ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 808 สภาพคดี (2)
เป็นเพราะผลกรรมความปรารถนาของแจ๊คคือการจับตัวคนร้าย ลงทัณฑ์ความชั่ว รักษาความถูกต้อง!
แน่นอนว่านี่เป็นความปรารถนาและอุดมคติของแจ๊ค ฟังดูเรียบง่าย แต่ทำจริงยากยิ่ง เป็นเพราะกว้างเกินไป
สำหรับลู่เซิ่งแล้ว ความกว้างหมายถึงมีเรื่องที่ต้องทำมากมาย
ส่วนความยุติธรรม ความจริงลู่เซิ่งรู้สึกว่าตัวเองรักษาความยุติธรรมมาโดยตลอด เนื่องจากเขาคิดว่านอกจากตัวเองทุกอย่างล้วนเป็นความชั่วร้าย
ผู้ที่อยู่ตรงข้ามเขาล้วนมีความผิดทั้งสิ้น
ดังนั้นเขาจึงมั่นอกมั่นใจทุกครั้งตอนฆ่าสังหารคน
รักษาความยุติธรรมของตัวเอง เพื่อทำให้โลกดีงามยิ่งกว่าเดิม (แบบคิดเอาเอง) นี่ไม่ใช่อุดมคติที่อยู่ในส่วนลึกจิตใจของคนทุกคนหรอกหรือ
‘เหมือนกับการทำสงคราม ถ้าศัตรูตายหมด โลกจะมีสงครามได้อย่างไรเล่า’ ลู่เซิ่งสะท้อนใจ เพราะเห็นความไร้เดียงสากับอุดมคติของแจ๊ค
‘หลายๆ ครั้งตัวเราจะมีความรู้สึกถึงหน้าที่รับผิดชอบที่รุนแรงมาก’ ลู่เซิ่งหวนนึกถึงตัวเองและเกิดความ เข้าอกเข้าใจ รู้สึกได้เลยว่าเรามาที่โลกใบนี้เพื่อช่วยเหลือโลก ไม่อย่างนั้นทำไมเราถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ล่ะ ถ้าไม่มีความเด็ดเดี่ยวกับความตั้งใจที่เหนือคนธรรมดา เราจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร’
ลู่เซิ่งถอนใจแผ่วเบาอยู่ๆ ก็นึกถึงวิญญาณดวงดาวกับสัตว์โบราณขึ้นมา
‘โลกมักจะไม่ยุติธรรมแบบนี้เสมอ ทำไมตัวตนเช่นนี้ถึงแข็งแกร่งและไร้เทียมทานตั้งแต่กำเนิด ส่วนพวก รากหญ้าอย่างตัวเรากลับได้แต่เริ่มจากต้น พยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด ช่างไม่…ยุติธรรมจริงๆ…’
ลู่เซิ่งถอนใจ ก่อนจะดื่มน้ำเล็กน้อยและนอนลงบนเตียงเพื่อพักผ่อน
เขานอนหลับสนิทไม่ฝันเห็นอะไรเลย เช้าตรู่วันต่อมา ลงไปกินอาหารเช้า แล้วไปเริ่มฝึกยิงปืนที่สนามยิงปืนในร่มของสถานีตำรวจ
ขณะเดียวกันด้านในก็มีโรงยิมอยู่ แต่มีไม่กี่อย่างที่ใช้เคลื่อนไหวข้อต่อและเส้นเอ็นได้เล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้ไวกว่าเดิม
สิบโมงเช้า เจสันที่เป็นเพื่อนร่วมงานก็วิ่งมาแจ้งให้เขาไปประชุม
ลู่เซิ่งตามเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ตรงชั้นหนึ่งของสถานีตำรวจ
ผู้กำกับโกแกงที่เป็นผู้ชายไว้หนวดเครา เดินขึ้นแท่นบรรยายด้วยสีหน้าไม่น่าดู สองตาเล็กกวาดมองเจ้าหน้าที่หลายสิบนายด้านล่างอย่างเย็นชา
“วันนี้ที่เรียกพวกนายมา ก็เพราะการตรวจสอบตอนบ่ายพบเหตุใหม่ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ครอบครัวทั้งหกชีวิตในแถบชานเมืองตะวันออกของท่านเซอร์คนหนึ่งถูกฆาตกรรม ศพของพวกเขาถูกคนบ้าเหล่านี้หยามเกียรติอีกด้วย”
ลู่เซิ่งนั่งอยู่บนที่นั่ง ฟังคำพูดของผู้กำกับโกแกงอย่างตั้งใจเหมือนตำรวจนายอื่น
“คดีครั้งนี้ส่งผลต่อความปลอดภัยของลอนดอน เบื้องบนสั่งว่าพวกเราต้องไขคดีให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้เบาะแสใดๆ หลุดรอดไปเป็นอันขาด” โกแกงอธิบายเสียงดังด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“ดังนั้นตอนนี้จึงขอตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษขึ้น ฉันต้องการให้พวกนายจับฆาตกรด้วยความเร็วและพละกำลังทั้งหมดที่มี เพื่อคืนความสงบสุขให้กับลอนดอน! เพื่อชื่อเสียงของสถานีตำรวจ เพื่อไม่ทำให้ความคาดหวังของผู้คนต้องผิดหวัง! ไหนบอกฉันมาสิว่ามีความมั่นใจไหม!?”
