ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 805 ฉุกละหุก (1)
“เอาล่ะ ผมควรไปสักที” แจ๊คม้วนเก็บภาพน้ำมัน แล้วหมุนตัวผลุนผลันผลักประตูออกไป “รอบนี้ขอบคุณคุณมาก ครั้งหน้าผมจะเลี้ยงข้าวคุณเอง”
“เฮ้อ ไอ้หนูนี่มาไม้นี้อีกแล้ว!” เสียงของแอนดรูวดังไล่หลังมา “ระวังตัวหน่อย อย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งด้วยเชียว! ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้จะบอกพ่อเธอยังไงนะ”
“รู้แล้วครับๆ!” แจ๊คโบกมือโดยไม่หันหลังกลับ
จากนั้นเขาก็ออกจากประตูมหาวิทยาลัย เงยหน้ามองท้องฟ้าของกรุงลอนดอนที่มืดสลัวเต็มไปด้วยสีดำอมเทาอันหนักอึ้ง
เขาหวนนึกถึงตอนที่คดีถึงทางตันขณะที่ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุของคดีฆาตกรรมก่อนหน้านี้
ในคดี ฆาตกรคนนั้นโดนยิงไปสิบกว่าครั้ง แต่กลับฆ่าคนอีกหกคน แล้วถึงค่อยเสียชีวิตหลังจากหลบหนีไปเป็นระยะทางหลายร้อยเมตร เหมือนไม่ได้รับผลกระทบอย่างไรอย่างนั้น
ยังเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระทั้งที่อยู่ในสภาพถูกยิง…อีกทั้งบนตัวนั้นยังมีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ด้วย…
ยังมีสัญลักษณ์ประหลาดที่พบในวันนี้ สภาพคดีเหมือนกับถูกซ่อนอยู่ในหมอกหนาหลายชั้น แม้จะงัดแงะออกมาหลายชั้นแล้ว แต่ก็ยังคงไม่เจอความจริงอยู่ดี
แจ๊คลูบซองปืนอีกรอบ เขาทราบว่าต่อจากนี้เขาจะต้องพึ่งพาเพื่อนคนนี้ให้มากๆ หรือพูดอีกอย่างก็คือ สิ่งที่เขาพึ่งพาได้มีแค่สิ่งนี้เท่านั้น
แจ๊คกระชับซองปืนและสาวเท้าเดินไกลออกไป เพียงแต่เขาไม่ทันสังเกตเห็นเลยว่า เมฆดำกับหมอกดำหลายสายกำลังรวมตัวเหนือกรุงลอนดอนอย่างเงียบงัน
เมืองทั้งเมืองเหมือนกับเริ่มตกเข้าสู่วงล้อมของหมอกสีดำ การมาถึงของม่านรัตติกาลได้เริ่มต้นขึ้น
ในมุมใดมุมหนึ่งส่วนลึกของเมืองมีเสียงคำรามทุ้มต่ำแปลกประหลาดจำนวนมากดังมารางๆ
ในสถานการณ์ที่เหล่ามนุษย์ไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย เงาดำเหนียวหนืดส่วนหนึ่งเคลื่อนไปตามซอกหลืบ เข้าใกล้เขตที่แจ๊คพักอาศัยอยู่อย่างรวดเร็ว
ทางแจ๊คที่กำลังเร่งรุดไปยังอาคารที่ตัวเองอาศัยอยู่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย
เขาเร่งฝีเท้าไปตลอดทาง อายุสามสิบปีแล้ว เขาที่พลังกายเริ่มตกต่ำลงเพราะอาการบาดเจ็บภายในจึงหอบอยู่บ้างในตอนกลับถึงที่พัก
แจ๊คเดินขึ้นบันไดอย่างช้าๆ โดยใช้มือจับราวเหล็ก รู้สึกได้ว่ารอบข้างเหมือนจะมืดครึ้มลง
เงาดำจำนวนมากมุดเข้าไปในจุดเกิดคดีฆาตกรรมเหนือห้องของเขาในสถานที่ที่เขามองไม่เห็น แล้วจับตัวกันเป็นมนุษย์สีดำสูงเท่าคนธรรมดาเหมือนกับน้ำมันสีดำ
ร่างมนุษย์สลัดสีดำออกไป เผยให้เห็นผิวขาวผ่อง
เธอคือโรว์ลิง ภรรยาที่ฆ่าสามีและลูกของตัวเองไปก่อนหน้านี้
โรว์ลิงยิ้มในขณะที่ถือมีดทำครัวเปื้อนเลือด ยืนในห้องรับแขกตรงข้ามกับประตู เห็นสัญลักษณ์สีเลือดที่แปลกประหลาดบนแขนข้างหนึ่งของเธอได้รางๆ
‘ไปจุดเกิดเหตุก่อนก็แล้วกัน’ แจ๊คตัดสินใจ สัญลักษณ์ที่พบเจอเมื่อครู่มีความหมายสำคัญ เขาต้องไปตรวจสอบอีกครั้งเพื่อดูว่าจะหาเบาะแสใหม่เจอหรือไม่
พอนึกถึงตรงนี้เขาก็ขึ้นบันไดไป
ฟุ่บ
อยู่ๆ ก็มีเสียงแผ่วเบามุดเข้าหูเขา
แจ๊คงุนงง รู้สึกปวดท้ายทอยอย่างฉับพลัน สายตาก็พร่ามัว
“อั่ก…!?”
