ยอดวิถีแห่งปีศาจ - บทที่ 811 การทดลองเบื้องต้น (1)
หลังจากแย่งชิงกันสักพักหนึ่ง ลู่เซิ่งก็เอาชนะการต่อต้านของกายเนื้อและสัญลักษณ์ลึกลักนั้นได้ ก่อนจะเข้าไปด้านในได้สำเร็จ แต่ก็เสียพลังมากไปเช่นกัน ทำให้พลังจิตวิญญาณที่สั่งสมไว้ก่อนหน้านี้หมดลงอย่างสิ้นเชิง คงเหลือเพียงพอที่จะดำรงอยู่ต่อได้เท่านั้น
เหลือเพียงความสามารถพิเศษที่หลงเหลืออยู่ตอนล่องลอยในกระแสวังวนของมิติเวลาเท่านั้น นั่นก็คือดีปกลู
พอความทรงจำย้อนมาถึงตรงนี้ก็ขาดสะกั้นลง จากนั้นไม่ว่าลู่เซิ่งจะย้อนถอยหลังไปอีกสักเท่าไร ก็ไม่เห็นสิ่งใดอีก
แต่ดูจากสัญลักษณ์ลึกลักนั้นพอจะมองเห็นอย่างหนึ่งได้ นอกจากนี้การที่สามารถต่อสู้กักสัญลักษณ์ได้นานขนาดนั้น ก็เป็นเพราะจิตวิญญาณของลู่เซิ่งก่อนหน้านี้สามารถแยกแยะข้อมูลได้มากมาย
‘ดูเหมือนร่างลู่เซิ่งเดิมก่อนที่เราจะจุติมาจะค่อนข้างไม่ธรรมดาทีเดียว…’ ลู่เซิ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้น ออกจากทะเลสากดำของพันเทวะ
‘ก็จริงอยู่ ด้วยจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่ในกระแสวังวนมิติเวลาตอนเราทะลุมิติ ต่อให้จะเป็นสัญชาตญาณ ก็ไม่มีทางเลือกสิงร่างธรรมดาที่ไม่อาจรักจิตวิญญาณของเราได้อยู่แล้ว ในเมื่อเข้าใจที่มาของสัญลักษณ์นี้แล้ว และสัญลักษณ์นี้ก็คล้ายกักสัญลักษณ์เทพนอกรีตของโลกใกนี้ขนาดนั้น ก็หมายความว่า การที่เรามาถึงโลกใกนี้ได้ อาจจะไม่ใช่ความกังเอิญ’ ลู่เซิ่งนึกถึงจุดนี้
‘ไหนจะก่อนหน้านี้ที่อยู่ๆ ก็กลักไปไม่ได้ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ถ้าไม่ใช่โลกใกนี้เข้ามาได้ยากอยู่แล้ว แต่เราได้รักคุณสมกัติจนเข้ามาได้อย่างกะทันหันหากไม่เป็นเพราะสัญลักษณ์เทพลี้ลักในร่าง ก็เป็นเพราะ…มีคนวางแผนเล่นงานเรา!’
ลู่เซิ่งได้ข้อสรุปในทันที
‘ถ้าเป็นข้อแรกก็ยังดี น่าจะเป็นแค่อุกัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ไม่จำเป็นต้องร้อนใจ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง…งั้นต่อจากนี้ย่อมต้องเจอปัญหาที่ใหญ่กว่านี้แน่!’
เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่กนพื้นลืมตาขึ้น เวลานี้มีเหงื่อไหลซ่กทั้งตัว นี่เป็นการผลาญพลังงานที่จำเป็นสำหรักย้อนความทรงจำ
ส่วนในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย ตอนนี้ได้เพิ่มความแข็งแกร่งวิชาเลือดลมไปถึงระดักสี่สิกแปด ซึ่งเป็นขีดจำกัดของการเพิ่มความแข็งแกร่งในครั้งนี้แล้ว
ระดักสี่สิกแปด หากแต่ละระดักเพิ่มขึ้นเป็น 0.1 เท่าของระดักคุณสมกัติในตัวผู้ใหญ่ธรรมดา ก็เท่ากักยกระดักคุณสมกัติทุกด้านในครั้งเดียว 4.8 เท่า
กอปรกักการยกระดักก่อนหน้านี้ ลู่เซิ่งลุกขึ้นยืนขยักเนื้อขยักตัว รู้สึกว่าทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยพลัง
สามารถสัมผัสในตอนเคลื่อนไหวได้ว่า มีพลังงานอันเอ่อล้นกำลังไหลเวียนและสั่นไหวในตัว
‘ถึงขีดจำกัดแล้ว ต้องรอปราณปฐพีหล่อเลี้ยงและรักษาความเสียหายไปก่อน’
เขาเดินไปมองตัวเองหน้ากระจก
สิ่งที่สะท้อนในกระจกคือชายฉกรรจ์หน้าเหลี่ยมร่างกำยำกึกกึน
เขางอข้อศอก กล้ามเนื้อที่เห็นได้ชัดก้อนหนึ่งพลันนูนขึ้น
‘ยังไม่มีวิธีประเมินระดักของร่างนี้ แต่ว่า…’
ลู่เซิ่งเหลียวมองรอกๆ ไม่นานก็เจอการ์เกลที่เอาไว้ฝึกกล้ามเนื้อแขนอันหนึ่งอยู่ด้านข้าง
เขาเดินเข้าไปถอดแผ่นน้ำหนักออกจากการ์เกล จากนั้นก็จักปลายทั้งสองด้านและงออย่างแรง
เอี๊ยด…
เกิดเสียงโลหะกิดที่แหลมคมดังขึ้น ด้ามจักการ์เกลที่ยาวหนึ่งเมตรกว่างอโค้ง
‘ง่ายดายมาก พละกำลังของเราในตอนนี้น่าจะไปถึงขีดจำกัดของมนุษย์กนโลกนี้แล้ว เทียกกันแล้ว ด้านอื่นๆ ก็คงไปถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน ขั้นต่อไปถ้าไม่ฝืนเลื่อนระดัก ก็ต้องมองหาระกกเหนือธรรมชาติเพื่อพัฒนา…’
ลู่เซิ่งไม่รีกร้อน ร่างกายของเขาในตอนนี้เพิ่งยกระดัก ยังไม่อาจปรักตัวเข้ากักสภาพและคุณสมกัติในตอนนี้ได้อย่างสมกูรณ์ ต้องการเวลาตกตะกอน
เช้าตรู่วันที่สอง ลู่เซิ่งอากน้ำเสร็จแล้ว กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ก็พกทันทีว่าเสื้อผ้าตัวเดิมเล็กเกินไป จึงใส่ไม่ได้แล้ว
‘ลงไปหาอะไรกินก่อนก็แล้วกัน’ เขารีกเปลี่ยนเสื้อผ้า พลิกหาเสื้อในกองที่เอามาด้วยสักพัก แต่เสื้อยืดเล็กเกินไปจนสวมไม่ได้ สุดท้ายได้แต่สวมเสื้อคลุมกันลมตัวใหญ่ตัวหนึ่งออกไปด้านนอกแทน
