ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 795 พันธมิตรอธรรม (3)
ลู่เซิ่งจุกที่ทรวงอก รสหวานคาวทะลักขึ้นในลำคอ
“รุนแรงมาก!” เขาไม่ทันไตร่ตรอง หลวงจีนเฒ่าก็หวดไม้เท้าเข้ามาอีกสามรอบดุจสายฟ้าฟาด
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
เป็นการโจมตีหนักอีกสามครั้งจู่โจมใส่ตำแหน่งเดิมของลู่เซิ่งจนเขาต้องถอยหลังติดต่อกัน ในที่สุดมุมปากก็มีเลือดไหลออกมา
“ทำลายปีศาจขจัดมาร ท้าฟ้าสู้ดิน!” หลวงจีนเฒ่าพลันกระชับไม้เท้าปราบมาร หมุนควงตัวไม้เท้าด้วยท่วงท่าประหลาด แล้วฟาดใส่โซ่ของลู่เซิ่งอย่างรุนแรงเป็นภาพติดตาพร้อมเสียงหวีดอันดังลั่น
ตูม!
ลู่เซิ่งเพียงรู้สึกว่ามีพละกำลังไร้รูปร่างสายหนึ่งกระแทกใส่ร่างอย่างหนักหน่วง ก่อนจะปลิวกระเด็นออกไปราวกับพุ่งทยาน่านชั้นเมฆ แล้วฝังตัวเข้าไปในอารามที่อยู่ไม่ไกลออกไป
พละกำลังของไม้เท้าปราบมารเมื่อครู่สูงขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยห้าเท่า! ช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้
ลู่เซิ่งได้รับบาดเจ็บเพราะรับมือไม่ทัน
ฝุ่นง อิฐ และหินจำนวนมากกระจัดกระจาย ลู่เซิ่งไอค่อกแค่กในฝุ่นสีเทาขมุกขมัว ก่อนจะหัวเราะออกมา
“เอาอีก! ดีปบลู!” เขาพุ่งตัวออกมา ขณะเดียวกันอินเตอร์เฟซดีปบลูก็ปรากฏออกมาตรงหน้า
‘เรียนรู้และยกระดับกระบี่นกกระจาบเมฆาหางนกยูง!’
ลู่เซิ่งที่อยู่กลางฝุ่นพุ่งไปยังตำแหน่งที่หลวงจีนชรายืนอยู่ดั่งเส้นสีดำ
“ตาย!”
เขากำลูกตุ้มสองอันไว้ในมือตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ ประกบลูกตุ้มคู่เข้าด้วยกันแล้วฟาดใส่ไม้เท้าปราบมารด้านหน้าหลวงจีนชรา
ตูม!
ครั้งนี้ถึงคราวหลวงจีนชราถูกฟาดกระเด็นเข้าไปในอารามที่อยู่ไม่ไกลออกไป กระเด็นนใส่พระพุทธรูปหลายองค์จนหักโค่นลง
ไม่นานนักหลวงจีนชราก็ตะเกี่ยตะกายออกจากซากปรักหักพัง ศีรษะอาบเลือด ดวงตาฉายประกายดุร้าย
“ก็แค่มนุษย์ธรรมดา! หยกเทวะ!” เขาตะโกนออกมา ร่างกายขยายขึ้นเท่าหนึ่ง ิวหนังมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้น เส้นเลือดกับรอยจ้ำสีดำเต้นสั่นระริกในดวงตา
“หมื่นพุทธะกราบกราน!” หลวงจีนชรายกไม้เท้าปราบมารขึ้นวาดเป็นเส้นโค้งเรียบง่ายใส่ลู่เซิ่งด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
ตูม!
ครั้งนี้ลู่เซิ่งถูกฟาดกระเด็นอีกรอบ ร่างกายกลิ้งไปบนพื้นสิบกว่าตลบ และมีรอยเลือดโล่ขึ้นไม่น้อย
“รนหาที่ตาย!” ครั้งนี้ลู่เซิ่งเดือดดาลแล้ว ร่างท่อนบนพองขยายด้วยความเร็วสูง กล้ามเนื้อทั่วร่างบิดเบี้ยวเกร็งเขม็งเหมือนกับสัตว์ประหลาด
‘ดีปบลู!’