เขาเสียสมดุล ค่อยๆ หงายหลังล้มลงไป
หมับ!
แจ๊คคว้าราวเหล็กด้านข้างไว้ได้ตอนที่ล้มได้ครึ่งทาง
สองตาที่กำลังปิดลง เปิดขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ดวงตาที่เต็มไปด้วยความยุติธรรมเมื่อครู่กลายเป็นเย็นชามืดครึ้มเสียแล้ว
‘เกือบไปแล้ว…เพิ่งมาถึงก็มาเจอสถานการณ์แบบนี้พอดีอีก’
ลู่เซิ่งสะบัดศีรษะที่ยังคงมึนงงเล็กน้อย ความทรงจำในห้วงสมองยังสมบูรณ์ ตัวแจ๊คคือร่างหลักของจิตวิญญาณในโลกนี้ของเขา ดังนั้นสองฝ่ายจึงหลอมรวมกันได้โดยไม่มีการต่อต้าน
แม้เวลานี้โดยรอบจะไม่มีสภาพผิดปกติใดๆ แต่พอลู่เซิ่งที่ผ่านร้อยศึกมาจุติ ก็สัมผัสได้อย่างรวดเร็วถึงความผิดปกติ
อากาศและบรรยากาศรอบข้างกดดันหนักอึ้งยิ่ง ผ่านมาตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่เห็นคนสักคนเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…ร่างกายนี้อ่อนแอมาก! อ่อนแอโคตรๆ!
อยู่ในมาตรฐานของผู้ใหญ่ธรรมดา พลังต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวคือปืนพกที่เอว
ปืนพกใช้รับมือคนธรรมดาได้ แต่ถ้าเจอตัวตนเหนือธรรมชาติที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
และตอนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายมีปัญหาของตัวตนเหนือธรรมชาติสายนั้นแล้ว
‘กลิ่นอายอันตรายเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ…’ ลู่เซิ่งเลียริมฝีปากที่แห้งผาก เขาได้กลิ่นจิตสังหารที่แผ่ตลบในอากาศโดยรอบ
‘เพิ่มระดับความแข็งแกร่งในเวลาสั้นๆ ไม่ทันแล้ว…กฎพื้นฐานของโลกใบนี้ต้องการเวลาปรับตัว! การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกายต้องใช้เวลา! ครั้งนี้แย่เข้าให้แล้ว…’
ลู่เซิ่งแตกต่างจากแจ๊ค เวลานี้เขาสัมผัสได้แล้วว่าจุดหมายเหนือศีรษะที่ตนต้องการจะไป มีกลิ่นอายน่ากลัวที่แข็งแกร่งจนทำให้คนหวาดกลัวตัวสั่น กำลังกดดันประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาอยู่
ซู่…
‘นานเท่าไรแล้วนะที่ไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้’ ลู่เซิ่งสูดหายใจลึก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจุติลงมายังสถานที่ที่อันตรายแบบนี้
ต้องใช้สถานะคนธรรมดารับมือตัวตนปริศนาที่แข็งแกร่งขนาดนี้
‘มาลองดูขีดจำกัดของตัวเองหน่อยก็แล้วกัน!’ ลู่เซิ่งผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนขึ้นบันไดต่อไป
การเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กายเนื้อในตอนนี้ต้องใช้เวลามากกว่าเดือนครึ่งเป็นอย่างต่ำ ถึงจะไปถึงขีดจำกัดของมนุษย์ นี่เป็นสภาพในอุดมคติที่เร็วที่สุด
และต่อให้ไปถึงขีดจำกัดของมนุษย์ ก็ยังจัดการปัญหาตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี
ลู่เซิ่งชักปืนออกมาถือ และใช้จิตวิญญาณปรับสภาพร่างกายเพื่อให้ตัวเองอยู่ในสภาพสุดโต่งที่เงียบงันและสมดุลชนิดหนึ่ง
