคนห้อมล้อมอยู่อย่างเป็นธรรมชาติ
เขาพิจารณาดู ก่อนจดจำผู้นำทางฝั่งตะวันออกได้ทันที ภายใต้คบเพลิงสีเหลืองสลัวนั่นคือชายชรา ผมหงอกขาวที่สักตัวอักษรเลขเก้าไว้บนใบหน้า ชายชรามีสีหน้าอึมครึม ซ่อนสองแขนไว้ในแขนเสื้อสีดำยาว ไม่เอ่ยคำใด เป็นแมงป่องเก้าหาง ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่มีชื่อเสียงในยุทธจักร
ทางทิศหนือคือชายฉกรรจ์หัวล้านสองคนที่มีรูปร่างเตี้ยล่ำและแบกลูกตุ้มไว้บนหลัง บนบ่าทั้งสองสักมังกรเหิน สีดำไว้ หางตาเป็นสีแดงราวกับพร้อมจะอาละวาดได้ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าฝึกวิชาอธรรมอะไรถึงได้กลายเป็น เช่นนี้
หวงเจินจำได้ทันทีว่าสองคนนี้คือพี่น้องชวงเหอหู่ คนหนึ่งในนี้ก็คือเจินชิงหู่ผู้เป็นยอดฝีมือที่เกือบจะไปถึงระดับปรมาจารย์
ส่วนทิศใต้กับทิศตะวันตกกลับเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ใกล้กันชวนให้งุนงง ไม่มีใครกล้าเดินออกมาประจัญหน้ากับสองยอดฝีมือที่เหลือสักคน
หวงเจินเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าน้อยๆ เขาเป็นคนในยุทธจักรจากแดนใต้ พอเห็นภาพนี้จึงรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่ก็จนปัญญาเช่นกัน
พรรคสำนักธรรมะในยุทธจักรทิศใต้กับทิศตะวันตกอ่อนแอกว่าทางตะวันออกและเหนือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว บวกกับทางตะวันตกและใต้เกิดศึกไม่หยุดหย่อน ด้านการต่อสู้จึงไม่ได้รับการขัดเกลา ทำให้ไม่เพียงแต่ฝ่ายธรรมะทางตะวันตกกับใต้จะค่อนข้างอ่อนแอเท่านั้น แม้แต่ฝ่ายอธรรมกับฝ่ายมารทางตะวันตกและใต้ก็ไม่ใช่คู่มือของทางตะวันออกและเหนือเช่นกัน
“ดูเหมือนทางตะวันตกกับใต้จะไม่อาจเลือกหัวหน้าที่ทุกคนยอมสยบได้ เช่นนั้นให้ข้ารักษาการณ์แทนก่อนชั่วคราว ถือว่าเตรียมการให้แก่มหาปรมาจารย์ก็แล้วกัน” เฒ่าแมงป่องเก้าหางกล่าวพลางแสยะยิ้มด้วยสีหน้าเยียบเย็น
“ผู้อาวุโสแมงป่องเก้าหางไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ไป พวกเราจะจัดการเรื่องทางตะวันตกของพวกเราเอง” เสียงสตรีกระจ่างใสดังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูง เงาร่างสีดำสะโอดสะองสายหนึ่งโฉบผ่านกลางแสงสลัว ก่อนจะทิ้งตัวลงด้านหน้ายอดฝีมือฝ่ายอธรรมของฝั่งตะวันตก
“หงเซิงฮวา!”
“ปรมาจารย์พิษหงเซิงฮวา!”
พวกยอดฝีมือที่มีความรู้หลายคนอดอุทานขึ้นมาไม่ได้
แมงป่องเก้าหางพลันชะงัก ไม่พูดมากอีก เขาเคยได้ยินชื่อของหงเซิงฮวามาก่อน อีกฝ่ายมีพลังธรรมดา แต่บรรลุความสามารถใช้พิษจนช่ำชอง ต่อให้เขาจะมั่นใจในตัวเองมาก ก็ไม่กล้ารับประกันเต็มร้อยว่าตัวเองจะ ไม่ต้องพิษขึ้นมา
เช่นนั้นทางใต้เล่า
เขากวาดสายตามองคนจากฝ่ายใต้ที่ยังคงเป็นมังกรไร้หัว
“ในเมื่อทางตะวันตกมีผู้นำแล้ว อย่างนั้นทางใต้เล่า” แมงป่องเก้าหางแค่นเสียง
“ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องเป็นห่วงทางใต้ของพวกเราไป” ชายฉกรรจ์ที่ไว้เคราข้างแก้มคนหนึ่งกระชับกระบี่แน่น ยิ้มเย็นพลางเอ่ย
“นี่มันพานต้าหยวนแห่งพันธมิตรเจ็ดขุนเขาไม่ใช่หรอกหรือ พวกเจ้าพันธมิตรเจ็ดขุนเขาอ่อนแอจนกลายเป็น เช่นนี้ ถูกมหาปรมาจารย์ทำลายไปห้าถูกทำให้พิการไปสอง ยังมีหน้ามาเสนอบอกว่าตัวเองเป็นผู้นำได้อีก”
เสียงชั่วร้ายพลันหัวเราะขึ้นจากกลุ่มคนตะวันออก
ชายฉกรรจ์ไว้เคราข้างแก้มคนนั้นหน้าแดงก่ำทันที
“ข้าไม่ใช่คนของพันธมิตรเจ็ดขุนเขามานานแล้ว! ใครกัน!? กล้าพูดจาเหลวไหล แสดงตัวเสีย!”