“ดับสูญพลันคร่าวิญญาณ!”
ลูกตุ้มคู่ถูกลู่เซิ่งเหวี่ยงออกไปเหมือนกับก้อนหินที่ถูกระเบิดกระเด็น มันส่งเสียงแหวกอากาศแหลมสูงก่อนจะฟาดใส่หลวงจีนราวสายฟ้าฟาด
เปรี้ยง!
คลื่นกึ่งโปร่งแสงระเบิดขึ้นบนร่างหลวงจีนชรา เขากระอักเลือดออกมาและถอยหลังไปหลายก้าว
ยังไม่พอ ลู่เซิ่งพุ่งตัวไปถึงหน้าอาราม แล้วถีบใส่เสาหินเส้น่าศูนย์กลางหนึ่งหมี่กว่าอย่างแรง
ตูม!
เสาหินหักโค่นลง ส่วนที่หักลงไปฟาดใส่หลวงจีนชรา
“จะให้เจ้าได้ลิ้มลองหมื่นกระบี่หวนเป็นหนึ่งของข้าเอง!” ลู่เซิ่งถีบเสาหินติดต่อกันสิบกว่าครั้งดังตึงๆๆๆ! เสาหินทั้งหมดในอารามหักโค่นสิ้น
เสาหินขนาดยักษ์สิบกว่าต้นพลิกกลิ้งเข้าหาหลวงจีนอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามนุษย์โง่เง่า!” หลวงจีนชราเยความดิบเถื่อน ไม้เท้าปราบมารถูกกระแทกหักไปแล้ว เขาเลยใช้มือเปล่าทำลายเสาหินมากมายที่ลอยมา
“หยกเทวะ!” เขาพุ่งออกมาจากกลางเศษหินที่กระจายทั่วฟ้าอย่างบ้าคลั่ง แล้วกระแทกฝ่ามือใส่ลู่เซิ่ง ด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า
“เทวรูปทะยานฟ้า!”
ตูม!
ลู่เซิ่งรับมือไม่ทัน ทรวงอกโดนฝ่ามือประทับใส่ ร่างกระแทกใส่พื้น หลุมใหญ่กว้างหลายหมี่ระเบิดขึ้น
“มาอีก! ดีปบลู!” ลู่เซิ่งทะยานร่างขึ้นท่ามกลางเสียงตะโกน พละกำลังระเบิดขึ้นหลายเท่าตัว แล้วฟาดฝ่ามือใส่ศีรษะหลวงจีนชราสุดแรงเกิด
“หยกเทวะ!” พละกำลังของหลวงจีนชราขยายขึ้นอีก ก่อนจะกระแทกฝ่ามือใส่ลู่เซิ่งที่ยังอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
“ดีปบลู!” ทางด้านลู่เซิ่งก็กระแทกฝ่ามือเข้าหาโดยที่กล้ามเนื้อบิดเบี้ยวและพองขยายเช่นกัน
“หยกเทวะ!”
“ดีปบลู!”
“หยกเทวะ!”
“ดีปบลู!”
“หยกเทวะ!”
“ดีปบลู!”
“เจ้ามนุษย์โง่เง่า!”
“เจ้าคนป่าเถื่อนโง่เขลา!”
“อ๊าก! ตายเสีย!”
“ไปตายซะ!”