หากรับมือศึกนี้ได้ไม่ดี ครั้งนี้เขาได้กลับบ้านเก่าจริงๆ แน่
ถ้ามองในแง่ร้ายหน่อย คงจะทำให้ศาสตราจารย์แอนดรูว์ พ่อแม่ของแจ๊คและคนอื่นๆ ลำบากไปด้วย
ซู่…
ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า มีควันสีดำพุ่งผ่านด้านหลังไป
เขาไม่ได้หันหลังกลับ หากแต่หรี่ตาเล็กน้อย หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ก็เดินขึ้นไปยังประตูห้องตัวเองบนชั้นสองต่อ
เขาหยิบกุญแจออกมาเสียบรูกุญแจและหมุนลูกบิดเปิดเข้าไป
แกร่กๆ…
‘อย่างที่คิดไว้…’ ประตูเปิดไม่ได้เพราะอะไรก็ไม่ทราบ
เขาเหลียวมองรอบๆ ก่อนจะเห็นที่โกยขยะเหล็กของเพื่อนบ้านที่เอาออกมาทำความสะอาดอยู่ข้างกำแพง
ลู่เซิ่งผ่อนลมหายใจและเดินเข้าไปหยิบที่โกยขยะขึ้นมา จากนั้นก็ใช้เท้าเหยียบที่โกยขยะจนหัก
ที่โกยขยะเหล็กถูกหักออก เหลือแต่ปลายด้านบนที่แหลมคมที่สุด
เขาหยิบท่อนเหล็กขึ้นมาโบกไปมาเบาๆ ก่อนเผยสีหน้าพึงพอใจ
‘ตอนนี้ร่างนี้ปะทะกับคนอื่นตรงๆ ไม่ได้’
ด้ามเหล็กที่ถืออยู่กลายเป็นหนามเหล็กไปแล้ว จากนั้นลู่เซิ่งก็เดินขึ้นชั้นสามโดยไม่สนใจสิ่งอื่นอีก
เมื่อเดินถึงชั้นสาม อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากบันไดด้านหลังแผ่วเบา
ในทันทีที่หมุนตัวขึ้นชั้นบน เขาก็ใช้หางตาเหลือบมองด้านล่าง
จากนั้นเขาก็เห็นแจ๊คที่หน้าตาเหมือนกับตัวเองกำลังเดินขึ้นชั้นบน ไปถึงหน้าประตูห้องตัวเอง แล้วหยิบกุญแจออกมาเสียบรูกุญแจ
แจ๊คคนนั้นหันหลังให้เขาขณะที่บิดกุญแจเบาๆ
ประตูเปิดออกอย่างไร้เสียง เขาเดินเข้าไปอย่างแข็งทื่อก่อนจะปิดประตูอีกรอบ
ลู่เซิ่งชะงักฝีเท้า เริ่มรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
‘ดูเหมือนจะไม่ใช่การรุมฆ่าธรรมดาแล้ว…’ เขาเกิดความรู้สึกพิกล เหมือนกับมีอะไรบางอย่างอัดอั้นในใจ คล้ายจะระเบิดออกมาได้ทุกเวลา
เขากระชับด้ามเหล็กในมือและเดินขึ้นไปต่อ ไม่นานก็ไปถึงด้านหน้าประตูเหล็กของห้องที่เกิดคดีฆาตกรรมตรงทางซ้ายของชั้นสาม
เขาหยิบกุญแจที่แอบทำขึ้นเพื่อให้สะดวกแก่การตรวจสอบก่อนหน้านี้ออกมา ก่อนจะเสียบเข้าไปเบาๆ แล้วออกแรงบิด
เสียงแกร๊กดังขึ้น ประตูเปิดแล้ว
ลู่เซิ่งเก็บกุญแจ ยืนมองเข้าไปจากนอกประตู ด้านในสะอาดสะอ้าน เหมือนกับที่อยู่อาศัยทั่วไปมองไม่ออกเลยว่าเป็นสถานที่เกิดคดีฆาตกรรม
ตรงประตูมีตู้เก็บรองเท้า แจกันดอกไม้ใบเล็กวางอยู่บนนั้น ดอกกุหลาบที่เหี่ยวเฉาดอกหนึ่งเสียบอยู่ด้านใน ตัวแจกันใช้สีแดงเขียนไว้ว่า รักเธอตลอดไป
ลู่เซิ่งละสายตากลับมา เดินเข้าประตู ประตูทางเข้าคือระเบียงยาวห้าเมตร สองฟากคือทางเข้าห้องอาบน้ำและห้องสุขา
เขาชักปืนที่เอวออกมา และย่องไปด้านหน้าขณะที่อีกมือหนึ่งถือด้ามเหล็กอยู่ด้วย
ตอนที่เดินไปถึงประตูห้องครัว เขาก็กวาดตามองด้านใน แต่ไม่พบอะไร
จากนั้นเขาก็หันกลับไปมองห้องสุขาที่อยู่อีกฝั่ง
พรึ่บ!