กลุ่มคนด้านล่างผุดสีหน้าแตกต่างกันไป แต่ไม่มีใครส่งเสียง
“ทีมปฏิบัติการพิเศษมีเงินพิเศษให้แสนปอนด์ ทุกคนที่เข้าร่วมจะได้ส่วนแบ่งตามงานที่ทำ” โกแกงกล่าวเสริมเป็นประโยคสุดท้าย
“งานนี้จะขาดผมไปได้ยังไง!?” ตำรวจร่างสูงใหญ่คนหนึ่งผลักเก้าอี้ลุกขึ้นยืน
“เรเนสเอาด้วย!”
“ผมเอาด้วย”
“นับผมอีกคน”
กลุ่มคนพากันร้องโหวกเหวก
ลู่เซิ่งไม่พูดอะไรสักคำ คุณสมบัติร่างกายของเขาเพิ่งยกระดับได้ไม่มากพอ แม้จะแข็งแรงกว่าคนทั่วไป แต่ก็แข็งแกร่งกว่าไม่เท่าไรนัก
หากแปลงค่าการยกระดับ 0.1 ระดับ จะเท่ากับประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ของการยกระดับก่อนหน้า
ขณะฟังกลุ่มคนเบียดเข้าไปแย่งขอเข้าร่วมทีมย่อย เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทีมย่อยได้ตัวคนแล้ว ทีมหัวกะทิที่ประกอบด้วยคนสิบคนถูกก่อตั้งอย่างเป็นทางการ และรับคดีฆาตกรรมที่ตระกูลท่านเซอร์ถูกล้างตระกูลไป
สุดท้ายโกแกงขอให้นายตำรวจคนอื่นพร้อมฟังคำสั่ง จะได้ปฏิบัติการได้ทันท่วงทีเมื่อทีมปฏิบัติการส่งข่าวมา
ลู่เซิ่งลุกเดินออกจากห้องประชุม เขาผลาญพลังอาวรณ์ไปไม่น้อยในการเรียนรู้อิทธิฤทธิ์ก่อนหน้านี้ ทว่า ยังเหลืออีกหลายล้านหน่วย จึงไม่ได้รับผลกระทบโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ถ่วงแข้งถ่วงขาเขาเพียงหนึ่งเดียวคือร่างกายที่ต้องใช้เวลาในการบรรเทา
“นายไม่ไปเหรอ พวกเขาแย่งกันไปทุกคนเลย” เจสันเดินเข้ามาถามเบาๆ
“ไปทำอะไรล่ะ คดีล้างตระกูลแบบนี้ เอาด้วยแล้วมีประโยชน์อะไร” ลู่เซิ่งถาม
“นายคิดว่าพวกเขาจะไปไขคดีกันจริงหรือไง” เจสันยิ้มเยาะ “แค่ไปเดินวนดูสักสองสามรอบ แล้วจับพวกคนในสลัมมาเป็นแพะก็พอแล้ว พอคดีจบก็ได้เงินรางวัล ยินดีกันถ้วนหน้า”
“ทำแบบนี้ก็ได้หรือไง” ลู่เซิ่งเอือมระอา
“พวกเขาก็ทำแบบนี้กันมาตลอดนี่ จบคดีโดยเร็ว ประชาชนต้องการคำตอบ เบื้องบนต้องการคำตอบ ถ้าจบคดีได้เร็ว ทุกคนก็พอใจ” เจสันเอ่ยอย่างรังเกียจ
“งั้นเหรอ...คิดซะว่าฉันไม่ได้ถามก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งคร้านจะสนใจว่าคนพวกนี้เป็นอย่างไร สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าเรื่องไหนก็ไม่สำคัญเท่าการยกระดับ
“ตอนนี้นายจะไปทำอะไร” เจสันที่ตามมาด้วยถามขึ้น
“ไปออกกำลังกาย ไปไหม”
“เอาสิ ไปด้วยกัน ช่วงนี้รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย ฝึกยิงปืนไว้สักหน่อยก็ดี ไม่งั้นมือจะตกเอา”
ลู่เซิ่งไม่ได้ว่าอะไร อย่างไรวิชาที่เขาฝึกก็อาศัยพลังอาวรณ์เรียนรู้ ไปสนามยิงปืนก็ฝึกแค่ยิงปืนเท่านั้น และด้วยสนามที่ไม่ได้กว้างเท่าไร บางครั้งก็ต้องฝึกอย่างอื่นแทน
หลังจากทั้งสองฝึกยิงปืนเสร็จ ก็ไปกินข้าวด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เช้าตรู่วันต่อมา ลู่เซิ่งได้ยินข่าวที่ทีมปฏิบัติการออกเดินทางแต่เช้า จากนั้นเขาก็นัดเจสันไปฝึกที่สนามยิงปืนด้วยกัน