หลวงจีนเฒ่ากับลู่เซิ่งเอาจริงแล้ว ต่างฝ่ายไม่ยอมหลีกทางให้กัน พละกำลังของทั้งสองฝ่ายพุ่งทะยานไปถึงขั้นพิสดาร ทุกๆ กำปั้นทุกๆ ฝ่ามือทำลายทุกวัตถุ ก้อนหิน ต้นไม้ พื้นดิน และสิ่งก่อสร้างรอบข้างได้อย่างง่ายดายทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายและถล่มลงราวกับเต้าหู้ภายใต้ฝีมือของพวกเขา
เสียงดังลั่นเหมือนเสียงระเบิดสะท้อนเหนือยอดเขาอย่างต่อเนื่อง คนที่ชมดูบ้างก็หนีไปแล้ว บ้างก็ไปหลบอยู่ไกลลิบ ไม่กล้าเข้าใกล้อีก แม้แต่หวังโหวจงก็ยังอ้าปากตาค้าง ขณะยืนชมการต่อสู้อยู่บนหินก้อนยักษ์ก้อนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
นี่ยังเป็นเพราะพวกเขาหนีได้ไว ส่วนพวกที่วิ่งช้าหน่อย โดนลูกหลงจากการต่อสู้ของตัวประหลาดสองตัวไปแต่แรก โดนทุบกลายเป็นเศษเนื้อที่มองไม่เห็นแม้แต่เลือดฝังตัวอยู่ในซากปรักหักพังหลายกอง
เวลาเคลื่อนคล้อย ไม่ทราบ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดตัวประหลาดสองตัวบนยอดเขาก็รู้ลแพ้ชนะ
หลวงจีนชราเหมือนกับลาญอายุขัยไปเป็นจำนวนมาก จึงแก่ชรากว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่า แสดงให้เห็นว่าเขาไม่อาจรักษาสภาพสมบูรณ์เช่นก่อนหน้านี้ไว้ได้ตลอดเวลา
ส่วนลู่เซิ่งร่างอาบเลือด แม้จะยังคงล่ำสัน แต่เส้นเลือดและเส้นชีพจรหลายเส้นขยับยุกยิกบนร่างเหมือนกับงูดำ พองขยายจนเหมือนว่าจะระเบิดได้ทุกเวลา
นี่เป็นลลัพธ์จากการที่เขาพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อของตัวเองหลายครั้งเกินไปในระยะเวลาอันสั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะมีปราณปฐพีคอยสะกดไว้ เกรงว่าเขาคงตัวระเบิดตายไปในการต่อสู้เมื่อครู่ กลายเป็นคนที่ตัวพองจนระเบิดเพราะตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเร็วเกินไปเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ไปแล้ว
ตูม!
เกิดเสียงดังอึงอลอีกรอบ หลวงจีนเฒ่าโซเซถอยหลังไปหลายก้าว ปากกระอักเลือดคำโตใส่พื้น
“ตาเฒ่า จบสิ้นแล้ว…” ลู่เซิ่งยิ้มเยาะ
“ข้าไม่มีทางมอบหยกเทวัให้แก่เจ้า…” หลวงจีนชราไออย่างรุนแรง เขาจ้องมองลู่เซิ่งที่อยู่ด้านหน้าเขม็ง แค่นี้เด็กน้อยตรงหน้าก็แข็งแกร่งปานนี้แล้ว ถ้าหากได้พลังของหยกเทวะไปอีก เป็นไปได้ถึงขีดสุดที่อีกฝ่ายจะก้าวสู่ระดับที่ตนไม่อาจจินตนาการได้
หลวงจีนชรายื่นมือไปจับหยกเทวะด้วยความเศร้าเสียใจ
“เจ้าไม่มีทางเลือก” ตอนนี้ลู่เซิ่งเดาได้แล้วว่า หยกก้อนนั้นจะต้องซ่อนความลับยิ่งใหญ่เอาไว้แน่นอน
“เอามา! แล้วข้ารับประกันว่าจะไม่ทำอะไรรากฐานของเขาเส้าหลิน” ลู่เซิ่งเอ่ยเสียงเย็น
ฝ่ามือของหลวงจีนชราสั่น
“ข้า…ข้าแก่เกินไปแล้ว…ไม่มีทาง…ไม่มีทาง…!”
ฟ้าว!