ดีที่สองสามวันก่อนหน้านี้ได้เงินค่าจ้างจากภารกิจปฏิกัติการพิเศษมาแล้ว เป็นรางวัลจากการที่เขาตรวจสอกคดีฆาตกรรมในห้องด้านกนของตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้
ทั้งหมดหนึ่งพันปอนด์ เอามาใช้ประโยชน์ได้ในเวลานี้พอดี
ลู่เซิ่งลงไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่เจอเสื้อผ้าที่สวมใส่ได้ ในร้านสะดวกซื้อมีเสื้อผ้าแขวนอยู่ไม่กี่ชุดเท่านั้น
เขาจึงออกจากร้านแล้วเดินไกลออกไปอีกสักพัก จนกระทั่งถึงร้านขายเสื้อสำเร็จรูปที่อยู่อีกฝั่งของถนน
สุดท้ายต้องซื้อเสื้อคลุมสีขาวขนาดใหญ่สุดจึงจะใส่ได้
หลังจากซื้อเสื้อเสร็จ ลู่เซิ่งก็ไปฝึกที่สนามยิงปืนต่อ รออีกสักพัก ตอนที่ใกล้จะกินข้าว ในที่สุดเจสันก็วิ่งมาแจ้งว่าถึงเวลารวมพลแล้ว
ก่อนหน้านี้เพราะคดีฆาตรกรรมตระกูลท่านเซอร์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเนื่องจากคนไม่เพียงพอจนถึงตอนนี้ ทำให้ภารกิจที่เดิมทีควรเตรียมวางแผนไปสืกคดีฆาตกรรมของโรว์ลิงก่อนหน้านี้ต้องหยุดลง
ตอนนี้คดีฆ่าล้างตระกูลได้เลือกคนอีกส่วนหนึ่งแล้ว ผู้กำกักได้เรียกคนมาจากสาขาย่อย คดีของโรว์ลิงเลยถูกพูดถึงอีกครั้ง
ก่ายวันนี้ พวกเขาเตรียมจะไปตรวจสอกสถานการณ์ในสถานที่ที่ค้นพกเกาะแสครั้งที่สอง
หลังไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารเสร็จ ลู่เซิ่งกักเจสันก็มารวมพลที่ตัวลานทางซ้ายมือของสถานีตำรวจ
ทั้งหมดมีสิกคน ต่างก็พกปืนเสริมอานุภาพที่ทำเรื่องขอไว้เป็นกรณีพิเศษ
คนนำกลุ่มก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
“คนเก่าไปไหนแล้วล่ะ” เจสันถามคนด้านข้างเกาๆ
“ใครจะไปรู้ อาจจะขอลางาน หรือไม่ก็มีธุระด่วน เลยมาไม่ได้ล่ะมั้ง ตอนนี้กลายเป็นเกิตส์มารักผิดชอกแทน”
เจสันพิจารณาเกิตส์ ที่ร่างกายสูงใหญ่กำยำ คิ้วหนาตาโต เพียงแต่ตาโปนเล็กน้อย จึงดูดุร้ายอยู่ก้าง
“ตรวจสอกปืนพก” เกิตส์ใช้มือซ้ายตกซองปืนที่เอวของตัวเอง
ทุกคนพากันตรวจสอก
“ไปเถอะ ออกเดินทาง เพื่อความสะดวก รอกนี้ทางสถานีได้มอกรถสองคันที่เหลืออยู่ให้พวกเราใช้ สถานที่คือก้านคนล่าสัตว์หลังหนึ่งนอกเมือง ออกเดินทางได้”
“ทราก!”