ทว่าครั้งนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาด้วย
เธอมาจากห้องทะเบียน ผมสีทองตาสีเขียว ผมยาวประบ่า แม้หน้าอกจะแบนไปบ้าง แต่ทรวดทรงก็ยังชวนมอง
เมื่อมีผู้หญิงอยู่ด้วย เจสันก็เหมือนได้ยาบำรุง หาอาวุธที่ใหญ่และแข็งแกร่งกว่าเดิมมาฝึกไม่หยุดยั้ง
ลู่เซิ่งยังคงทำเหมือนเดิม
พ้นมาอีกวัน ทั้งสามยังคงฝึกด้วยกัน เวลาว่างก็พูดคุยกันไปเรื่อยๆ
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด…”
ลู่เซิ่งวิดพื้นด้วยแขนข้างเดียว
เจสันกับแอนซีที่อยู่ใกล้ๆ กำลังยืนสนทนากันอยู่
ลู่เซิ่งวิดพื้นเสร็จก็ลุกขึ้นพักผ่อนสักครู่ ก่อนจะเริ่มโหนบาร์ต่อ
เล่นเป็นจำนวนสามเซต เซตละห้าสิบครั้ง เพื่อฝึกฝนความอดทน
ช่วงสองวันมานี้เจสันเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกว่าพลังกายอันแปลกประหลาดของลู่เซิ่งนั้นแข็งแกร่งกว่าตอนแรกเริ่มมาก
ดีที่เป้าหมายของเขาคือการจีบสาว จึงไม่ได้อิจฉาอะไรนัก
หลังฝึกไปสักพัก จู่ๆ ประตูสนามยิงปืนก็ถูกคนกระแทกเปิด
“แจ๊ค เจสัน! รีบมารวมตัวเร็วเข้า!” ตำรวจที่เหงื่อแตกเต็มศีรษะคนหนึ่งตะโกนเรียก
เจสันกับลู่เซิ่งสบตากัน ก่อนจะหยุดทำทุกอย่างและพุ่งไปยังประตูทันที
ปกติแล้วน้ำเสียงและท่าทีแบบนี้ในสถานีตำรวจ มีความหมายเพียงอย่างเดียวว่าเกิดเรื่องแล้ว
แอนซีเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามออกจากสนามยิงปืนด้วย
ทุกคนไปนั่งอยู่บนชั้นสองอันเป็นชั้นหลักของสถานีตำรวจอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มีคนเกือบครึ่งมาถึงแล้ว โกแกงยืนเงียบๆ อยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
รออยู่เกือบสิบนาทีก็ไม่มีใครมาอีก โกแกงพลันมองโถงใหญ่ที่ว่างเปล่าด้านหน้า
“ต้องขอบอกทุกคนอย่างน่าเสียดายว่า หลังจากทีมปฏิบัติการพิเศษออกเดินทางไปตรวจสอบคดีตระกูลท่านเซอร์ถูกฆาตกรรมเมื่อวาน จนกระทั่งถึงตอนนี้ได้ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว…ก็ยังไม่มีข่าวคราวส่งกลับมาเลย”
พอสิ้นเสียง ตำรวจด้านล่างต่างงุนงงเล็กน้อย
“ขอโทษครับ ไม่มีข่าวคือไม่มีคนกลับมาหรือครับ หรือหมายถึงติดต่อได้แต่ไม่มีความคืบหน้า” มีตำรวจลุกขึ้นถามอย่างตกใจ
“…เป็นการหายสาบสูญ” โกแกงตอบเสียงเย็น “จนถึงตอนนี้ ทีมปฏิบัติการสิบคนไม่กลับมาสักคนเดียว”
ครั้นพูดจบ ตำรวจทุกนายก็เงียบเสียงลง ดวงตาหลายคู่ฉายแววตื่นตระหนกและไม่อยากเชื่อขณะมองโกแกง
“ฉันส่งคนไปตรวจสอบดูแล้ว แต่ข่าวที่ได้ก็คือ ทีมย่อยกลับมาจากที่นั่นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้กลับสถานีตำรวจ!” โกแกงเอ่ยเสียงดัง
เงียบงัน…
สองตาลู่เซิ่งหรี่ลง
เขาสังหรณ์ใจว่า เป็นไปได้ถึงขีดสุดว่าปัญหาที่แท้จริงก็คือสัญลักษณ์ประหลาดอันนั้น