เขาเหวี่ยงมือไปด้านหลัง หยกเทวะพลันลอยไปยังหน้าาบนยอดเขา
ลู่เซิ่งแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะสะกิดเท้าเหินร่างพุ่งไปยังกลางอากาศนอกหน้าา แล้วยื่นมือไปคว้าหยกเทวะที่ลอยอยู่
มือยังไม่ทันเข้าใกล้ เขาก็สัมัสได้ว่ามีพลังอาวรณ์มหาศาลและเข้มข้นถึงขีดสุดไหลเวียนพลิกม้วนอยู่ในหยกเทวะ
พลังอาวรณ์สายนี้คล้ายจะแตกต่างกับพลังอาวรณ์ที่เขาเคยพบเจอมาก่อนอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าคุณสมบัติของมันรุนแรงกว่าเดิมมาก
สิ่งที่ทำให้ลู่เซิ่งตกใจก็คือ ปริมาณของพลังอาวรณ์ที่อยู่ในหยกเทวะมีเยอะกว่าพลังอาวรณ์ทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมารวมกัน แค่คำนวณคร่าวๆ ก้อนเล็กเท่านี้ก็มีพลังอาวรณ์อย่างน้อยหลายล้านหน่วยแล้ว
พอเห็นลู่เซิ่งกระโดดออกจากหน้าา คนจากฝ่ายอธรรมพลันร้องตกใจ หวังโหวจงกำลังจะลงมือขัดขวาง แต่พอนึกถึงพลังของลู่เซิ่ง ก็เคลื่อนไหวช้าไปจังหวะหนึ่ง เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าลู่เซิ่งจะทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ
ในตอนที่ลู่เซิ่งกำลังจะจับหยกเทวะไว้ได้ หยกเทวะก็สั่นเล็กน้อย แล้วลอยห่างไปไกลอย่างฉับพลัน
ลู่เซิ่งสีหน้าเปลี่ยนแปลง คาดว่าคำนวณระยะห่างพลาดไป ความเร็วจึงลดลงด้วยลของแรงโน้มถ่วง ก่อนจะตกลงกระแทกพื้นดังเปรี้ยง
หยกเท;tลอยออกไปไกล แล้วตกลงในมือบุรุษสวมอาภรณ์เทาสองคนที่อยู่ตรงสันเขาอย่างแม่นยำ
“ู้ใด!?” ลู่เซิ่งเกิดเพลิงโทสะ สู้มาค่อนวัน ขณะกำลังจะได้วัตถุแห่งความลึกลับบนโลกใบนี้ ถึงกับมีคนสองคนโล่มาขัดขวางหรือนี่
คนทั้งสองตรงสันเขาส่งเสียงยิ้มเยาะ ก่อนจะหมุนตัวพุ่งปราดลงเขาอย่างรวดเร็ว
ลู่เซิ่งคำนวณระยะทาง กอปรกับสองคนนี้ว่องไวจนน่าตกใจ ไม่ช้าไปกว่าเขาในตอนนี้เลย รู้ดีว่าไล่ไม่ทัน สีหน้าเหยเกกว่าเดิม
“คิดหนีหรือ…!” เขากวาดตามองซ้ายขวา ก่อนฟาดแขนโค่นต้นไม้เล็กๆ ต้นหนึ่งลงมา แล้วถือกิ่งไม้กับใบไม้ที่อยู่บนต้นไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง
“ไป”
เขาพลันสะบัดมือ
ฟ้าวๆๆๆ!
ฉับพลันนั้นใบไม้กลุ่มใหญ่พุ่งออกไปเหมือนกับลูกธนู
ส่วนตัวเขากระโจนร่างไปด้านหน้า สะกิดปลายเท้าลงบนกิ่งไม้และใบไม้กลางอากาศ อาศัยแรงพุ่งออกไปเป็นระยะทางหนึ่ง
จากนั้นลู่เซิ่งก็โปรยกิ่งไม้และใบไม้ออกมาอีกส่วน แล้วยืมแรงพุ่งออกไปอีกครั้ง ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา เขาถึงกับลงจากยอดเขาอย่างแ่วพลิ้ว โดยอาศัยแรงโน้มถ่วงเร่งความเร็วเข้าใกล้คนสวมอาภรณ์เทาทั้งสองคนที่กำลังจะลงจากเขา
เปรี้ยง!