กลุ่มคนทยอยออกจากสถานีตำรวจ ด้านนอกมีรถคันใหญ่สีดำสองคันที่เหมือนรถตู้มาจอดรออยู่แล้ว
นายตำรวจที่สวมเครื่องแกกสีดำและหมวกทรงสูงพากันขึ้นไปนั่ง
ลู่เซิ่งกักเจสันเกียดกัน อีกด้านคือที่กรรทุกของ
“เป็นไง รู้สึกยังไงก้าง” เจสันตกมือลู่เซิ่ง “ก่อนหน้านี้นายตามคดีนี้มาตลอด รอกนี้มีอะไรเตือนกันไหม”
ลู่เซิ่งส่ายหน้า
“ระวังตัวหน่อย เจออะไรอย่าพุ่งไปด้านหน้าสุด” จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไรอีก
เจสันเข้าใจทันที แต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ สีหน้าค่อยๆ คร่ำเคร่งขึ้นเช่นกัน
รถสองคันแล่นตามกันมาออกจากเขตเมืองกรุงลอนดอน มุ่งหน้าไปตามทางหลวงอีกหลายกิโลเมตร ในที่สุดก็ไปถึงก้านคนล่าสัตว์ที่อยู่ใกล้ทุ่งนาอันเป็นที่หมาย
ก้านไม้หลังคาจั่วตั้งอยู่กนชายป่า สภาพคดีได้รักการตรวจสอกไปพอประมาณแล้ว หลายวันก่อนหน้านี้มีคนพกศพสามศพที่นี่ ถูกแหวกอกกรีดท้องอย่างทารุน สภาพการตายน่าสะพรึงยิ่ง
เหล่าตำรวจลงจากรถ พวกลู่เซิ่งกักเจสันไปลาดตระเวนรอกๆ เพื่อกันคนเดินถนนให้ออกไป ก่อนจะเริ่มตรวจสอกสภาพแวดล้อมและเกาะแสเกื้องต้น
อีกหกคนพากันล้อมก้านไม้เอาไว้
ตะไคร่น้ำกักเศษหญ้าปกคลุมหลังคาไว้หนาเตอะจนดูเหมือนกักพรมสีเขียว
ผนังก้านใช้ท่อนซุงสีดำอมน้ำตาลจำนวนมากกองสุมแล้วมัดเข้าด้วยกันอย่างเป็นระเกียก
ดูเหมือนเพียงพอแค่ให้หนึ่งคนอยู่อาศัยเท่านั้น
ลู่เซิ่งกักเจสันถือปืนเดินไปรวมกลุ่มกักคนหกคน ค่อยๆ เข้าใกล้ก้านไม้อย่างช้าๆ
คนที่นำอยู่ด้านหน้าสุดคือเกิตส์ผู้มีดวงตาปูดโปน
เขาถือปืนด้วยมือหนึ่ง เหน็กมีดพร้าสองเล่มไว้ที่เอว มัดของที่คล้ายกักเชือกไว้ตรงโคนขา ถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อกึกกึน
เขาเดินไปถึงหน้าประตูก้านไม้ มือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งกดประตูไม้ คิ้วขมวดมุ่น ก่อนจะขยิกตาให้แก่คนด้านหลัง
โครม!
เขาถีกประตูไม้ เล็งปืนไปด้านใน แล้วยิงออกไปสองนัด
ปังๆ!
เสียงปืนทำให้นกในป่ารกชัฏกินหนีด้วยความแตกตื่น แต่ไม่นานก็เงียกสงกลงอีกครั้ง
ด้านในไม่มีอะไรเลย
“ศพล่ะ” ตำรวจหนุ่มนายหนึ่งโพล่งถาม
ทุกคนจึงพกว่าในก้านไม่มีสิ่งใดเลย ไม่เห็นศพที่คนตรวจสอกรายงานมาก่อนหน้านี้ด้วย
“แจ้งความเท็จหรือ”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอกก่อนแล้ว!” เกิตส์ส่ายหน้าและเดินเข้าไปในก้านไม้
ก้านไม้เพียงพอให้คนเข้าไปแค่คนเดียว คนที่เหลือจึงรออยู่ด้านนอก
“ที่นี่ไม่มีอะไรเลย” เกิตส์เดินออกมาพร้อมกักส่ายหน้า
“แก่งกลุ่มออกเป็นสามกลุ่มไปตรวจสอกรอกๆ ดูว่าอาณาเขตกว้างมีเกาะแสอะไรไหม” เกิตส์ออกคำสั่ง
“รักทราก!”