ถ้าหากเจอสัตว์ประหลาดที่แปลกประหลาด เป็นอมตะ ทั้งยังเคลื่อนไหวในพริบตาได้จริงๆ คนปกติธรรมดาไม่มีทางหลบพ้นได้โดยเด็ดขาด
การที่ทีมย่อยทั้งทีมจะย่อยยับก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
หลังเงียบงันไปสักพัก กลุ่มคนก็พลันเกิดความโกลาหล
นัยน์ตาของพวกตำรวจที่เดิมปรารถนาเงินทอง เวลานี้กลายเป็นซีดขาวและหวาดหวั่น เสียงเอะอะ เสียงอุทาน และเสียงด่าทอดังผสมกัน ทำให้ห้องประชุมเหมือนกับละครตลก
ลู่เซิ่งยังคงมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจเกิดความระแวดระวังขึ้นแล้ว
‘ดูเหมือนไอ้สัตว์ประหลาดนั่นจะสร้างผลกระทบต่อสถานที่หลายแห่ง…ต้องรีบเพิ่มพลังให้เร็วที่สุดแล้ว’
เขานับเวลา บ่ายวันนี้ยกระดับครั้งที่สองได้ การยกระดับครั้งนี้จะเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากกว่าครั้งแรก สมควรมีผลลัพธ์ที่ไม่เลว
“ตอนนี้ฉันขอประกาศคัดเลือกทีมย่อยครั้งที่สอง…” โกแกงยืนขึ้นและประกาศเสียงดัง “ในฐานะผู้กำกับ ฉันต้องการให้ทุกคนที่อยู่ในสถานีรับผิดชอบ ด้วยการตามหาที่อยู่ของพวกเขาให้เจอโดยเร็วที่สุด! นอกจากนั้นคนที่รับผิดชอบคดีครั้งล่าสุดต้องเข้าร่วมทั้งหมด ฉันอยากให้พวกนายตามหาทีมปฏิบัติการทีมที่หนึ่งให้เจอโดยเร็วที่สุด!”
เสียงด้านล่างค่อยๆ เบาลง
ไม่มีใครตอบเขา
ถ้าคดีนี้อันตรายขนาดนี้จริงๆ เจ้าหน้าที่ที่อยู่โดยรอบก็ไม่ใช่คนโง่ ใครจะยอมรับเรื่องอันตรายแบบนี้กัน
ไม่มีคนรับงาน ไม่ว่าโกแกงจะพูดอย่างไร คนที่อยู่ด้านล่างก็ไม่สนใจ เงินรางวัลถูกเพิ่มไปถึงสองแสนปอนด์ ทว่าก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
มีแต่ตอนเพิ่มถึงสามแสนปอนด์ถึงค่อยมีคนกัดฟันลุกขึ้นอาสารับเรื่องนี้
ลู่เซิ่งนิ่งเงียบตลอดเวลา รอจนแยกย้าย เขาค่อยออกจากห้องประชุมพร้อมเจสัน แอนซีรออยู่ด้านนอกมาโดยตลอด
“เป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้น?!” แอนซีร้อนใจอยู่บ้าง
“ไม่มีอะไร ฉันขอไปพักก่อน พรุ่งนี้ยังมีงาน คดีของฉันยังไม่จบ เจสันนายก็กลับไปพักเหมือนกันเถอะ ไม่อย่างนั้นก็อธิบายให้แอนซีฟังก็แล้วกัน” ลู่เซิ่งเดินไปก่อนโดยคร้านจะอธิบาย
คืนนี้ ร่างกายของเขาคงปรับตัวได้ดีขึ้นมากแล้ว กอปรกับในสองวันมานี้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นต่อกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ในระดับหนึ่ง จึงใช้ปราณปฐพีได้บางส่วน เพียงพอที่จะทนการเพิ่มความแข็งแกร่งครั้งที่สองได้แล้ว
ลู่เซิ่งรีบกินอาหารที่ห้องอาหารชั้นล่าง ก่อนจะกลับห้องตัวเองและลงกลอนประตูเรียบร้อย
‘ยังเหลือพลังอาวรณ์อีกสามล้านหกแสนกว่าหน่วย เพียงพอแล้ว ครั้งนี้น่าจะเรียนรู้วิชาเลือดลมถึงขีดสูงสุดได้โดยไม่มีปัญหา!’ ลู่เซิ่งปิดผ้าม่านและถอดชุดออก
ขีดจำกัดของร่างมนุษย์สามารถไปถึงได้ง่าย แต่ว่าวิชาเลือดลมจะไปได้ถึงระดับไหน ต้องรอดูคืนนี้แล้ว
……………………………………….