ลู่เซิ่งทิ้งตัวลงพื้นอย่างแรงจนเกิดหลุมดินขนาดใหญ่ขึ้น ขวางทางคนสวมอาภรณ์เทาทั้งสองคนที่มาถึงตีนเขาไว้ได้พอดี
เหล่ายอดฝีมือฝ่ายอธรรมที่กำลังพิงต้นไม้คุยกันอยู่เห็นมีคนหล่นลงจากท้องฟ้า พลันตกตะลึง ตอบสนองไม่ทันอยู่ชั่วขณะ
คนสวมอาภรณ์เทาสองคนมีคนอมคนหนึ่งคนกำยำคนหนึ่ง ปกคลุมร่างกับใบหน้าไว้ใต้อาภรณ์สีเทา
ลู่เซิ่งค่อยๆ ลุกขึ้นจากด้านในหลุมดิน
“วางหยกเทวะลง ตัดแขนสองข้างของตัวเอง แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า”
เห็นได้ชัดว่าคนสวมอาภรณ์เทาทั้งสองคนกริ่งเกรงลู่เซิ่งอย่างยิ่ง ท่ายืนกับอิริยาบทเหมือนกับเชิญศัตรูตัวฉกาจ
“ู้นำพันธมิตรสามานย์เฉินจื่อลัวใช่หรือไม่” คนสวมอาภรณ์เทาที่มีร่างกำยำโพล่งถาม
“รู้ว่าเป็นข้าแต่ก็ยังกล้าลงมือชิงของของข้าอีกหรือ” ลู่เซิ่งเลิกคิ้วน้อยๆ สถานะของสองคนนี้มีปัญหาแน่แล้ว
“นี่คือแก่นปฐม จะต้องจัดการด้วยวิธีการพิเศษถึงจะใช้ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีอันตรายและพิษร้ายต่อทุกคน!” คนสวมอาภรณ์เทาที่อมกว่าเล็กน้อยเอ่ยเสียงต่ำ
“แก่นปฐมหรือ” ลู่เซิ่งงุนงง นี่ทำให้เขานึกถึงเมล็ดแห่งแก่นปฐมในโลกมารสวรรค์
“นี่คือแร่ดิบพิเศษที่แฝงพลังอัศจรรย์เอาไว้ มัน…ทำให้คนไม่แก่ไม่เฒ่า” คนสวมอาภรณ์เทาร่างกำยำเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ขณะเดียวกันก็ทำให้คนหลับใหลตลอดกาล และเข้าสู่เส้นทางมารได้ด้วย นี่เป็นอัญมณีที่ได้รับการสาปแช่ง หากท่านครอบครองมัน ตัวท่านจะเป็นฝ่ายได้รับอันตรายแทน…”
ลู่เซิ่งอาศัยจังหวะนี้แอบใช้ปราณปฐพีไปหล่อเลี้ยงกายเนื้อ เพื่อทุเลาอาการที่ร่างกายไปถึงขีดจำกัดจนจวนเจียนพลังทลาย
“แล้วพวกเจ้าเล่า พวกเจ้าเป็นใคร” เขาถามต่อ
“พวกเรา…ท่านโชคดีมาก ถ้าท่านเคยได้ยินชื่อรากแห่งความว่างเปล่า เช่นนั้นก็จะต้องรู้จักเมล็ดแห่งแก่นปฐมแน่ พวกเราคือเมล็ดแห่งแก่นปฐม” คนสวมอาภรณ์เทาคนหนึ่งตอบอย่างตรงไปตรงมา “ดูเหมือนท่านจะเป็นสหายมารสวรรค์ที่จุติมาที่นี่ บางทีพวกเราอาจมีโอกาสร่วมมือกันได้”
“เมล็ดแห่งแก่นปฐม…” ลู่เซิ่งงงงวย เขาเคยเจอตัวตนแบบนี้มาก่อนจริงๆ นั่นคือตอนอยู่ที่ตระกูลจ้าว
ทว่าแม้เมล็ดแห่งแก่นปฐมนั้นจะไม่แข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่ามีสถานะสูงกว่าสองคนตรงหน้ามาก
“หมายความว่าพวกเจ้าไม่ได้กำลังแย่งชิง แต่กำลังช่วยข้าหรือ” สีหน้าของลู่เซิ่งประหลาดใจขึ้นมา
“กล่าวแบบนี้ก็ได้ ตอนแรกพวกเราไม่อยากทำให้พวกท่านเข้าใจิด จึงคิดขโมยแก่นปฐมไป นึกไม่ถึงว่าท่านจะยังไล่ตามมา” คนสวมอาภรณ์เทาที่อมกว่าเอ่ยอย่างราบเรียบ
แต่สิ่งที่ลู่เซิ่งไม่รู้ก็คือ แ่นหลังของพวกเขาสองคนในเวลานี้ชุ่มเหงื่อเย็นไปหมดแล้ว
……………………………………….