“ได้ยินมาว่าครั้งกระโน้นเจ้าเป็นผู้นำของพรรคหวนบูรพา ดูจากตอนนี้ พันธมิตรเจ็ดขุนเขาก็ไม่เห็นจะเท่าไร” เสียงนั้นกล่าวต่อ
พานต้าหยวนพลันโมโหกว่าเดิม ชักกระบี่ออกมาพลางกวาดสายตาไปทั่ว
“ผู้ใด! จงไสหัวออกมา!?”
“ใครกล้าพูดจาสามหาวขนาดนี้ ถึงขนาดไม่เห็นพันธมิตรเจ็ดขุนเขาอยู่ในสายตาเชียวหรือ หรือไม่ทราบว่า ใต้เท้ามหาปรมาจารย์ก็ได้รับบาดเจ็บจากหนึ่งในพันธมิตรเช่นกัน”
บุรุษผมยาวอีกคนเดินออกมา เขาสูดหายใจลึกกล่าวเสียงดัง
ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่อดีตเคยอยู่ในพันธมิตรเจ็ดขุนเขาต่างก็ทยอยแสดงตัวเพื่อเพิ่มแรงกดดัน
แม้พวกเขาจะทรยศพรรคตัวเอง แต่เมื่อเผชิญกับสังคมใต้ดินแบบนี้ หากเกิดแสดงความอ่อนแอขึ้นมา เช่นนั้นก็หมายความว่ายุทธจักรทางใต้ไม่ใช่คู่มือของทางตะวันออกและเหนือหรอกหรือ
ในฐานะขุมกำลังตัวแทนที่ใหญ่ที่สุดของทางใต้ ยอดฝีมือที่มาจากพันธมิตรเจ็ดขุนเขาจึงมีจำนวนมากที่สุด ตอนนี้ย่อมเกาะกลุ่มเพราะมีความแค้นร่วมกัน
“ในเมื่อพวกเจ้าร้ายกาจขนาดนี้ เช่นนั้นก็ออกมาประมือกับข้าเสีย”
จู่ๆ เงาร่างดุจค้างคาวกลุ่มหนึ่งก็พุ่งมาจากท้องฟ้า ทิ้งตัวลงด้านหน้าทุกคน
คนผู้นี้เปิดผ้าคลุมหน้าและชุดอำพรางสีดำสนิทออก เผยให้เห็นใบหน้าวัยเยาว์ซีดขาวหล่อเหลา เนตรกระบี่เฉียบขาดคุกคามคน บุคลิกกดดันจางๆ
“ซือถูคง…! กระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งซือถูคง!?”