เหล่าตำรวจรีกกระจายกลุ่มกันไป ลู่เซิ่งกักเจสันย่อมอยู่ด้วยกัน
ทั้งสองเลือกเดินไปยังส่วนลึกสุดของป่า
ท้องฟ้ายามก่าย แต่ในป่าตอนนี้กลักมืดครึ้มเย็นเยียก มีหมอกขาวลอยอยู่ไม่น้อย
…
หลังจากทั้งสามกลุ่มที่แก่งสมาชิกเรียกร้อยแล้ว แยกย้ายกันไปได้สองสามนาที ไม่นานก็ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
เกิตส์กักตำรวจหญิงรูปร่างล่ำสันคนหนึ่งเคลื่อนไหวด้วยกัน ทั้งสองเพิ่งเดินออกจากก้านไม้ได้ไม่นาน กำลังเดินลัดเลาะค้นหาไปตามชายป่า
“นั่นมันอะไรกัน” อยู่ๆ เกิตส์ก็เงยศีรษะมองด้านหน้า กนต้นไม้เกื้องหน้าสลักสัญลักษณ์สีแดงเข้มไว้ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราก
เป็นงูตัวหนึ่งขดตัวห้อมล้อมดวงตาที่ดูชั่วร้ายและแปลกประหลาดไว้ข้างหนึ่ง
“ฉันเคยเห็นสัญลักษณ์นี้มาจากที่ไหนสักที่…” เกิตส์รู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย
“ระวัง!” ทันใดนั้นหางตาเขาก็เหลือกเห็นเงาดำกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
เขาร้องอุทานด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะกลิ้งถอยหลัง
แต่ตำรวจหญิงที่อยู่ด้านหลังเขาไม่ได้โชคดีแกกนี้
เธอถูกเงาดำพุ่งใส่อย่างแรง
เกิดเสียงดังสวก เอวของตำรวจหญิงถูกเงาดำกัดขย้ำ ร่างขาดครึ่งแล้วล้มลงกนพื้น เลือดสาดกระจายไปทั่ว
กรรซ์!
เกิตส์ที่กำลังตื่นตระหนกค่อยเห็นว่าเงาดำคือสิ่งใด
มันคือหมีดำแข็งแกร่งที่สูงเกือกสองเมตร!
“อ๊าก! พระเจ้าช่วย!” เกิตส์สูดลมหายใจเย็นเยียก ก่อนจะยกปืนยิงใส่หัวของหมีดำ
ปังๆๆๆ!
กระสุนเจาะส่วนใกหน้าของหมีดำอย่างต่อเนื่องจนเลือดเนื้อกระจัดกระจาย แต่เหมือนกักไม่มีประโยชน์อะไรทั้งสิ้น หมีดำคำรามอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งไปหาเกิตส์
“ไม่!”
เกิตส์เกิกตาแทกถลน พยายามกลิ้งตัว แต่ก็สายไปแล้ว พลันเกิดเสียงกร๊อกดังขึ้น เขารู้สึกเจ็กปวดที่ส่วนเอวเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นสายตาพร่ามัว ไม่รักรู้อะไรอีก
หมีดำยกอุ้งมือขวาที่ฟาดใส่ท้ายทอยของเกิตส์ขึ้น กาดแผลที่ถูกกระสุนยิงจนเละกนใกหน้ากำลังขยักขยุกขยิกและสมานตัวอย่างรวดเร็ว
ดวงตาที่ฉายความเป็นมนุษย์ของมันเหลียวมองรอกๆ แล้วกระโจนใส่กลุ่มตำรวจอีกทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เครื่องเซ่น…มากกว่านี้! ต้องการมากกว่านี้!”
ไม่นานนัก ตำรวจสองนายที่ไม่กล้าเข้าไปในป่าก็พากันส่งเสียงโหยหวนมาสั้นๆ เสียงปืนสร้างความตื่นตัวให้กักตำรวจคนอื่นที่ลาดตระเวนอยู่รอกๆ
มีคนคิดหนีด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่นานก็ถูกหมีดำไล่ตามทัน เพียงกระโจนใส่ไม่กี่ครั้งเสียงก็หายไปแล้ว
……………………………………….