ลู่เซิ่งหันหน้ากลับมามองห้องครัวอย่างฉับพลัน
ตรงประตูห้องครัวที่เมื่อครู่ยังไม่มีคน ตอนนี้มีหญิงสาวผมยาวสวมเสื้อขนสัตว์สีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ เธอฟันมีดทำครัวใส่ใบหน้าของลู่เซิ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ควับ!
โครม!
ลู่เซิ่งจับแขนของเธอเอาไว้ มีดทำครัวอยู่ห่างจากใบหน้าเขาไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น!
“เสียสติไปแล้วหรือไง!? เดี๋ยวก่อน! คุณคือ!?” ความทรงจำของแจ๊คทำให้เขาจดจำคนตรงหน้าได้ทันที
“คุณคือโรว์ลิงนี่!?” ลู่เซิ่งสัมผัสได้ว่าพละกำลังจากแขนของอีกฝ่ายที่เขาจับไว้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาได้ยินแขนและกล้ามเนื้อส่งเสียงกรีดร้องสั่นไหว
กล้ามเนื้อบนใบหน้าลู่เซิ่งบิดเบี้ยว เขาใช้พลังกายทั้งหมด แต่ก็ยังหยุดมีดทำครัวที่เข้าใกล้เข้าเรื่อยๆ ไม่ได้
ไม่นานนัก เขาก็สัมผัสได้ว่าปลายมีดจ่อที่ลูกตาของตัวเองแล้ว
“ออกไปไกลๆ!”
ทันใดนั้นเขาก็เตะใส่ท้องน้อยของโรว์ลิง
เปรี้ยง!
โรว์ลิงเสียสมดุลพร้อมกับโซเซถอยหลัง
ลู่เซิ่งเพิ่งคิดจะฉวยโอกาสไล่ตาม อยู่ๆ ด้านหน้าก็พร่ามัว ร่างของโรว์ลิงหายไปแล้ว
เขาไม่ทันขบคิดก็กลิ้งตัวไปด้านหน้า หลบพ้นมีดทำครัวของโรว์ลิงค์ที่แทงมาจากด้านหลังพอดี
คนที่เมื่อครู่อยู่ด้านหน้ากลับวิ่งไปถึงด้านหลังตัวเอง
“บ้าเอ๊ย!” ลู่เซิ่งชักปืนออกมาราวสายฟ้าฟาดแล้วยิงใส่ศีรษะหญิงสาวตรงหน้าสามนัด
ปัง ปัง ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น สะท้อนในห้องครัวเล็กแคบ ทำให้เยื่อหูของเขาเจ็บปวดอยู่บ้าง
หน้าผากและแก้มของโรว์ลิงปรากฏรูสองรู เลือดแดงฉานไหลย้อยลงมาตามรู แต่ไม่นานก็สมานตัวเป็นอย่างเดิม ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มีดทำครัวในมือโรว์ลิงยังคงฟาดฟันใส่ศีรษะของลู่เซิ่งอย่างรุนแรงโดยที่ความเร็วไม่ลดทอนลง
“ว่าแล้วเชียว!” ลู่เซิ่งจับด้ามเหล็กไว้แน่นพร้อมกับแทงไปด้านหน้า
สวบ!
ครั้งนี้เห็นผลแล้ว แท่งแหลมตรงปลายด้ามเหล็กแทงเข้าไปในส่วนเอวของโรว์ลิงอย่างหนักหน่วง
ลู่เซิ่งคลายมือลุกขึ้น ก่อนจะถีบเข้าใส่
เขาเคยเป็นปรมาจารย์การต่อสู้อิสระระดับมากกว่าร้อย ต่อให้ร่างกายนี้จะไม่เคยผ่านการฝึกฝนแบบนั้น แต่การเคลื่อนไหวกับความแม่นยำกลับไม่ติดขัดแม้แต่น้อย
ลูบถีบนี้โดนข้อศอกของโรว์ลิง มีดทำครัวถูกเตะจนกระเด็น หมุนควงไปตกลงบนเคาร์เตอร์ครัวที่อยู่ไม่ไกลออกไป
ลู่เซิ่งกำลังจะไล่ซ้ำ ตรงหน้าก็พลันพร่ามัวอีกครั้ง โรว์ลิงหายตัวไปอีกหนหนึ่ง
เปรี้ยง!
เขาหมุนตัวถองข้อศอกใส่คอของโรว์ลิงที่พุ่งมาจากด้านหลัง
ขณะเดียวกันก็กางข้อศอกเหวี่ยงแขนไปด้านล่าง แล้วจับบ่าของโรว์ลิงไว้
……………………………………….