ครั้นคนที่อยู่รอบข้างเห็นดังนั้น ก็อดถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมส่งเสียงตื่นตระหนกขึ้นมาไม่ได้
แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้มีชื่อเสียงชั่วร้ายถึงที่สุด ไม่ใช่โจรผู้ร้ายธรรมดา
พวกพานต้าหยวนจำได้ทันทีว่าเป็นใคร
ต่างคนต่างหน้าซีด ไม่กล้าพูดจาต่ออีก
หวงเจินเองก็ตัวสั่น ซือถูคงกระบี่โลหิตผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา ในอดีตเคยสังหารฆ่าล้างบางสำนักในยุทธจักรมาหลายครั้ง ทั้งยังหนีรอดจากการไล่ล่าของผู้อาวุโสจากบู๊ตึ๊งได้หลายครา วิชาตัวเบาและ วิชากระบี่เหี้ยมหาญถึงขีดสุด พูดจาไม่ลงรอยคำเดียวก็อาจลงมือสังหารคนได้ทันที
ว่ากันว่ามีโครงกระดูกขาวโพลนนับพันที่ตกตายภายใต้กระบี่ของเขา
“ข้าคือซือถูคง ข้าต้องการตำแหน่งผู้นำ พวกเจ้าไม่มีปัญหากระมัง” เขาไม่สนใจเหนือใต้ออกตก หากแต่ ยืนกล่าวเสียงเย็นชาท่ามกลางฝูงชน
“เจ้า!?” คนจากพันธมิตรเจ็ดขุนเขาพลันปั่นป่วน เป็นเพราะซือถูคงมองมาทางพวกเขา แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่าย คิดยึดครองตำแหน่งผู้นำของแดนใต้
“แต่จะว่าไป มหาปรมาจารย์เรียกพวกเรามารวมตัวกันแท้ๆ เหตุใดตัวเองยังมาไม่ถึงอีก” มีคนส่งเสียงถามอย่างประหลาดใจ
“ข้าย่อมมาถึงนานแล้ว” ทันใดนั้นด้านนอกฝูงชนก็มีเสียงดังมาลิบๆ
ฉับพลันนั้นทุกคนก็พากันหลีกทาง จนกลายเป็นทางเดินเข้าออก
เงาดำที่อยู่ไม่ไกลออกไปลอยตัวลงมายังท่ามกลางฝูงชน ผู้มามีผมสีขาวสองนัยน์ตาวาวโรจน์ดุจอัสนี สวมชุดคลุมสีดำ บุคลิกล้ำเลิศ เป็นหวังโหวจงที่เพิ่งกลับมาจากแดนใต้
“แต่ผู้ที่เรียกทุกคนมารวมตัวกันไม่ได้มีข้าเพียงคนเดียว” หวังโหวจงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ กล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“น้องเฉิน ยังไม่ปรากฏตัวอีก” เขามองไปยังที่ลับทางตะวันตก
ทุกคนพลันฮือฮา ยังมียอดฝีมือคนไหนเทียบเคียงกับมหาปรมาจารย์อันดับหนึ่งแห่งฝ่ายอธรรมได้อีก
ฉับพลันนั้นสายตาหลายสายพากันตกลงบนทิศทางที่หวังโหวจงมองไป
ไม่ทราบว่าในความมืดมิดตรงนั้นมีบุรุษหนุ่มที่รูปร่างสมส่วนกำยำคนหนึ่งยืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไร หุ่นสามเหลี่ยมคว่ำบ่ากว้างบึกบึน ขาเรียวยาว สองแขนทรงพลัง มัดโซ่สีดำพาดไขว้กันไว้บนไหล่ซ้ายขวา
คนผู้นี้ก็คือลู่เซิ่งที่เพิ่งจะออกจากพรรคกระบี่บรรณภูผา
ลู่เซิ่งกวาดมองทุกคนที่อยู่รอบข้างด้วยสายตาราบเรียบ ดวงตาไม่มีสีสันหรือความรู้สึกใดๆ เพียงประเมินพิจารณาเท่านั้น
“ข้าต้องการสิ่งของอย่างหนึ่ง ถ้าใครในหมู่พวกเจ้าหามาได้ ก็สามารถเอามาแลกของชิ้นหนึ่งกับข้าได้ ของสิ่งนี้จะเป็นคัมภีร์ลับมรรคายุทธ์ หรือเป็นทรัพย์สมบัติเงินทองก็ได้ แน่นอน บางทีพวกเจ้าอาจจะอยากถามว่า ข้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้พวกเจ้าเชื่อฟังข้ากระมัง” ลู่เซิ่งเอ่ยอย่างสงบ
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ซึ่งเดิมกำลังจะโพล่งปากพลันเงียบลง ด้วยคิดจะฟังว่าเขาจะตอบคำถามนี้อย่างไร
ลู่เซิ่งกวาดตามองก่อนจะฉีกยิ้ม
“นั่นเป็นเพราะที่หวังโหวจงเรียกมือดีฝ่ายอธรรมมารวมตัวกัน ความจริงเป็นเพราะข้าสั่งให้เขาทำ…”
หลังจากลู่เซิ่งพูดประโยคนี้ เสียงส่วนหนึ่งที่ตอนแรกยังคงดังอยู่พากันเงียบสงัด สายตาจำนวนมากตกลงบนร่างหวังโหวจงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ ถ้ามีคนไม่ยินยอม สามารถเข้ามาลองดูได้ คนเดียวก็ดี สิบคนก็ได้ พวกเจ้าจะเข้ามาหมดเลยก็ไม่มีปัญหา”
ลู่เซิ่งยืดร่างขึ้น กล้ามเนื้อบนร่างขยับและพองขยายอย่างเชื่องช้า เป็นมันเลื่อมดุจเหล็กกล้า ใต้แสงเปลวเพลิง
“แน่นอน...ถ้าพวกเจ้ารับปากแล้วทำไม่ได้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าเสีย” ลู่เซิ่งพลิกมือจับลูกตุ้มทองเหลืองด้านหลัง
“โอหัง!” ทันใดนั้นก็มีประกายกระบี่สีเลือดสายหนึ่งพุ่งผ่านอากาศไปหลายครั้ง เสือกเข้าใส่หูขวาลู่เซิ่ง
ฟึบ!
กระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งลงมือแล้ว!
ทุกคนตกใจ พากันเพ่งสมาธิกลั้นลมหายใจขณะมองทั้งสองคนสู้กัน แม้แต่หายใจแรงก็ยังมิกล้า
คนหนุ่มผู้นี้ปากดียิ่งนัก ทว่ากระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะบรรลือโลกเช่นกัน สามารถ หนีรอดจากเงื้อมมือของผู้อาวุโสบู๊ตึ๊งได้นับหลายครั้ง พลังย่อมไม่ธรรมดาสามัญเด็ดขาด
ตอนนี้พอประกายกระบี่สีเลือดถูกแทงออกไป ก็หมายความว่าศัสตราอันเป็นสัญลักษณ์ของกระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งออกจากฝักแล้ว ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร เป็นไปได้ว่าอาจตัดสินตัวผู้นำของทางใต้ รวมไปถึงหัวหน้าที่แท้จริงของงานชุมนุมฝ่ายอธรรมในครั้งนี้อีกด้วย
เวลานี้ประกายกระบี่สีเลือดแทงใส่หูของลู่เซิ่งราวสายฟ้าแลบ ความเร็วนั้นน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง ยอดฝีมืออย่างน้อยเก้าส่วนที่อยู่โดยรอบไม่ทันตอบสนอง ก็พบว่าประกายกระบี่อยู่ห่างจากหูของลู่เซิ่งไม่เกินหนึ่งฝ่ามือแล้ว
ทว่าในตอนนั้นเอง เงาสีเหลืองกลุ่มหนึ่งก็ฟาดลงมา
กล้ามเนื้อบนแขนของลู่เซิ่งนูนขึ้น ท่อนแขนที่มีพลังกระแทกรุนแรงสุดเปรียบปานกระแทกใส่ประกายกระบี่สีเลือดอย่างรุนแรง
เปรี้ยง!
คมกระบี่โค้งงอ กระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งที่ถือกระบี่ถูกแรงกระแทกลอยขึ้น ร่างชาด้าน ไม่อาจควบคุมสภาพหมดแรงนี้ได้โดยสมบูรณ์
จู่ๆ หางตาเขาก็เหลือบเห็นเงาสีเหลืองลอยมา
‘แย่แล้ว!’ กล้ามเนื้อส่วนขาของกระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งยังคงชาดิก ไม่อาจหลบหลีกได้ รอจนเงาสีเหลืองเข้ามาใกล้ เขาจึงพบว่านั่นคือลูกตุ้มยักษ์สำริดที่หมุนควงด้วยความเร็วสูง
ตูม!
ฝนโลหิตกลุ่มหนึ่งระเบิดกลางอากาศ
ลูกตุ้มสำริดของลู่เซิ่งตกลงพื้น ฝังเข้าไปในดินโดยไม่ขยับเขยื้อน
คนที่อยู่รอบข้างพลันแตกตื่น ไม่อาจรับกับความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้
หวังโหวจงสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ในประสบการณ์เกือบร้อยปีของเขา แม้จะเคยเห็นภาพโหดร้ายแบบนี้มาไม่กี่ครั้ง แต่ก็ไม่ถึงกับตื่นตระหนกตกใจ
“ยังมีใครกล้าลองแสนยานุภาพของน้องเฉินอีกหรือไม่” เขาตวาดเสียงต่ำ
ฉึก!
ในเวลานี้กระบี่ของกระบี่โลหิตบู๊ตึ๊งหมุนคว้างลงมาปักบนดิน ซากศพที่หลงเหลือกลิ้งไปมาที่พื้น สภาพโดยรอบกลายเป็นโรงเชือดสัตว์อย่างสิ้นเชิง
……………………………………….